ในวันคล้ายวันเกิดของเยว่ฉี นางอายุครบสิบสามปี ตะกร้ายาของนางถูกสลับเปลี่ยนโดยผู้ไม่ประสงค์ดี แม่ทัพเจี้ยนหยู่ตรวจพบยาพิษในอาหาร พูดจาในเชิงสงสัยว่าสมุนไพรเหล่านี้อาจเป็ฝีมือหมอยาก็ได้ เหมือนโยนความผิดให้นางแต่ไม่ได้จับกุมตัวนาง เพียงขอให้องครักษ์ตรวจสอบนางก่อนผู้อื่น ค่อยบอกความจริงกับนางในภายหลังว่าเป็อุบายจับคนร้าย
คืนนั้นชายฉกรรจ์ซึ่งแฝงตัวมากับทหารชั้นผู้น้อยยอมเปิดเผยตัวตน สารภาพว่าเป็คนของเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่เกรงกลัวอำนาจเรือนหมอหลวง เลยคิดกำจัดคุณหนูเยว่ฉี บิดาผู้รักบุตรสาวดั่งดวงใจย่อมหาทางช่วยเหลือนาง ทั้งสองจะได้ถูกลงโทษสถานหนักไปด้วยกัน มิฉะนั้นก็ควรจะหนีหายไปจากต้าเหลียงเสีย
เสนาบดีหยุนหาได้มีจุดจบที่ดีไม่ แม่ทัพเจี้ยนหยู่จับตัวคนร้ายและผู้บงการขังคุกใต้ดิน ทรมานจนเสียชีวิต ในขณะที่เขาเริ่มตระหนักถึงอันตรายจากคนในราชสำนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะอยู่ข้างเรือนหมอหลวง จึงไปทูลขอพระบรมาานุญาตให้มีทหารยามเฝ้าโรงปรุงยาอย่างเข้มงวด นอกจากบิดาบุตรสาวและผู้ช่วยแพทย์ ผู้อื่นก็ต้องมีตราประทับอนุญาตให้เข้าออกเรือนหมอหลวงได้
แม่ทัพเจี้ยนหยู่หาเื่เพิ่มศัตรูจากหนึ่งเป็สิบ โดยเฉพาะาุโทั้งสองตระกูลซึ่งคิดจะปรองดองลูกหลาน กว่าพวกเขาจะไปขอหนังสือสำคัญเพื่อให้ท่านผู้ตรวจการมาเยี่ยมเยียนโรงปรุงยาได้โดยอิสระ สองหนุ่มสาวได้พบรักกัน นับว่าเสียเวลาไปหลายเดือน
เมื่อคิดมาถึงตรงนั้น เหม่ยฉีคาดว่าตนเข้ามาในนิยาย่กลางเื่ หนึ่งอาทิตย์ก่อนเยว่ฉีและคุณชายสามตกลงปลงใจแต่งงาน ทว่านางดันเปลี่ยนเื่ราวด้วยการปฏิเสธงานมงคลไปอย่างไร้เยื่อใย
สมองของนางฟุ้งซ่าน นอนระส่ำระสาย นางเฝ้านึกถึงั์ตาสีชาดปรากฏอารมณ์สับสน ไม่ไว้วางใจ
คืนก่อนแม่ทัพเจี้ยนหยู่มองนางเหยียบหิมะด้วยเท้าเปล่า โดยไม่ตามนางมา นางตั้งใจทำให้บ่าวรับใช้วิ่งตามนางอย่างใ จะได้ไม่มีใครจับได้ว่าเขาลอบมาหานางถึงห้องอาบน้ำ แม้นางไม่ได้หันกลับไปมองชายผู้ไม่กล้าหาญพอจะทำร้ายนาง แต่นางาเ็ด้วยมือของเขาถึงสองครา เขาคงแทบจะตัดมือตนเองไม่ให้แตะต้องนางได้อีกตลอดกาล
ฝ่ายเสียใจคงเป็แม่ทัพเจี้ยนหยู่เสียมากกว่านาง ในเมื่อเขาคอยปกป้องนางมาเสมอ จนกระทั่งวันที่เขาไม่เชื่อใจนาง เขาระแวงนาง!
หากนางเป็ผู้อื่นมาแย่งชิงร่างของเยว่ฉี เขาคงคิดหาวิธีกำจัดนาง โดยไม่ให้เยว่ฉีได้รับอันตราย ทว่าหากนางและเยว่ฉีเป็คนเดียวกัน เขาจะทำอย่างไร?
