เอเลน่ารู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนยามที่ได้อยู่ด้วยกันกับนักผจญภัยผู้กล้าหาญตรงหน้า ที่ผ่านมา นางและเหล่าพี่น้องต้องทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเพื่อกำจัดเหล่ามอนสเตอร์ แต่ผู้ชายคนนี้กลับฆ่าล้างบางพวกมันง่ายๆ เหมือนผ่าแตงโม พวกมอนสเตอร์ทั้งหมดต่างถูกเขาขวางเอาไว้ ยากที่พวกมันจะเข้ามาประชิดตัวนางได้ แผ่นหลังกว้างนั้นเหมือนกำแพงที่ขวางกั้นอันตรายทุกอย่างไม่ให้ผ่านเข้ามาได้...
ความจริงนี้ได้ล้มล้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทหารรับจ้างและนักผจญภัยของเอเลน่าทั้งหมด ก่อนหน้านี้ทุกคนรวมทั้งหัวหน้าคาเชียเคยบรรยายไว้ว่าทหารรับจ้างเป็เพียงเครื่องมือที่นักผจญภัยใช้เท่านั้น นักผจญภัยที่น่ารังเกียจส่วนใหญ่จะใช้ให้ทหารรับจ้างที่น่าสงสารไปเป็เหยื่อล่อพวกมอนสเตอร์ไม่ก็เป็โล่มนุษย์ ทำให้พวกทหารรับจ้างสาวของ ‘ค่ายโร้ก’ ต้องพากันาเ็ล้มตายเป็จำนวนมาก ชะตากรรมช่างน่าเศร้านัก
แต่เพื่อให้ค่ายดำรงอยู่และเพื่อปกป้องประชาชนที่ไม่มีพลังในการต่อสู้ เหล่าโร้กหญิงจำเป็ต้องรับงานว่าจ้างจากพวกนักผจญภัย ทุ่มเทอย่างเงียบๆ และสละชีพตนอย่างเงียบๆ
แต่เห็นได้ชัดว่า นักผจญภัยอาชีพคนเถื่อนตรงหน้าไม่ใช่แบบนั้น
เอเลน่าไม่รู้ว่าเื่เล่าที่ลือกันในค่ายมันผิด หรือตัวเองโชคดีที่ได้พบกับนักผจญภัยที่ใจดีและซื่อตรงกันแน่
“บางทีอาจจะเกี่ยวกับระยะเวลาหรือเปล่านะ เื่ราวก็ผ่านมาหกสิบปีแล้ว นักผจญภัยเมื่อก่อน ส่วนใหญ่ต่างก็หายสาบสูญไปหมดแล้ว ที่นี่ก็ดูเหมือนสถานที่รกร้าง หกสิบปีต่อมา เขาเป็นักผจญภัยคนแรกที่มา ‘ค่ายโรเจอร์’ ...ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง”
เอเลน่าหาข้ออ้างให้แก่ตัวเอง
ซุนเฟยเห็นท่าทางตื่นตระหนกเล็กน้อยของทหารรับจ้างสาวก็หัวเราะออกมาแล้วไม่พูดอะไรอีก เขาหันหลังเดินกลับไปที่ประตูมิติ
เอเลน่ามีเื่ที่เก็บไว้ในใจอีกมาก แต่นางก็สลัดมันทิ้งแล้วรีบเดินตามเข้าไป
……
จาก ‘ป่าแห่งความมืด’ กลับไปที่ ‘สโตนี่ ฟีลด์’ ซุนเฟยใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที
ที่เร็วขนาดนี้ก็เพราะตอนที่เขาให้แม่ชีอาคาร่าแปลม้วนคัมภีร์ของต้นไม้อิวอร์นี เขาได้ซื้อ ‘น้ำยาฟื้นฟูพลัง’ สองขวด ตนเองดื่มหนึ่งขวด ให้เอเลน่าดื่มอีกหนึ่งขวด เพื่อให้ทั้งสองคนฟื้นฟูพลังกายอย่างรวดเร็ว บวกกับตลอดเส้นทางที่กลับไป พวกมอนสเตอร์ก็ถูกล้างบางไปแล้ว ทำให้ไม่มีอุปสรรคอะไร ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินทางได้อย่างราบรื่น
ไม่นานก็มาถึงตรงหน้าเสาหินห้าต้น
ซุนเฟยล้วงม้วนคัมภีร์ออกมาอย่างระมัดระวังและอ่านลำดับก่อนหลังที่แปลไว้้า จากนั้นก็ทำตามเงื่อนไขตามลำดับ แตะเสาหินทั้งห้าอย่างเบาๆ ตามลำดับ
ทันใดนั้นท้องฟันก็พลันมืดครึ้ม พระอาทิตย์ก็ไร้แสง
สายลมพลันพัดโหมกระหน่ำจนใบไม้จำนานมากที่พื้นต้องปลิวขึ้นมา ราวกับว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง ตอนนี้เสาหินทั้งห้าก็พลันยิงลำแสงสีฟ้าออกมา ก่อนจะค่อยๆ ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ ประตูมิติขนาดใหญ่สีแดงเืปรากฏขึ้นตรงกลางเสาหินทั้งห้า คล้ายเืที่รวมตัวกันเป็ประตูมิติ ้ามีลำแสงสีเหลืองปกคลุมอยู่รางๆ
