ในวันคล้ายวันเกิดของเยว่ฉี นางอายุครบสิบสามปี ตะกร้ายาของนางถูกสลับเปลี่ยนโดยผู้ไม่ประสงค์ดี แม่ทัพเจี้ยนหยู่ตรวจพบยาพิษในอาหาร เอ่ยว่าสมุนไพรเหล่านี้อาจเป็ฝีมือหมอยาก็ได้ เขากล่าวโทษเหมือนโยนความผิดให้นางโดยไม่ได้จับกุมตัวนาง ขอให้องครักษ์ตรวจสอบนางก่อนผู้อื่น ค่อยบอกความจริงกับนางว่าทั้งหมดเป็เพียงอุบายจับคนร้าย เขาไม่ได้บอกว่านางเป็คนวางยาพิษเขาเสียหน่อย
ปีศาจอสรพิษต้านพิษทุกชนิด ต่อให้เขามีเืครึ่งหนึ่งของมารดาซึ่งเป็มนุษย์ ตัวเขาไม่มีทางตายเพราะยาสมุนไพรอาบพิษร้ายแรง
ทว่า...
ความคลางแคลงใจของแม่ทัพเจี้ยนหยู่ คือความเ็ปของนาง...
เหม่ยฉีเจ็บในอก นางสมองฟุ้งซ่าน นอนระส่ำระสาย ยามนึกถึงั์ตาสีชาดปรากฏอารมณ์สับสน ไม่ไว้วางใจ นางรู้ดีว่าฝ่ายเสียใจอาจเป็แม่ทัพเจี้ยนหยู่ แม้นางไม่ได้หันกลับไปมองชายผู้ไม่กล้าหาญพอทำร้ายนาง แต่นางาเ็ด้วยมือของเขาถึงสองครา เขาคงแทบอยากจะตัดมือตนเอง ไม่ให้แตะต้องนางได้อีกตลอดกาล หากเป็เช่นในนิยายกล่าวเอาไว้
คืนนั้นใต้เท้าเจี้ยนมองนางเหยียบหิมะด้วยเท้าเปล่า โดยไม่ตามนางมา นางตั้งใจทำให้บ่าวรับใช้วิ่งตามนางอย่างใ จะได้ไม่มีใครจับได้ว่าเขาลอบมาหานาง
นางคิดไม่ตก หายใจไม่ทั่วท้อง หากนางเป็ผู้อื่นมาแย่งชิงร่างของเยว่ฉี เขาคงคิดหาวิธีกำจัดนาง โดยไม่ให้เยว่ฉีได้รับอันตราย ทว่าหากนางและเยว่ฉีเป็คนเดียวกัน เขาจะทำอย่างไร?
เสี้ยวส่วนของเยว่ฉีตัวจริงเล่า ยังหลงเหลือในห้วงจิตนางหรือไม่? เหตุใดนางอาลัยอาวรณ์คุณชายสามในบางครา แถมนางยังไม่กล้าโกหกแม่ทัพเจี้ยนหยู่ นางบอกความลับต่อเขาไป
แล้วตำราที่นางเข้าใจว่าเป็นิยาย... เกี่ยวข้องอย่างไรกับทั้งเยว่ฉี เหม่ยฉี ไท่ซือจิ่วผู้เป็พระเอกตัวจริงของเื่?
เหม่ยฉีเก็บความสงสัยไม่พอใจของนางไว้ สุดก้นบึ้งหัวใจนาง หลายวันมานี้นางขลุกตัวอยู่แต่ในโรงปรุงยา ไม่พูดจากมากมายนัก นางต้มสมุนไพรตามคำสั่งรายการยาของบิดา ขยันทำงานจนดึกดื่น นางกินอาหารได้ไม่กี่คำก็วางช้อน นางไม่ฟังบ่าวรับใช้แถมตะเพิดไล่พวกเขาไป จะมีแค่รุ่งเช้าที่นางเข้าโรงครัวทำอาหาร ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาจนกว่าอาหารและยาทุกตะกร้าจะเรียบร้อยดี
กระทั่งเสียงเหล็กเคาะประตูไม้ดัง ตามด้วยเสียงของซูหนี่ว์เรียกหาคุณหนูรอง แจ้งว่ามีแขกคนสำคัญมาขอพบเหมือนทุกวัน บิดานางก็อยู่เรือน...
