บทที่ 8 กลยุทธ์ที่เหนือกว่า
ร้านหอมหวานอวลรัก
หลังจากการเปิดตัวที่สร้างความฮือฮา ขนมหอมหวานอวลรัก ก็กลายเป็ที่กล่าวขานไปทั่วเมือง ราวกับเสียงกระซิบที่ลอยมากับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ หลินชิงซานใช้กำไรที่ได้มาอย่างมากมายเพื่อยกระดับธุรกิจ นางไม่รีรอที่จะซื้อวัตถุดิบคุณภาพสูงจากต่างเมือง ทั้งน้ำตาลที่ขาวละเอียดราวหิมะ และแป้งข้าวเ้าที่หอมกรุ่นจนต้องหลับตาพริ้มเพื่อสูดดมกลิ่น นางยังทุ่มทุนกับอุปกรณ์ใหม่เอี่ยมที่ช่วยให้การผลิตรวดเร็วยิ่งขึ้น
และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง หลินชิงซานพาชุนเทียนและหลานหลานไปดูบ้านเช่าหลังใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ที่พัก แต่คือฐานทัพแห่งใหม่ของ หอมหวานอวลรัก
"ท่านพี่…บ้านหลังนี้ดีมากเลยเ้าค่ะ" ชุนเทียนเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจขณะสำรวจบ้านเช่าหลังใหม่ที่มีสวนเล็กๆ อยู่ด้านหน้าและห้องครัวที่กว้างขวาง
"ใช่แล้ว" หลินชิงซานยิ้มอย่างพอใจ "จากนี้ไปเราจะมีที่ทำขนมที่สะอาดและเป็สัดส่วนมากขึ้น และเราจะเริ่มทำขนมชนิดใหม่ๆ ด้วย"
นางเริ่มพัฒนาสูตรขนมที่หลากหลายมากขึ้น ชุนเทียนและหลานหลานได้แต่ยืนมองท่านพี่อย่างชื่นชม นางดูไม่เหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งมีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ หลินชิงซานใช้เวลาหลายวันในการหมกตัวอยู่ในห้องครัว ทดลองส่วนผสมนับร้อยชนิดเพื่อค้นหาสูตรที่สมบูรณ์แบบที่สุด
วันหนึ่ง หลินชิงซานจัดเตรียมขนมที่ปรุงขึ้นใหม่เพื่อนำไปให้ชุนเทียนและหลานหลานชิม ขนมชั้นที่เรียงซ้อนกันเป็ชั้นสีรุ้งราวกับภาพวาดพู่กันจีน และขนมหม้อแกงสีน้ำตาลทองที่ส่งกลิ่นหอมหวานน่าลิ้มลอง
"ท่านพี่...ขนมชั้นดูสวยมากเลยเ้าค่ะ" หลานหลานเอ่ยขึ้นด้วยความชื่นชม "และขนมหม้อแกงก็หอมหวานเหลือเกิน"
"ดีมาก" หลินชิงซานยิ้มอย่างพอใจ "พรุ่งนี้เราจะนำขนมเหล่านี้ไปขาย และเราจะใช้กลยุทธ์ใหม่ในการขายด้วย"
เช้าวันต่อมา ตลาดโยวหลิงดูคึกคักเป็พิเศษ แผงขายขนม หอมหวานอวลรัก ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม มีป้ายผ้าสีแดงขนาดใหญ่เขียนคำว่า ขนมรสชาติเลิศ และที่ด้านหน้าแผงมีป้ายเล็กๆ เขียนว่า ลองชิมฟรี!
