“โฮก!!!”
เป็อีกครั้งที่จิติญญากลืน์ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด และเสียงคำรามของมันก็ราวกับัผงาด
มันอ้าปากมหึมาและกลืนกินอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ภายในปากของมันราวกับหลุมลึกที่ไม่สิ้นสุด
ของเหลวสีม่วงปริมาณมหาศาลได้ถูกจิติญญากลืน์ของหลินเฟิงกลืนกินเข้าไป จนท้องของจิติญญากลืน์เริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นมันก็คำรามออกมาด้วยเสียงอันดัง ทันใดนั้นได้มีหัวงูโผล่ออกมาหนึ่งหัวและเริ่มกลืนกินของเหลวสีม่วงอย่างบ้าคลั่ง
ในครั้งนี้ ของเหลวสีม่วงที่ถูกกลืนกิน ก็ยิ่งทำให้ร่างกายของมันใหญ่ขึ้น
“โฮก!!!”
“โฮก!!!”
“โฮก!!!”
เสียงคำรามที่ดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเป็เสียงของสัตว์อสูรจากโบราณกาล ในขณะนั้นจิติญญากลืน์ด้านหลังหลินเฟิงได้เปลี่ยนไป และมีร่างกายที่ใหญ่ขึ้นจนไม่เหมือนงู แต่มันดูคล้ายกับัในตำนานของทวีปเก้า์ที่มี 6 หัว
ตอนนี้ร่างของหลินเฟิงสั่นระริกอย่างไม่อาจห้ามได้ นี่เป็จิติญญากลืน์ของเขาจริงๆ หรือ?
เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว จิติญญางูน้อยของเขาช่างแตกต่างจากตอนนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
แต่ก่อนจิติญญากลืน์ของเขา ก็เป็แค่งูตัวเล็กๆ ที่ดูไร้พิษภัยและอ่อนแอเป็ที่สุด
แต่จิติญญากลืน์ในตอนนี้กลับดูเหมือนัโบราณที่เต็มไปด้วยพละกำลังมหาศาล
“ซ่า… ซ่า…”
ัหกหัวส่งเสียงออกมาพร้อมกันราวกับว่ากำลังเหยียดหยามสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ของเหลวสีม่วงในแม่น้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย… เพราะถูกักลืนกินไปทั้งหมด
จิติญญากลืน์ได้กลืนกินทะเลสาบลงไป ราวกับไม่มีอะไรที่สามารถขัดขวางมันได้
หลินเฟิงไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า แม้จิติญญากลืน์ในตอนนี้จะมีร่างกายที่ใหญ่โต แต่การที่กลืนกินของเหลวสีม่วงเช่นนั้น มันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
เมื่อหลินเฟิงเงยหน้าขึ้น จึงเห็นแสงสีม่วงกะพริบอยู่รอบตัวมัน ในตอนนี้จิติญญาม่วงของหลินเฟิงแข็งแกร่งกว่าจื่ออิ่งมาก
“จิติญญาแห่งนักรบได้เปลี่ยนไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับจิติญญาน้ำแข็งแล้วมันแข็งแกร่งกว่ามาก ซึ่งถือเป็เื่ดี”
หลินเฟิงคลี่ยิ้มยินดีออกมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีร่างเปลือยเปล่าอยู่เบื้องหน้าเขา และร่างนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น
ต้วนซินเยี่ยในตอนนี้ได้ปรากฏตัวต่อหน้าของหลินเฟิงในสภาพไร้เสื้อผ้าติดกาย
ผิวขาวราวกับหิมะและเสน่ห์ที่ตราตรึง ทำให้ร่างกายของหลินเฟิงมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที ในใจของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความปรารถนา
เขาก้มหน้าลงมองร่างกายของตนเอง จู่ๆ หลินเฟิงก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เขาในตอนนี้รู้สึกเขินอายอย่างมาก เพราะเขาเองก็เปลือยเปล่าเหมือนกัน เสื้อผ้าทั้งหมดได้ถูกละลายไปโดยของเหลวสีม่วงเมื่อครู่