เสี้ยวส่วนของเยว่ฉีตัวจริงเล่า ยังหลงเหลือในห้วงจิตนางหรือไม่ เหตุใดนางอาลัยอาวรณ์คุณชายสามในบางครา แถมนางไม่กล้าโกหกแม่ทัพเจี้ยนหยู่ว่านางเป็ใคร ถึงนางจะไม่ได้บอกไปทั้งหมด
เหม่ยฉีเก็บความสงสัยของนางไว้ สุดก้นบึ้งหัวใจนาง หลายวันมานี้นางขลุกตัวอยู่แต่ในโรงปรุงยา ไม่พูดจากมากมายนัก นางต้มสมุนไพรตามคำสั่งรายการยาของบิดา ขยันทำงานจนดึกดื่น นางกินอาหารได้ไม่กี่คำก็วางช้อน นางไม่ฟังบ่าวรับใช้ที่คะยั้นคะยอให้นางกินอาหารแถมตะเพิดไล่พวกเขาไป
รุ่งเช้านี้นางเข้าโรงครัวทำอาหาร ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาจนกว่าอาหารและยาทุกตะกร้าจะเรียบร้อย
ครู่หนึ่งเสียงเหล็กเคาะประตูไม้ดัง ตามด้วยเสียงของซูหนี่ว์เรียกหาคุณหนูรอง แจ้งว่ามีแขกคนสำคัญมาขอพบเหมือนทุกวัน บิดานางก็อยู่เรือน...
“ให้เขาเข้ามา”
“เ้าค่ะคุณหนู!”
บ่าวรับใช้ท่าทางกระตือรือร้น ดีใจแทนผู้ตรวจการหนุ่ม เมื่อเขามาขอร้องท่านหมอหลวงให้เขาได้พบเยว่ฉี แต่นางไม่เคยว่าง วันนี้เขาไม่โดนปฏิเสธ อาจเพราะนางเกรงใจบิดาที่ต้องคอยรับหน้าโกหกว่านางยุ่งอยู่ในโรงปรุงยา
ร่างสูงสง่าในชุดสีครามเก็บพัดในมือ สตรีร่างผอมบางในชุดสีขาวนั่งโบกพัดหน้าเตาอาหารสลับไปกับเตายา นางหันไปประสานมือนอบน้อม “คำนับท่านผู้ตรวจการ เกรงว่าที่นี่คงไม่สะดวกสบายนัก เชิญนั่งก่อนเ้าค่ะ”
“ไม่เป็ไร ๆ ข้าแค่อยากพบหน้าเ้า เป็ยังไงบ้าง มีใครรังแกเ้าไหม? เยว่ฉี...”
ผู้ตรวจการหนุ่มสบเข้ากับั์ตาคู่สวยแดงก่ำ ขอบตาของนางบวมช้ำ แก้มเปรอะเปื้อนหยดน้ำตา ด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันในอดีต บ่าวรับใช้บอกว่ามีเสียงร้องไห้ดังจากโรงครัว เขาคิดได้เื่เดียว
“เ้า... ร้องไห้คิดถึงข้า?”
“ข้าเสียน้ำตาเพราะหั่นหัวหอม ผักบางชนิด... แก๊สของมันทำปฏิกิริยากับน้ำในดวงตาของมนุษย์”
“เ้าว่าอะไรนะ?”
เหม่ยฉีเกือบเอ่ยชื่อสารประกอบของผักชนิดนั้นออกมา ทว่ายั้งปากทันเสียก่อน
คุณชายสามในชุดสีครามสง่างามเอามือไพล่หลัง เหนือผ้าคาดเอวมีเครื่องหยกประจำตำแหน่งผู้ตรวจการเหน็บเป็พู่ เขาส่ายตามองไปทางเศษกระจัดกระจายของหัวหอมบนเขียง ยังมองเห็นบางสิ่งในดวงตาคู่สวย นางอ่อนไหว นางมีเยื่อใยไม่มากก็น้อย นั่นคือที่เขาแน่ใจ...
กลิ่นอาหารทั้งต้มแกงหอมฟุ้งไปทั่วโรงครัว บ่าวรับใช้ชะโงกคอยื่นยาวอยู่ด้านนอกประตู พวกเขาผลักกันจนหกล้มระเนระนาด คุณหนูรองตบประตูดังปัง! ะโว่านางจะลงโทษพวกสอดรู้สอดเห็นเื่เ้านาย บ่าวรับใช้ห้าคนที่ยืนกอดคอกันจึงวิ่งหายไป แง้มบานประตูไว้
“เ้าทำอาหารเสร็จแล้ว ไยมาเสียน้ำตาเอาตอนนี้ ไม่ใช่ว่าควันในโรงครัวมากไป?”
