งานที่ยากลำบากได้ผลตอบแทนน้อยที่ถูกยัดมาให้กูเฟยเยี่ยน ไม่ใช่งานอื่นงานใดแต่เป็งานที่ต้องไปส่งมอบยาเครื่องเวชภัณฑ์ให้สนมสิบกว่านางในวังหลัง
หากว่าไม่ใช่ผู้ที่มีฐานันดรสูงศักดิ์การเข้าวังหลังนั้นไม่สามารถนั่งรถม้าหรือนั่งเกี้ยวพระที่นั่งได้ นั่นก็แสดงว่ากูเฟยเยี่ยนจำเป็ที่จะต้องแบกห่อขวดทั้งหลายวิ่งวนไปสิบกว่าสถานที่และยังไม่สามารถไปสายได้เสียด้วย
แม้ว่าจะแอบใช้หวางเป่าติงขนาดเล็กในการเก็บยาเข้าไปแล้ว กูเฟยเยี่ยนก็ยังคงเหนื่อยจนสุดจะทน เป็เพราะว่านางไม่ได้พักผ่อนมาเป็เวลาสามวันติดต่อกันแล้ว เมื่อกูเฟยเยี่ยนส่งยาห่อสุดท้ายเรียบร้อย ฟ้าก็ใกล้จะมืดเต็มที นางเดินไปตามตรอกเล็กๆ ที่ติดกับกำแพงพระราชวัง เมื่อมาถึงท้ายตรอกก็พบเจอกับรถม้าหนึ่งคันกำลังวิ่งมาจากฝั่งตรงข้ามไกลริบๆ
นี่มันไม่ใช่ถนนที่รถม้าสามารถผ่านได้นี่นา!
ตรอกนั้นแคบยิ่งนัก รถม้าวิ่งมาอย่างช้าๆ โดยแทบจะชิดติดกำแพงทั้งสองด้าน หากไม่ระวังเกรงว่าคงจะติดอยู่ในนั้น แม้ว่ากูเฟยเยี่ยนจะนำร่างไปแนบชิดติดกำแพง รถม้าก็ไม่สามารถผ่านไปได้อยู่ดี นางจึงทำได้เพียงหวนกลับออกไปทางเดิม
ในขณะที่นางกำลังจะหันหลังเดินกลับไป ก็มีหญิงรับใช้ผู้หนึ่งะโลงมาจากรถม้าแล้ววิ่งมาขัดขวางนาง “นังบ่าวรับใช้เ้ากล้าดีอย่างไรที่เห็นพระที่นั่งของเ้านายแล้วกลับไม่น้อมคารวะ!”
กูเฟยเยี่ยนหมดคำจะเอ่ยเป็อย่างมาก นางห่างจากรถม้าไกลพอสมควร ไม่น้อมคารวะนั้นนับเป็เื่ปกติรู้หรือไม่! หากนางถอยไปจนถึงหน้าตรอก รถม้าวิ่งผ่านหน้าแล้วนางไม่ได้น้อมคารวะ นั่นถึงจะเรียกว่าล่วงเกิน!
เ้านายที่อยู่ภายในรถม้าคันนี้คือผู้ใดกัน ถึงสามารถเลี้ยงดูบ่าวรับใช้ที่ไม่มีมารยาทและไร้เหตุผลได้เช่นนี้?
นางเอ่ยถาม “นี่เป็พระที่นั่งของนายท่าน ท่านใดหรือเ้าคะ? ”
หญิงรับใช้กล่าวอย่างทะนงตัว “นี่เป็พระที่นั่งขององค์หญิงหวายหนิง!”
หลังจากที่ได้ยิน กูเฟยเยี่ยนก็แทบจะล้มทั้งยืน เคราะห์ดีมักมาทีละหน เคราะห์ร้ายมักจะซ้ำเติมอย่างต่อเนื่อง
เพิ่งจะจัดการเวินอวี่โหรวผู้ที่นับว่าเป็ปัญหาขนาดเล็กได้ พริบตาเดียวก็ต้องมาพบเจอกับปัญหาขนาดใหญ่! องค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้ที่รักใคร่ชอบพอในตัวของฉีอวี้ คู่หมั้นของนาง!
หากกล่าวว่าเวินอวี่โหรวกับนางเป็ศัตรูทางอ้อม องค์หญิงหวางหนิงกับนางก็คือศัตรูทางตรง เป็คู่แข่งทางด้านความรัก!
ศัตรูคู่อาฆาตได้มาพบเจอกันบนหนทางที่คับแคบ ยังจะเป็เื่ดีอยู่อีกหรือ?
ในไม่ช้ารถม้าสวยงามวิจิตรตระการตาก็วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าของนาง หญิงรับใช้ไม่ได้เข้าไปยกม่านขึ้น ดูเหมือนว่าองค์หญิงหวายหนิงคงไม่คิดที่จะลงมาจากรถ
กูเฟยเยี่ยนลอบภาวนาอย่างลับๆ หวังว่าหญิงรับใช้ผู้นี้จะจำไม่ได้ว่านางคือใคร นางพยายามอดกลั้นเพียงนิด บางทีอาจหลุดพ้นไปก็เป็ได้ องค์หญิงหวายหนิงกับคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เวินอวี่โหรวนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ต้องพูดถึงว่านางที่เป็เพียงแพทย์หญิงตัวเล็กๆ ระดับเก้า ต่อให้เป็แพทย์ชั้นสูงแห่งห้องยาสำนักหมอหลวงยังต้องคอยระมัดระวังในการปรนนิบัติรับใช้องค์หญิงหวายหนิงเลย
นำไข่ไปกระทบหิน ไม่เรียกว่าหยิ่งในศักดิ์ศรีแต่เรียกว่าตาย!
