“นายน้อย คุณกลับมาแล้ว!” เมื่อมู่เทียนหนานจัดการจอดรถบริเวณหน้าคฤหาสน์เรียบร้อยแล้วก็มีกลุ่มสาวสวยที่สวมชุดสาวใช้ออกมาต้อนรับในที่สุดหลินลั่วหรานก็รู้สึกราวกับมีบางอย่างกำลังพังทลายขึ้นมา
นายน้อย! ชุดสาวใช้! ฉัน$%$...!
มู่เทียนหนานมองไปยังหลินลั่วหรานที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงรีบส่งสายตาให้เหล่าแม่บ้านที่รักความคึกคักให้ออกไปก่อนที่ตัวเองจะยิ้มอย่างเขินอายให้กับหลินลั่วหราน “ตึกหน้าเป็ที่พักของฉันพวกคุณปู่ ท่านพักอยู่ในป่า ไม่ออกมาง่ายๆเกรงว่าเราอาจจะต้องเดินกันต่อไปเสียหน่อย”
ดังนั้น เธอมาช่วยคน อีกทั้งยังจะต้องขนก้อนหินแร่นี่ขึ้นไปอีก? ไม่ว่าหลินลั่วหรานจะเป็คนดีขนาดไหน ก็ยากที่จะเลี่ยงความไม่พอใจที่มีมู่เทียนหนานไม่ได้เป็คนใส่ใจเหมือนอย่างหลิ่วเจิงเขาไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรเธอก็โตเป็ผู้ใหญ่แล้วจะให้ทำท่าทางสะบัดหน้าเดินหนีเหมือนอย่างเด็กๆ ก็คงไม่ได้จึงได้แต่ฟังและลงมาจากตัวรถ โดยที่ไม่ได้สนใจหินแร่ก้อนนั้นปล่อยให้มู่เทียนหนานเป็คนขนขึ้นไป ทั้งสองเดินเข้าไปในป่าด้วยกัน
บนเส้นทางแคบๆ ประกอบกับร่องรอยของหยาดฝนเมื่อคืนวานหลินลั่วหรานขยับตัวอย่างเบาสบายล่องลอยราวกับผีเสื้อมู่เทียนหนานอุ้มหินแร่เอาไว้ในอ้อมกอด ขยับเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงรองเท้าหนังสีขาวจากช่างฝีมือของอิตาลีบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยโคลนจนมองไม่เห็นสีเดิมอีกต่อไป
ยิ่งเมื่อมองไปยังท่าทางสบายๆ ของหลินลั่วหรานมู่เทียนหนานก็ได้แต่ข่มฟันแน่น เป็ผู้ฝึกศาสตร์นี่ดีเสียจริงเลยนะเขาควรจะไปรบเร้าปู่ แล้วเดินไปตามเส้นทางเส้นนี้บ้างดีไหม?