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็ให้ความสนใจในกลยุทธ์การขายที่แปลกใหม่นี้ นางไม่ได้ยืนะโเรียกลูกค้าเหมือนร้านอื่นๆ แต่กลับใช้การตลาดแบบ ตัวอย่างฟรี เพื่อดึงดูดความสนใจ
"ท่านพี่…เราจะให้ลูกค้าชิมฟรีจริงๆ หรือเ้าคะ" ชุนเทียนถามด้วยความกังวล "กำไรเราจะไม่ลดลงหรือ"
"ชุนเทียน… เ้าคิดว่าถ้าเราให้ลูกค้าชิมขนมที่อร่อยที่สุดในโลกเพียงชิ้นเดียว พวกเขาจะอยากซื้อกลับไปกี่ชิ้นกันล่ะ" หลินชิงซานยิ้มอย่างมั่นใจ "นี่ไม่ใช่การให้ แต่คือการลงทุน เมื่อพวกเขาได้ลองชิมแล้ว ก็จะอยากซื้อกลับไปเอง"
แล้วก็เป็ไปตามที่นางคาด เมื่อผู้คนได้ลองชิมขนมของนางแล้ว ต่างก็ชื่นชมในรสชาติที่อร่อยจนลืมไม่ลง ข่าวลือเื่ขนมของหลินชิงซานแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ร้านของนางกลายเป็ที่พูดถึงในวงกว้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งในหมู่พ่อค้าใหญ่ในเมืองซื่อจิง
การเผชิญหน้าโดยไม่คาดคิด
ในขณะที่ชื่อเสียงของร้าน หอมหวานอวลรัก กำลังโด่งดัง หลี่อวิ๋นซี หรือ จ้าวลั่ว นักธุรกิจหนุ่มผู้มีชื่อเสียงด้านการค้าขายในเมืองซื่อจิง ก็ได้ยินข่าวลือเื่นี้เช่นกัน เขาจึงสวมชุดพ่อค้าธรรมดาปลอมตัวมาดูด้วยตาตัวเอง เขายืนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนอย่างเงียบๆ พลางฟังเสียงซุบซิบ
“ร้านขนมนี้โด่งดังจริงอย่างที่ข่าวว่าไว้หรือไม่…” หลี่อวิ๋นซีคิดในใจ “หญิงสาวผู้นั้นจะมีความสามารถเพียงใดกันนะ…”
เสียงความคิดของหลี่อวิ๋นซีดังเข้ามาในหูของหลินชิงซาน แต่นางไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่าความสำเร็จของนางย่อมต้องเป็ที่สนใจของคนอื่นๆ อย่างแน่นอน
หลี่อวิ๋นซียืนดูนางบริหารจัดการร้านอย่างเงียบๆ เขาเห็นนางพูดคุยกับลูกค้าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและน่าเชื่อถือ จัดการกับลูกค้าที่ช่างเลือกได้อย่างชาญฉลาด และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างว่องไว เขาถึงกับทึ่งในความสามารถของนาง
“นางเป็นักธุรกิจโดยกำเนิด…” ความคิดของหลี่อวิ๋นซีดังขึ้นอีกครั้ง “การพูดคุย…การนำเสนอสินค้า…ทุกอย่างดูเป็ธรรมชาติและเหนือชั้น”
หลินชิงซานยิ้มเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเขาประทับใจในตัวนางมากเพียงใด ในขณะที่เขากำลังจะเดินจากไป หลินชิงซานก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ "คุณชาย…ท่านสนใจที่จะลองชิมขนมของข้าดูหรือไม่เ้าคะ"
หลี่อวิ๋นซีถึงกับหยุดชะงักและหันกลับมามองนางอย่างแปลกใจ นางรู้ได้อย่างไรว่าเขา้าลองชิม
“ข้า…ข้าเพียงแค่ผ่านมาดูเฉยๆ” หลี่อวิ๋นซีเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก
“ท่านคงได้ยินชื่อเสียงของร้านข้าแล้วใช่ไหมเ้าคะ” หลินชิงซานยิ้มอย่างอ่อนโยน "ในเมื่อผ่านมาแล้ว…ก็ถือว่าเป็แขกของข้า ขอลองชิมขนมของข้าดูเถิด"
หลี่อวิ๋นซีรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่ถูกจับได้ เขาเดินเข้ามาที่แผงขายขนม และลองชิมขนมหม้อแกงหนึ่งชิ้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจในรสชาติที่อร่อยจนแทบไม่อยากจะเชื่อ
“นี่…นี่มัน…อร่อยเหลือเกิน!” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“ขอบใจเ้าค่ะ” หลินชิงซานยิ้มอย่างพอใจ "ถ้าเรามีความรัก และตั้งใจทำ มีความสุขที่ได้ทำ ผลงานย่อมออกมาดีแน่เ้าค่ะ ถ้าหากท่านสนใจที่จะลองชิมขนมอื่นๆ ก็เชิญได้เลยนะเ้าคะ"
“นางช่างฉลาด…ใช้ขนมมาเป็เครื่องมือในการขาย” หลี่อวิ๋นซีคิดในใจ “นางเป็คนที่น่าสนใจจริงๆ…” แต่นางได้ยิน
"ความตั้งใจ… งั้นหรือ? ข้าว่ามันมากกว่านั้นนะ"
"หมายความว่าอย่างไรหรือเ้าคะ"
"เ้าไม่ได้แค่ทำขนม แต่เ้ากำลังสร้างตำนาน"
"คุณชายกล่าวเกินไปแล้ว"
"ข้าไม่เคยกล่าวเกินจริง เ้าคิดว่าทำไมข้าถึงมาที่นี่"
หลินชิงซานหัวเราะเบาๆ "ข้าเดาว่าท่านคงได้ยินข่าวลือ และอยากมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง"
หลี่อวิ๋นซียิ้ม "ใช่… แต่เมื่อได้เห็นแล้ว ข้ากลับรู้สึกว่าข่าวลือยังกล่าวไม่หมด"
