ฟางเฉารู้สึกราวกับคนจมน้ำ เธออึดอัดไปทั่วร่างแต่กลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน กว่าที่เธอจะสามารถเชื่อมต่อกับประสาทััของร่างกายได้อีกครั้ง
ความรู้สึกกดทับนั้นยังคงอยู่ และดูเหมือนมีบางอย่างที่ขยับตัวยุกยิกอยู่บนร่างเธอแ่เบา
เมื่อหญิงสาวหรี่ตา เธอก็สบเข้ากับเ้าตัวน้อยที่กำลังจ้องมองเธออย่างเงียบงัน
ฟางเฉาพบว่าเธอยังอยู่บนรถประจำทางที่แสนคับแคบและร้อนอบอ้าว ทว่าสภาพภายในนั้นดูทรุดโทรมกว่าในความทรงจำก่อนหลับไป
บนตักของเธอมีเด็กตัวเล็กๆ อายุราว 2-3 ขวบกึ่งนั่งกึ่งนอนทับอยู่ เมื่อเห็นว่าเธอตื่นแล้ว เขาก็กะพริบตาและเรียกเธอเสียงเบา “พี่สาว”
เมื่อได้ยินคำนี้ ความทรงจำที่อยู่ในหัวก็หลั่งไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เื่ราวที่เกิดขึ้นมากมายใน่หลายปีที่ผ่านมาทำให้สมองของเธอเจ็บแปล๊บเมื่อถูกกระตุ้นครั้งใหญ่
หญิงสาวหลอมรวมเข้ากับร่างนี้ด้วยความทรงจำทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
เธอค้นพบเื่ราวน่าตกตะลึงเื่หนึ่ง
ในระหว่างการเดินทางกลับบ้านพี่ดูเหมือนผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีก่อน …เธอได้ตายไปแล้ว
แต่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ิญญาของเธอได้เข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวอีกคนที่เกิดในอีกยุคสมัยหนึ่ง
นอกจากแซ่หลินที่ต่างกันแล้ว ชื่อของเธอก็เป็ ฟางเฉา คล้ายกับชื่อเดิมของเธอ ‘ในชีวิตก่อน’ คล้ายกับเป็ความเชื่อมโยงอันลึกลับระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน
แล้วเื่ที่เหมือนกันอีกอย่างก็คือ พวกเธอล้วนแต่เป็คนที่น่าสงสาร
หลินฟางเฉา เด็กสาวคนนี้เกิดมาในครอบครัวชาวเขา จากชนบทอันห่างไกลเช่นเดียวกับเธอ
ครอบครัวของพวกเขามีรายได้ต่อปีไม่มากนัก ทุกอย่างล้วนแต่พึ่งพาหลินเกาผู้เป็เสาหลักของบ้าน ในการรับจ้างทำงานแบกหามในเมืองเลี้ยงดูภรรยากับลูกมาตลอดหลายปี
น่าเสียดายที่เมื่อ ฟางฮุ่ยผู้เป็แม่ตั้งท้องลูกคนที่สอง หลินเกาที่รับงานในไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่งกลับประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็อัมพาตครึ่งท่อน จากนั้นครอบครัวเล็กๆ ก็พวกเขาก็เริ่มเข้าสู่จุดพลิกผันอย่างน่าเศร้าใจ
แม้จะได้รับเงินค่าชดเชยจากหัวหน้างาน แต่หลินเกาที่กลายเป็คนพิการก็ไม่อาจออกไปทำงานหารายได้เหมือนแต่ก่อน เงินทองที่เคยเก็บเอาไว้ก็ร่อยหรอจากค่ากินและค่ายาอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟางฮุ่ยตระหนักว่าสามีของเธอกลายเป็คนไร้ประโยชน์แล้ว หลังจากคลอดลูกชายได้เพียงสามเดือน เธอจึงกลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอและไม่เคยกลับมาอีกเลย
