ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่
“ไม่ใช่เฉินเทียนหยวนบอกว่าสองสามวันหวังเค่อก็ฟื้นแล้วหรอกหรือ? นี่ผ่านมาครึ่งเดือนแล้วนะ เฉินเทียนหยวนนี่เชื่อถือไม่ได้เลย!” จางเจิ้งเต้าเดินรอบตัวหวังเค่ออย่างกระวนกระวาย
ลูกน้องหวังเค่อที่รายล้อมอยู่เองก็ต่างมีสีหน้ากังวล
“เซียนแซ่จาง ประมุขเฉินกล่าวก่อนจากไปว่ายิ่งท่านประมุขเข้าฌานนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้แจ้งลึกล้ำขึ้นเท่านั้นใช่หรือไม่?” ลูกน้องหวังเค่อคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“ใช่แล้ว แต่ แต่นี่นานเกินไปแล้วหรือไม่? ผ่านมาเกินครึ่งเดือนแล้วนะ! มันไม่ใช่ผู้ลุ่มหลงกระบี่สักหน่อย จะทำตัวเวอร์วังอะไรปานนั้น ต้องมีบางสิ่งผิดปกติแน่ ไม่ได้การ ข้าจะปลุกมันขึ้นมาเอง!” จางเจิ้งเต้าเดินเข้าไป
“หึ่งงง!”
ทันทีที่หวังเค่อลืมตาขึ้น ดวงตาคู่นั้นก็คล้ายเปล่งแสงกระบี่ออกมาวูบหนึ่งก่อนเลือนหายไป
“ท่านประมุข ท่านฟื้นแล้ว? ประเสริฐนัก!” ลูกน้องหวังเค่อต่างพากันส่งเสียงดีใจ
จางเจิ้งเต้าขยี้ตาถี่รัว “เมื่อครู่ข้าตาฝาดไปใช่มั้ย? หวังเค่อมันเพิ่งเปล่งแสงกระบี่ออกมาจากตาเรอะ? ข้าต้องตาฝาดแน่ๆ!”
หวังเค่อที่เพิ่งได้สติเองก็ลอบตกตะลึงในใจ
“กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญ? ท่านบรรพชน ท่านทิ้งของดีไว้ให้ข้าโดยแท้ กระบี่นี้กลับช่วยให้ข้าเข้าใจเจตกระบี่ที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ให้ได้? น่าอัศจรรย์นัก!” หวังเค่ออุทานในใจ
“หวังเค่อ เ้าเล่นเข้าฌานทีสิบกว่าวัน เป็อย่างไรบ้าง? เ้าเข้าใจกี่ส่วน? หรือเ้าติดขัดั้แ่เริ่ม?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างใคร่รู้
หวังเค่อกลอกตาใส่อีกฝ่าย ตลกเถอะ เื่แบบนี้บอกเ้าได้ที่ไหน?
“ว่าแต่พวกเ้ามาล้อมวงข้าทำไมเนี่ย?” หวังเค่อถามอย่างระแวง
“ท่านประมุข พวกเราถูกหมายหัวแล้ว!” ลูกน้องคนหนึ่งรายงานด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว
“อ้อ?” หวังเค่อเผยสีหน้าใก่อนรับคำอย่างจริงจัง
“ก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกเรากักตุนกว้านซื้อพิษและของเสียมาเยอะเกินไป จากปากคำเถ้าแก่ร้านค้า พวกเราถึงกับทำให้สมดุลตลาดของสิบหมื่นมหาบรรพตติดขัดจนพิษเ่าั้ขาดตลาด ราคาถีบตัวพุ่งสูงไปพักใหญ่ สุดท้ายกลายเป็ว่าพวกเราโดนจับตามอง! เ้าพวกนั้นถึงกับตามมาที่เมืองหลางเซียน!” ลูกน้องหวังเค่ออธิบาย
จางเจิ้งเต้าพยักหน้ารับ “ของพวกนั้นเดิมทีล้วนมีแต่มารที่ใช้ ไม่แปลกใจที่มู่หรงลวี่กวงจะสงสัยเ้า เ้าฝึกวิชาคล้ายพวกมารจริงๆ!”