หลินเฟิงหันหน้าหนีและไม่กล้ามองต้วนซินเยี่ยอีก เพราะเขากลัวว่าจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ถึงแม้จะมีจิตใจมั่งคงอย่างมากก็ตาม แต่ในฐานะที่เขาใช้ชีวิตมาสองโลกแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวสวยที่กำลังเปลือย และตัวเองก็เปลือยเช่นกัน มันย่อมทำให้เขาต้องใจเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม
ทันใดนั้นได้มีเสื้อผ้าปรากฏขึ้นมา ซึ่งมันออกมาจากแหวนหินของเขา โชคดีที่เขามีเสื้อผ้ามากมายในแหวนวงนี้ มิฉะนั้นเขาคงไม่มีเสื้อผ้าใส่
หลังจากหลินเฟิงสวมเสื้อผ้าของตน เขาก็เดินไปหาต้วนซินเยี่ยแล้วโยนเสื้อผ้าให้นาง ตอนนี้เขาถึงได้กล้าหันไปมองต้วนซินเยี่ย
อย่างไรก็ตามตอนนี้หลินเฟิงกลับเห็นดวงตาอันงดงามเปิดกว้างด้วยความใ นางจ้องมองเขาไม่ละสายตา ในตอนนี้หลินเฟิงปรารถนาที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจเช่นนี้
เมื่อต้วนซินเยี่ยก้มมองร่างกายของตัวเอง นางจึงเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของนางพลัยกลายเป็สีแดงจนแดงไปถึงใบหู
“ข้าไม่ได้จงใจนะขอรับ”
หลินเฟิงกล่าวอย่างอึดอัดใจ ขณะเหลือบมองใบหน้าแดงระเรื่อของต้วนซินเยี่ย
ต้วนซินเยี่ยถอนหายใจแล้วหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาปกปิดร่างกายและขยับตัวให้น้อยที่สุด เพราะแต่ละการกระทำมันก็เพียงพอจะทำให้ผู้ชายบ้าคลั่งได้
“เ้ายังมีเสื้อผ้าอีกไหม?”
ต้วนซินเยี่ยถามออกมาอย่างเขินอาย เสียงที่ลอดออกจากปากของนางขณะนี้แม้กระทั่งนางเอกก็ยังไม่ได้ยิน แต่การได้ยินของหลินเฟิงนั้นนับว่าล้ำเลิศ จึงได้ยินคำถามของนางอยู่บ้าง
หลินเฟิงพยักหน้าเล็กน้อยและหยิบเสื้อผ้าออกมาจากแหวนหินมิติ แล้วมอบมันให้กับต้วนซินเยี่ย จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “ข้าจะไปเข้าไปนั้น เผื่อว่าข้างในจะมีอะไรบ้าง”
หลังจากกล่าวจบ หลินเฟิงก็หันหลังกลับและก้าวเข้าสู่ตำหนักทันที
ต้วนซินเยี่ยดูเขินอายขณะมองไปที่แผ่นหลังของหลินเฟิง รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของนางดูอ่อนหวาน หากใครได้เห็นรอยยิ้มของนางในตอนนี้ล่ะก็ หัวใจพวกเขาคงหวั่นไหวอย่างไม่อาจห้ามได้
ทว่าหลินเฟิงไม่เห็นรอยยิ้มอันอ่อนหวานของต้วนซินเยี่ย เขายังคงมุ่งหน้าต่อไปจนมาถึงตำหนัก แต่สิ่งที่เห็นมันทำให้เขาต้องแข็งทื่อ
ตำหนักแห่งนี้กว้างขวางและสว่างไสว แม้จะไม่รู้มันสร้างมาจากอะไร แต่บรรยากาศภายในนั้นช่างเรียบง่ายและหรูหรา
หน้าตำหนักมีรูปปั้นตั้งอยู่ ซึ่งมันถูกปั้นเป็รูปคนที่กำลังเข้าณานอย่างสงบนิ่ง รอบรูปปั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีม่วงรางๆ และข้างใต้รูปปั้นมีงูั์นอนขดตัวอยู่ ถ้าหากมันยืดตัว อย่างน้อยอาจมีความยาวถึงหกสิบเมตร ขนาดของมันช่างใหญ่มาก
ด้านซ้ายของหลินเฟิง มีแผ่นหินวางไว้ซึ่ง้าของแผ่นหินก็มีซากศพร่างหนึ่งที่กลายเป็โครงกระดูกไปตามกาลเวลา แล้วด้านข้างของโครงกระดูกก็มีหนังสือวางอยู่
หลินเฟิงเดินตรงไปที่โครงกระดูกและหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา เพื่อดูว่ามีอะไรเขียนอยู่ข้างใน ซึ่งหนังสือเล่มนี้มันดูเหมือนบันทึก
“ข้าชื่อจื่อเชียน ข้าเป็บุคคลที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองชางโจว ข้ามาทีู่เานิรนามแห่งนี้และมาถึงสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ ข้าค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้เป็สุสานสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง…”
“สุสาน!”
