สวี่ตี้กลับมาในครั้งนี้ โหวเย่ถึงได้พบว่าตนเองควรจะมองหลานชายคนโตของตนใหม่อีกครั้ง
เขาที่เป็หลานชายคนโตของจวน แต่เพราะว่าบิดามีฐานะเป็บุตรของอนุ ถึงแม้โหวเย่จะชื่นชอบอย่างไร เพราะว่าปัญหาด้านฐานะจะอย่างไรก็ถูกคนดูถูก แต่ว่าตนเองที่เป็หลานคนโตกลับใช้ความสามารถของตนเอง ค่อยๆ ให้ทุกคนเมินถึงฐานะอนุของครอบครัวพวกเขา ตอนนี้ก็ยิ่งพาเหล่าสตรีภายในจวนหาเงินด้วยกัน
โหวเย่ดีใจมากที่ได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ขอแค่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน นั่งก็สามารถนั่งอยู่ด้วยกันได้ เมื่ออยู่ด้วยกันได้แล้ว ก็จะไม่ถูกคนทำลายจากภายใน โหวเย่คิดถึงสิ่งที่สวี่ตี้พูดกับตนเองประโยคนั้น ความมั่นคงมักจะถูกทำลายจากภายใน ขอแค่จวนโหวมีใจรักกันกลมเกลียว ยังจะต้องกังวลว่าจะมีคนจะมาทำลายจากภายในได้อีกหรือ?
สวี่ตี้ได้ต้มน้ำชงชาให้โหวเย่ ซึ่งโหวเย่ก็รีบเรียกให้เขานั่ง “ตี้เกอ เ้าอย่าเพิ่งทำอะไร ข้ามาแสดงความยินดีกับเข้า เ้าสอบผ่านระดับเซียงซื่อแล้ว ถึงแม้ลำดับจะอยู่หลังๆ แต่ว่าจะอย่างไรก็มีชื่อเป็จวี่เหรินแล้ว”
สวี่ตี้พยักหน้า “ท่านปู่ พวกนี้ล้วนอยู่ในการคาดเดาของข้าทั้งหมด อายุของข้าเท่านี้ สามารถสอบเข้ามาระดับเซียงซื่อได้ก็ดีแล้วขอรับ ผ่านไปอีกไม่กี่วัน จัดการเื่ทางนี้เสร็จแล้ว ข้าก็จะกลับไปเหอซีกับท่านแม่แล้วขอรับ”
โหวเย่กล่าว “ตี้เกอ ความหมายของข้าก็คือ เช่นนั้นเ้าไปออกเดินทางเพื่อเรียนรู้เถิด ไปดูที่ต่างๆ จากนั้นค่อยไปที่เรือนของน้าเยวี่ยน เรียนหนังสือกับน้าเขยที่นั่นสักสองสามปี”
สวี่ตี้ส่ายหน้า “่หลายปีนี้ข้ายังไม่อยากจะเข้าร่วมการสอบระดับฮุ่ยซื่อขอรับ ข้ายังมีเื่มากมายที่ต้องทำ ท่านปู่รอข้าอยากจะไปเข้าสอบเมื่อไหร่ ข้าจะต้องไปเรียนหนังสือกับท่านน้าเขยสักปี ข้ามีแผนการของตนเองแล้วขอรับ”
โหวเย่กล่าว “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็ทำตามแผนของเ้าก็แล้วกัน เ้าเก็บของก่อนแล้วกลับไปกับข้า งานเลี้ยงแสดงความยินดีจะต้องเข้าร่วม แล้วหาคนรู้จักไว้สักคนสองคน ต่อไปออกก้าวเดินไปทางด้านนี้ คนพวกนี้ก็จะกลายเป็พรรคพวกของเ้า”
สวี่ตี้รับคำ เห็นว่าเป็เวลาเที่ยงแล้วจึงเชิญให้โหวเย่อยู่ทานข้าวกลางวันด้วยกัน หลังจากทานข้าวง่ายๆ กันแล้วก็กลับจวนโหวกับโหวเย่
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็ต้องไปทักทายฮูหยินผู้เฒ่าก่อน หญิงชราเมื่อเห็นสวี่ตี้ก็แย้มยิ้มดีใจจนหน้าบานเป็ดอกเก๊กฮวย จูงมือสวี่ตี้พร้อมกล่าว “จวี่เหรินของพวกเรากลับมาแล้ว ดูสิ คุณชายจวี่เหรินที่อายุน้อยขนาดนี้ หาได้น้อยมากในต้าเหลียงเลยนะ”
สวี่ตี้เอ่ยอย่างเคอะเขิน “ท่านทวด ดูท่านพูดเข้าสิ คนอายุน้อยมากมายต่างสอบเป็จิ้นซื่อได้นะขอรับ ข้ายังห่างอีกไกล”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเหอะๆ “ข้าจะไปดูคนอื่นทำไม ข้าน่ะชอบมองเ้า ข้าคิดว่าเ้าดีก็เพียงพอแล้ว”
จ้าวซือสิงลูกชายคนโตของสวี่สาวสอบระดับเซียงซื่อในครั้งนี้ไม่ผ่าน ทั้งยังอายุมากกว่าสวี่ตี้หนึ่งปี ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินเื่นี้แล้วก็รู้สึกว่าเหลนชายคนโตของตนเองเป็คนเก่ง
