หลินซีที่กลับมาจากขายซาลาเปาวันแก เมื่อนับเงินเสร็จเธอก็กลับมาพักผ่อนในห้องจนตอนนี้เวลาผ่านไปสามชั่วโมงแล้ว คุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่ที่กลับบ้านมาแต่ไม่พักผ่อน แต่ลงไปทำงานในไร่ตอนนี้ก็กลับบ้านมาแล้ว และกำลังอุ่นอาหารเช้าที่หลินซีทำเอาไว้เมื่อตอนเช้า หลังจากอุ่นอาหารเสร็จคุณแม่ลู่ก็ไปปลุกหลินซีที่นอนหลับอยู่ในห้อง
หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วคุณแม่ลู่ก็นำเงินที่หาได้วันนี้ที่หลินซีให้ตนเก็บเอาไว้เมื่อเช้า คุณแม่ลู่ก็นำเงินออกมาทั้งหมดและส่งให้หลินซีเป็คนเก็บเอาไว้
หลินซีมองเงินจำนวนยี่สิบหยวนที่หาได้วันนี้เธอก็หันมองหน้าแม่สามีกับพ่อสามีสลับกันไปมา
“คุณแม่เก็บเงินส่วนนี้เอาไว้เถอะค่ะ” หลินซีผลักเงินยี่สิบหยวนนั้นกลับไปตรงหน้าของคุณแม่ลู่
“ไม่ได้เธอเป็คนคิดวิธีหาเงินเธอต้องเป็คนเก็บเงินส่วนนี้เอาไว้” คุณแม่ลู่เองก็ผลักเงินกลับมาตรงหน้าหลินซี
หลินซีถอนหายใจในท้ายที่สุดเธอก็เลือกแบ่งเงินออกเป็สี่ส่วน
“ค่าวัตถุดิบที่ใช้ทำซาลาเปาวันนี้รวมทั้งหมดสิบสามหยวน หลังจากหักทุกอย่างแล้ววันนี้เราจะมีรายได้ทั้งหมดเจ็ดหยวน ของฉันสามหยวน ส่วนของคุณพ่อกับคุณแม่คนละสองหยวน ฉันแบ่งตามนี้คุณพ่อคุณแม่ว่าดีไหมคะ”
“ไม่ต้องเธอไม่ต้องให้เงินส่วนนี้กับพ่อแม่หรอก เธอเก็บเอาไว้ทั้งหมดเถอะแล้วอีกอย่างผักที่เราปลูกในบ้านกับไม้ฟืนที่เราหาได้บนเขา เธอก็ไม่ต้องคำนวณให้มันเด็ดขาดขนาดนั้นก็ได้” คุณแม่ลู่พูดพร้อมกับเอาเงินสี่หยวนนั้นคืนให้หลินซี
แต่หลินซีไม่คิดจะรับเงินสี่หยวนนั้น เธอตั้งใจจะให้เป็เงินส่วนของพ่อแม่สามีจริงๆ
“ถึงแม้ผักจะเป็ของที่เราปลูกเอง แต่ก็ควรจะคำนวณเป็รายจ่ายเพราะผักที่คุณแม่ปลูกมันไม่ได้มีมากขนาดนั้น สักวันผักพวกนั้นก็ต้องหมด ถ้าเราจะขายซาลาเปาต่อไปเราจำเป็ต้องใช้ผักพวกนั้นทุกวัน ถ้ามันหมดไปพวกเราก็จำเป็ต้องซื้ออยู่ดี เพราะฉะนั้นควรคำนวณเป็รายจ่ายเอาไว้ ส่วนไม้ฟืนถึงแม้จะไม่ต้องเสียเงินแต่เราก็ยังเสียแรง หากครั้งหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ยุ่งก็ไม่ต้องขึ้นไปเก็บฟืนบนเขาแล้ว แต่ให้จ้างคนอื่นแทนเพราะแต่ละวันเราต้องใช้ฟืนจำนวนมากถ้าจะให้เราไปเก็บเองตลอดก็คงไม่ไหว”
