ในคืนนั้นมู่เทียนหนานพักอยู่ในห้องพักรับแขกของบ้านหลินหลินลั่วหรานพักในตึกแยกออกมาที่บริเวณหลังบ้านเพียงคนเดียวจึงห่างออกมาจากเขาค่อนข้างมาก และนั่นก็ทำให้เธอสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
ในเวลาปกติแล้วตอนกลางคืนหลินลั่วหรานจะเข้าไปฝึกอยู่ในพื้นที่ลึกลับเสียส่วนใหญ่แต่เนื่องจากตอนนี้มีคนนอกอยู่ด้วย หลินลั่วหรานจึงปูเสื่อในห้องแล้วทดลองตั้งสมาธิในห้องนอนของเธอ
การไปรุยลี่ครั้งนี้ ทำให้ได้ตอกกลับไอลี่ผู้แสนก้าวร้าวการได้เก็บตกหินแร่กลับมาเองก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดแต่สิ่งที่ทำให้หลินลั่วหรานมีความสุขที่สุดก็คือ พลังที่อยู่ในเหล่าหินแร่ที่ชายพม่านำมาขายนั้นต่างถูกเธอดูดซึมมาจนหมดเกลี้ยง สิ่งที่เธอได้รับมามันน่าจะมากกว่าที่ทำงานที่หลิ่วชื่อตลอดทั้งเดือนเสียอีก!
หลินลั่วหรานเพียงรวบรวมสติเข้าไปในไข่มุกก็สามารถรับรู้ได้ถึงเส้นพลังที่ขยับไหลเวียนอยู่ภายในไร่ยา พลังของพืชชนิดต่างๆต่างผสมอยู่ด้วยกัน จนทำให้หลินลั่วหรานอยากจะทิ้งตัวเข้าไปในพื้นที่ลึกลับแต่เมื่อนึกถึงคนที่พักอยู่ที่ตึกหน้าอย่างมู่เทียนหนานเธอก็รู้สึกว่าคงอันตรายเกินไป
เธอเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนมา หลินลั่วหรานระงับความอยากที่จะเข้าไปในพื้นที่ลึกลับของตัวเองเอาไว้ ตัดสินใจสงบลงพร้อมนั่งสมาธิ
ภายในสมองของเธอคิดถึงการกำหนดลมหายใจตามที่อาจารย์เจี่ยสอนมาหลินลั่วหรานเข้าสู่สภาวะการมองภายในอีกครั้ง ด้วยพลังที่ไข่มุกดูดซึมมาไม่เพียงแต่เติมเต็มไปทั่วสายโลหิตของหลินลั่วหราน แถมยังแยกออกไปเพื่อบำรุงกระดูกและชำระล้างกล้ามเนื้ออีกด้วย
หลินลั่วหรานสงบใจตั้งสมาธิ พลังเริ่มขยับออกช้าๆไปตามการออกแรงกระตุ้นของเธอ ไหลอยู่ในสายโลหิตไปมาเธอรู้สึกว่าผลที่ได้รับมาครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก เธอ “มอง” และเพ่งไปยังพลังภายในตัวหลินลั่วหรานตั้งใจว่าภายในคืนนี้เธอจะลองตั้งใจดูให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้รู้ว่าสิ่งที่ขวางที่ไม่เคยโดนทำลายออกได้นั้นจะสามารถโอนอ่อนลงได้บ้างหรือไม่
สถานการณ์ของหลินลั่วหรานในตอนนี้เื่ที่ทำให้กังวลนั้นไม่ใช่เื่ที่พลังอาจจะไม่พอ เธอมีไข่มุกอยู่ข้างกายคอยปล่อยพลังออกมาให้เธอไม่หยุด ดังนั้นตอนนี้ภายในร่างกายของเธอจึงมีพลังอยู่มากแต่กลับลำบากที่ไม่สามารถควบคุมมันได้จึงได้ถลึงตาใส่สิ่งที่อยู่ในเส้นเืของตัวเอง
หลินลั่วหรานรวบรวมสมาธิมองลงไป พลังนั้นเป็ราวกับเส้นบางอย่างซนๆที่พุ่งทะยานไปทั่วสายโลหิต พันเกี่ยวรัดกันไปมา หากเธอไปบังคับให้มันขยับก็จะทำได้เพียงแค่รวมมันเข้าด้วยกัน
อืม? ถ้าหากว่าจัดการรวบรวมพลังที่กระจายไปทั่วเข้าด้วยกันก่อนแล้วค่อยขยับล่ะ?
หลินลั่วหรานคิดขึ้นมาได้ในหัว เธอรู้ว่าตอนนี้เธอหาทางที่ถูกต้องพบแล้วเธอจึงใช้ความอดทนในการจัดการพลังเ่าั้ ค่อยๆ ทำต่อไปอย่างต่อเนื่องจากที่ตอนแรกผสมปนเปกันอยู่ หลินลั่วหรานก็หาจุดเริ่มต้นของเส้นพลังทั้งสองได้พบและนำมันเข้ารวมกันเป็เส้นพลังเส้นใหญ่ขึ้นมา ก่อนจะไปตามหาเส้นที่สามและสี่ทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความอดทน ด้วยการใช้เส้นพลังที่ใหญ่กว่าในการดูดซึมเส้นที่เล็กกว่าเข้ามาไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไรในที่สุดเธอก็สามารถรวบรวมพลังที่กระจายอยู่ทั้งหมดได้!