“เมืองหลางเซียนรึ?” หวังเค่อขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ขอรับ พิษทั้งหมดที่ซื้อมาล้วนถูกนำมารวมไว้ที่หน้าประตูขึ้นเขานอกเมืองหลางเซียน จากนั้นค่อยขนส่งขึ้นมายังพรรคเทพหมาป่า์ บ้านหลักของพวกเราถูกจับตาแล้ว เมื่อสองสามวันก่อน มีกลุ่มคนเดินทางมายังเมืองหลางเซียนไล่สอบถามเื่ของพวกเราไปทั่ว แถมยังซื้อบ้านหลังติดกับบ้านใหญ่พวกเราด้วย!” ลูกน้องคนหนึ่งรายงานอย่างนอบน้อม
“บ้านหลังติดกับบ้านใหญ่ก็เป็ของพวกเราเหมือนกัน เ้าขายได้เก่งมาก!” หวังเค่อพยักหน้าให้
“แน่นอนขอรับ พวกเราทำธุรกิจอยู่ในเมืองหลางเซียนตั้งสิบกว่าปี ไหนเลยจะให้ผู้อื่นมาจับตาดูได้? ขณะที่พวกมันจับตาดูบ้านใหญ่ของพวกเรา พวกเราก็คอยลอบติดตามเฝ้าดูพวกมันคืน!” ลูกน้องหวังเค่อว่า
“เ้ามั่นใจว่าเป็พวกมาร?” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“ขอรับ พวกเราไม่กล้าสอบถามเกินควร แต่จากที่ได้ยินพวกมันพูดคุยกัน พวกมันอ้างว่าเป็คนจากลัทธิมารจันทรา!” ลูกน้องหวังเค่อรายงาน
“ลัทธิมารจันทรา? หนึ่งในสี่สำนักเซียนชั้นแนวหน้าของสิบหมื่นมหาบรรพต!” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“ครั้งก่อน มารอริยะที่วางแผนทำลายพรรคเทพหมาป่า์ก็คือประมุขลัทธิมารจันทรา! หวังเค่อ เ้าระวังตัวไว้เถอะ เ้าถูกลัทธิมารจันทราหมายหัวแล้ว!” จางเจิ้งเต้าเยาะเย้ย
หวังเค่อเหลือบมองจางเจิ้งเต้าก่อนกล่าว “คนซื้อพิษพวกนั้นไม่ใช่ข้า!”
จางเจิ้งเต้าชะงักไปวูบหนึ่ง ก่อนใบหน้าจะค้างแข็ง เพราะคนที่คอยตระเวนตามหาสมุนไพรยาพิษทั้งหลายก่อนหน้านี้ล้วนเป็มันทั้งสิ้น กล่าวคือคนที่โดนหมายหัวไม่ใช่หวังเค่อ แต่เป็มันเอง?
“หวังเค่อ เ้า เ้านี่มัน…!” จางเจิ้งเต้าหดหู่จนแทบอยากกระอักเื!
ทำไมกัน? เป็ข้าอีกแล้ว?
“จะว่าไปแล้ว จางเจิ้งเต้า ก่อนหน้านี้ข้าเดินทางไปมาระหว่างเมืองมนุษย์กับเมืองเซียน เลยไม่ค่อยรู้เื่สำนักเซียนเท่าไหร่ บอกข้าทีว่าลัทธิมารจันทรานี่เป็ตัวตนแบบใด?” หวังเค่อมองจางเจิ้งเต้าอย่างใคร่รู้
“ลัทธิมารจันทรา? ตัวตนระดับไหน? สิบหมื่นมหาบรรพตมีพรรคสำนักเซียนมากมายนับไม่ถ้วน แล้วเ้ารู้หรือเปล่าว่าสำนักเซียนชั้นแนวหน้ามีอะไรบ้าง?” จางเจิ้งเต้าถาม
“เหลวไหล สี่สำนักเซียนชั้นแนวหน้า พรรคเทพหมาป่า์ พรรคอีกาทองคำ วัดขั้นโลหิต และลัทธิมารจันทรา! ตระกูลผู้ฝึกฌานทั้งหมดล้วนแต่นับถือสี่สำนักเซียนนี้เป็เป้าหมายสูงสุด!” หวังเค่อกล่าวเสียงเข้ม
“พรรคเทพหมาป่า์ พรรคอีกาทองคำ และวัดขั้นโลหิตล้วนเป็พรรคธรรมะ! ลัทธิมารจันทราเป็พรรคอธรรม! หลายปีมานี้มีการต่อสู้ระหว่างธรรมะอธรรมนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีฝ่ายใดมีเปรียบ เ้าคิดว่าลัทธิมารจันทราเป็อย่างไร?” จางเจิ้งเต้ากล่าว
“ลัทธิมารจันทรา หนึ่งสู้สาม? ร้ายกาจถึงปานนั้น?” หวังเค่อเอ่ยอย่างใ
“ถึงอาจไม่ได้ชนตรงๆ ทีเดียวหนึ่งสู้สาม แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ใน่สมดุลหยั่งเชิงกัน! ข้าบอกรายละเอียดเจาะจงไม่ได้ แต่พวกเราโดนลัทธิมารจันทราหมายหัวแบบนี้หายนะแน่นอน!” จางเจิ้งเต้าพูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง
“เหลวไหล! เ้าต่างหากที่โดนหมายหัว ไม่ใช่ข้า!” หวังเค่อตอกหน้ากลับทันที
จางเจิ้งเต้า “...!”