เมื่อพิจารณาสถานการณ์ของตนเองในตอนนี้หลินซีก็คิดว่าเธอทำถูกแล้วที่แบ่งรายได้ ให้กับคุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่อย่างชัดเจน เพราะเธอคิดว่าหากวันใดวันหนึ่งที่ลู่หานกลับมา เธอกับเขาก็คงจะหย่ากันส่วนพ่อแม่สามีจะยังปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมไหมอันนี้เธอก็ไม่รู้ แต่เวลานี้ที่พวกเขาปฏิบัติดีกับเธอแบบนี้เพราะพวกเขามองว่าเธอเป็คนครอบครัวเดียวกัน เป็ภรรยาของลูกชายพวกเขา
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นแม่กับพ่อก็จะรับเงินส่วนนี้เอาไว้ แต่ถ้าเธอมีปัญหาเมื่อไหร่เธอต้องบอกพ่อกับแม่เข้าใจไหมอย่าแบกรับอะไรไว้คนเดียวเพราะไม่ว่ายังไงเราก็คือครอบครัวเดียวกัน” คุณแม่ลู่พูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกุมมือของหลินซี
หลินซีก็พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ฉันรู้ค่ะคุณแม่ถ้ามีปัญหาอะไรฉันจะบอกคุณพ่อกับคุณแม่แน่นอนค่ะ”
“ครอบครัวของพวกเราผิดต่อเธอมากจริงๆ เดี๋ยวฉันจะให้แม่ของเธอเขียนจดหมายไปด่าเ้าลูกชายในกองทัพเสียหน่อย หากเขากลับมาเมื่อไหร่ฉันจะตีเขาให้ขาหักเลย เป็ลูกผู้ชายแท้ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้” คุณพ่อลู่พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม
หลินซีที่ได้ยินคำพูดของคุณพ่อลู่เธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะเธอไม่ได้รักลู่หานเหมือนเ้าของร่างเดิมที่จะยอมสละทั้งชีวิตเพื่อรอเขา หากเขากลับมาเมื่อไหร่เธอก็พร้อมจะหย่ากับเขาและออกจากบ้านหลังนี้ไปใช้ชีวิตด้วยตัวของเธอเอง
หลังจากแบ่งเงินกันเสร็จลงตัวแล้วหลินซีก็ทำความสะอาดโต๊ะกับล้างจานและขอให้พ่อแม่สามีนั่งพักผ่อนอยู่ที่บ้านไม่ต้องลงไปทำงานในไร่่บ่ายแล้ว ทั้งสองก็ยอมทำตามคำขอของหลินซีอย่างว่าง่าย หลังจากนั่งเล่นในลานบ้านได้ไม่นานทั้งสองก็เข้าไปนอนพักผ่อนในห้อง
ส่วนหลินซีก็เตรียมของที่จะใช้ทำซาลาเปาในวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้เธอกับพ่อแม่สามีคุยกันแล้วว่าตั้งใจจะทำซาลาเปาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งร้อยลูกจากเดิมหนึ่งร้อยห้าสิบลูกเป็สองร้อยห้าสิบลูกเธอทำเพิ่มมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว สองร้อยห้าสิบลูกคือกำลังที่เธอกับพ่อแม่สามีทำไหวหลินซีคำนวณผักกับหมูที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ก็พบว่ามันเพียงพอสำหรับแค่วันพรุ่งนี้เท่านั้น หลินซีตั้งใจว่าหลังจากขายซาลาเปาเสร็จวันพรุ่งนี้เธอค่อยไปซื้อของในตลาดมาเพิ่ม