เมื่อเกิดใหม่อีกครั้งกูเฟยเยี่ยนก็หวงแหนชีวิตเป็อย่างมาก นางจงใจก้มหน้าลง ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเ็าขององค์หญิงหวายหนิงจากบนรถม้า
“กูเฟยเยี่ยน ความกล้าของเ้ามีมากขึ้นอย่างที่คาดไว้จริงๆ! เมื่อเห็นพระที่นั่งเปิ่น [1] กงจู่ [2] เ้ากลับหันหัวเดินออกไป ไม่ก้มหัวน้อมคารวะ กลับเชิดหน้าชูตาให้เปิ่นกงจู่ทอดมองอย่างนั้นหรือ? ช่างกล้าดียิ่งนัก!”
องค์หญิงหวายหนิงมองไม่เห็นนางด้วยซ้ำกลับรู้ว่านางคือผู้ใด
กูเฟยเยี่ยนเข้าใจอย่างทันทีว่าไม่ใช่นางที่ดวงตกต่ำ แต่เป็พวกเขาที่ตั้งใจมาขัดขวางหาเื่นาง!
กูเฟยเยี่ยนกลัดกลุ้มจนอยากจะด่าคน
“คู่หมั้นของฉีอวี้” ชื่อเสียงบ้าบอนี้คือสิ่งใดกันแน่ ถึงกับก่อให้เกิดปัญหามากมายถึงเพียงนี้? ั้แ่ที่นางเกิดใหม่จนถึงยามนี้ เป็ระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน? พบเจอกับปัญหาหนึ่ง ปัญหาต่อไปก็มาไม่เคยหยุด จริงๆ เลยเชียว…
“กูเฟยเยี่ยน องค์หญิงทรงถามเ้า!”
เมื่อได้ยินเสียงเตือนสติจากหญิงรับใช้กูเฟยเยี่ยนจึงเงยหน้าขึ้น
องค์หญิงตั้งใจที่จะมาหาเช่นนี้ ต่อให้นางอดกลั้นต่อไปก็ไร้ประโยชน์! นางโน้มกายคารวะจากนั้นกล่าวก็ออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงตัวตกต่ำและก็ไม่แสดงตัวโอหัง “กูเฟยเยี่ยนหญิงชาวบ้านคารวะองค์หญิงหวายหนิงเพคะ ตรอกนี้มีขนาดคับแคบผ่านได้เพียงรถม้าหนึ่งคันเท่านั้น หม่อมฉันทอดพระเนตรเห็นพระที่นั่งขององค์หญิงจึงได้ทำการหันหลังเดินไปเพื่อหลีกทางให้เพคะ องค์หญิงโปรดิเจี้ยน [3] ด้วยเพคะ“
“จุ๊ๆๆ ปากคอเราะรายขึ้นจริงๆ ” เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงหวายหนิงได้ยินเื่ราวของเวินอวี่โหรวเข้าแล้ว “ในเมื่อเ้ารู้ว่าเป็พระที่นั่งของเปิ่นกงจู่เหตุใดไม่คารวะก่อนค่อยหลีกทาง? ”
หญิงรับใช้รีบเสริมอย่างรวดเร็ว “กูเฟยเยี่ยน ข้าเห็นว่าเมื่อสักครู่นี้ที่เ้าหันร่างเดินออกไปด้วยท่าทางวางมาดใหญ่โตเชียวนะ!”
หาเื่เช่นนี้นับว่าชัดเจนเกินไปแล้ว!
กูเฟยเยี่ยนปลอบใจตนเองภายในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใจเย็น ต้องใจเย็น ต้องใจเย็นให้เด็ดขาด!
นางรักษาท่าทางโค้งคารวะพร้อมกับอธิบาย “เมื่อสักครู่นี้รถม้าอยู่ห่างจากหม่อมฉันอย่างน้อยยี่สิบก้าวเพคะ ตามกฎมณเฑียรบาลแล้ว ภายในสิบก้าวจักต้องให้การคารวะ หวังว่าองค์หญิงจะโปรดิเจี้ยน [3] ด้วย”
องค์หญิงหวายหนิงเลิกม่านผืนใหญ่ขึ้นด้วยตนเองจากนั้นเหยียบไปที่แผ่นหลังของหญิงรับใช้อย่างไม่รีบร้อนและก้าวลงจากรถม้าอย่างสง่างาม
นางยืนอยู่ตรงหน้าของกูเฟยเยี่ยนพร้อมกับหัวเราะแล้วเอ่ยถามว่า “กูเฟยเยี่ยน แล้วในยามนี้เล่า? ”
—————————————————
เชิงอรรถ
[1] เปิ่น หมายถึง ตัวข้า
[2] กงจู่ หมายถึง องค์หญิง เ้าหญิง
[3] ิเจี้ยน หมายถึง ให้อีกฝ่ายตรวจสอบให้ชัดเจน เป็คำที่ให้เกียรติ