ลึกเข้าไปในป่า ข้ามแม่น้ำ 99 สาย ข้ามเขา 999 ลูก ยังมีหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางฤดูใบไม้ร่วงตลอดทั้งปีท่ามกลางหุบเขาที่โอบล้อมตัวหมู่บ้านไว้อย่างแ่าลึกลับคล้ายปราการครอบแก้วกัก และ หยุดทุกสิ่งเสมือนว่าคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า หลบลี้แยกตัวตัดขาดจากโลกภายนอก หมู่บ้านนี้คือ “หมู่บ้านชุนเทียน” หรือ ที่คนทั้งภพมนุษย์กล่าวขานเป็นามเดียวกันว่า “หมู่บ้านต้องสาป”
หมู่บ้านที่เป็ปราการด่านแรกและด่านสุดท้ายที่ยืนตระหง่านกลางหุบเขาทำหน้าที่เป็เหมือนเกราะกั้นระหว่างภพมนุษย์และภพอื่นๆอีกแปดภพ จะกล่าวไปในอดีต หมู่บ้านชุนเทียนเคยเป็หมู่บ้านที่งดงาม พืชพันธุ์ ดอกไม้ สัตว์ป่า และชาวบ้าน สำนักเซียน สำนักคุ้มภัย สำนักผู้ฝึกตน ต่างอยู่กันอย่างผาสุข ไม่ต่างจากที่อื่นๆในโลกใบนี้ แต่เนื่องจากเื่ราวอันวุ่นวายเอิกเหลิกในอดีตทำให้ ฤดูกาลที่นี่หยุดคงไว้แค่ฤดูใบไม้ร่วง ดอกไม้ ผลไม้ ทุกสิ่งล้วนตายต้นเหี่ยวเฉา ใบไม้ ต้นไม้ทุกต้นในหุบเขานี้เกิดและร่วงหล่นฉับพลันลงพื้นคล้ายกับว่าพื้นที่นี้ถูกสูบกินไอแห่งชีวิตชีวาจนหมดสิ้นไปอย่างไงอย่างนั้น
ว่ากันว่าใน1ปีจะมีงานครบรอบการฟื้นคืนชีวิตหรือพิธีล้างไอปีศาจ เป็เหมือนการเฉลิมฉลองให้ชีวิต คุณธรรม ความสว่าง ความดีงามคืนกลับสู่หมู่บ้านต้องสาปแห่งนี้ นอกจากการจัดงานประจำทั้งเดือน ่เดือน11 ที่ในยามปกติจะเป็่ฤดูใบไม้ร่วง แต่ จะเปลี่ยนเวลานั้นพลิกกลับเป็ฤดูใบไม้ผลิ จะมีผู้วิเศษจากสำนักเซียนที่ยังเหลืออยู่ สำนักเก้าจักยุตกรา และเหล่าเทพจากภพ์ เริ่มสวดบทโคลงโบราณเล่าว่ามีอายุยาวนานถึงพันปี “โคลงเจี๋ยหยี่” เพื่อขับไล่ชะล้างและคืนชีวิตชีวาให้กับทุกสรรพสิ่งในหุบเขาแห่งนี้ คัมภีร์บทสวดกว่าหมื่นฉบับจะถูกลำเลียงและเซียน ผู้วิเศษ จะเริ่มประจำการสลับกันสวด ข้ามวันข้ามคืนตลอดทั้งเดือนเสียงสวดจะไม่มีวันหยุด
แสงไฟสีส้มวิบวับตระการจากโคมจะสาดส่องสว่างทั่วหุบเขา เสียงระฆังตีดังก้องกังวานดั่งเสียงปี่จาก์ ผู้คนพากันไม่หลับไม่นอนเปิดไฟฉลองรื่นเริง ตลาดในเมือง โรงหมอ โรงยา โรงเรียน แม่น้ำริมคลอง ทุกที่ล้วนสว่างและมีชีวิตชีวา จะเป็เช่นนี้ต่อเนื่องไปยาวนาน 1 เดือน และเมื่อพิธีเริ่ม ทุกสรรพสิ่งคืนกลับมีชีวิต ผู้คนคืนกลับสู่ร่างเดิม นามเดิม ใจเดิม งดงาม เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ผู้คน ส่วน ความชั่วร้าย ความดำมืด ภูตผีิญญาปีศาจสิ่งชั่วร้ายจากปรโลก ทั้งหมด จะถูกมนต์ศักดิ์สิทธิ์นี้กดทับ กวาด และชะล้างจนสิ้นแสงสิ้นกำลัง ผนึกลงสู่อีกด้านของภพมนุษย์ คงเหลือไว้เพียงการมีชิวิตที่ขาวสว่างตามครรลองของผู้คนและสรรพสิ่งเหมือนเมื่อครั้งยังไม่ถูกตรึงนามเฉกเช่น “หมู่บ้านต้องสาป” ต่อเนื่องยาวนาน 1 เดือน