นี่คือทางเข้าประตูมิติสู่เมืองทริสแทรมที่ตาเฒ่าเคนถูกขังไว้
ซุนเฟยที่ยืนอยู่ด้านนอกเสาหินก็พลันอุทานในใจว่า เดิมทีแค่คลื่นพลังของเสาหินทั้งห้า ‘พุ่งทะยาน’ ก็น่ากลัวพออยู่แล้ว นี่ยังจะมีแผ่นดินะเือีกเหรอ
ใบหน้าของเอเลน่ามีสีหน้าตื่นใขึ้นมา
เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสองชั่วโมงที่ติดตามซุนเฟย ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้เห็นทั้งหมดมันมหัศจรรย์และน่าตื่นเต้นกว่าประสบการณ์ที่นางเคยพบเจอตลอดยี่สิบปีรวมกันเสียอีก
“หลังจากที่เข้าประตูมิตินี้ พวกเราจะพบกับพวกมอนสเตอร์จำนวนมาก เ้าต้องระวังตัวให้มากๆ ตามข้ามาติดๆ ยืนอยู่หลังข้าตลอดไม่ต้องรีบร้อน...” ซุนเฟยหันมาบอกเอเลน่า พูดจบก็ยังพูดเตือนอีกประโยคอย่างไม่วางใจ “จำไว้ ถ้าสถานการณ์อันตรายมากๆ เ้ารีบวิ่งกลับไปที่ประตูมิติ ไม่ต้องฝืนตัวเอง”
ตามพล็อตเื่ Diablo 2 เมืองทริสแทรมในตอนนี้ถูก DIABLO ที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาทำลายและได้กลายเป็สรวง์ของเหล่ามอนสเตอร์และปีศาจไปแล้ว อีกทั้งกริสโวลด์ อดีตพาลาดินผู้ยิ่งใหญ่ได้จมลงไปด้านมืดกลายเป็ปีศาจร้ายที่น่าเกรงขามและเป็บอสของที่นี่ ถ้าอยากช่วยเคนออกมาก็ต้องสู้อย่างสุดความสามารถ ซุนเฟยมั่นใจว่าสามารถกวาดล้างเหล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดนี้ได้ในไม่ช้า เพราะในกระเป๋าของเขามี ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดเล็ก’ นับสิบๆ ขวดซึ่งเพียงพอที่จะสนับสนุนการต่อสู้ในครั้งนี้
แต่หากตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย บางทีเขาคงไม่สามารถปกป้องเอเลน่าได้
พูดจบ ซุนเฟยก็เดินหายเข้าไปในประตูมิติ
เอเลน่ามองแผ่นหลังของซุนเฟยที่ค่อยๆ หายไป ในใจพลันรู้สึกอบอุ่น
แม้ว่าน้ำเสียงที่ซุนเฟยพูดจะดูไม่มีอะไรเป็พิเศษ แต่ทหารรับจ้างสาวก็รับรู้ถึงความรู้สึกเป็ห่วงของอีกฝ่ายที่มีต่อตัวเองได้ นั่นคงเป็ความห่วงใยคนที่มีต่อคนใกล้ชิด
“คนคนนี้คู่ควรที่จะได้รับความทุ่มเทของข้า”
นางตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย สีหน้าของนางเผยให้เห็นถึงความแน่วแน่เหมือนได้ตัดสินใจบางอย่าง กำธนูแน่นก่อนจะเดินเข้าไปในประตูมิติสีเื
……
……
เมืองแซมบอร์ด
ไม่นานพระอาทิตย์ก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
ข้าศึกเกราะดำลึกลับยังคงไม่เคลื่อนไหวใดๆ พวกมันยังคงปักหลักสะพานหินแคบข้ามแม่น้ำจูลี่ ราวกับงูดำขดตัวอยู่ที่นั่นและกำลังแลบลิ้นสีแดง เฝ้ารอโอกาสอย่างอดทนที่จะพุ่งเข้าไปฉกให้ตาย
แรงกดดันที่น่ากลัวจนแทบจะทนไม่ไหวแพร่กระจายไปทั่วอย่างต่อเนื่อง
ราวกับมีคลื่นพลังบางอย่างที่ถาโถมเข้ามาที่เมืองแซมบอร์ด
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบๆ ที่ได้ยินเพียงเสียงกระแสน้ำไหลซ่าๆ