หวังเค่อมองลูกน้องทั้งหมด “คนของเราถอนตัวออกจากบ้านใหญ่หมดแล้วหรือยัง?”
“ขอรับ พวกเราดำเนินการตามแผนการฉุกเฉินที่ท่านประมุขเคยวางไว้ให้!” ลูกน้องตอบอย่างนอบน้อม
“ทำดีมาก!” หวังเค่อพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นข้าควรทำยังไงดี? หรือเราควรแจ้งข่าวให้พรรคเทพหมาป่า์นำศิษย์ทั้งหมดออกไปลงทัณฑ์ปราบลัทธิมาร?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างกระตือรือร้น
“แจ้งข่าวให้ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ออกไปปราบมารเป็ประโยชน์กับพวกเราหรือ?” หวังเค่อมองหน้าจางเจิ้งเต้า
“อืม ก็จริง นอกจากพวกเราจะอดได้รับกุศลแล้ว ยังจะถูกลัทธิมารจันทราเกลียดขี้หน้ายิ่งกว่าเดิม? หากข้าทำเช่นนั้น จะเป็ผลร้ายมากกว่าดีใช่หรือไม่?” จางเจิ้งเต้าชะงักไป
“ไม่ใช่แค่นั้น แต่ถ้าเกิดศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ตายในการต่อสู้ขึ้นมาสักคน พวกเราก็จะถูกลงโทษเหมือนกัน! เื่แบบนี้ไม่ได้ประโยชน์อันใด แล้วจะทำไปทำไม?” หวังเค่อกลอกตา
“จริงด้วย!”
“พวกเราไม่ต้องไปสนใจศิษย์ลัทธิมารพวกนี้หรอก พวกมันมาสอดแนมไม่กี่วันไม่กี่เดือนเดี๋ยวก็ถอนตัวไปเอง พวกเราไม่เสียอะไรสักหน่อย! เ้าจะไปหาเหาใส่หัวทำไม?” หวังเค่อว่า
“จริงอีก!”
