ผู้ดูแลสกุลจางปรายตามองทุกคนภายในห้อง เอ่ยเสริมว่า“เื่นี้ไม่อาจขยายความออกไป เกรงว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงคุณหนูในจวนของพวกเรารบกวนพวกท่านอย่าได้แพร่งพรายสู่คนนอก”
สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “พวกเ้าวางใจเป็พอสกุลของพวกเราไม่ใช่คนปากมากเช่นนั้น”
“ถ้าเช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี” สตรีแซ่จางฉินหันหน้ามาหาอวี๋เจียวเอ่ยต่อไปว่า “คุณหนูในจวนไม่อาจมาหาหมอเพื่อตรวจโรคยังต้องรบกวนแม่นางเมิ่งไปที่จวนสกุลจางของข้าสักหน”
อวี๋เจียวเห็นชอบด้วยความยินดี เอ่ยพลางพยักหน้าว่า “ได้เ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่ที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ส่งเสียงใดแน่นอนว่าเขาไม่คิดขัดขวางหากสามารถไปตรวจโรคให้สกุลมั่งคั่งในตำบลยิ่งไปกว่านั้นคนสกุลร่ำรวยเช่นนั้นยังให้ค่ารักษาเป็จำนวนมากต่อให้อวี๋เจียวไม่ตอบรับ เขาก็จะตอบรับแทนนาง
“ถ้าเช่นนั้นวันนี้ก็ไปที่จวนเป็อย่างไร?” สตรีแซ่จางฉินเอ่ยถามต่อไป
อวี๋เจียวพยักหน้า “ย่อมได้เ้าค่ะ เพียงแต่ข้ายังไม่กินข้าวรอกระทั่งกินข้าวเสร็จค่อยเดินทางไปพร้อมกับพวกท่าน”
สตรีแซ่จางฉินพยักหน้าระรัว เอ่ยพลางแย้มยิ้ม“พวกเราสองสามีภรรยาบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว เป็เพราะฮูหยินในจวนเร่งเร้ามากจริงๆ ”นางมองไปทางอวี๋เจียว อวี๋หรูไห่และสตรีแซ่อวี๋โจวอย่างค่อนข้างรู้สึกผิด“ต้องขอโทษจริงๆ ทำให้เสียเวลากินข้าวของพวกท่านแล้ว”
“ไม่เป็อะไรๆ ” สตรีแซ่อวี๋โจวหัวเราะอย่างเป็มิตรจากนั้นสั่งให้สตรีแซ่ซ่งไปตักข้าว
ภายในใจของอวี๋หรูไห่มีแผนการอื่น สกุลจาง้ารักษาโรคสตรีเห็นได้ชัดว่าเขาตามไปไม่ได้แต่หากจะปล่อยให้อวี๋เจียวตามสองสามีสกุลจางไปจวนสกุลจางเพียงลำพังก็ยังไม่วางใจนอกจากนั้นไม่เอ่ยถึงเื่ที่อวี๋เจียวไม่เจนโลกจนอาจเอ่ยวาจาพลาดพลั้งสร้างความหมางใจกับผู้อื่นหลังไปถึงจวนสกุลจาง เขากลัวว่านางจะฉวยโอกาสนี้หนีไป