บนกำแพงเมืองแซมบอร์ด ทหารและชาวบ้านธรรมดาตอนนี้ต่างถูกความร้อนแผดเผาจนเหงื่อแตกพลั่ก ขวัญกำลังใจที่ดุเดือดเืพล่านเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนก็ค่อยๆ ลดฮวบอยู่ในระดับที่อันตราย แม้ว่าบรู๊คจะจัดการสับเปลี่ยนกะ แต่ทุกคนก็ถูกทรมานโดยความกดดันที่ไม่สามารถมองเห็นได้
จนถึงตอนนี้ข้าศึกก็ยังไม่เข้ามาโจมตี
ความเงียบนี้เหมือนมีดทื่อๆ ที่ไม่มองเห็น กำลังเฉือนความกล้าหาญของเหล่าทหารอย่างเงียบๆ
เมื่อเวลาผ่านไป หัวใจของบรู๊คตอนนี้ค่อยๆจมดิ่งลงไป
เพียร์ซสะพาย ‘กระบี่าา’ ไว้ด้านหลังแล้วเดินไปมาอยู่ด้านหน้าของหอสังเกตการณ์ที่ทรุดโทรมด้วยความกระสับกระส่าย
สายตาของทุกคนต่างมองลอดรอยแตกของกำแพงหินที่ทรุดโทรม ทุกสายตาจับจ้องไปที่ร่างชายคนหนึ่งที่กำลังหลับตาครุ่นคิดอยู่
นั่นก็คือองค์าาอเล็กซานเดอร์ที่ฟื้นคืนกลับมาพร้อมปาฏิหาริย์
ใน่ที่วิกฤติแบบนี้ มีบางคนเชื่อว่ายังมีความหวังสำหรับอนาคตของเมืองแซมบอร์ด ความหวังนั้นเป็สิ่งที่ชายหนุ่มคนนี้ให้พวกเขามา
ไม่รู้ว่าั้แ่เมื่อไรกันที่แม้แต่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเมืองแซมบอร์ดอย่าง แฟรงก์ แลมพาร์ดก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกปลอดภัย แต่าาปัญญาอ่อนคนนี้กลับทำให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของพวกเขาหยุดสั่นไหวด้วยความกลัวอย่างน่าอัศจรรย์
……
……
ทริสแทรม
ซุนเฟยที่เพิ่งจะออกมาจากประตูมิติก็มีกลุ่ม 'โครงกระดูก' วิ่งเข้ามาพร้อมเหวี่ยงดาบพุ่งเข้ามากลางแสกหน้า
“เวรเอ๊ย ทำไมเยอะขนาดนี้? โคตรดุเลย!”
ซุนเฟยสถบด่า ด้วยพลังที่น่าเกรงขามเพียงแค่สะบัดขวานั์ในมือกวาดเพียงครั้งเดียว ประกายเย็นะเืแล่นผ่านพร้อม เสียงดัง ‘ตึง’ ก็ทำให้โครงกระดูกสามตัวแรกถูกฟันเป็สองท่อนร่วงหล่นพื้นกลายเป็เศษกระดูกทันที
ความท้าทายที่แท้จริงกำลังมา
ตามมาติดๆ ด้วยโครงกระดูกทหารที่พากันกรูเข้ามาล้อมรอบเขาเหมือนกระแสน้ำหลาก ด้านหลังก็ตามมาด้วยซอมบี้ที่เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ถัดจากนั้นก็มีเสียงคำรามของ ‘ชาแมน’ มอนสเตอร์ส่วนมากที่สามารถพบเห็นในถิ่นทุรกันดารเมื่ออยู่ในเมืองทริสแทรมจะเปลี่ยนเป็ดุร้ายกว่าเดิม พลังการโจมตีและพลังการป้องกันก็จะแข็งแกร่งกว่าเดิมมาก
ขวานั์ในมือของซุนเฟยทำให้พวกมอนสเตอร์ต้องร้องโหยหวนและล้มตายลงไป
เพียงชั่วพริบตา ร่างกายของเขาก็ได้รับาเ็ พลังชีวิตก็เริ่มลดลง หากเป็แบบนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ด้วยความกลัวซุนเฟยจึงใช้ทักษะ ‘คำราม’ ของคนเถื่อน จังหวะที่พวกมอนสเตอร์ที่อยู่รอบๆ ใถอยหนีก็ถือโอกาสหยิบ ‘น้ำยารักษาชีวิตขวดเล็ก’ ออกมาดื่ม
ไม่นานผลของทักษะ ‘คำราม’ ก็หายไป แลtเหล่ามอนสเตอร์ก็พุ่งกลับมาโจมตีอีกครั้ง
ทันใดนั้น ตอนนี้เอง…
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
ลูกธนูก็พุ่งเข้ามาดุจห่าฝน
ในที่สุด เอเลน่าทหารรับจ้างสาวก็ออกมาจากประตูมิติ ในมือยังคงน้าวสายธนู ลูกธนูที่ยิงออกไปต่างคร่าชีวิตพวกมัน เพียงพริบตา มอนสเตอร์ห้าหกตัวก็ร่วงลงตายคาที่
“รักษาระยะห่างไว้ ไม่ต้องเข้าปะทะ ยืนอยู่หลังข้า!”