ม่านตาของหลินเฟิงหดลง ที่แห่งนี้เป็สุสานของผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง?
หัวใจของเขาเริ่มเต้นเร็วขึ้น เมื่อเขาอ่านหนังสือเล่มเล็มๆ ที่จื่อเชียนเขียนเล่าเื่ราวใน่ชีวิตสุดท้าย
ที่แทู้เานี้ก็มีชื่อว่าจื่อจิน และถูกค้นพบโดยจื่อเชียน ซึ่งเป็บรรพบุรุษของตระกูลจื่อ
ส่วนสุสานแห่งนี้ เล่ากันว่าเป็สุสานของผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจเท่าไร
แล้วทะเลสาบสีม่วงข้างหน้านั้น จริงๆ แล้วมันเป็เืที่เต็มไปด้วยพลังมหาศาล ซึ่งสามารถกัดกร่อนรวมไปถึงหลอมรวมกับร่างกายของมนุษย์ได้อีกด้วย ตอนที่มันเข้าสู่ร่างกายของจื่อเชียนนั้น เขาก็ได้ถูกเืเ่าั้กัดกร่อน และด้วยจิติญญาสีม่วงประกอบกับสายเืที่สืบทอดต่อกันมา ทายาทสายตรงของตระกูลจื่อทุกคนสืบทอดจิติญญาม่วงทุกรุ่นแต่มันล้วนอ่อนแอ ที่พวกมันแข็งแกร่งขึ้นนั่นเป็เพราะได้ดูดซับเืสีม่วงบางส่วนจากทะเลสาบซึ่งดูคล้ายกับการล้างบาป นอกจากจิติญญาหลอมรวมเข้ากับร่างกายแล้ว มันยังพัฒนาความสามารถและเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังได้
จิติญญาม่วงของของสมาชิกตระกูลจื่อนับว่าเป็จิติญญาทางสายเื แต่บรรพบุรุษของพวกเขาได้อาศัยเืจากทะเลสาบสีม่วงแห่งนี้ เพื่อทำให้จิติญญาของพวกเขากลายเป็จิติญญาม่วง แม้ว่าหลังจากล้างบาปในทะเลสาบสีม่วงแล้ว จิติญญาของพวกเขาก็จะไม่สามารถมีพลังเทียบเท่าจิติญญาทางสายเืที่สืบทอดโดยตรงได้ ตัวอย่างเช่นต้วนซินเยี่ย บรรพบุรุษของนางก็เป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง สมาชิกของตระกูลต้วนล้วนได้รับการสืบทอดโดยตรงจากสายเืที่แข็งแกร่ง
ที่แท้สายเืของตระกูลจื่อจำเป็ต้องแต่งงานและมีพิธีเข้าสู่เขตต้องห้าม เพราะเป็กฎการล้างบาปจากทะเลสาบสีม่วง นี่เป็การตัดสินใจของจื่อเชียน ซึ่งเป็วิธีเดียวที่จะได้รับผลประโยชน์จากสถานที่แห่งนี้ สำหรับการเข้าสู่เขตต้องห้ามนั้น คนหนุ่มสาวถือว่าเป็วัยที่ทนทานต่อพลังที่ไหลเข้ามาได้มากที่สุด เพราะหากเด็กเกินไปพวกเขาจะไม่สามารถทนความเ็ปได้ ถ้าอายุมากเกินไปก็อาจเป็การเสียเวลาเปล่า เนื่องจากผู้าุโบางคนได้สูญเสียศักยภาพทางร่างกายตามวัยไปแล้ว
สมาชิกของตระกูลจื่อต่าง้าล้างบาปในทะเลสาบสีม่วง อย่างไรก็ตามหลินเฟิงและต้วนซินเยี่ยถูกปฏิเสธ เนื่องจากต้วนซินเยี่ยมีจิติญญาทางสายเืที่แข็งแกร่ง จิติญญาแห่งประตูปิดผนึกถึงได้ปฏิเสธและไล่จิติญญาสีม่วงออกไป