“ให้เขาเข้ามา”
“เ้าค่ะคุณหนู!”
บ่าวรับใช้ท่าทางกระตือรือร้นดีใจแทนผู้ตรวจการหนุ่ม เมื่อเขามาขอร้องท่านหมอหลวงให้เขาได้พบเยว่ฉี แต่นางไม่เคยว่าง วันนี้เขาไม่โดนปฏิเสธ นางเกรงใจบิดาที่ต้องคอยรับหน้าโกหกว่านางยุ่งอยู่ในโรงปรุงยา
ร่างสูงสง่าในชุดสีครามเก็บพัดในมือ สตรีร่างผอมบางในชุดสีขาวนั่งโบกพัดหน้าเตาอาหารสลับไปกับเตายา นางหันไปประสานมือนอบน้อม “คำนับใต้เท้าหลิว เกรงว่าที่นี่คงไม่สะดวกสบายนัก เชิญนั่งก่อนเ้าค่ะ”
“ไม่เป็ไร ๆ ข้าแค่อยากพบหน้าเ้า เป็ยังไงบ้าง มีใครรังแกเ้าไหม? เยว่ฉี...”
ผู้ตรวจการหนุ่มสบเข้ากับั์ตาคู่สวยแดงก่ำ ขอบตาของนางบวมช้ำ แก้มเปรอะเปื้อนหยดน้ำตา และด้วยความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อกันในอดีต บ่าวรับใช้บอกว่ามีเสียงร้องไห้ดังจากโรงครัว เขาคิดได้เื่เดียว
“เ้า... ร้องไห้คิดถึงข้า?”
“ข้าร้องไห้เพราะหั่นหัวหอม ผักบางชนิด... แก๊สของมันทำปฏิกิริยากับน้ำในดวงตาของมนุษย์”
“เ้าว่าอะไรนะ?”
เหมือนว่าเขาจะคุยกับนางไม่รู้ความ แถมนางเกือบเอ่ยชื่อสารประกอบของผักชนิดนั้นออกมา ทว่ายั้งปากทันเสียก่อน
คุณชายสามในชุดสีครามสง่างามเอามือไพล่หลัง เหนือผ้าคาดเอวมีเครื่องหยกประจำตำแหน่งผู้ตรวจการเหน็บอยู่เป็พู่ เขาส่ายตามองไปทางเศษกระจัดกระจายของหัวหอมบนเขียง ยังมองเห็นบางสิ่งในดวงตาคู่สวย นางอ่อนไหว นางมีเยื่อใยไม่มากก็น้อย นั่นคือที่เขาแน่ใจ
กลิ่นอาหารทั้งต้มแกงหอมฟุ้งไปทั่วโรงครัว บ่าวรับใช้ชะโงกคอยื่นยาวอยู่ด้านนอกประตู เสียงคนผลักกันจนหกล้มระเนระนาด คุณหนูรองตบประตูดังปัง! ะโว่านางจะลงโทษพวกสอดรู้สอดเห็นเื่เ้านาย บ่าวรับใช้ห้าคนที่ยืนกอดคอกันจึงวิ่งหายไป แง้มบานประตูไว้
“เ้าทำอาหารเสร็จแล้ว ไยมาเสียน้ำตาเอาตอนนี้ ไม่ใช่ว่าควันในโรงครัวมากไป?”
