"หวางเหย่มีแผนการดีๆ แล้วหรือ?" จวินหวงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
หนานสวินยิ้มแต่ไม่ตอบ ทอดสายตามองไปยังบรรยากาศยามพลบค่ำด้วยสีหน้าเรียบเฉย ลมราตรีเยือกเย็นโชยมาเป็ครั้งคราวพัดเอาเรือนผมสีดำสนิทยกขึ้นกระจายไปบนบ่า
จวินหวงหันไปมองหนานสวิน กลิ่นอายความเคร่งขรึมดุดันบนร่างกายของเขาเลือนหายไป เสื้อคลุมแพรต่วนปักดิ้นทองหรูหราคลุมอยู่บนร่างกายที่เป็ตัวตนธรรมชาติของเขา แตกต่างกับท่าทางดุดันสูงส่งทรงอำนาจเมื่อครั้งที่อยู่ในเมืองโดยสิ้นเชิง การมองในชั่วครู่นี้ทำให้จวินหวงตะลึงงันไปเล็กน้อย
รู้สึกตัวอีกครั้ง ก็เห็นหนานสวินกำลังมองนางอยู่ ดวงตาสองคู่สอดประสาน จวินหวงหัวใจกระตุกสั่นก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว หนานสวินเห็นนางกำลังจะตกเนินเขา หัวคิ้วพลันยู่ย่น ยื่นมือไปกระหวัดเอวของจวินหวงแล้วดึงนางให้พ้นจากขอบเนินเขาเข้ามาโอบไว้ในอ้อมแขนทันที
จวินหวงซบอยู่ในอ้อมอกด้วยความตระหนก จนกระทั่งเมื่อนางรู้ตัวว่าตนเองและเขาอยู่ในอิริยาบถไม่เหมาะสม ก็รีบผละออกจากหนานสวินทันที พวงแก้มแดงเรื่อไม่กล้ามองหนานสวินที่กำลังมีรอยยิ้มปรากฏอยู่ในดวงตา
นางขบริมฝีปากมองไปบนพื้นดินสีขาวโพลน หายใจลึกๆ หนึ่งเฮือก รีบปรับความคิดอย่างรวดเร็ว รอจนกระทั่งหัวใจที่เต้นรัวสงบลงมาได้แล้วถึงเหลือบตาขึ้นมองหนานสวิน ทำราวกับว่าเื่เมื่อครู่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
"ฟ้ามืดแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ หากมืดไปกว่านี้องค์ชายรองอาจจะสงสัยเอาได้" จวินหวงพูดพลางเดินไปตามทางเล็กๆ ลงจากเนินเขา หนานสวินเดินตามอยู่ด้านหลัง
ระหว่างทางที่กลับไป หนานสวินแกล้งถามลอยๆ "แผลที่แขนของเ้าหายดีแล้วหรือ?"
จวินหวงได้ยินที่ถามก็ขมวดคิ้ว ชะงักเท้าไปชั่วครู่แล้วมองไปที่หนานสวิน "เื่ข้าาเ็ที่แขนท่านรู้มาจากที่ไหน?"
"บังเอิญได้ยินฉีเฉินพูดขึ้นน่ะ"
จวินหวงรู้สึกฉงน นางไม่คิดว่าฉีเฉินจะพูดเื่นางได้รับาเ็กับหนานสวินได้ ในใจรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่ตอบกลับไปเรียบๆ "าแที่แขนไม่ได้ร้ายแรง ขอบคุณในความห่วงใยของหวางเหย่"
หนานสวินอ้าปากคล้ายว่ายังอยากจะกล่าวอะไรอีกสักหน่อย แต่หลังจากตรองอยู่ชั่วครู่ก็มิได้ถามออกมา ตลอดทางทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกลับมาถึงโรงเตี๊ยม
เมื่อถึงยามราตรี จวินหวงนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงหลายรอบก็ไม่รู้สึกง่วงสักนิด สุดท้ายก็ลุกขึ้นมานั่ง มองเห็นหน้าต่างไม่ได้ปิดจึงลุกขึ้นจะไปปิด แต่พอมาถึงริมหน้าต่าง จวินหวงก็มองออกไปด้านนอก นางบังเอิญเห็นฝั่งตรงข้ามมีบุรุษสวมชุดดำเข้าไปในห้องของหนานสวินพอดี นางคิ้วขมวดโดยฉับพลัน รู้สึกว่าต้องมีลับลมคมในบางอย่างแน่นอน หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วก็หันไปเอาเสื้อผ้าที่วางอยู่บนชั้นมาสวม จัดแต่งทรงผมให้เรียบร้อยแล้วผลักประตูออกไป ไม่นานนางก็มาถึงนอกห้องของหนานสวิน
"หวางเหย่ หาที่ซ่อนเงินขององค์ชายรองพบแล้วขอรับ" องครักษ์เงาคนก่อนหน้านี้กล่าวกับหนานสวิน
หนานสวินยังไม่หลับ เขาวางตำราในมือลงเงยศีรษะขึ้นมองมาที่องครักษ์เงา "รู้แล้วหรือว่าอยู่ที่ไหน?"