เธอมองไปยังพลังที่ถูกเธอรวบรวมไว้จนเป็หนึ่งแต่ยังมีบางส่วนที่พยายามจะขัดขืน หลินลั่วหรานไม่ได้สนใจมันมากนักก่อนจะหัวเราะออกมา
เธอไม่ได้สนใจการคัดค้านของเหล่าพลัง และพยายามรวบรวมมันอย่างไม่หยุดหย่อนดูราวกับดินเหนียวปั้นของลั่วตงไม่มีผิด เธอค่อยๆบีบอัดช่องว่างของพลังเข้าด้วยกัน จนกลายเป็หนึ่ง
เธอพยายามอย่างยากลำบากจนในที่สุดหลินลั่วหรานก็สามารถควบคุมพลังได้ทั้งหมดเธอดีใจขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอสั่งให้พลังไหลไปตามเส้นโลหิตอย่างระมัดระวัง เธอถูกผลไม้อัคนีลูกนั้นชำระไขสันหลังไปจนสิ้นสิ่งที่คนทั่วไปมักจะพบในการฝึกอย่างสายโลหิตติดขัดนั้น ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ความยากลำบากของหลินลั่วหรานไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้แต่เป็การที่เธอไม่มีผู้ฝึกที่มีชื่อเสียงมาให้คำแนะนำ ไม่มีวิธีการใดๆ ให้ฝึกไม่มีเพื่อนร่วมทางให้ได้ปรึกษา ทั้งหมดต่างก็เป็สิ่งที่เธอคิดขึ้นมาเองทั้งนั้นโดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรจึงจะนับได้ว่าถูกต้อง
เส้นทางของผู้ฝึกศาสตร์นั้นยากลำบากแต่หลินลั่วหรานยินดีที่จะเสียเวลากว่าหนึ่งร้อยเท่าในการฝึกแต่เธอไม่อยากจะต้องเดินกลับไปในโลกเล็กๆ ของคนธรรมดาได้อีกต่อไปแล้ว
เส้นทางของเธอ ยิ่งเดินก็เหมือนจะยิ่งห่างออกไป โลกใบนี้เองก็อาจจะยิ่งถูกเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆใช่ไหม?
“ปึง” ราวกับมีดอกไม้ไฟะเิขึ้นต่อหน้าของเธอมันเหมือนกับครั้งก่อน ที่อยู่ๆ เธอก็สามารถ “มองเห็นภายใน” ขึ้นมาได้ พลังที่อยู่ภายใต้การควบคุมของหลินลั่วหรานในที่สุดก็สามารถผ่านเส้นทางสายเืมาได้ จนถึงจุดปลายสุดอย่างสมบูรณ์!
หลินลั่วหรานพ่นกลุ่มควันพิษออกมาทั้งร่างของเธอรู้สึกสบายจนยากที่จะหาสิ่งใดมาเปรียบ เธอรู้สึกราวกับทุกๆรูขุมขนรอบตัวของเธอกำลังเปิดออก และดูดซับพลังจากไข่มุกอย่างตะกละตะกลาม
หลินลั่วหรานสงบใจลง ก่อนจะควบคุมให้พลังเ่าั้รวมกันเป็หนึ่งข้ามผ่านเส้นทางที่เพิ่งผ่านมา เพื่อเดินทางต่อไปยังจุดปลายสุด
ฤดูหนาวทำให้อุณหภูมิลดลงต่ำ อากาศเต็มไปด้วยความแห้ง แต่ตึกที่หลินลั่วหรานพักอยู่นั้นกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเพราะการฝึกของเธอ
ภายในค่ำคืนอันเงียบสงบ ภายในบ้านหลินแห่งนี้ นอกจากหลินลั่วหรานแล้วต่างก็พากับหลับฝันเข้านิทรา แต่ในตอนนั้นเองกระดิ่งที่ชายคาของตึกกลับขยับสั่นไหวขึ้นมาโดยไร้แรงลม
เพียงเบาบาง ราวกับการกระทำของลม แต่หลินลั่วหรานกลับลืมตาขึ้น
......