หลังจากเตรียมของเสร็จหลินซี ก็ทำอาหารมื้อเย็นด้วยเลย อาหารมื้อเย็นหลินซีเลือกทำเป็เต้าหู้ยัดไส้หมูสับเห็ดหอม เต้าหู้นี้พวกเธอไม่ได้ซื้อมาแต่เป็เต้าหู้ที่คุณป้าข้างบ้านนำมาฝาก เมื่อได้ลองกินเต้าหู้นี่ก็พบว่ารสชาติค่อนข้างดีเลยทีเดียวไม่มีกลิ่นเหม็นของถั่วเลยแม้แต่น้อย และก็ทำหมูผัดมะเขือยาวอีกหนึ่งอย่างเท่านี้อาหารมื้อเย็นสำหรับครอบครัวก็เพียงพอแล้ว
คุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่ตื่นมาก็พบกับอาหารบนโต๊ะที่ลูกสะใภ้เตรียมเอาไว้พร้อมสำหรับรับประทานบนใบหน้าทั้งสองก็มีแต่รอยยิ้มเบิกบานและอาหารมื้อนี้ทั้งสองก็กินกันอย่างมีความสุข เพราะไม่ต้องมีความกังวลและความกดดันอะไรมาก
เพราะหลังจากที่รู้ว่าหลินซีจะขายซาลาเปาคุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่ก็กังวลจนกินอะไรไม่อร่อย แต่พอได้ลองไปขายซาลาเปาก็พบว่ามันสามารถขายได้คุณพ่อลู่ที่มีความสุขบวกกับอาหารที่หลินซีทำมันอร่อยมากทำให้คุณพ่อลู่กินข้าวไปถึงสาม ชามจากเดิมกินเพียงแค่สองชาม ส่วนคุณแม่ลู่ก็กินข้าวเพิ่มไปถึงสองชามหลังจากมื้ออาหารหลินซีก็เตรียมผลไม้อย่างสาลี่เอาไว้ให้กินด้วย
หลังจากกินข้าวเสร็จก่อนไปอาบน้ำหลินซีก็มาเช็คความเรียบร้อยในห้องครัวอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างไม่มีปัญหาแล้วหลินซีก็อาบน้ำและก็เข้าห้องนอนของเธอไป
ส่วนคุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่ก็ยังนอนเล่นบนเก้าอี้โยกอยู่ในลานบ้าน
แต่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากหน้าบ้าน
คุณพ่อลู่จึงรีบลุกออกไปเปิดประตูซึ่งก็พบว่าคนที่เคาะประตูไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็พี่สะใภ้ใหญ่ของคุณพ่อลู่นั่นเอง ป้าสะใภ้ใหญ่ก่อนจะเข้ามาในบ้านเธอก็มองซ้ายมองขวาทำตัวลับๆ ล่อๆ ราวกับกลัวว่ามีคนมาเห็น
“พี่สะใภ้เป็อะไรครับเนี่ย” คุณพ่อลู่ถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าทีแปลกๆ ของพี่สะใภ้
“เข้าไปคุยกันในบ้านเถอะ” คุณป้าสะใภ้ใหญ่พูดด้วยใบหน้าจริงจังทำให้คุณพ่อลู่ที่มาเปิดประตูให้ก็รีบเดินตามหลังไปเพราะกลัวว่าพี่สะใภ้ใหญ่มีเื่สำคัญอะไรจะพูด
“น้องชายสามน้องสะใภ้สามฉันได้ยินฟางหงบอกคนในหมู่บ้านว่าพวกเธอทำซาลาเปาไปขายในเมืองจริงหรือเปล่า”