ขณะที่องครักษ์เงากำลังจะเอ่ยปาก ท่ามกลางเงามืดจู่ๆ ก็มีแมวสีดำตัวหนึ่งกระโจนออกมา จวินหวงใร้องออกมาเบาๆ สองคนที่อยู่ในห้องจึงได้ยินเสียงเข้า
"ใคร?" ดวงตาเหยี่ยวคมกริบของหนานสวินเย็นเยือก ลุกขึ้นยืนทันที องครักษ์เงากระชับกระบี่ในมือแล้วรีบเดินไปเปิดประตู ก่อนจะชักกระบี่ออกมา
ไอกระบี่เย็นเยียบสร้างความหวาดกลัวให้จวินหวง เห็นคมกระบี่อยู่ใกล้แค่คืบนางก็พูดอะไรไม่ออก หนานสวินที่ไล่กวดออกมาเมื่อเห็นว่าเป็จวินหวงก็โล่งใจ หลังจากมองสำรวจรอบด้านแล้วก็ส่งสัญญาณให้องครักษ์เงาเก็บกระบี่ จากนั้นก็ดึงจวินหวงเข้ามาในห้อง
"ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอนอีก?" หนานสวินถาม
จวินหวงหน้านิ่งมองพิจารณาองครักษ์เงาั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า องครักษ์เงารู้ว่าเป็คนกันเองจึงประสานมือคารวะ จวินหวงผงกศีรษะรับจากนั้นก็มองไปที่หนานสวิน
หนานสวินรู้ข้อสงสัยของจวินหวง ก็มิได้ปิดบัง "ข้ารู้ที่อยู่ของเงินที่สูญหายไปแล้ว"
"อยู่ที่ใด?" จวินหวงถามขึ้นทันทีโดยไม่ได้คิด หลังจากถามไปแล้วถึงค่อยๆ รู้สึกถึงความรีบร้อนของตนเอง เกิดความรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา คนที่เมืองล่มบ้านแตก เวลานี้กลับร้อนใจเพื่อคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดด้วยเลย คิดแล้วก็เป็เื่น่าขัน
แต่หนานสวินมิได้รู้สึกเช่นนี้ เขาเพียงแต่มองจวินหวงแล้วก็ทอดถอนใจ แม้นางจะผ่านการสังหารอันเหี้ยมโหดมา แต่สิ่งนั้นไม่สามารถทำลายล้างอุปนิสัยดีงามอันเป็ธรรมชาติของหญิงสาวผู้นี้ไปได้เลย คิดแล้วในใจของเขาก็มีความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาได้
ผ่านไปชั่วครู่ หนานสวินดึงสติกลับมาได้ก็มองไปที่องครักษ์เงาให้เขาพูดออกมา
"จากการตรวจค้นมาสองวัน เป็ที่แน่ชัดแล้วว่าองค์ชายรองซ่อนเงินจำนวนมากไว้ที่ศาลาว่าการ”
จวิงหวงขมวดคิ้ว "แน่ใจแล้วหรือ?"
องครักษ์เงาพยักหน้า
จวินหวงก้มหน้าใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่หนานสวิน "เช่นนั้นมีแผนรับมือแล้วหรือไม่?"