“เฮ้ย! ตื่นตื่น! ตื่นได้แล้ว! นี่มันกี่โมงกี่ยาม! พวกเ้าจะนอนไปถึงไหน รีบลุกขึ้นเตรียมข้าวเตรียมของ” เสียงเรียกดังจากหัวหน้าพ่อบ้าน และหันหน้าถมึงตีงไปทางเหล่าขบวนสาวใช้อีกฟากของครัว “ส่วนพวกเ้าไปเตรียมปลุกคุณชายวั่งซูให้ท่านลุกขึ้น ชำระร่างกาย แต่งองทรงอาภรณ์ วันนี้คือวันแรกที่นายท่านจะเข้าพิธีปฐมนิเทศ ปวารณาตัวเป็ศิษย์รุ่น 111 ของสำนักคุ้มภัยเก้าจักยุตกรา” แห่งตระกูลเ้า
ณ ตำหนักจันทร์มืด (月亮 เย่วเลี่ยว) คฤหาสแห่งเดียวตั้งตระหง่านสีดำเงาสะท้อนวิบวับกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบสะท้อนความเป็มันเลื่อมของตัวตำหนัก ตัดกับธรรมชาติพพฤกษารอบด้าน สร้างความลึกลับ ทรงพลัง งดงาม โดดเด่น ให้กับตำหนักแห่งนี้ คือตำหนักที่ตกทอดจากตระกูลเ้า สกุลที่ถูกเหล่าผู้คนในภพมนุษย์สาปแช่งชั่วนิรันดร์
“นี่เช้าแล้วหรอเนี่ย” เ้าวั่งซูเอ่ยถามสาวใช้ที่เคาะประตูห้องเพื่อปลุกให้เตรียมตัว
“ใช่ค่ะ คุณชายวั่งซู วันนี้ต้องเตรียมตัวเพื่อเข้ารายงานตัวสำนักคุ้มภัยวันแรกค่ะ”
“ถ้างั้น พวกเ้าจงเข้ามาเตรียม ให้ข้า เดี๋ยวสักพักข้าจะจัดการตัวเอง”
“ค่ะ คุณชาย”
เหล่าคนรับใช้เดินเข้ามา เตรียมอ่างน้ำอุ่น ตั้งฟืน ใส่ส่วนผสมสมุนไพรผสมน้ำ กลิ่นหอมเริ่มตีฟุ้งกระจาย ควันจากการเผาไหม้จากฟืนลอยคละคลุ้งทั่วห้อง ให้อารมณ์ผ่อนคลาย อีกด้านก็กำลังจัดเตรียมผ้าอาภรณ์ สีดำตัดขอบและลายทอง สีประจำตัวเ้าวั่งซูสำหรับสวมใส่พาดแขวนไว้ในห้องแต่งตัวอีกฟากหน้ากระจก และต่างพากันกรูออกไปรอด้านนอกและปิดประตู
“เช้านี้อากาศดี สดชื่น ขอให้มันเป็สัญญาณที่ดีแห่งการเริ่มต้น ฝากสายลมพัดพาความเลวร้ายที่มีมาั้แ่อดีตเลือนหายไป” เ้าวั่งซูพูดกับตัวเอง ในมือโอบอุ้มแก้วชาไอลอยโขมง นั่งริมหน้าต่างเชิดหน้ามองลอดหน้าต่างไปทางเหล่าพืชพันธุ์และแสงอาทิตย์ ยามเช้าอ่อนๆที่สาดส่องฉาบบนใบหน้างามคมสันได้รูปสะท้อนวิบวับสีทองพร้อมรอยยิ้มบางๆแห่งความหวังครั้งใหม่
“น้ำนี่ช่างหอมอุ่นกำลังดี” เ้าวั่งซูพูดหลังจากปลดผ้าแพรยางใสที่ห่อกายโชเรือนร่างขาวบางแต่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นพองามลงแช่น้ำที่ถูกเตรียมไว้