อวี๋หรูไห่เข้าใจกระจ่างแจ้งยามนี้เมิ่งอวี๋เจียวก็คือต้นไม้เขย่าเงินของสกุลอวี๋ ระยะเวลาสั้นๆเพียงครึ่งเดือนกลับหาเงินค่ารักษาได้มากกว่าตลอดทั้งหนึ่งปีของเขามิหนำซ้ำยังทำให้สกุลมั่งคั่งเช่นสกุลมู่และสกุลจางมาเยือนถึงหน้าประตูเพื่อตรวจไข้หากมีเมิ่งอวี๋เจียวอยู่ ภายหน้าจะต้องมีคนไข้จากสกุลร่ำรวยอีกเป็จำนวนไม่น้อยแน่นอนไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาจะต้องจับตาดูคนเอาไว้ให้ดี
เขาคิดใคร่ครวญภายในใจครู่หนึ่ง อาหารภายในห้องโถงก็จัดวางเสร็จเรียบร้อยแล้ว
สตรีแซ่อวี๋โจวพูดคุยกับสตรีแซ่จางเป็เวลาครู่ใหญ่เชื้อเชิญคนทั้งสองให้ร่วมทานอาหารอีกสักหน่อย คนทั้งสองต่างปฏิเสธเอาแต่นั่งดื่มชาอยู่ด้านข้างเท่านั้น
อวี๋ฉี่เจ๋อมาทานอาหารในห้องโถงเช่นกัน อวี๋เจียวนั่งข้างกายเขายกชามข้าวขึ้นตั้งหน้าตั้งตารับประทาน
อวี๋หรูไห่กินข้าวพลางมองไปทางอวี๋เจียวด้วยใบหน้ารักใคร่เอ็นดูปริปากเอ่ยว่า “เ้าเป็สตรี หากออกไปข้างนอกเพียงลำพัง ปู่ไม่วางใจอย่างยิ่งมิสู้ให้จือหางตามเ้าไปด้วยเถิด”
อวี๋เจียวใคร่ครวญครู่หนึ่ง ถึงตอนนั้นนางจะต้องเขียนเทียบยาแม้จะฝึกคัดอักษรกับอวี๋ฉี่เจ๋อมาเกือบเดือนแล้วทว่าตัวอักษรยังคงน่าเวทนาเกินกว่าจะทนดูได้
อวี๋จือหางเคยเรียนในสำนักศึกษาไม่กี่ปีน่าจะไม่มีปัญหาเื่เขียนเทียบยา ดังนั้นนางจึงพยักหน้ารับ
อวี๋ฝูหลิงที่อยู่ด้านข้างนึกอยากจะตามอวี๋เจียวไปศึกษาวิธีตรวจโรคแต่เกรงว่าอวี๋หรูไห่จะไม่เห็นด้วยนางจึงส่งสายตาไปทางอวี๋เจียว
เมื่อเห็นแม่นางน้อยขยิบตาให้ระรัว อวี๋เจียวเอ่ยปากออกไปว่า“ฝูหลิงก็ไปด้วยกันเถิด นางตามไปด้วยจะได้สะดวกสักหน่อยเ้าค่ะ”
อวี๋หรูไห่คิดว่าผู้ที่จะตรวจโรคของสกุลจางคือคุณหนูท่านหนึ่งอวี๋จือหางตามไปก็ไม่สะดวกเข้าห้องสตรีที่ยังไม่ออกเรือน ฉะนั้นเขาจึงพยักหน้าหันไปกำชับทางอวี๋ฝูหลิงว่า “ฝูหลิงเ้าคือพี่ใหญ่ถึงอย่างไรแม่หนูเมิ่งก็ยังอายุน้อย เมื่อออกไปทำงานข้างนอกเ้าจะต้องดูแลเอาใจใส่ให้มากสักหน่อย”
อวี๋ฝูหลิงรีบพยักหน้า “ท่านปู่ ข้าทราบเ้าค่ะ”
หลังจากกินข้าวเสร็จ อวี๋เจียวหยิบผลท้อหนึ่งลูกมาจากตะกร้าบนโต๊ะนับั้แ่มาถึงรัชสมัยไท่เยี่ยน นางยังไม่เคยได้กินผลไม้เลยสักครั้ง!
สตรีแซ่จ้าวเห็นเข้าคิดจะเอ่ยวาจาตำหนิทันใดแต่ถูกสตรีแซ่อวี๋โจวส่งสายตาปรามเอาไว้ กลับเอ่ยไปทางอวี๋เจียวอย่างเอื้อเฟื้อเผื่อแ่่า“ล้างให้สะอาดก่อนแล้วค่อยกิน”