"เื่นี้ไม่มีแผนรับมือมาั้แ่ต้น พวกเราไม่สามารถเข้าไปซักถามฉีเฉินโดยตรง ถึงเวลาก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะย้อนเล่นงานเรากลับก็เป็ได้ วิธีการเพียงหนึ่งเดียวในตอนนี้คือการปล้น" หนานสวินกล่าวตามความคิดของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
"ปล้น?" จวินหวงมีข้อสงสัย
หนานสวินพยักหน้า "พวกเราเตรียมการไว้หมดแล้ว วางแผนไว้ว่าจะปลอมตัวเป็โจร บุกเข้าไปในศาลาว่าการ"
จวินหวงหัวเราะ "นี่ไม่เรียกว่าปล้น พวกเราแค่ไปเอาของของประชาชนกลับมาเท่านั้น"
พูดจบนางก็คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวเสริมขึ้น "ข้าจะไปด้วย"
"เ้าไปไม่ได้" หนานสวินไม่แม้แต่จะคิด กล่าวปฏิเสธจวินหวงทันที หน้านิ่วคิ้วขมวดท่าทางแข็งกร้าวราวกับว่าไม่มีใครมีความสามารถพอจะมาหักล้างได้ แต่จวินหวงใช่คนธรรมดาเสียที่ไหน
จวินหวงจ้องหนานสวินด้วยสายตาแข็งกระด้าง นางกอดอกแล้วกล่าวว่า "ข้าจะไปให้ได้ หากพวกท่านไม่พาข้าไปด้วย งั้นข้าจะไปบอกฉีเฉิน"
หนานสวินหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกกับความพาลพาโลของนาง สุดท้ายก็เลยต้องรับปาก เขาไม่ได้กลัวว่าจวินหวงจะไปบอกความลับ เขาแค่รู้ดีว่าหากไม่รับปาก จวินหวงต้องไม่ยอมยุติไปง่ายๆ ถ้านางแอบเข้าไปศาลาว่าการด้วยตนเอง เช่นนั้นก็จะยิ่งอันตราย
หลังจากได้สมดังหมาย จวินหวงก็รีบกลับห้องอย่างรวดเร็ว ไปค้นหาชุดรัดกุมสีดำหนึ่งชุด หลังจากนั้นก็ไปรวมตัวกับพวกหนานสวิน
หนานสวินก็สวมชุดดำ ผมยาวรวบขึ้นสวมกวานครอบไว้ ดูราวกับพรางตัวกลมกลืนไปในความมืด ในแขนเสื้อของเขามีมีดเล่มหนึ่งสอดอยู่ หลังจากที่จวินหวงมาแล้วเขาก็ยัดเยียดให้นางใช้ป้องกันตัวเอง
จวินหวงมิได้ปฏิเสธอย่างไร้เหตุผล รับมีดสั้นมาอย่างว่องไวแล้วเหน็บไว้ที่เอว พอเห็นกลุ่มคนแต่งตัวเป็โจรที่อยู่ด้านหลังของหนานสวินแล้ว ก็ยกยิ้มที่ริมฝีปาก แต่กลับเดินตามหลังพวกเขาไปศาลาว่าการโดยมิได้กล่าวอันใด
ฉีเฉินนำเงินที่ยักยอกไว้ซ่อนอยู่ในศาลาว่าการ เขาย่อมส่งคนจำนวนหนึ่งมาเฝ้าที่นี่ไว้ ขณะที่เดินไปถึงประตู จวินหวงคิดจะวางยาสลบคนเหล่านี้แต่กลับถูกหนานสวินห้ามไว้ก่อน
"ได้ยินมาว่าแถวๆ นี้มีชุมโจรมากมาย ไม่ว่าใครก็ต่างจ้องที่นี่ตาเป็มัน โดยปกติโจรจะปล้นชิงแต่ไม่วางยา พวกเราแค่เข้าไปโดยตรงก็พอ จะได้ไม่ทำให้ใครสงสัย" หนานสวินกล่าว
จวินหวงมองหนานสวินผ่านผ้าปิดหน้าแล้วพยักหน้า เก็บยาสลบกลับมา พอหนานสวินออกคำสั่ง คนเ่าั้ก็ตามติดกันเป็ขบวนบุกเข้าไปในศาลาว่าการ อาจเป็เพราะอยู่อย่างปกติสุขมานาน ไม่คิดว่าจะมีโจรเข้ามาได้ คนเฝ้ายามที่กำลังหลับอุตุเ่าั้ก็พลันตื่นขึ้นมาด้วยความตระหนก แต่กลับทำอะไรไม่ถูก เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปชั่วขณะ แต่ไม่ช้าก็ถูกกำราบลงได้