คุณพ่อลู่ที่ตอนแรกนึกว่าพี่สะใภ้มีเื่สำคัญอะไร เมื่อคิดว่าแค่มาถามเื่ที่พวกเขาไปขายซาลาเปาในเมืองคุณพ่อลู่ก็ถอนหายใจ
“ใช่แล้วพวกเราไปขายซาลาเปาในเมืองจริง เื่นี้ก็ไม่ใช่ความลับอะไรพี่สะใภ้ไม่ต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ แบบนี้ก็ได้” คุณแม่ลู่มองท่าทางร้อนรนของพี่สะใภ้ก็รู้สึกขบขัน
“เหอะ ฉันพูดจริงๆ นะทำงานในไร่มันก็ดีอยู่แล้ว ทำไมพวกเธอต้องหาเื่ให้ตัวเองและไปทำตามลูกสะใภ้พวกเธอด้วย ฉันรู้นะว่าเื่การขายซาลาเปานี้ไม่ใช่ความคิดของพวกเธอถ้าหล่อนอยากเป็บ้าก็ปล่อยให้หล่อนบ้าไปคนเดียว พวกเธอจะไปบ้าตามหล่อนทำไม” คุณป้าสะใภ้ใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ คุณแม่ลู่พร้อมกับมองไปที่คุณพ่อลู่สลับกับคุณแม่ลู่ด้วยความไม่เข้าใจ
ตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างก็มองครอบครัวของน้องชายคนที่สามของสามีของเธอว่าเป็ตัวตลก เธอไม่พอใจคนพวกนั้นและอยากจะเถียงแต่เธอก็ไม่กล้าเถียงเพราะเธอก็มีความคิดไม่ต่างจากพวกนั้น และคิดว่าน้องชายสามีกับน้องสะใภ้ทำไมถึงได้บ้าจี้ตามลูกสะใภ้ของตนเองแบบนี้
คุณแม่ลู่มองหน้าพี่สะใภ้ใหญ่ของตนที่มีใบหน้าเคร่งเครียดเธอก็อดหัวเราะไม่ได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“อะไรกันฉันจริงจังขนาดนี้เธอยังมีหน้ามาหัวเราะอีกรู้ไหมว่าคนในหมู่บ้านพูดถึงครอบครัวของพวกเธอว่ายังไงบ้าง”
“พวกเขาจะพูดถึงครอบครัวพวกเรายังไงฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ ฉันกับสามีเองก็ไม่ได้เสียสติถึงขนาดนั้นที่ลูกสะใภ้พาทำอะไรพวกเราก็ทำตามไปเสียหมด พวกเราอายุมากขนาดนี้พวกเรารู้ดีว่าพวกเราทำอะไรอยู่ และอีกอย่างวันนี้ที่พวกเราทำซาลาเปาไปขายในเมืองมันก็ขายได้จริงนะไม่ใช่เื่ตลกและก็ขายได้หมดด้วย” คุณแม่ลู่พูดด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเบิกบาน
คุณป้าสะใภ้ใหญ่มองใบหน้าคุณแม่ลู่ก็เหมือนไม่ใช่คนพูดโกหกอะไรและอีกอย่างเธอก็รู้จักน้องสะใภ้คนนี้ดีคงไม่มีทางพูดโกหกเธอแน่นอน
คุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่เคยพูดกับหลินซีแล้วว่าเื่พวกนี้ไม่จำเป็ต้องปิดบังใครสามารถพูดออกไปได้ทั้งหมด แค่ไม่ต้องพูดสูตรซาลาเปาก็พอคุณแม่ลูกจึงพูดเื่ที่ไปขายซาลาเปาในเมืองวันนี้ให้คุณป้าสะใภ้ใหญ่ฟังทั้งหมด
“จริงหรอซาลาเปาแค่นี้จะมีคนซื้อหรอถ้าง่ายขนาดนั้นฉันก็จะลองทำไปขายดูบ้าง” คุณป้าสะใภ้ใหญ่พูดด้วยท่าทางตื่นเต้น