ส่วนจิติญญากลืน์ของหลินเฟิงก็กลืนกินมันโดยตรง
หลินเฟิงหันกลับไปมองงูั์ใต้รูปปั้น แต่หลินเฟิงต้องสั่นเทาทันทีเมื่อเขาจ้องมองมัน
นี่ไม่ใช่รูปปั้น แต่มันเป็ปีศาจงูจริงๆ
สาเหตุที่น้ำในทะเลสาบมีสีม่วงนั่น จริงๆ แล้วก็คือเืของปีศาจงูตนนี้
“มันเป็สัตว์อสูรปีศาจที่แข็งแกร่งและทรงพลัง เืของมันสามารถเติมเต็มได้ทั้งทะเลสาบ และมันยังควบคุมความแข็งแกร่งของเืได้ นอกจากนี้มันยังมีชีวิตอยู่มานานหลายปี”
…
ด้านนอกเขตต้องห้าม ฝูงชนยังคงรอคอยอยู่อย่างนั้น ผู้าุโตระกูลจื่อเองก็กำลังรอคอยเช่นกัน อย่างไรก็ตามที่ประตูทางเข้าเขตต้องห้ามกลับไร้วี่แววใดๆ
ไม่เพียงแต่ผู้าุโตระกูลจื่อเท่านั้น ทุกๆ คนจากตระกูลจื่อต่างก็รวมตัวกันที่นี่และเฝ้าคอยอยู่เงียบๆ
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังกึกก้องแล้วพื้นดินก็เริ่มสั่นไหว ทำให้ฝูงชนประหลาดใจ พวกเขามองไปที่เชิงเขาและเห็นกลุ่มคนที่กำลังควบม้าโลหิตวิ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูงสุด
ผู้นำกลุ่มนั้นสวมชุดสีขาวและปกปิดใบหน้าด้วยผ้าผืนบาง แค่เห็นเค้าร่างของนาง ก็ย่อมทำให้ผู้คนหัวใจเต้นแรงได้แล้ว
“เป็หญิงสาวอีกที่งดงามอย่างไม่น่าเชื่อ!”
หัวใจของผู้คนต่างเต้นระรัว พวกเขาไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่ควบม้าเข้ามานั้นเป็ใคร และทำไมถึงมาที่นี่
ม้าศึกต่างร้องเสียงแหลมออกมา ทันใดนั้นทหารม้าโลหิตเ่าั้ก็ลงจากม้าและตรงไปที่ทางเดิน ซึ่งพวกเขาทั้งหมดดูสง่างามและน่าเกรงขามอย่างมาก
“ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก หรือพวกเขาจะไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน?”
เหล่าผู้คนต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน ที่เห็นคนกลุ่มนี้ยังคงมุ่งหน้ามามาทางนี้อย่างไม่ลังเล
สายตาของผู้คนเริ่มจับจ้องผู้นำกลุ่ม แม้จะไม่มีใครรู้ว่านางมาทำอะไรที่นี่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็อยากเห็นใบหน้างามภายใต้ผ้าคลุมนั่น ด้วยอยากรู้ว่านางจะงดงามเทียบเท่าต้วนซินเยี่ยได้หรือไม่
“หลินเฟิงอยู่ไหน?”
นางถามทุกคนด้วยเสียงดังฟังชัด ทำให้ั์ตาของผู้คนต่างเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ สาวงามนางนี้มาที่นี่เพื่อตามหาหลินเฟิง ทำไมเป็หลินเฟิงอีกแล้ว!!!