หลินลั่วหรานมองไปยังมู่เทียนหนานผู้สง่างามที่ถูกทิ้งอยู่ภายหลังท่าทางลำบากในการพยายามก้าวเดินบนดินโคลนของเขา ทำให้ความหงุดหงิดของเธอเปลี่ยนไปเป็ความตลกขบขัน ได้แต่แอบยิ้มพร้อมกับเดินต่อไป
บนเขาไม่ได้มีทางแยกอะไร ด้วยความเร็วฝีเท้าของหลินลั่วหรานและมู่เทียนหนานทั้งสองใช้เวลาไม่นานนักก็เดินมาจนถึงปลายทาง
กระท่อมที่ทำจากหญ้ากกเล็กๆ ถูกล้อมเอาไว้ด้วยรั้วไม้ไผ่้าเต็มไปด้วยผักบุ้งมากมาย กลุ่มหมอกในป่าเขาให้ความรู้สึกลึกลับบางอย่างแก่กระท่อมเล็ก หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาก็ถือว่าเป็บรรยากาศที่เหมาะแก่การฝึกศาสตร์อยู่นะ
เธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเงียบอยู่แล้วดังนั้นคนที่อยู่ด้านในต่างก็รับรู้ถึงการมาเยือนของเธอ
“สาวน้อยหลิน อุตส่าห์มาถึงนี่ เหนือการคาดหมายเสียจริงเข้ามารวมกันด้านในเถอะ” เสียงนั้นถูกส่งออกมาจากด้านในฟังดูไร้เรี่ยวแรง แต่น้ำเสียงกลับเสียงดังฟังชัด
“ปู่ของฉันเอง” มู่เทียนหนานอุ้มก้อนแร่เอาไว้อยากจะหอบหายใจ ก็กลัวว่าหลินลั่วหรานจะดูถูกเขา จึงเก็บแรงเ่าั้เอาไว้
หลินลั่วหรานมองไปยังเสื้อผ้า แม้แต่รอยโคลนเล็กๆ ก็ไม่มีให้เห็นเมื่อเห็นดังนั้นก็ขยับก้าวเดินต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไรแล้วเปิดประตูไม้บอบบางนั่นออก
ด้านในห้องดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกกระจัดกระจายไปทั่วที่พื้นถูกปูเอาไว้ด้วยเสื่อที่ถักทอขึ้นมาจากหญ้าแห้งดูแล้วสมกับเป็ที่ฝึกศาสตร์สงบๆ หลินลั่วหรานเข้าใจกระจ่างในทันทีว่าพวก “หญ้ารก” ในพื้นที่ลึกลับของเธอก็อาจจะนำมาถักเป็เสื่อแบบนี้ได้เช่นกัน
ด้านในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงปู่ของมู่เทียนหนานคนเดียวอย่างที่หลินลั่วหรานคาดเอาไว้แต่กลับเป็ชายแก่สองคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนผืนเสื่อ คนหนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าอีกคนนั่งอยู่ข้างหลัง ฝ่ามือวางอยู่บนแผ่นหลังเป็ท่าทางในการรักษาที่เคยเห็นอยู่ในโทรทัศน์
คนแก่ที่ใบหน้าประดับไปด้วยหนวดเคราขาวเมื่อรับรู้ได้ว่าหลินลั่วหรานเข้ามาแล้วก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับเธอหลินลั่วหรานเห็นว่าหน้าตาของเขาดูละม้ายคล้ายคลึงกับมู่เทียนหนานก็เดาได้ว่าเขาน่าจะเป็ปู่ของมู่เทียนหนานนั่นเอง
เมื่อเห็นว่าเขายังมีกำลังพอที่จะรักษาให้คนอื่นดูเหมือนว่าจะไม่ใช่คนที่้าหยกจากเธอเพื่อใช้ในการต่อชีวิต ใช่คนที่นั่งอยู่ด้วยอีกคนหรือเปล่านะ?
หลินลั่วหรานอดไม่ได้ที่จะส่งจิตความคิดของเธอเข้าไปตรวจสอบทั้งสองพลังขนาดใหญ่ถูกรวบรวมเข้ามาเดิมทีจิตความคิดของหลินลั่วหรานก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูหลังจากถูกใช้งานโดยไม่ได้พักใบหน้าของเธอซีดเซียว แม้แต่คนที่ได้รับาเ็คนนั้น ก็ยังมีระดับที่สูงกว่าเธอมาก!
พวกเขา หรือว่าจะเป็ผู้าุโระดับพื้นฐานกันนะ?