“เ้าจะกิน จะดื่ม จะทำอะไรก็ทำไป! ทำไมถึงต้องไปคิดหาเหาใส่หัวด้วย!” หวังเค่อกลอกตาอีกรอบ
“แต่ พวกมันตามรอยเรามาถึงที่นี่เลยนะ!” จางเจิ้งเต้ายังวิตกไม่หาย
“แล้วพวกมันมีปัญญาตามเข้ามาสืบถึงในพรรคเทพหมาป่า์หรือเปล่าล่ะ? ช่างพวกมันเถอะ! จะว่าไปองค์หญิงโยวเยว่เล่า? ข้าเก็บตัวอยู่ ทำไมพวกเ้าถึงไม่ไปดูแลนาง?” หวังเค่อโยนเื่ของลัทธิมารทิ้งไป
“องค์หญิงหายตัวไปขอรับ!” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยอย่างนอบน้อม
“หาย หายตัวไป?” หวังเค่อเบิกตาโตอย่างแปลกใจ
“ใช่แล้ว ั้แ่วันที่สองที่เ้าเข้าฌาน นางก็ติดตามเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยแล้วหายตัวไปเลย! พวกนางออกไปนอกพรรคเทพหมาป่า์ ข้าก็ไม่รู้ว่าไปที่ไหน!” จางเจิ้งเต้าอธิบาย
“เดี๋ยวก่อน นางออกไปกับเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย? ไปทำไม?” หวังเค่อขมวดคิ้ว
“ข้าก็ไม่รู้! เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมาคุยกับองค์หญิงโยวเยว่โดยไม่ยอมให้คนอื่นเข้าใกล้ แล้วพอกลับออกมา องค์หญิงก็ตามเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไป!” จางเจิ้งเต้าเล่าอย่างอับจน
“องค์หญิงโยวเยว่ไม่บอกอะไรเ้าเลย? เช่นว่าจะไปไหน?” หวังเค่อถาม
“ไม่มี!” จางเจิ้งเต้าส่ายหน้า
“ไม่พูดอะไรสักคำ?” หวังเค่อถามเสียงเข้ม
“ไม่มีอะไรเลย นางแค่ตามเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไปเฉยๆ!” จางเจิ้งเต้าส่ายหน้า
“เป็ไปไม่ได้ นางสัญญากับท่านอาจารย์ไว้แล้วว่าจะพำนักอยู่ที่ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่ แถมยังสนิทกับเ้าและข้า นางมีหรือจะไปโดยไม่อธิบายอะไรสักคำ? ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเ้าแอบอู้อยู่หรอกนะ?” หวังเค่อจ้องเขม็ง
“ไม่มีทาง เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยมองหน้าข้าเขม็ง ข้าเข้าไปใกล้ไม่ได้จริงๆ!” จางเจิ้งเต้าตอบอย่างเศร้าใจ
“หรือก็คือ เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยไม่ยอมให้องค์หญิงโยวเยว่ติดต่อกับเ้า? องค์หญิงไม่ได้ตั้งใจจากไป แต่ถูกเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยลักพาตัว!” หวังเค่อกล่าวด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว
“จะเป็ไปได้อย่างไร เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจะลักพาตัวองค์หญิงโยวเยว่ไปเพื่ออะไร? องค์หญิงโยวเยว่ตอนนั้นก็เดินเหินได้ปกติ ไม่ใช่ว่านางจะพูดไม่ได้สักหน่อย!” จางเจิ้งเต้าไม่ยอมเชื่อ
“องค์หญิงโยวเยว่อาจไม่สะดวกเอ่ยปากกระมัง? ตอนนี้ท่านอาจารย์ข้าไม่อยู่ในพรรค เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยก็สามารถทำตามอำเภอใจได้ไม่ใช่หรือ? แล้วถ้านาง้าหมายหัวองค์หญิงโยวเยว่เล่า?” หวังเค่อมุ่นคิ้ว
“แล้วนางจะหมายหัวองค์หญิงโยวเยว่ได้ยังไง? เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยชั่วชีวิตไล่ล่าสังหารมารอย่างบ้าคลั่ง เดี๋ยวก่อนนะ มาร…?” จางเจิ้งเต้าพลันตะลึงไป
“อะไร? เ้านึกอะไรออก?” หวังเค่อถามอย่างสงสัย
“บ้าจริง ข้ากลัวว่าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจะลงมือสังหารองค์หญิงโยวเยว่เข้าจริงๆ? นางหมายตาคิดสังหารองค์หญิงโยวเยว่?” จางเจิ้งเต้าหน้าเปลี่ยนสี
“นี่มันเกิดเื่บ้าอะไรกันแน่?” หวังเค่อจ้องจางเจิ้งเต้าเขม็ง
“ข้า ข้าบอกไม่ได้ นี่เป็ชีวิตขององค์หญิงโยวเยว่ ข้าบอกไม่ได้จริงๆ เ้าอย่าเพิ่งไปสนใจเื่นั้นเลย ตอนนี้พวกเราต้องรีบหาตัวองค์หญิงโยวเยว่ให้เจอก่อน ไม่ ไม่สิ เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจงใจล่อท่านประมุขออกไปเพื่อลงมือกับองค์หญิง ไม่นะ ไม่!” จางเจิ้งเต้ากล่าวอย่างลนลาน
“รีบไปยังบ้านพักขององค์หญิงโยวเยว่ ค้นดูว่านางทิ้งข้อความใดไว้หรือไม่?” หวังเค่อสั่งการลูกน้องหญิงสองสามคน
“เ้าค่ะ!”