เสียงเอิกทึกครึกโครมด้านนอกดังขึ้น เ้าวั่งซูคว้าเสื้อผ้าห่มพันกายและกระโจนขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว พร้อมเปิดประตูห้อง “เกิดอะไรขึ้น!” บ่าวใช้สาวนางหนึ่งหน้าตื่นวิ่งผ่านมารีบคลุกเข่าลงและแจ้ง “เอ่อเอ่อ หัวหน้าพ่อครัวเว่ยซานตงค่ะ เค้าโดนปีศาจสวมร่าง กำลังอาละวาดที่ห้องครัวตำหนักริมสระค่ะ”
เ้าวั่งซูวิ่งกึ่งลอยนำหน้าไปที่เรือนนั่น บ่าวรับใช้ยืนใกลัวขวัญผวากันถ้วนหน้า
“คุณชายย ซาาซาาตง! เค้า” เบื้องหน้าคือกายหยาบของพ่อบ้านซานตงแต่ดวงตาไร้ซึ่งแววใจดีเฉกเช่นเคย รูม่านตาหดเล็กรอบตากลายเป็สีเหลืองปากยื่นยาวฟันคมกริบเรียงรายลิ้นยาวสองแฉกออกจากปาก มีมืองอกออกมาจากหลังสิบสองมือ ขางอกออกมาสิบสองขา ตัวหยาบิัคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน
“ปีศาจยึดร่าง! ตัวนี้ไม่ได้มาจากปรภพ มาจากภพไหน!?”
“แต่ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาสักพัก หรือว่าพลังกั้นระหว่างภพอ่อนกำลังลง” เ้าวั่งซูคิดในใจ พลางหันมาะโเรียกบ่าวไพร่ “เตรียมตาข่าย์ ตั้งค่ายล้อมจับมัน”
“ครับ” บ่าวไพร่ตั้งค่ายเตรียมพาดเหวี่ยงตาข่ายกักตัวพ่อบ้านซานตง ร่างปีศาจหลังจากโดนตาข่ายกลับไม่หยุดพยศลงแต่เริ่มขยายร่างใหญ่ขึ้น กรีดร้อง เสียงปวดหูดังก้องกังวาล ปากยื่นยาวคายพ่นพิษกระจายใส่ทุกคนในบริเวณนั้น
“ปีศาจร้ายจงกลับคืนสู่ที่เ้าจากมา และทิ้งร่างนี้ มนต์กระชากิญญา!” เ้าวั่งซูหยิบอาวุธคู่กาย “เคียวยมฑูต” ขึ้นกวัดแกว่งง้าวนั้นพร้อมร่ายคาถาไล่ปีศาจคืนิญญา
“กรี๊ด!!” ร่างปีศาจกรีดร้องพร้อมกายเริ่มถอยออกจากร่างพ่อบ้านซานตง แต่กรงเล็บก็คว้าเกี่ยวดวงจิตของซานตงหวังจะกลืนกินเพื่อให้ร่างตัวถูกดึงกลับร่างกายมนุษย์
“แกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก! ไอ้คนตระกูลเ้า ไอกึ่งมนุษย์ชั่วช้า เ้าคิดว่าเ้าจะสามารถยืนอยู่ตรงกลาง ระหว่างทุกภพเพื่อรักษาสมดุล เพื่อรักษาความสงบ ฮ่าๆๆ! ทั้งที่เ้าก็รู้ว่ามันไม่เคยมีอยู่จริง ไอพวกมนุษย์ที่มันรักแต่ตัวเองมันไม่เคยมองเ้าเป็พวกมัน เ้าควรจะรู้ว่าที่ของเ้าคือที่ไหน ฮ่าๆๆ!” ปีศาจแสยะเคี้ยวน้ำลายเหนียวหนืดไหลย้อยพูดยั่วยุเ้าวั่งซู
“เออ แม้มันจะเ็ปแต่มันก็เป็ความจริง” เ้าวั่งซูคิดในใจ ว่าพวกมนุษย์ไม่เคยมองตัวเค้าเป็พรรคพวกแต่เป็ปีศาจจากปรภพ
“แล้วแกเป็ใคร! อาจหาญข้ามประตูภพมา ครองด้านมืดจิตใจมนุษย์ และเข้าสวมร่างแบบนี้ได้อย่างไร” เ้าวั่งซูะโถามปีศาจ