"เช่นนั้นหรือเ้าคะ ตรงไหนเ้าคะที่กล่าวไม่หมด"
"ใช่… ข่าวลือไม่ได้บอกว่าเ้าเป็คนที่น่าสนใจเพียงใด"
ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง
"คุณชายพูดจาแปลกๆ นะเ้าคะ"หลินชิงซานพูดเบาๆ
"ข้าพูดตามที่ข้ารู้สึก… ข้าอยากรู้ว่าเ้าเป็ใครกันแน่"
เสียงความคิดของหลี่อวิ๋นซีดังเข้ามาในหูของหลินชิงซาน นางรู้ดีว่าเขาไม่ใช่พ่อค้าธรรมดา แต่นางก็ไม่ได้สนใจในเื่นั้น เพราะในใจของนางกำลังคิดถึงแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือการขยายธุรกิจของนางให้ใหญ่โตและมั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก และนางรู้ว่า ผู้ชายคนนี้ต้องมาเกี่ยวข้องแน่นอน
ในขณะเดียวกัน ที่จวนฉินอ๋อง ชุยิเซียงกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงที่ประดับประดาอย่างหรูหรา แต่นางกลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย บ่าวรับใช้คนสนิทก้มลงพร้อมกับรายงานข่าวล่าสุดเกี่ยวกับความสำเร็จของหลินชิงซาน นางโกรธจัดจนแทบจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้
“นาง! นางมันช่างเก่งนัก! กล้าดียังไงมาทำตัวเด่นดังถึงขนาดนี้!” นางตวาดลั่น
“พระสนมโปรดใจเย็นลงเพคะ” เสี่ยวเหม่ยเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “ข่าวลือเื่ขนมของนางแพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว หากพระสนมลงมือในตอนนี้…เกรงว่าจะไม่เป็ผลดีเพคะ”
“ข้าจะใจเย็นได้อย่างไร! ข้าส่งคนไปทำลายชื่อเสียงของนางแล้ว แต่ก็ไม่เป็ผล!” ชุยิเซียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น “ข้าจะทำลายร้านของนางให้สิ้นซาก!”
“แต่...พระสนมเพคะ” เสี่ยวเหม่ยเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย “มีข่าวลือว่า จ้าวลั่ว นักธุรกิจผู้มั่งคั่งจากเมืองซื่อจิงก็ให้ความสนใจในตัวหลินชิงซานเช่นกันเพคะ”
คำพูดของบ่าวรับใช้ทำให้ชุยิเซียงชะงักไปเล็กน้อย นางครุ่นคิดอย่างเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้ม
“ในเมื่อนางมีคนที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง…เราก็ต้องหาจุดอ่อนของนางมาทำลาย”
" ข้าก็หาทางทำลายเ้าให้ได้นังหลินชิงซาน"
"พระสนมคิดจะทำอย่างไรเพคะ"ซูหลินบ่าวคนสนิทอีกคนถาม
"การทำลายร้านของนาง…มันง่ายเกินไป"
"แล้วพระสนมจะทำอะไรเพคะ"
"ข้าจะทำให้ลูกค้าของนางเกลียดนาง"
"แต่พวกเขาต่างก็ชื่นชอบนางมากนะเพคะ"
"ชื่นชอบเพราะรสชาติที่อร่อย… แล้วถ้าข้าทำให้รสชาตินั้นเปลี่ยนไปล่ะ"
"พระสนมหมายถึง…" ซูหลินเลิกคิ้วขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
"ข้าจะส่งคนไปลอบวางยาพิษในขนมของนาง…"ชุยิเซียงพูดพร้อมทำหน้าแบบสะใจ
ซูหลินหน้าตาตื่นแล้วบอกว่า "มันอันตรายมากนะเพคะพระสนม ถ้าหากมีคนตายขึ้นมาหละ…"
"ก็ยิ่งดี! คนที่ตายจะได้เป็พยานว่าขนมของนางมีพิษ! จากนั้นก็ให้คนของเราไปใส่ร้ายนางในตลาด ข่าวลือจะแพร่กระจายไปเร็วยิ่งกว่าไฟป่า และเมื่อถึงตอนนั้น… ใครจะยังกล้าซื้อขนมของนางอีก!"
"แผนการของพระสนมช่างโเี้ยิ่งนักเ้าค่ะ"
"ความโเี้ของข้ามีไว้เพื่อคนที่สมควรได้รับเท่านั้น" ชุยิเซียงพูดพร้อมทั้งขบฟัน
แล้วชุยิเซียงโบกมือไล่บ่าวรับใช้ไป แล้วเหลือเพียงนางคนเดียวในห้อง ความเงียบสงบในห้องนั้นกลับเต็มไปด้วยพายุแห่งความแค้นที่ก่อตัวขึ้น
“หลินชิงซาน…เ้าคิดว่าจะหนีข้าพ้นหรือ” ชุยิเซียงพึมพำกับตัวเอง “ข้าจะทำให้เ้าหมดสิ้นทุกอย่าง! ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่เ้าคิดว่าจะมาช่วยเหลือเ้าได้!”
นางลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปนอกจวนไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ในสายตาของนาง มีเพียงภาพของหลินชิงซานที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างแห่งความสำเร็จ แล้วนางก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นนั้นทำให้บ่าวรับใช้ที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องถึงกับขนลุกไปทั้งตัว
***//***