“คงเป็เช่นท่านว่า หลายวันมานี้ดวงตาข้าประสบปัญหาเล็กน้อย”
“เ้าควรดูแลตัวเอง อย่าเอาแต่เป็ห่วงผู้อื่น เ้าจะเจ็บไข้ได้ป่วยเอา เ้าผอมลงมาก ดูสิ...” เขาขยับมือไปเกือบจะเอวนาง พลันก้าวถอย นางขยับฝีเท้าไปทางตะกร้าอาหาร ชำเลืองมองเขาด้วยแววตาเ็า
“หากว่าท่านยอมเป็มิตรสหาย เป็พี่ชายน้องสาว ข้ายินดีต้อนรับท่านทุกเมื่อ ใต้เท้าหลิว”
“ข้าตามใจเ้า เยว่ฉี ขอเพียงเ้าอย่าเมินเฉยเ็า ห่างหายหน้า ให้ข้ามาเยี่ยมเยียนเ้าอย่างคนเคยรัก ให้ข้าเป็อะไรก็ได้ ข้ายอมทั้งนั้น”
“ได้ เพียงแต่ข้าขอให้ท่านจะเข้าใจเื่รักษาระยะห่าง ชายหญิงไม่แต่งงาน ไม่ถูกเนื้อต้องตัว”
“เ้าจะแต่งไหมเล่า? ข้าจะยกสินสอดมา...” ตามสัญญา... ท้ายประโยคบนใบหน้าซีดเจื่อน แววตาเข่นฆ่าของสตรีร่างผอมบางบอกว่านางพร้อมมีเื่! เขารีบกลับคำ หัวเราะกลบเกลื่อน “ข้าล้อเล่นน่ะ”
‘ตลกมากไปละ อีตาคุณชายหลิวนี่’
เหม่ยฉีถอนหายใจ “ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะยังไม่แต่งงาน ท่านพ่องานรัดตัว ข้าจะอยู่โรงปรุงยาช่วยเหลืองาน แล้วข้าเชื่อ...” นางเงียบไป ใบหน้าหวานปรากฏรอยยิ้มมีเลศนัย “ไม่มีทางที่เยว่ฉีจะได้รับพระราชทานสมรส หากข้าไม่ร้องขอด้วยตัวข้าเอง”
“อ้อ... ใช่สิ เ้ามีฮ่องเต้คอยให้ท้ายนี่”
คุณชายหลิวมีหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของข้าราชการในท้องที่ต่าง ๆ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้คลุกคลีกับผู้ตรวจการในท้องพระโรง ก็พอรู้มาว่าเรือนหมอหลวงหมกมุ่นอยู่กับตำรับยาสารพัดชนิด ทั้งบิดาและบุตรสาวเป็ที่พึงพระทัยของฮ่องเต้
ข่าวลือจากราชสำนักเล่าว่าบิดาผู้เป็แพทย์หลวงเคยขัดกระแสรับสั่ง ไม่ยอมคิดค้นตำราพิษเป็อันขาด พระองค์ทรงตรัสถามว่าเยว่ฉีเล่า จะยอมทำงานนี้แทนบิดาหรือไม่? ด้วยชื่อเสียงของนางแล้ว ไม่ใช่คนดีมากมายอะไร นางอาจไม่ถือสา แต่ไม่นานนักเื่นี้ก็เงียบไป
ผู้ตรวจการหนุ่มไม่ต่อล้อต่อเถียงกับนาง เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ชักชวนนางดื่มชารสชาติดี ไถ่ถามเื่อาหารว่านางไปเรียนมาจากที่ไหนอย่างไร นางจับตะกร้าไม้ที่ซ้อนกันหลายชั้น ห่ออาหารด้วยใบไม้อบผูกเชือก
“ข้าทำกับข้าวเผื่อท่านอาหญิง น้ำต้มโสมบำรุงกำลังดี แต่ดื่มแล้วห้ามกินหัวผักกาดนะเ้าคะ ท่านอย่าลืมบอกนางด้วย”
“ขอบใจเ้ามาก เยว่ฉี ข้าดีใจที่เ้ากลับมาผูกสัมพันธ์กับสกุลจาง” เขาหมายความเช่นนั้น ก้มมองแก้มแดงซ่านเพราะอากาศร้อนอบอ้าวในครัวด้วยท่าทางตื่นเต้น “เ้าทำอาหารเองทั้งหมดนี่เลยหรือ? เหลือเชื่อจริง ๆ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้