ลูกน้องกลุ่มหนึ่งรีบเข้าไปรื้อค้นบ้านพักขององค์หญิงโยวเยว่อย่างว่องไว แต่โชคร้ายที่ตอนนั้นเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยคอยประกบข้างอยู่ ทำให้องค์หญิงโยวเยว่ไม่อาจเขียนจดหมายทิ้งไว้ได้
“ท่านประมุข พวกเราเจอลูกปัดโหยหาเ้าค่ะ!” ลูกน้องคนหนึ่งรีบวิ่งมา
ลูกปัดโหยหา เป็ของที่องค์หญิงโยวเยว่ทวงคืนกลับมาจากมู่หรงลวี่กวงเมื่อครึ่งเดือนก่อน ภายในลูกปัดมีแมลงโหยหาตัวผู้ผนึกไว้ มันสามารถััถึงแมลงโหยหาตัวเมียที่ผนึกไว้ตรงข้อมือองค์หญิงโยวเยว่ได้
“ดราก้อนเรดาห์เรอะ? ไม่สิ ลูกปัดโหยหาต่างหาก? สามารถใช้มันเพื่อตามหาตำแหน่งขององค์หญิงได้ ใช่แล้ว ใช่แล้ว องค์หญิงจงใจทิ้งสิ่งนี้เอาไว้เพื่อให้พวกเราไปช่วยนาง! นางต้องถูกอีกฝ่ายบีบบังคับอยู่แน่!” หวังเค่อตาเป็ประกาย
“งั้นพวกเรารีบไปเถอะ ถ้าหากองค์หญิงโยวเยว่ตกตายด้วยฝีมือเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยขึ้นมา เช่นนั้นชีวิตข้าคงอดสูแน่แล้ว! เ้านายข้าเอาข้าตายแน่! ข้านึกไม่ถึงว่าเนี่ยเมี่ยเจวี๋ยจะจิตวิปริตถึงเพียงนี้!” จางเจิ้งเต้าะโโลดเต้นอย่างร้อนใจ
หวังเค่อเองก็หน้าดำหม่น มันสูดหายใจลึกก่อนพยักหน้า
หลังกำชับสั่งการให้ลูกน้องเสร็จแล้ว หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าก็ออกเดินทาง
ครั้งนี้คู่มือของพวกมันคือเนี่ยเมี่ยเจวี๋ย ทั้งสองย่อมไม่กล้าประมาท แม้แต่ตอนจะออกจากพรรคเทพหมาป่า์ พวกมันก็ไม่อาจให้ศิษย์พรรคล่วงรู้ เพื่อไม่ให้เนี่ยเมี่ยเจวี๋ยทราบเื่
เมื่อคิดอยากลอบออกเดินทาง พวกมันย่อมต้องปลอมตัวไป
จางเจิ้งเต้าปลอมตัวกลายเป็หญิงชราหน้าอกใหญ่อีกครั้ง ส่วนหวังเค่อก็ทายาป้ายให้สิวเห่อ พากันเดินขบวนลงจากเขาพรรคเทพหมาป่า์อย่างแช่มช้า
การปลอมตัวของพวกมันขนาดเนี่ยเทียนป้าที่รู้หน้าค่าตากันมาก่อนยังจำไม่ได้ แล้วศิษย์เฝ้าประตูพรรคที่ไม่คุ้นหน้าจะจำได้อย่างไร? เมื่อศิษย์พรรคเห็นสภาพของทั้งคู่ มันก็หันสายตาหลบทันที ไม่แม้แต่จะตรวจค้นตัวด้วยซ้ำ
ทั้งคู่ออกมาจากพรรคเทพหมาป่า์ได้โดยไม่มีใครทราบ
หวังเค่อใช้ลูกปัดโหยหาเพื่อช่วยตรวจสอบทิศทางการเดินทางได้โดยง่าย หลังออกจากพรรคเทพหมาป่า์พร้อมจางเจิ้งเต้า ทั้งคู่ก็มุ่งหน้าเข้าสู่ป่าก่อนจะหายลับไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้