คุณแม่ลู่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำเพียงยิ้มตอบรับเท่านั้น
แม่ลู่ไม่กลัวว่าจะมีคนทำซาลาเปาอร่อยไปกว่าหลินซีเพราะั้แ่เธอเกิดมาเธอก็ไม่เคยเห็นใครในหมู่บ้านทำซาลาเปาได้อร่อยขนาดนี้ซาลาเปาที่หลินซีทำทั้งไส้แน่นลูกโตแป้งก็นุ่มมากแล้วอีกอย่างซาลาเปาก็อร่อยมาก เพราะฉะนั้นเธอไม่กลัวเลยว่าจะมีคนทำซาลาเปามาขายแข่งกับพวกเธอเพราะพวกเธอมีจุดขายเป็ของตนเองหากใครจะมาขายจริงๆ คุณแม่ลู่ก็ไม่สามารถห้ามใครได้
“ได้สิถ้าพี่สะใภ้มั่นใจว่าซาลาเปาที่พี่ทำอร่อย พี่ก็ทำลองไปขายดูเถอะค่ะแต่ถ้าขายไม่ได้พี่ห้ามมาโทษฉันนะ” คราวนี้คุณแม่ลู่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น
“ขนาดเธอยังขายได้เลยไว้ฉันจะลองกลับไปคุยกับคนในครอบครัวดูก่อน” คุณป้าสะใภ้ใหญ่รีบกลับบ้านไปด้วยความรวดเร็วคุณพ่อลู่ก็ทำเพียงแค่ส่ายหัวและก็หันไปมองภรรยาด้วยรอยยิ้ม
คุณพ่อลู่กับคุณแม่ลู่นอนเล่นอยู่ในลานบ้านอีกสักพักทั้งสองก็กลับเข้าไปนอนในห้อง
วันต่อมาหลินซีกับครอบครัวตื่นเช้ากว่าเมื่อวานหนึ่งชั่วโมงวันนี้ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองแล้วไม่ต้องรอให้หลินซีคอยบอกทุกครั้ง
คุณพ่อลู่ก็มีหน้าที่นวดแป้งกับช่วยหั่นผักและก็ช่วยคุมไฟเมื่อช่วยกันคนละไม้คนละมือไม่นานก็เตรียมซาลาเปาเสร็จทั้งหมดและก็ช่วยกันยกขึ้นรถ
วันนี้ทั้งสามออกจากบ้านเช้ากว่าเมื่อวานเมื่อออกมาจากบ้านก็ไม่มีใครมาขวางให้เสียเวลาเหมือนเมื่อวาน
“คุณป้าครับซาลาเปาที่คุณป้าทำอร่อยมากเลยครับ” ชายหนุ่มที่เพิ่งซื้อซาลาเปาไปเขาก็ยืนกินที่หน้าร้านเขาเอ่ยชมพร้อมกับเคี้ยวซาลาเปาในปาก
“ใช่ครับเมื่อวานนี้ตอนที่ผมได้กินซาลาเปาของร้านคุณป้าพอกลับบ้านไปภรรยาผมก็ทำซาลาเปาแต่ซาลาเปาที่ภรรยาทำมันไม่อร่อยเลยครับ” ชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก็พูดพร้อมกับหัวเราะ
วันนี้ถึงแม้จะทำซาลาเปาเพิ่มขึ้นมาอีกร้อยลูกแต่พอขายไม่นานคนที่ได้ลิ้มลองเมื่อวานนี้แล้วรู้สึกว่าอร่อยก็ต่างกลับมาซื้ออีกและก็มีลูกค้าใหม่ที่ได้ยินว่าซาลาเปาร้านนี้อร่อยก็ต่างพากันมาซื้อ
หลินซีที่ได้รับคำชมจากลูกค้าว่าซาลาเปาที่เธอทำนั้นอร่อยมากเธอก็ยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว
