โจวเฉิงรู้สึกจิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
อาการใจสั่นวูบลักษณะนี้ทำให้เขาคิดถึงตอนที่เคยอยู่แนวหน้า มีหลายครั้งที่เขาอาศัยสัญชาตญาณที่ยากจะอธิบายบางอย่างวิ่งหลบะเิที่ตกลงมาข้างกายได้สำเร็จ หนีรอดจากเคียวของยมทูตที่้าพรากชีวิตของเขาได้อย่างหวุดหวิด
ต้องมีเื่อะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หากลองนับเวลาดูแล้ว เสี่ยวหลานกลับไปสี่สิบกว่านาที คงเดินไปถึงสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้วใช่หรือไม่?
ค่ายชั่วคราวของพวกเขาดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่ แต่ความจริงแล้วมีคนคอยเฝ้ายามอยู่ตลอดเวลาจึงมีความปลอดภัยสูงมาก ไม่มีทางมีอันตรายได้ หากเดินเท้าเปล่าก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงขึ้นไปจึงจะถึงหมู่บ้านชาวประมงที่ใกล้ที่สุด
และหากเดินเลยหมู่บ้านชาวประมงไปอีกนิดก็จะเจอกับตำบลเล็กๆ
เสี่ยวหลานบอกว่าคังเหว่ยขับรถมาส่ง ถ้าอย่างนั้นเวลาสี่สิบกว่านาทีก็คงไปถึงตำบลเล็กๆ แห่งนั้นแล้ว
โจวเฉิงหลับตาลง แผนที่ระแวกโดยรอบปรากฎขึ้นมาในสมองของเขาทันที
อาการใจสั่นนี้ช่างทรมานเหลือเกิน ยิ่งไปกว่านั้นคือโจวเฉิงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น โจวเฉิงไม่อาจข่มตาหลับได้ตลอดทั้งคืน พอท้องฟ้าเพิ่งมีแสงสว่างรำไร เขาก็รีบลุกจากเตียงไปหาครูฝึกคนนั้นทันที
“รายงานครับ ผมอยากขอลาหยุด!”
“โจวเฉิง อย่าล้อเล่นั้แ่เช้าตรู่ มันผิดกฎ! คุณอยู่ระหว่างการปฏิบัติภารกิจลับ!”
ภารกิจลับอะไร บุกรวบอาชญากรครั้งแรกยังสามารถเรียกได้ว่าเป็ความลับ ทว่าพวกเขาอยู่ริมชายฝั่งมานานขนาดนี้ พวกค้าของเถื่อนที่หนีรอดไปได้คงกระจายข่าวเื่พวกเขาจนรู้กันทั่วไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้หาก้าจับปลาใหญ่ให้ได้เหมือนครั้งเรือของเครือเชิงหรง สิ่งที่ต้องพึ่งพาหาใช่การปิดเป็ความลับ แต่เป็ข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ อย่างไรก็ตามเื่ข้อมูลเป็สิ่งที่ค่อนข้างอ่อนไหว ครั้งก่อนโจวเฉิงถูกสอบสวนก็เพราะมีคนบอกว่าเขากับพานซานแลกเปลี่ยนข่าวสารกันไม่ใช่หรืออย่างไร
จากตำแหน่งงานของโจวเฉิง นี่คือการฝ่าฝืนกฎระเบียบ ข้อมูลจากเบื้องบนได้มาจากไหน เ้าหน้าที่ระดับล่างไม่มีสิทธิ์ถาม
โจวเฉิงไม่ได้เถียงกลับ และเขาก็ดูไม่เหมือนคนกำลังล้อเล่นแต่อย่างใด
“ขออนุญาตครับ สหายเซี่ยเสี่ยวหลานคู่ครองของผม ระหว่างเดินทางกลับอาจจะเกิดเหตุบางอย่างขึ้น ผม้ายืนยันความปลอดภัยของเธอครับ”
ครูฝึกเริ่มกังวลแล้วถามโจวเฉิงว่ารู้ได้อย่างไร โจวเฉิงตอบเพียงว่าเป็ลางสังหรณ์
นี่ไม่ใช่คำพูดเหลวไหลหรอกหรือ?
ครูฝึกสั่งให้โจวเฉิงไปวิ่งสิบกิโลเมตรเพื่อเรียกสติ แต่น้ำเสียงของโจวเฉิงกลับเจือไปด้วยความอ้อนวอนอย่างหาได้ยากที่จะได้ยิน “ช่วยผมตรวจสอบทีเถอะครับ ผมจะได้เลิกเป็ห่วง”
ไม่ได้หลับมาทั้งคืน หน้าตาโจวเฉิงจึงดูน่าสงสารเหลือเกิน
ดวงตาแดงก่ำ ไรหนวดเริ่มโผล่ขึ้นมาให้เห็น เวลานี้มีแต่คำว่าง่วงเขียนอยู่เต็มใบหน้า
ครูฝึกเองก็รู้สึกข้องใจ
อย่างไรก็ตามที่เขายอมอนุโลมให้โจวเฉิงไม่ใช่เพราะครอบครัวของโจวเฉิง แต่เป็เพราะเส้นสายจากทางเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว!”