มีดดาบไร้ตา ยิ่งในสถานการณ์ตอนนั้นไม่สะดวกเปิดเผยใบหน้า หนานสวินกังวลว่าความวุ่นวายที่เลยเถิดอาจก่อให้เกิดอันตราย จึงคอยคุ้มกันจวินหวงอยู่ภายนอก
จวินหวงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย นางกำมือแน่น สายตามองไปด้านในด้วยความตื่นเต้น อุ้งมือของนางมีเหงื่อไหลซึม รอคอยพี่น้องกลุ่มนั้นของหนานสวินนำชัยชนะกลับมา
หนานสวินมองออกว่าจวินหวงเป็กังวล เขาเอื้อมมือมาจับปลายนิ้วที่เย็นเฉียบของนางไว้ บีบเบาๆ สองครั้งเป็การปลอบใจ "ไม่มีปัญหาหรอก ไม่ต้องกังวลจนเกินไป"
น้ำเสียงของหนานสวินกระจ่างใส สามารถทำให้คนจิตใจสงบลงได้ในไม่ช้า จวินหวงพยักหน้า หายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง แต่สายตากลับยังมองไปที่ประตูศาลาว่าการ รอคนข้างในออกมาอยู่เหมือนเดิม
ผ่านไปไม่นานภายในศาลาว่าการก็มีเสียงร้องะโอึงอลไปทั่ว เปลวเพลิงลุกโชนสว่างโล่งไปครึ่งฟ้า เสียงมีดดาบปะทะกันดุเดือด ยิ่งทำให้คนรู้สึกพรั่นพรึง จวินหวงคิ้วขมวดถามขึ้น "เกิดเื่แล้วใช่หรือไหม?"
หนานสวินขมวดคิ้วแน่น เดินก้าวออกมาหนึ่งก้าว หลังจากใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ก็ตบบ่าจวินหวงเบาๆ แล้วกล่าวว่า "เ้ารออยู่ที่นี่ก่อน หากข้าไม่ได้กลับมาภายในเวลาครึ่งก้านธูปให้เ้ารีบกลับไปที่โรงเตี๊ยม"
"ท่านจะไปไหน?" จวินหวงถามขึ้นพลางยื่นมือเข้าไปฉวยมือของหนานสวินไว้ ดวงตาพิสุทธิ์กระจ่างใสเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
"ข้าแค่ไปดูเท่านั้น ไม่เป็อะไรหรอก" หลังจากปลอบประโลมความรู้สึกของจวินหวงแล้ว หนานสวินก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปทันที
จวินหวงรู้สึกหวาดหวั่นจิตใจไม่สงบ หยิบมีดสั้นที่หนานสวินให้ตนเองออกมาบีบไว้ในมือ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากไหลหยดออกมาติ๋งๆ นางยื่นมือไปปาดเหงื่อจากนั้นก็ยืนพิงกำแพงต่อไปไม่ขยับเขยื้อน
หลังจากนั้นเพียงครู่หนึ่ง มีบุรุษสวมชุดเ้าหน้าที่ศาลวิ่งออกมา ดูท่าทางจะวิ่งไปทางโรงเตี๊ยม จวินหวงมองเข้าไปในศาลาว่าการ แล้วก็หันไปมองเ้าหน้าที่ที่วิ่งไปไกลแล้วอีกครั้ง หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก็ตัดสินใจใช้ทางลัดกลับไปยังโรงเตี๊ยม
นางจำเป็ต้องกลับไปให้ถึงก่อนที่เ้าหน้าที่ศาลผู้นั้นจะไปถึงโรงเตี๊ยม และต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้พวกหนานสวินมีเวลาในการปล้น เงินก้อนนั้นพวกนางจะต้องได้มา เหล่าประชาชนกำลังรอคอยเงินจำนวนนั้นอยู่
