และแล้ววันประลองก็มาถึง ปีนี้มีผู้เข้าร่วมราวๆ สองพันคน คงใช้เวลานานกว่าจะรู้ผล การประลองศิษย์ใหม่นี้จัดมาเพื่อเฟ้นหาศิษย์อัจฉริยะของสำนัก ผู้ที่ได้อันดับดีก็จะได้รับรางวัล และอาจได้เป็ศิษย์ส่วนตัวของผู้าุโ ทุกคนจึงตั้งใจฝึกวิชากันมาก เพื่อที่จะให้ตัวเองได้อันดับที่ดีที่สุด เวทีประลองมีถึงยี่สิบเวที การประลองรอบแรกเป็การตะลุมบอน ในหนึ่งเวทีจะมีร้อยคนที่ต้องประลองกันเพื่อหาผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว ถือเป็การประลองที่โหดร้ายมาก หลังจากได้ผู้ชนะมาครบยี่สิบคนก็จะเริ่มประลองแบบตัวต่อตัว
ในตอนนี้ผู้เข้าร่วมก็มายืนกันครบแล้ว ทางสำนักจึงส่งผู้าุโมาจัดการเตรียมการประลอง “เอาล่ะฟังข้า การประลองจะเริ่มในอีกไม่ช้า ขอให้พวกเ้าทุกคนต่อสู้อย่างเต็มที่” ผู้าุโคนนึงที่ยืนอยู่บนเวทีกล่าวขึ้น
“นั่นมัน… ผู้าุโชางยี่”
“หา?! นั่นน่ะรึเซียนเหยียบเมฆชางยี่ เขาถึงกับมาจัดการงานประลองด้วยตัวเองเชียวรึ? ปีนี้ทายาทอัจฉริยะจากทั้งสี่ตระกูลใหญ่ก็มากันครบ ข้าไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมาด้วยตัวเอง”
“เอาล่ะ ทุกคนมารับหมายเลขแล้วขึ้นไปบนเวทีประลองของตัวเองซะ” ผู้อาสุโสชางยี่กล่าว
พอได้หมายเลขมาแล้วจื่อต้าหลงก็ก้มดูหมายเลขของตัวเอง สนามประลองหมายเลขแปด หลังจากที่ทุกคนได้หมายเลขไปแล้วทั้งหมดก็ค่อยๆขึ้นไปบนเวทีของตัวเอง
“จำไว้รอบแรกจะเป็การสู้พร้อมกันทั้งร้อยคน มีเพียงคนเดียวที่รอดมาได้ ถึงจะได้ไปต่อ เอาล่ะ ข้าจะให้สัญญาณ….”
ศิษย์ทุกคนที่ขึ้นเวทีไปแล้วเริ่มระวังตัวและจ้องกันไปมา ทุกคนต่างลอบเดินลมปราณขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
“เริ่มได้!!!”
สิ้นเสียงของผู้าุโชางยี่ เหล่าศิษย์ต่างเข้าตะลุมบอนกันพัลวล จื่อต้าหลงโครจรเคล็ดวิชาัม่วงอย่างรวดเร็วดวงตาของเด็กน้อยเปล่งประกายสีม่วงเรืองรอง เนตรัม่วงถูกใช้ออกทันทีที่เริ่มต่อสู้ เขาใช้ท่าร่างัม่วงหลบหลีกออกมาจากการตะลุมบอน ทั้งหมัดเท้า วิชายุทธมากมายต่างโถมเขาใส่กันจนวุ่นวายไปหมด เด็กน้อยทำเพียงหลบหลีกเท่านั้น เคล็ดวิชาัม่วงสมแล้วกับที่เป็สุดยอดวิชา เขามองเห็นผู้คนรอบตัวเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า มีเพียงเขาเท่านั้นที่รวดเร็ว เสริมด้วยวิชาท่าร่างัม่วง เด็กน้อยเปรียบเสมือนปลาน้อยไหลหลุดแหในสนามนี้ เขาแทบไม่ได้รับบาดใจหรือโดนลูกหลงใดๆเลย