แม้ว่าแม่สามีของเธอจะพาลุงกับญาติหลายคนไปสร้างปัญหาก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจพวกเขาได้ สุดท้ายก็ได้แต่รับเงินชดเชยไม่กี่เหรียญกลับมาให้หลินเกาผู้สิ้นหวังเท่านั้น
ไม่นาน พวกเขาก็ได้รับข่าวว่าฟางฮุ่ยได้แต่งงานใหม่กับพ่อหม้ายคนหนึ่งในเมือง ตระกูลหลินจึงตัดขาดกับอดีตลูกสะใภ้คนนี้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังเกลียดเธอมากจนไม่ยอมให้ใครพูดชื่อผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป
ในตอนที่ที่บ้านเกิดเื่ หลินฟางเฉาอายุเพียง 12ปี เมื่อมารดาของเธอจากไป เด็กสาวจึงต้องรับหน้าที่ทั้งหมดในบ้าน รวมถึงการดูแลพ่อที่พิการกับน้องชายตัวน้อยของเธอด้วย
หลินฟางเฉาต้องแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เด็กสาวอายุเพียงสิบสองปีจะทนไหว เธอตื่นเช้าทุกวันด้วยเสียงร้องของน้องชายตัวน้อยที่หิวโหย จากนั้นก็ต้องดูแลพ่อที่ไม่สามารถปรับตัวกับชีวิตคนพิการของตัวเองได้
ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันยังได้ไปโรงเรียนบ้าง ฟางเฉากลับต้องกลายเป็เสาหลักที่ดูแลครอบครัวที่เหลือองเธอ เด็กสาวต้องเดินแบกถังน้ำจากบ่อน้ำที่อยู่ไกลออกไปทุกวัน ซักผ้า ทำงานบ้านและงานในไร่ มือเท้าของเธอเต็มไปเนื้อด้านเป็ตุ่มแข็ง และไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะบ่นถึงความยากลำบากเ่าั้
ทว่าชะตาชีวิตก็ยังไม่ปราณีผู้คน หลังจากใช้ชีวิตแบบนี้อยู่สองปีกว่า เมื่อปีที่แล้วหลินเกาก็ป่วยหนักและตายจากไป
ปู่ย่าของเธอไม่มีทางเลือกนอกจากรับสองพี่น้องมาอยู่ในบ้านใหญ่ โดยที่บ้านเก่าของหลินเกาถูกขายเพื่อชำระหนี้และเหลือเป็เงินเล็กน้อยให้ฟางเฉากับน้องชาย
เมื่อมาอยู่ใต้หลังคาบ้านคนอื่น พวกเขาก็ยิ่งลำบากยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าฟางเฉาจะพยายามทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ยังไม่พอใจ ยิ่งนับวันสถานะของสองพี่น้องก็ยิ่งน่ากระอักกระอ่วน
ปู่ย่าของเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้ เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่กับลูกชายคนโตและต้องพึ่งพาลูกสะใภ้คนโตในวันหน้า จึงทำได้เพียงหลับตาข้างหนึ่ง เพื่อไม่ให้หลานชายและหลานสาวถูกกระทำอย่างอยุติธรรมมากเกินไป
พี่สาวกับน้องชายสองคนย่อมอดทนแต่โดยดี ทว่าคนที่ทนไม่ไหวกลับเป็ป้าสะใภ้ใหญ่ เธอบ่นว่าลูกๆ ของเธอยังต้องเรียนหนังสือและไม่สามารถรับภาระเลี้ยงดูเด็กอีกสองคนได้
ดังนั้น หลังจากอาศัยอยู่กับปู่ย่าได้เพียงไม่ถึงปี หลินฟางเฉากับหลินเซียงฉินจึงถูกย่าส่งไปบ้านลูกสาวคนรองที่อยู่ในเมือง นางหลินคิดว่าอาของเธอที่มีสามีเป็คนงานคงจะพอหยิบยื่นอาหารไม่กี่คำให้เด็กๆ ได้ อีกทั้งตอนนี้ ฟางเฉาก็เริ่มโตขึ้น เธอเคยชินกับการทำงานหนักั้แ่อายุยังน้อย เป็เด็กผู้หญิงที่มีวินัยและความอดทน อย่างน้อยที่สุดก็จะสามารถช่วยลูกสาวกับลูกเขยดูแลบ้าน หรือถ้าให้ดีก็อาจจะสามารถหางานทำในเมืองได้ด้วย