ร่างในชุดดำแอบพลิกตัวลงทางหน้าต่างจากระยะห่างของตึกสองชั้นและเพราะว่าตึกของหลินลั่วหรานนั้นตั้งอยู่ภายในดินโคลนฝีเท้าของคนชุดดำจึงไร้เสียง
เงียบเชียบราวกับแมวตัวน้อย เพียงการะโไม่กี่ก้าวเขาก็เข้ามาอยู่ใต้ตึกที่หลินลั่วหรานพักอาศัย
เมื่อมองไปยังตึกสวยงามตรงหน้า คนชุดดำก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้มผู้หญิงคนนี้ยังจะอยู่ในตึกแยกแบบนี้อีก ทำตัวราวกับเป็คุณหนูของทุกคนเสียจริงคนชุดดำยิ้มเยาะออกมาเล็กน้อย ไม่อยากจะยอมรับว่า คนที่พักอยู่ภายในนี้ความจริงเป็เพียงสาวบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้นแต่กลับมีความงดงามมากกว่าใครที่เขาเคยได้พบมา
คนชุดดำพิจารณาอยู่ชั่วครู่ราวลูกกรงไม้ของตึกสวยช่วยอำนวยความสะดวกของเขาได้มาก เพียงแค่ออกแรงยืดเท้าออกมาเขาก็สามารถะโขึ้นสูงไปยังท้องฟ้า สองมือคว้าเข้าที่ราวไม้
คนชุดดำไม่ได้รีบเข้าไปด้านในแต่กลับซ่อนตัวอยู่บริเวณหน้าต่างแล้วมองเข้าไปแทน คืนนี้แสงจันทร์ฉายคนชุดดำคิดว่าเขาจะต้องได้เห็นร่างที่หลับสนิทของสาวสวยอยู่เป็แน่แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาของเขา มีเพียงแค่มุ้งที่ขยับสั่นไหวโดยไร้ร่องรอยของเ้าของเตียง
ในเวลานั้นเอง หลินลั่วหรานกำลังอยู่ในระหว่างทำสมาธิความจริงตัวของเธอก็อยู่ในภายในห้องนั้น ภายใต้แสงจันทร์สลัวเห็นได้ชัดว่ามีคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องแต่คนชุดดำกลับดูราวกับว่ามองไม่เห็นเธอ ความจริงนั้นเป็เพราะว่าหลินลั่วหรานกำลังอยู่ในสมาธิขั้นสุดทั่วทั้งร่างของเธอเบาสบาย จนราวกับจะหลอมรวมเป็หนึ่งกับสิ่งรอบข้างทำให้เกิดภาพลวงราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องขึ้นมา
คนชุดดำมีความสามารถเหนือผู้อื่น เมื่อเห็นว่าในห้องไร้ผู้คนก็ตัดสินใจเข้ามาตรวจสอบภายในห้อง เขาขยับข้ามรั้วไม้เข้ามา
ตึกนี้มีอายุยาวนาน ไม้จึงเริ่มคลายออก ภายใต้การสั่นไหวก็ทำให้กระดิ่งที่มุมห้องส่งเสียงดังขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าไม่ดีนัก เขาจึงหลบตัวลงใต้หน้าต่างเมื่อไม่ได้พบความปกติอะไร เขาก็พลิกตัวเข้ามา แต่่ที่กระดิ่งดังขึ้นมานั้นหลินลั่วหรานที่อยู่ในการตั้งสมาธิก็ลืมตาขึ้นมา ั์ตาสีดำสนิทภายใต้แสงจันทร์เปล่งประกายออกมาราวกับแสงดาว!
เมื่อหลุดออกมาจากสมาธิหลินลั่วหรานก็ไม่ได้สงสัยััที่อยู่รอบกายของตัวเอง ในตอนนั้นเองคนชุดดำััได้ถึงััของผู้มีความสามารถชั้นสูงเขาใพร้อมทั้งพุ่งมือไปทางหลินลั่วหราน
การตอบสนองแรกของหลินลั่วหรานคือการหลบออก ด้วยความเร็วของเธอในตอนนี้การหลบออกมาก็เป็เื่ง่ายๆ ภายในความกังวลนั้น อยู่ๆ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เราคงจะหลบหนีไม่ได้ทุกครั้งใช่ไหม? อีกอย่างขโมยนี่ก็กล้าเกินไปแล้วถึงได้มาถึงที่ที่เธออยู่แบบนี้ หากเป็ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปแล้วยิ่งอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็คงจะไม่สามารถขัดขืนอะไรได้แล้ว?
หลินลั่วหรานนึกถึงพลังที่เพิ่งเคลื่อนย้ายไปจนถึงปลายทางขึ้นมาก่อนจะเงื้อมือออกสู้กับอีกฝ่าย ไท่เก๊กที่อาจารย์เจี่ยสอนมาเธอฝึกไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง ที่จริงก็น่าสนใจอยู่นี่นา!
นี่มันระดับสูง! เมื่อมองไปยังการสะบัดมือเพียงเบาๆของเธอ คนสวมชุดดำก็เกิดความคิดป้องกันตัวขึ้นมาในหัวแต่กลับไม่มีทางหลบหมัดที่ดูช้าเฉื่อย แต่กลับไร้การหลบหนีนี้ได้
“ปัก!”
ทั้งสองมัดปะทะกัน เสียงหึดังออกมาจากปากของชายชุดดำร่างของเขาถอยห่างออกไป โซเซจนเกือบยืนไม่อยู่
“นาย!” หลินลั่วหรานเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย เธอส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโมโหปนใ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้