“คงเป็เช่นท่านว่า หลายวันมานี้ดวงตาข้าประสบปัญหาเล็กน้อย”
“เ้าควรดูแลตัวเอง อย่าเอาแต่เป็ห่วงผู้อื่น เ้าจะเจ็บไข้ได้ป่วยเอา เ้าผอมลงมาก ดูสิ...” เขาขยับมือไปเกือบจะคว้าเอวนาง พลันก้าวถอย นางขยับฝีเท้าไปทางตะกร้าอาหาร ชำเลืองมองเขาด้วยแววตาเ็า
“หากท่านยอมเป็มิตรสหาย เป็พี่ชายน้องสาว ข้ายินดีต้อนรับท่านทุกเมื่อเ้าค่ะ ใต้เท้า ได้โปรดระวัง”
“ข้าตามใจเ้า เยว่ฉี ขอเพียงเ้าอย่าเมินเฉยเ็า ห่างหายหน้า ให้ข้ามาเยี่ยมเยียนเ้าอย่างคนเคยรัก ให้ข้าเป็อะไรก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น”
“ได้ เพียงแต่ข้าขอให้ท่านจะเข้าใจเื่รักษาระยะห่าง ชายหญิงไม่แต่งงาน ไม่ถูกเนื้อต้องตัว”
“เ้าจะแต่งเลยไหมเล่า? ข้าจะไปแจ้งผู้ใหญ่ให้มาสู่ขอเ้า...” ท้ายประโยคแ่เบาลง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเจื่อน เมื่อสบแววตาเข่นฆ่าของสตรีร่างผอมบาง นางพร้อมมีเื่! เขารีบหัวเราะกลบเกลื่อน “ข้าล้อเล่นน่ะ”
‘ตลกมากไปละ อีตาคุณชายหลิวนี่’
เหม่ยฉีถอนหายใจ “ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะยังไม่แต่งงาน ท่านพ่องานรัดตัว ข้าจะอยู่โรงปรุงยาช่วยเหลืองานท่านพ่อ แล้วข้าเชื่อ...” นางเงียบไป ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัย “ไม่มีทางที่เยว่ฉีจะได้รับพระราชทานสมรส หากข้าไม่ร้องขอด้วยตัวข้าเอง ข้าเป็ใครในต้าเหลียง ท่านก็น่าจะรู้”
“อ้อ... ใช่สิ เ้ามีฮ่องเต้คอยให้ท้ายนี่”
ใครเล่าจะไม่รู้เื่คุณหนูเยว่ฉี นางเป็บุคคลสำคัญอันดับหนึ่งในการร่วมก่อฏ! คืนบัลลังก์ให้แก่องค์ชายสิบสามได้เป็ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
เรือนหมอหลวงหมกมุ่นอยู่กับตำรับยาสารพัดชนิด ทั้งบิดาและบุตรสาวเป็ที่พึงพระทัยของฮ่องเต้
ข่าวลือจากราชสำนักเล่าว่าบิดาผู้เป็แพทย์หลวงเคยขัดกระแสรับสั่ง ไม่ยอมคิดค้นตำราพิษเป็อันขาด ฝ่าาจึงตรัสถามว่าเยว่ฉีเล่า จะยอมทำงานนี้แทนบิดาหรือไม่? ด้วยชื่อเสียงของนางแล้ว ไม่ใช่คนดีมากมายอะไร นางอาจไม่ถือสา แต่ไม่นานนักเื่นี้ก็เงียบไป ไม่มีใครรู้ว่านางมีความลับอะไรกับฝ่าาอีกหรือไม่ พระองค์ทรงเข้าข้างนางทุกเื่
ผู้ตรวจการหนุ่มไม่ต่อล้อต่อเถียงกับนางอีก เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ชักชวนนางดื่มชารสชาติดี ไถ่ถามเื่อาหารว่านางไปเรียนมาจากที่ไหนอย่างไร นางจับตะกร้าไม้ที่ซ้อนกันหลายชั้น ห่ออาหารด้วยใบไม้อบผูกเชือก
“ข้าทำกับข้าวเผื่อท่านอาหญิง น้ำต้มโสมบำรุงกำลังดี แต่ดื่มแล้วห้ามกินหัวผักกาดนะเ้าคะ ท่านอย่าลืมบอกนางด้วย”
“ขอบใจเ้ามาก เยว่ฉี ข้าดีใจที่เ้ากลับมาผูกสัมพันธ์กับตระกูลจาง” เขาหมายความเช่นนั้น ก้มมองแก้มแดงซ่านเพราะอากาศร้อนอบอ้าวในครัวด้วยท่าทางตื่นเต้น “เ้าทำอาหารเองทั้งหมดนี่เลยหรือ? เหลือเชื่อจริง ๆ”