หลินลั่วหรานไม่กล้าที่จะตรวจสอบอะไรมั่วๆ อีกต่อไปเธอได้แต่ยืนเงียบเรียบร้อยรออยู่ข้างๆ มู่เทียนหนาน
เมื่อเวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมงคุณปู่ตระกูลมู่ก็เก็บพลังกลับมา ใบหน้าซีดเซียวราวกับป่วยหนักมู่เทียนหนานรีบวางก้อนแร่ลง แล้วเข้าไปประคองตัวของเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้รอสักพักก่อนจะไปพยุงให้คนแก่อีกคนที่เหมือนจะได้รับาเ็หนักลุกขึ้นมานั่งที่เก้าอี้ไม้อีกตัว
ท่าทางของเขาไม่เหมือนกับปู่ของมู่เทียนหนาน คนแก่คนนี้ฝึกศาสตร์อยู่ในระดับสูงแต่กลับมีความรู้สึกน่าเกรงขามอยู่...อืมดูเหมือนผู้บังคับบัญชาฉินที่โถงทางเดินตอนที่เป่าเจียอยู่ในอันตรายเลย
ในตอนนั้นหลินลั่วหรานไม่ได้รู้ว่า ในโลกแห่งการฝึกศาสตร์การตรวจสอบระดับของคนอื่นอย่างไร้การปิดบังแบบนี้ เป็เื่ที่ผิดและไร้มารยาทแต่คนแก่ทั้งสองต่างก็ไม่ได้ถือสาอะไร
คุณปู่ตระกูลมู่พักอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะฟื้นแรงขึ้นมาพยักหน้าให้กับหลินลั่วหราน “แม้ว่าจะมีการสนับสนุนจากอาจารย์เก่งกล้าแต่พื้นฐานความสามารถของสาวน้อยเอง ก็น่าอิจฉาอยู่นะเท่าที่ดูเมื่อกี้เหมือนว่าอีกแค่นิดหน่อยก็สามารถเติมเต็มระดับฝึกลมหายใจได้แล้ว...ไม่เกินสิบห้าปีประเทศของเราก็จะมีนักปราชญ์สาวระดับพื้นฐานเพิ่มขึ้นอีกคนแล้วล่ะนะ”
หลินลั่วหรานััได้ถึงคำพูดสำคัญของคุณปู่ตระกูลมู่ได้ในทันทีเติมเต็มระดับฝึกลมปราณ นี่คือขอบเขตที่เธอต้องไปให้ถึงใช่ไหม? นี่เป็ครั้งแรกที่เธอเข้าใจขอบเขตของการฝึกศาสตร์ เมื่อเป็แบบนี้แล้วการมาครั้งนี้ก็ค่อยคุ้มกับค่าเดินทางของเธอเสียหน่อย
ชายแก่ที่นั่งหลับตารวบรวมสมาธิอยู่นั้น เมื่อได้ยินเข้าก็ลืมตาขึ้นมามองพิจารณาหลินลั่วหราน “เหล่ามู่ เรามาพนันกันไหมมากที่สุดแค่สิบปีเธอก็มีสิทธิ์ก้าวเข้าสู่ระดับพื้นฐานแล้ว...ด้วยอัตราการลดลงของพลังธรรมชาตินักปราชญ์สาวคนสุดท้ายของประเทศเรา ก็คงจะอยู่ที่เธอแล้ว”
นักปราชญ์สาวระดับพื้นฐานคนสุดท้าย? หลินลั่วหรานดีใจที่คนแก่ทั้งสองให้ความเห็นที่ดีแก่เธอแต่ในใจลึกๆ แล้วนั้น เธอยังคงไม่พอใจกับระดับพื้นฐานนี้ถ้าหากว่ามีโอกาสเธอก็จะตั้งใจฝึกต่อไป หลินลั่วหรานหวังว่าเธอจะไปได้ไกลกว่านั้นเพื่อไปยังทิวทัศน์ที่สวยขึ้นและกว้างขึ้น
นอกจากเหวินกวนจิ่งที่พอจะใช้พลังต่อสู้ได้แล้วหลินลั่วหรานก็ไม่ได้คุยติดต่อกับคนในโลกของการฝึกศาสตร์เลยเมื่อได้ยินว่าทั้งสองกำลังใช้ตัวเธอในการแข่งพนันก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป
โชคดีที่มู่เทียนหนานยกชาอุ่นๆ ทั้งสามถ้วยออกมาให้โดยที่ไม่รู้ว่าเอาเวลาตอนไหนไปชงมา