“กว่าหลายร้อยปีมานี้ประตูระหว่างภพปิดสนิท แม้เคียวสู่ภพอันแรกจะสาบสูญไป แต่การเสียสละดวงจิตในครั้งนั้นน่าจะเพียงพอให้มันกักผนึกทางเข้าออกระหว่างภพ จะมีเพียงปีศาจที่บำเพ็ญเพียรจนตบะแกร่งกล้าในทางสว่างถึงได้ข้ามมาในรูปจิติญญา เพื่อโอบอุ้มจิติญญาที่หมดอายุขัยของมนุษย์ กลืนกินและสวมร่างเข้าครรภ์มนุษย์เพื่อถือกำเนิดขึ้นในภพภูมิมนุษย์ตามแรงบำเพ็ญเพียรที่กระทำมา “แต่นี่ มันไม่ใช่ ปีศาจที่มีแต่กลิ่นอายแห่งความตาย ความชั่วร้ายเช่นนี้ ไม่ได้ข้ามจากปรภพของเสด็จพ่อแน่นอน มันมาจากที่แห่งใดกัน” เ้าวั่งซูคิดกังวลใจ
“หึหึหึ! เ้าคงยังไม่รู้สินะ ว่าการทำแบบนี้ต้องใช้เวลาเป็ร้อยเป็พันปี และ จะมีใครที่สามารถมีพลังที่มากมายได้ขนาดนี้ ฮ่าๆๆ! เ้ามันยังอ่อนหัดนัก หารู้ไม่ว่าตอนนี้ทุกภพเป็อย่างไร และ รอยแยกที่ผนึกระหว่างภพกำลังจะถูกทำลาย ภพทั้งหมดจะถูกทำลายให้เป็หนึ่งเดียว ยิ่งเป็ภพมนุษย์ที่แสนต่ำต้อยและอ่อนแอ ไร้พลังจักรา จะไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับพวกมนุษย์ ฮ่าๆๆๆ!”
“ใคร!ใครกัน! ที่มีพลังสามารถส่งิญญาร้ายเช่นเ้าข้ามภพมาได้ ปีศาจที่แกว่าเป็ใคร จงบอกข้าเดี๋ยวนี้!” เ้าวั่งซูะโ
เ้าปีศาจแสยะยิ้ม น้ำลายหยดย้อยน่าเกลียด “เดี๋ยวเ้าก้คงรู้เอง ไม่นานหรอก เ้าลูกหมาป่าน้อย ฮ่าฮ่าๆ”
เ้าวั่งซูกัดฟันด้วยความเจ็บใจ คิดถึงอดีตชาติกำเนิด ของท่านพ่อผู้เป็ปีศาจหมาป่าดำเ้าแห่งปรภพ ในขณะที่มารดาเค้าคือ เทพธิดาแห่งแสงจันทร์จากภพ์ ความรักที่นำมาซึ่งความสุขสงบแห่งา และเ้าแห่งปรภพยอมจำนนทำสัญญาแก่ทุกภพ นำมาซึ่งการให้กำเนิดบุตรชายครึ่งหมาป่าดำครึ่งแสงจันทร์ทุก 100 ปี กายของเ้าวั่งซูสามารถคืนร่างต้นกำเนิด หมาป่าดำพร้อมขนยาวแผงคอสลวยทรงพลังไร้ ดวงตาของสัตว์รูม่านหุบสีขาวโพลนไร้เมตตา แต่ขนสีดำเงาตามร่างกายกลับสว่างเจิดจ้างดงามเป็ประกายวิบวับสะท้อนดั่งแสงจันทร์ไม่ต่างจากจิตใจและจิติญญาด้านในที่เป็การรวมกัน ทั้งเ้าแห่งด้านมืดและเ้าแห่งแสงสว่าง ทำให้จิติญญาดวงนี้ สว่างจ้างดงาม แบบไม่เคยพานพบมาก่อน
“หยุดนะ! หยุดกล่าวอะไรเลอะเทอะ! คืนร่างซานตงมาและกลับสู่ที่เ้าจากมา” เ้าวั่งซูกล่าวเตือนปีศาจครั้งสุดท้ายพร้อม เหวี่ยงเคียวเปิดประตูสู่ปรภพ ประตูสู่ปรภพเปิดขึ้นด้านหลังปีศาจ
“อ้ากกก! ไอ้คนสกุลเ้าเอ๋ย อันนี้มันแค่เริ่ม พวกข้ายังมีไม้เด็ดรอเ้าอยู่อีกเพียบ ฮ่าๆๆ!”