ขณะเดียวกันนั้นที่สนามประลองหมายเลขหนึ่ง หลิวสุ่ยเยว่ทำเพียงแค่ยืนเฉยๆเท่านั้น เพราะไม่มีใครกล้าไปปะทะกับนางให้ตัวเองเสียเปรียบ นั่นคือผู้ที่บรรลุปราณก่อเกิดขั้นที่ห้าเชียวนะ! สำหรับศิษย์ทั่วไปที่บรรลุเพียงปราณก่อเกิดขั้นหนึ่งถึงสอง ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าไปตอแยนาง
ทางด้านลานประลองหมายเลขห้า คุณชายบัณฑิตลวี่เหรินเองก็ทำเพียงหลบหลีกไม่เข้าไปร่วมตะลุมบอนกับคนอื่นด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มย่อมรู้ดีว่าควรถนอมพลังไว้จึงจะเป็การดีที่สุด
แต่ทางด้านลานประลองหมายเลขสิบห้า เซ่อเฉิงซานแห่งตระกูลเซ่อ กลับเข้าร่วมการตะลุมบอนด้วย เขาเปรียบเสมือนพยัคฆ์ถล่มฝูงแกะ ไล่อัดศิษย์คนอื่นจนร่วงระนาวเป็แถบๆ วิชาหมัดของเขาดุดันมาก คาดว่าอีกไม่นานเขาคงพิชิตลานประลองนี้ได้ก่อนคนอื่น
เวลาไหลผ่านไป หลายสนามก็ได้ตัวผู้ชนะแล้ว เป็ไปตามคาดทายาทจากสี่ตระกูลใหญ่ล้วนเข้ารอบไปหมดแล้ว มีเพียงจื่อต้าหลงเท่านั้นที่ยังสู้ไม่จบ ขณะนี้บนลานประลองเหลือเพียงเขาและศิษย์อีกคนนึงเท่านั้น
“ยอมแพ้เสียเถอะ เ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก” จื่อต้าหลงกล่าวยิ้มๆ
อีกฝ่ายได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า “ข้ามาถึงจุดนี้แล้วจะยอมแพ้ง่ายๆได้อย่างไร มาสู้กันสักตั้งเถอะ”
ศิษย์คนนั้นพูดจบเขาก็พุ่งเข้ามาหาจื่อต้าหลงอย่างรวดเร็ว ด้วยระดับปราณก่อเกิดขั้นที่สามชายหนุ่มมั่นใจเป็อย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะเด็กน้อยตรงหน้านี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ดวงตาของจื่อต้าหลงทอประกายสีม่วงเรืองรอง ในสายตาของเด็กน้อยพลันเห็นอีกฝ่ายเข้ามาจู่โจมอย่างเชื่องช้า ศิษย์คนนั้นปล่อยหมัดขวามาทางใบหน้าของเขาอย่างดุดัน
จื่อต้าหลงโยกคอหลบเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงรวมพลังไว้ที่ฝ่ามือและซัดไปที่สีข้างของอีกฝ่าย ศิษย์ผู้นั้นไม่อาจหลบการจู่โจมได้ทันจึงโดนฝ่ามือของจื่อต้าหลงเข้าไปเต็มๆ พลังของฝ่ามือถือว่าไม่ธรรมดาส่งผลให้เขากระเด็นกลิ้งตกลานประลองไปอย่างรวดเร็ว
“ลานประลองหมายเลขแปด! ผู้ชนะ! จื่อต้าหลง!” เสียงกรรมการดังขึ้น
จื่อต้าหลงยืนยิ้มอย่างวางมาดพลางเอามือไพล่หลังภูมิใจในความเก่งกาจของตัวเองไม่น้อย
ในที่สุดก็ได้ผู้ชนะครบยี่สิบคน หนึ่งในนั้นมีเฉิงไฉเซียวรวมอยู่ด้วย แม้ใบหน้าเขาจะยิ้มแย้มแต่สภาพเขาดูไม่ค่อยดีนัก เสื้อผ้าขาดวิ่น ลมหายใจติดขัด คาดว่าคงฝ่าสมรภูมิมาไม่น้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้