ครูฝึกบอกให้โจวเฉิงรออยู่ที่เดิม ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเขาถึงกลับมา และมองหน้าโจวเฉิงด้วยความประหลาดใจ
“คุณรู้ได้อย่างไร?”
ใช้ลางสังหรณ์รึ?
บอกว่าใช้กำลังภายในเลยยังน่าเชื่อกว่าเสียอีก!
“ผมสาบานว่าผมสังหรณ์ใจจริงๆ ตกลงเสี่ยวหลานเป็อะไรกันแน่ครับ”
ครูฝึกยกมือกดไหล่เขา “โจวเฉิง คุณอย่าเพิ่งตื่นตระหนก ใจเย็นแล้วฟังผมก่อน เมื่อวานหลังคู่ครองของคุณกลับไป เธอเกิดอุบัติเหตุรถชน แต่ตัวเธอไม่ได้าเ็ร้ายแรง มีเพียงแผลภายนอกเล็กน้อยเท่านั้น... ผมถามย้ำจนมั่นใจแล้ว! ดังนั้นผมไม่อนุญาตให้คุณลาหยุด เพราะมันจะส่งผลกระทบมากเกินไป!”
รถชน!
หมู่บ้านชาวประมงแถบชานเมืองเผิงเฉิงสามารถเกิดอุบัติเหตุรถชนได้ด้วยหรือ
รถที่คังเหว่ยซื้อคือรถจี๊บรุ่น 212 แม้ราคาจะไม่แพงมาก แต่รูปทรงรถเรียกได้ว่าไม่เหมาะกับคนขับที่เป็สหายหญิง มิเช่นนั้นโจวเฉิงก็คงซื้อมาให้เซี่ยเสี่ยวหลานสักคันแล้ว หากเป็รถราคาถูกเซี่ยเสี่ยวหลานคงยอมรับเอาไว้สินะ
รถจี๊บ 212 ยกค่อนข้างสูง รถแบบไหนกันที่พุ่งเข้ามาชนได้?
รถจักรยานคงเป็ไปไม่ได้ ถ้าเป็มอเตอร์ไซด์ตัวรถคงไม่เป็อะไรมาก
“เสี่ยวหลานาเ็ภายนอก แล้วคนขับรถล่ะครับ”
“คนขับศีรษะกระแทก ผ่าตัดแล้ว แต่คู่ครองของคุณไม่เป็อะไร...”
“คนขับเป็เพื่อนที่โตมาด้วยกันของผม พ่อแม่ผมมีลูกแค่คนเดียว ดังนั้นเขาไม่ต่างอะไรกับพี่น้องแท้ๆ ของผม”
คังเหว่ยศีรษะถูกกระแทก
โจวเฉิงดีใจที่เซี่ยเสี่ยวหลานแค่าเ็เล็กน้อย ทว่าตอนนี้เขาเป็ห่วงอาการของคังเหว่ย!
ครูฝึกพูดไม่ออก
มิตรภาพลูกผู้ชายในหน่วยงานเป็เื่สำคัญ วิทยาลัยทหารบกส่งนักศึกษารุ่นนี้มาอยู่เผิงเฉิงสองเดือนแล้ว แน่นอนว่างานด้านรักษาความลับเองก็เริ่มได้รับการผ่อนปรน
ถ้าโจวเฉิงบอกว่าอยากกลับปักกิ่งตอนนี้คงเป็ไปไม่ได้ แต่อีกฝ่ายอยู่ที่เผิงเฉิงเช่นกัน ครูฝึกเงียบไปสักพัก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธในทันที
—--------------------------------------------------
วันที่สองหลังเกิดเหตุ
คังเหว่ยฟื้นขึ้นมาอีกสองครั้ง แต่เวลาส่วนใหญ่เขามักจะหลับไม่ได้สติ
นอนหลับถือว่าเป็เื่ดี เพราะตอนตื่นเขารู้สึกเจ็บไปทั้งตัว
ในที่สุดเซี่ยอวิ๋นก็หยุดร้องไห้ น้ำตาไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาอะไรได้ ถ้ามีเรี่ยวแรงร้องไห้เช่นนี้สู้เอาเวลาไปถามหมอเื่แผนการรักษาในอนาคตของคังเหว่ยยังจะดีเสียกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็นอนค้างที่โรงพยาบาลเช่นกัน
พยาบาลล้างแผลให้เธอ พลางมองข้อมือที่มีแผลค่อนข้างลึก
ตอนเอาเศษกระจกออกนั้นเจ็บมาก ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีเวลาสนใจตัวเองจึงสามารถอดทนผ่านมันไปได้ และตอนนี้เธอเพิ่งรู้สึกถึงความเ็ป มือของเธอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ ครั้งก่อนก็กระดูกร้าว ครั้งนี้ต้องกลายเป็เกราะกำบังให้ใบหน้า
“โชคดีจริงที่คุณใช้มือบังใบหน้าเอาไว้”
พยาบาลที่กำลังล้างแผลอยู่พูดพลางทอดถอนใจ
เศษกระจกโดนหน้าไม่มาก ดวงตาเองก็ปลอดภัยดี และเพราะไปริมทะเลเซี่ยเสี่ยวหลานจึงสวมเสื้อคอสูง ทำให้ลำคอได้รับการปกป้องอย่างแ่า
ตอนนี้พอคิดดูแล้วเธอช่างโชคดีจริงๆ
เสียโฉมเื่เล็ก แต่ถ้าโดนดวงตาเซี่ยเสี่ยวหลานคงสติแตกแน่นอน
เธอไม่สนว่าหน้าตาของตนจะสวยหรืออัปลักษณ์ ชาติก่อนแม้เธอจะไม่ใช่คนสวยแต่ก็ได้สิ่งที่้ามา ดังนั้นชาตินี้เธอย่อมทำได้เช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าโจวเฉิงจะทำใจได้ไหมหากเธอเสียโฉม... ถ้าโจวเฉิงรับไม่ได้เธอก็จะไม่โทษเขา เธอเองก็ชอบที่โจวเฉิงมีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เพราะฉะนั้นคนเราไม่ควรสองมาตรฐาน!