คุณปู่ตระกูลมู่ลูบเคราไปพร้อมกับพูดทั้งรอยยิ้ม “นี่เป็ชาต้าหงเผ้าจากต้นชาหลักบนเขาอู่อี๋แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับชาวิเศษในโลกของการฝึกศาสตร์ แต่ในโลกธรรมดาแห่งนี้ก็ถือว่าเป็สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ตระกูลมู่จะหามาได้แล้วเอามาใช้ต้อนรับสาวน้อยหลินแบบนี้ หวังว่าจะไม่ถือสาอะไรนะ”
ชาต้าหงเผ้าจากต้นชาหลักบนเขาอู่อี๋นี่ยังไม่ใช่ของดีอีกเหรอ...หากว่าคำพูดนี้เป็คนอื่นพูดหลินลั่วหรานต้องคิดว่าเขากำลังโอ้อวดอยู่แน่แต่เมื่อมันออกมาจากปากของคุณปู่ตระกูลมู่ เธอกลับรู้สึกว่ามันเข้ากันได้ดี
“ท่านผู้าุโคนนี้...” เธอไม่แน่ใจในความคิดของตัวเองนักเธอจึงไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำเมื่อได้ยินคุณปู่ตระกูลมู่บอกว่าชาดี เธอก็ก้มหน้าลงดื่มชาในปากของเธอเต็มไปด้วยกลิ่นหอมรสชาตินั้นต่างออกไปจากเหล่าอาหารที่ได้มาจากพื้นที่ลึกลับเป็รสััที่แปลกโดดเดี่ยวเสียจริง
เอาไว้หาต้นชาสักต้นมาปลูกดูดีไหม? หลังจากผ่านการแก้ไขและดูแลของพื้นที่ลึกลับแล้วชาต้าหงเผ้าที่มีพลังอยู่นั้น ก็อาจจะนับเป็ “ชาวิเศษ” อย่างที่คุณปู่ตระกูลมู่พูดหรือเปล่า?
คุณปู่ตระกูลมู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไร มู่เทียนหนานก็ทนไม่ไหวอีกแล้ว “นี่คือคุณปู่กัว ที่ตามหาหยกของเธอ ก็เพื่อที่จะใช้รักษาคุณปู่กัวนี่แหละ”
ชายแก่ที่ถูกมู่เทียนหนานเรียกว่า “คุณปู่กัว” เมื่อได้ยินก็ยิ้มเจื่อนๆ ขึ้นมา “ฉันนี่นะทำให้ทุกคนเดือดร้อนไปหมด น่าจะปล่อยมันไปเสียน่าจะดีกว่า”
คุณปู่ตระกูลมู่ไม่ได้โมโหแต่กลับหัวเราะออกมา “เอาอีกแล้ว หากวันนั้นไม่ใช่ว่าเข้าไปในประเทศแบบนั้นจนถูกผู้ใช้งูั์แปดหัว (ยามาตะ โมโอโรชิ) โจมตีเข้าจะต้องมาทนอาการาเ็อยู่อย่างทุกวันนี้เหรอ?”
งูั์แปดหัว? มันไม่ใช่ว่าอยู่ในตำนานของญี่ปุ่นหรอกเหรอหรือว่าจะมีอยู่จริงกันนะ? ความคิดหนึ่งไหลเข้ามายังสมองของหลินลั่วหรานไม่น่าจะเป็สิ่งที่พูดกันในตำนานของจีนก็เป็เหล่าผู้ฝึกศาสตร์จำนวนหนึ่งล่ะมั้ง...
แต่ว่าคุณปู่ตระกูลมู่คนนี้ ดูอย่างไรก็เป็คนที่ผ่านประสบการณ์มามากไม่น่าจะพูดถึงสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงขึ้นมาในเวลาแบบนี้...ถ้าแบบนั้นเหตุผลที่คนแก่สกุลกัวคนนี้ได้รับาเ็ อาจจะทำให้เธอเห็นใจก็เลยตั้งใจพูดออกมาอย่างนั้นเหรอ?
หลินลั่วหรานจิบชา เหงื่อไหลซึมออกมาทั่วทั้งใบหน้าเธอยังคงโดนเหล่าผู้าุโระดับพื้นฐานหยอกล้ออยู่แบบนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้