ดังนั้นมันจึงเป็ที่มาของเหตุการณ์ในตอนนี้ สองพี่น้องเก็บของขึ้นรถประจำทางหน้าหมู่บ้านั้แ่ฟ้ายังไม่สาง
ย่าของเธอให้เงิน 5 หยวนเพื่อเป็ค่ารถและค่าใช้จ่าย
หากเด็กสาวสามารถหางานได้ทันทีที่ไปถึงเมือง บางทีชีวิตคงไม่ลำบากไปกว่าเมื่อก่อนมากนัก
เมื่อเห็นใบหน้าของพี่สาวซีดลง ริมฝีปากของเด็กน้อยก็เม้มแน่น แต่เขาก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวนได้แต่จับชายเสื้อของหลินฟางเฉาไว้ น่าเอ็นดูจนน่าสงสาร
แรงดึงตรงมุมผ้าทำให้ฟางเฉาฝืนเงยหน้าขึ้นมามอง และเห็นว่าเด็กน้อยกำลังกังวลแค่ไหน
เธอพูดเสียงเบา “ไม่เป็ไร พี่สาวแค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย…” หลังจากนั้นเธอก็เปิดหน้าต่างด้านข้างขึ้นครึ่งหนึ่ง ทำให้ลมเย็นด้านนอกพัดเข้ามา ความอึดอัดถึงได้ลดน้อยลง
เด็กน้อยเห็นพี่สาวมีสีหน้าดีขึ้นก็ยังไม่พูดอะไร ร่างเล็กๆ ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ราวกับว่าเธอเป็ที่พึ่งหนึ่งเดียวของเขา
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้ฟางเฉาสับสนเล็กน้อย
ชีวิตก่อนเธอก็มีน้องชายเช่นกัน แต่เด็กคนนั้นจะไม่มีวันออดอ้อนหรือพูดจาดีกับเธอโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง การกระทำก้าวร้าวดึงดัน ราวกับว่าพี่สาวน้องสาวล้วนเป็หนี้เขา และต้องยอมอุทิศทุกอย่างเพื่อให้สายเืที่จะสืบทอดตระกูลโจวเพียงหนึ่งเดียวของบ้านอย่างเขา
...แต่เด็กคนนี้ เขาก็เป็ลูกชายคนเดียวของบ้านรองเช่นกัน
ทว่าน่าเสียดายที่ต้องขาดพ่อไร้แม่ั้แ่ยังเล็ก จึงไม่มีผู้สนับสนุนอุ้มชู
หลินเซียงฉินไม่ใช่หลานชายคนเดียวของตระกูลหลิน ปู่ย่าของเขาชอบเขาอยู่บ้างเพราะเป็เด็กผู้ชาย แต่ทั้งคู่จะไม่อุทิศทุกอย่างอย่างไม่เห็นแก่ตัว หรือให้ความช่วยเหลือโดยปราศจากความยินยอมของบ้านหลัก
ดังนั้น ต่อให้ชีวิตของหลินเซียงฉินจะไม่แย่แต่ก็ไม่เรียกว่าดีเช่นกัน
ทว่าหลินฟางเฉากลับโชคร้ายยิ่งกว่าเขา เธอเกิดมาเป็เด็กผู้หญิงที่ต้องแบกรับภาระั้แ่อายุยังน้อย ซ้ำยังไม่เป็ที่ชื่นชอบของใครเลย หากไม่ใช่เพราะขยันขันแข็งและไม่เลือกงาน คงไม่มีใครสนใจเธอมากนัก
ฟางเฉาทำอะไรไม่ถูก ในชีวิตก่อนพ่อแม่ของเธอใช้น้องชายมาเป็ห่วงคล้องคอเพื่อรีดไถใช้งานเธอไม่หยุดหย่อน ต่อให้เธอจะรู้สึกต่อต้าน แต่กลับไม่มีที่ไหนให้หนีไป
และเด็กที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอนี้ บางที… นี่ก็อาจจะเป็บ่วงภาระอันหนักหน่วงอีกชิ้นหนึ่ง
น่าแปลกที่เธอไม่ได้รู้สึกต่อต้านน้องชายเท่ากับชีวิตก่อน ซึ่งฟางเฉาก็ไม่รู้ว่ามันเป็เพราะความรู้สึกที่แท้จริงของเธอเอง หรือเป็ความรู้สึกที่ ‘หลินฟางเฉา’ ทิ้งเอาไว้กันแน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้