หลังจากขายซาลาเปาหมดภายในหนึ่งชั่วโมง หลินซีกับคุณพ่อลู่คุณแม่ลู่ก็เข็นรถไปที่ตลาดคราวนี้หลินซีมีเงินในมือมากเธอเลยซื้อแป้งสำหรับทำซาลาเปาไปมากกว่าหนึ่งร้อยชั่งและก็ซื้อหมูติดมันไปสามชั่งและก็หมูสามชั้นอีกหนึ่งชั่งและหลินซีก็ซื้อเห็ดหอมที่มีในตลาดทั้งหมด
เพราะเห็ดหอมพวกนี้เป็เห็ดหอมป่า พอหมดฤดูของเห็ดหอมแล้วก็จะไม่สามารถเก็บได้ แต่เธออยากทำไส้เห็ดหอมตลอดทั้งปี เพราะซาลาเปาไส้เห็ดหอมเป็เป็ไส้ที่มีคนชื่นชอบรองจากไส้หมู เธอจึงคิดจะซื้อเห็ดหอมที่มีทั้งหมดนำกลับไปตากไว้เพื่อใช้ในตอนที่ไม่มีเห็ดหอมขายในตลาดแล้ว
ในระหว่างทางกลับหลินซีก็ได้คำนวณเงินที่ใช้ไปสำหรับซื้อของในวันนี้และก็คำนวณเงินรายได้พร้อมกับแบ่งเงินให้พ่อแม่สามี
“วันนี้เราทำซาลาเปาเพิ่มมาหนึ่งร้อยลูกทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้นฉันคิดว่าจะทำซาลาเปาแค่วันละสองร้อยห้าสิบลูกเท่านั้น ถ้าหมดหากใครอยากกินก็ต้องรอวันถัดไปคุณพ่อคุณแม่ว่าดีไหมคะ”
สำหรับคุณพ่อลู่คุณแม่ลู่แล้วทั้งสองก็ไม่ได้มีความคิดอะไรหลินซีว่าอย่างไรพวกเขาก็ว่าอย่างนั้น
“คุณพ่อรอขายซาลาเปาเก็บเงินไปได้อีกหน่อยคุณพ่อไปหาหมอนะคะ”
คุณพ่อลู่เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสะใภ้ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องหรอกพ่อร่างกายแข็งแรงดีไม่ได้ป่วยเป็อะไรสักหน่อย”
“ไม่ได้ค่ะฉันได้ยินว่าคุณพ่อมีอาการปวดหลังคุณพ่อไปให้หมอตรวจดูหน่อยนะคะถ้าไม่เป็อะไรก็ดีแต่ถ้าเป็พวกเราก็จะได้รีบรักษาให้เร็วแค่ไปหาหมอไม่เสียเวลานานหรอกค่ะ”
คุณแม่ลู่ก็อยากให้สามีไปหาหมอแต่ก่อนเพราะกังวลปัญหาเื่เงินแต่ตอนนี้ทั้งสองก็มีรายได้จากการขายซาลาเปาแล้ว คุณแม่ลู่ก็พยักหน้ารับเห็นด้วยกับหลินซี
“ฉันเห็นด้วยกับหลินซีพูดนะไว้ว่างๆ ฉันจะพาคุณไปหาหมอถ้าหมอบอกว่าไม่เป็อะไรก็ดีถ้าเป็ก็จะได้รักษาให้ทัน” คุณแม่ลู่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง
“ก็ได้ก็ได้ ฉันไปก็ได้” คุณพ่อลู่ที่คัดค้านภรรยากับลูกสะใภ้ไม่ไหวก็ได้ยอมรับปากว่าจะไปหาหมอ
หลังจากกลับมาถึงบ้านทั้งสามก็ช่วยกันจัดของที่ซื้อมาเอาไว้ในห้องโถงในบ้าน หลินซีอยากจะทำไส้ซาลาเปาเพิ่มอีกเพื่อเพิ่มความหลากหลายแต่เธอยังไม่คิดตอนนี้ แต่เธอก็มีแผนว่าจะปรึกษาเื่ไส้ของซาลาเปากับพ่อแม่สามีอยู่เหมือนกัน
แต่ก็จะลองทำออกมาชิมดูก่อนหากพ่อแม่สามีว่าอร่อยเธอค่อยนำไปลองขายดูว่าจะขายได้ไหม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้