ยิ่งคิดได้เช่นนี้จวินหวงก็ยิ่งเพิ่มความเร็วของฝีเท้าขึ้นอีก วิ่งๆ อยู่ก็ไปสะดุดกับกิ่งไม้ล้มลงกับพื้น จวินหวงครางเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ นิ่วหน้าอดทนกับความเ็ปที่หัวเข่า ใบหน้าของนางขาวซีดรีบตะกายลุกขึ้นมา ก่อนจะลากขากะโผลกกะเผลกวิ่งต่อไปเพื่อกลับโรงเตี๊ยม
นางกลับมาถึงห้องพักอย่างเงียบเชียบ จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ากลบกลิ่นกายรอบตัวเรียบร้อย เ้าหน้าที่ศาลาว่าการก็มาถึง แล้วเคาะเปิดประตูห้องของฉีเฉิน
ขณะนั้นใกล้เข้ายามอู่[1] ฉีเฉินกำลังหลับสนิท จู่ๆ ถูกเสียงเอะอะปลุกให้ตื่น ก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ฉีเฉินมองไปที่เ้าหน้าที่ศาลาว่าการที่คุกเข่าอยู่หน้าเตียง เมื่อเห็นความกระวนกระวายใจที่อยู่บนใบหน้าของเขา ก็ระงับความขุ่นเคืองในใจไว้ แล้วถามขึ้น "ดึกขนาดนี้ มาที่นี่ทำอะไร?"
"หวะ... หวางเหย่ แย่แล้ว มีโจรปลุกปล้นศาลาว่าการยามราตรี ตอนนี้..."
ไม่รอให้เ้าหน้าที่ศาลพูดจบ ฉีเฉินก็บันดาลโทสะใช้เท้าเตะเ้าหน้าที่ผู้นั้นล้มลงกับพื้น เขากุมศีรษะแน่นแววตาขรึมเข้มดุดัน เวลานั้นเองจวินหวงแกล้งทำทีเป็ใตื่นมาเคาะประตูแล้วเดินเข้าไป
นางมองไปที่เ้าหน้าที่ศาลาว่าการที่นอนหงายหลังตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น แล้วก็มองไปที่ฉีเฉินที่ยังโกรธไม่หาย ในใจก็หัวเราะไม่หยุดแต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกไปทางสีหน้า "หวางเหย่ทรงพิโรธด้วยเหตุอันใดหรือ?"
ฉีเฉินย่อมจะไม่บอกเื่ถูกโจรปล้นเงินที่ตนเองยักยอกไว้กับจวินหวง ได้แต่กัดฟันทนกล้ำกลืนความรู้สึกไว้ สูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วฝืนหัวเราะออกมา "ก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร เพียงแต่ได้ยินมาว่ามีโจรขึ้นจวนของใต้เท้า เปิ่นหวางก็เลยดุด่าคนในบังคับบัญชาว่าไร้สามารถเท่านั้น"
จวินหวงพยักหน้าแกล้งทำเป็เข้าใจ "เื่นี้มีความเกี่ยวข้องที่สำคัญ หวางเหย่จะให้ข้าน้อยไปกับท่านด้วยไหมขอรับ?"
"ได้" ฉีเฉินพูดจบก็สั่งให้คนรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตนเอง จากนั้นก็พาจวินหวงไปศาลาว่าการด้วย แต่หนานสวินหนีไปได้แล้ว ทุกที่ภายในศาลาว่าการสิ่งของล้วนถูกทำลาย แต่กลับไม่มีคนล้มตายสักคน จวินหวงลอบถอนหายใจกับการลงมือของพวกเขา แต่คลื่นลมบนใบหน้าของนางกลับยังเงียบสงบ
…………………………………...…………………………………………………………………………
[1] ยามอู่ หมายถึง ่ห้าทุ่มถึงตีหนึ่ง