ซุนเฟยะโ กำขวานในมือแน่นแล้วพุ่งเข้าไปขวางพวกมอนสเตอร์แล้วใช้ทักษะ ‘คำราม’ อีกครั้ง จากนั้นก็ไล่ฆ่าเหล่ามอนสเตอร์ที่วิ่งหนีไป รอจนผลของทักษะ ‘คำราม’ หายไป ซุนเฟยก็รีบใช้ทักษะ ‘คำราม’ อีกครั้ง ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในที่สุดหลังจากที่เสียเวลาไปได้หลายสิบนาที มอนสเตอร์ตัวสุดท้ายก็ถูกฟันกระเด็นออกไป
เมืองทริสแทรมตอนนี้กลายเป็ซากปรักหักพัง ความรุ่งเรืองในวันวานไม่มีอีกแล้ว ผืนดินแตกระแหง บ้านทรุดตัวลง มีไฟนรกเผาไหม้ทุกหนแห่ง และมีควันสีดำปกคลุมไปทั่ว บนพื้นดินไม่มีหญ้าแม้แต่น้อย ชาวบ้านทุกคนหากไม่ถูกมอนสเตอร์ที่มาจากนรกสังหารก็จะถูกสิงร่างและเปลี่ยนเป็มอนสเตอร์ที่กระหายเือย่างอันเดด คอยเดินไปรอบๆ เมื่อเห็นมนุษย์ที่มีชีวิตปรากฏตัวออกมาก็จะคำรามและพุ่งเข้าใส่
กริสโวลด์ อดีตพาลาดินที่หลังจากได้จมลงไปในด้านมืดก็กลายเป็บอสปีศาจของเมืองทริสแทรม
ผู้ชายคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมากและยากที่จะจัดการได้
แต่ชายคนนี้หลบซ่อนอยู่ในเศษซากปรักหักพัง คอยดูแลตาแก่เคนที่ห้อยอยู่ในกรง ซึ่งเขาจะไม่ออกมาสังหารเราในตอนแรก นี่ทำให้ซุนเฟยมีเวลาเตรียมตัว
ซุนเฟยเดินเข้าไปด้านหน้าอย่างช้าๆ พยายามที่จะไม่รบกวนบอสตนนี้
เมื่อมาถึงตรงหัวมุมของหมู่บ้าน ซุนเฟยและเอเลน่าก็พบกับโครงกระดูกนักธนูจำนวนมาก
ในเกมคอมพิวเตอร์โลกเก่า พวกโครงกระดูกพวกนี้อัปลักษณ์สุดๆ โครงกระดูกนักธนูแตกต่างจากโครงกระดูกโง่ๆ ที่เหวี่ยงดาบไปมารู้จักแต่โจมตีเท่านั้น โครงกระดูกนักธนูจะมีสติปัญญาเล็กน้อย สามารถที่จะซ่อนตัวอยู่ที่ไกลๆ แล้วยิงคุณอย่างหน้าไม่อาย ลูกธนูพุ่งเข้ามาเหมือนห่าฝน พวกมันรู้จักซุ่มโจมตี ซ่อนตัวอยู่มุมกำแพงและยิงธนูใส่ ทำให้ยากที่จะป้องกันได้
ซุนเฟยส่งสัญญาณให้เอเลน่าที่อยู่ด้านหลังถอย จากนั้นตัวเองก็สลับเป็อุปกรณ์สำรอง
ประกายแสงสีทองสว่างวาบ
‘มีดสั้นพายุ’ กับ ‘โล่ตราิญญาคชสาร’ ปรากฏออกมาในมือของซุนเฟย ซุนเฟยวิ่งพรวดออกไป แทงไปที่หัวของโครงกระดูกที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมแคบๆ และกำลังเตรียมง้างธนู จากนั้นก็หมุนมีดสั้นในมืออย่างโเี้แล้วกระชากออกมา
-----------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้