แต่ถ้าดวงตามองไม่เห็นคงจบเห่แน่นอน สาขาที่เธอเรียนอยู่ในปัจจุบัน แผนชีวิตของเธอ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
“วันนี้หน้าบวมน้อยลงแล้ว แผลที่หน้าก็ไม่หนักหนาอะไร คุณน่าจะไม่เป็แผลเป็ และคงไม่มีรอยแผลหลงเหลือให้เห็น”
เมื่อวานตอนเพิ่งมาถึงโรงพยาบาล แม้สภาพจะย่ำแย่แต่เซี่ยเสี่ยวหลานก็ยังคงสวยมาก ทว่าตอนนี้าแได้รับการรักษาแล้ว จึงแทบไม่เหลือสภาพเช่นเมื่อวานอีก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนหยิ่ง อีกทั้งพยาบาลยังเป็คนใจเย็นและคอยให้กำลังใจเธอมากเหลือเกิน
“ขอบคุณค่ะ คุณล้างแผลเก่งมากจริงๆ ฉันไม่รู้สึกเจ็บเลย”
ไม่มีรอยแผลเป็คือเื่ดี เซี่ยเสี่ยวหลานส่องกระจกมองหน้าตัวเอง อาการบวมบนใบหน้าลดลงไปบ้างแล้ว
เช้านี้คังเหว่ยตื่นขึ้นมาหนึ่งครั้ง เขายังติดใจเื่ที่ไม่อาจไปดูหน้าร้านใหม่กับเซี่ยเสี่ยวหลานได้ เซี่ยเสี่ยวหลานรับรู้ได้ว่าสายตาที่ผิดปกติของคังเหลียนิ คังเหว่ยคงเจ็บแผลจนลืมคิดอย่างรอบคอบ ถึงได้พูดเื่นี้ต่อหน้าคนตระกูลคังเช่นนี้
ไม่ทันไรหลังพยาบาลล้างแผลเสร็จ คังเหลียนิก็เดินมาคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานทันที
“ธุรกิจที่พวกเธอร่วมหุ้นกันเหมือนจะไปได้สวยสินะ”
“ค่ะ คุณอาคัง ธุรกิจเติบโตไปได้ด้วยดี คังเหว่ยเองก็เหมือนจะสนุกกับมันมากค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าเมื่อวานคังเหลียนิคุยอะไรกับตู้เ้าฮุย แต่ตอนนี้ตู้เ้าฮุยยังคงบอกว่าปวดศีรษะไม่หาย ท่าทางเขาคงอยากแข่งกับคังเหว่ยว่าใครจะนอนโรงพยาบาลได้นานกว่ากันสินะ
ในใจคังเหลียนิคิดอย่างไร เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถคาดเดาได้สักนิด
จู่ๆ ก็มาถามเื่ธุรกิจ เพราะไม่อยากให้คังเหว่ยมาที่เผิงเฉิงอีกแล้วหรือเปล่า?
“คุณอาคัง เดิมทีการทำธุรกิจไม่ใช่เื่เสี่ยงภัย พวกเราทำธุรกิจกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็เพียงอุบัติเหตุเท่านั้น พวกเราก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะถูกรถชนค่ะ แน่นอนว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับการที่คังเหว่ยทำธุรกิจ แต่เกี่ยวข้องกับกฎหมายจราจรที่ยังไม่สมบูรณ์... ถ้าคุณอาไม่อยากให้คังเหว่ยมาที่เผิงเฉิงอีก ไว้รอให้คังเหว่ยหายดีแล้วเราค่อยมาปรึกษากันดีไหมคะ”