“ประตูสู่ภพจงเปิด ส่งเ้าปีศาจกลับสู่ภพต้นกำเนิด เ้าผู้บุกรุกที่รังเกียจ กลับสู่ที่ของเ้าไปซะ” ด้านในประตูสู่ภพคือความดำมืดมิด ไร้ความรู้สึกถึงพลังชีวิต แต่รับรู้ได้ถึงความอ้างว้างโดดเดี่ยว และ ความแค้นที่มากมาย”
“นั่นคือที่แห่งใดกัน!? มันไม่ได้มาจากปรภพ!? หรือ ภพุ์!? จริงด้วย” เ้าวั่งซูพูดกับตัวเอง ด้วยความกังวลใจ
ประตูสู่ภพเปิดและดูดปีศาจและิญญาชั่วร้ายออกจากร่างพ่อบ้าน
“ฮ่าๆๆ! แกอย่านึก ว่าจะทำไรพวกข้าได้ จะมีปีศาจตัวอื่นกรูกันมาอีกมากมาย และพลังแห่งพวกข้ากำลังจะครอบงำในทุกภพแกอย่าคิดว่าจะปกป้องมนุษย์ที่น่ารังเกียจพวกนี้ได้ไปตลอด หึหึ!”
ก่อนที่ร่างปีศาจจะหลุดออกจากร่าง มันได้เริ่มคว้าฉวยเอาดวงจิตของซานตงออกมา ดวงจิตเปล่งแสงดั่งลูกแก้วแวววาวส่องสว่างอยู่พักหนึ่ง ปีศาจร้ายนั้นก้หันมาสแยะยิ้มเตรียมกลืนกินเข้าท้อง
“มนต์ผลักไส” แสงพลังจากเ้าวั่งซูพวยพุ่งสลัดโฉบปัดดวงจิตกระเด็นไปอีกทาง
“ฮึ่ย! หึหึ! ฮ่าๆๆๆ!” “เ้าอย่าพึ่งลำพองใจ นี่มันพึ่งเริ่มต้น เ้าหมาป่าน้อย หึหึ!”
ประตูสู่ภพดูดร่างปีศาจเข้าไปและปิดลง ทุกย่างบรรยากาศรอบด้านสงบลงพร้อมกับข้าวของที่กระจัดกระจาย วั่งซูผายมือเรียกดวงจิตลอยมาที่แขวน และ ผลักกลับคืนสู่ร่างซานตง ร่างกายเริ่มอุ่นขึ้นแต่ยังไม่คืนสติ
“พวกเ้า! จงนำซานตงไปพัก”
“ครับ!” “ค่ะ!” “คุณชาย”
เ้าวั่งซู มองรอบๆอย่างครุ่นคิด ยังติดใจเื่การข้ามภพมาของปีศาจร้าย และสิ่งที่มันพูดทิ้งไว้ตอนท้าย คืออะไรกัน หายนะความมืดมนกำลังกลับมาหรอเนี๊ยะ และ หันขวับเดินออกจากประตูไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้