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว “ตอนนี้เ้าเป็จวี่เหรินแล้ว ข้าจะต้องมอบรางวัลให้เ้าเสียหน่อยถึงจะดี”
สวี่ตี้รีบกล่าว “จะให้ท่านทวดให้รางวัลได้อย่างไร มิต้องหรอกขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว “ข้าไม่ได้ทำเพื่อเ้า ข้าทำเพื่อน้องๆ ของเ้าต่างหาก เ้าน่ะเป็แบบอย่างของพวกเขา ข้าจะต้องให้พวกเขาได้รู้ ขอแค่ตั้งใจเรียน เรียนดีแล้วข้าก็จะมีรางวัลให้ ข้าน่ะ มีเรือนเล็กๆ อยู่ที่วัดอวี้เชวียน อย่ามองว่าเป็แค่เรือนเล็กๆ สามทางเข้านะ ที่นั่นน่ะสภาพแวดล้อมดีมาก ข้ามอบให้เ้า รอต่อไปเ้าแต่งงานกับภรรยาแล้ว อยู่ในจวนเบื่อแล้วก็ไปอยู่ที่นั่นสักหลายๆ วัน ไปผ่อนคลายสักหน่อย”
ที่อาศัยอยู่ใกล้กับวัดอวี้เชวียนล้วนเป็พระญาติของฮ่องเต้ อย่าเห็นว่าเป็เรือนเล็กๆ แต่ว่านั่นเป็สถานที่ที่มีราคาประเมินค่าไม่ได้ ผู้ใดมีบ้านอยู่ในมือจะไม่มีทางยอมขายเด็ดขาด
เมื่อผู้ใหญ่ให้ของไม่สามารถปฏิเสธได้ สวี่ตี้จึงขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่า หญิงชรากล่าวกับเหลนคนอื่นๆ ที่นั่งทำหน้าอิจฉาตาร้อนอยู่ในเรือนของตนเอง “พี่ชายของเ้าครั้งนี้สอบได้ดี ต่อไปพวกเ้าสอบได้ดีแล้ว ข้าก็จะมีรางวัลให้ ล้วนเป็เหลนของข้าทั้งนั้น ข้าไม่มีทางลำเอียง”
พวกสวี่ฮวารีบยืนขึ้น หลังจากทำความเคารพแล้วบอกว่าพวกเขาจะจำเอาไว้
สวี่ตี้เข้าร่วมงานเลี้ยงยินดีกับผู้สอบสำเร็จ ทั้งยังยุ่งอยู่กับงานในสวนของตนเอง เขารู้สึกว่าเวลามันน้อยเกินไปจริงๆ ทางนี้ก็ต้องรีบทำให้คืบหน้า จากนั้นก็อาศัยใน่ที่อากาศยังไม่เย็นกลับไปที่เหอซี หากช้าเกินไป อากาศเย็นแล้วจะเดินทางไม่สะดวก
ทางด้านสวี่ตี้ยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้ ทางด้านในจวนหลังจากสงบไปได้หลายวัน ก็เริ่มไม่สงบขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
จ้าวซือสิงลูกชายคนโตของสวี่สาวก็เข้าร่วมการสอบระดับเซียงซื่อด้วยกันกับสวี่ตี้ หลังจากสวี่สาวโมโหอยู่ในเรือนได้หลายวัน ไม่รู้ไปได้ยินใครพูดมา ว่าหย่งหนิงโหวเย่ช่วยสวี่ตี้สอบถามงานอดิเรกของผู้คุมสอบให้สวี่ตี้ สวี่สาวก็โกรธ สวี่ตี้เป็หลานของลูกชาย ซิงสิงเป็หลานของลูกสาว สอบถามมาแล้วเหตุใดถึงไม่มาบอกกับนางเลยล่ะ?
สวี่สาวไม่กล้าไปโวยวายกับหย่งหนิงโหวเย่ตรงๆ จึงไปหาทางด้านโหวฮูหยิน ร้องไห้โวยวายกับโหวฮูหยินอยู่รอบหนึ่ง ทำเอาอู่ซื่อเวียนหัวเป็พักๆ
หลังจากโหวเย่ได้ยินเื่นี้ที่เรือนหน้าก็เดินทางไปหา สวี่สาวพอเห็นโหวเย่ก็ทำคำนับให้โหวเย่ทั้งที่ตายังแดง
โหวเย่มองลูกสาวคนโตของตนเองที่อายุสามสิบกว่าแล้ว ทำอะไรก็ยังทำตามใจตนเอง จึงพูดเื่การสอบระดับเซียงซื่อในครั้งนี้ออกมา ว่าลูกชายคนโตของนางเองก็เข้าร่วม ด้วยความที่การสอบระดับเซียงซื่อทุกปีคนที่สอบได้มีจำนวนน้อยมาก แล้วการที่ลูกชายคนโตของนางสอบไม่ติด นั่นก็เพราะว่าทำในส่วนของเื่ความรู้ออกมาได้ไม่ดี นางถึงได้กลับมาโวยวายที่ครอบครัวมารดา
โหวเย่หน้าทะมึนนั่งลงบนเก้าอี้หลัวฮั่น “เ้ากลับมาทำอะไร?”
สวี่สาวพูดด้วยความน้อยใจ “ท่านพ่อ ปีนี้ซือสิงเองก็เข้าร่วม ท่านไปสอบถามงานอดิเรกของผู้คุมสอบมาเหตุใดถึงไม่บอกพวกเราเสียหน่อยเ้าคะ? ซือสิงของพวกเราอ่านหนังสืออย่างยากลำบากมาหลายปี ครั้งนี้สอบระดับเซียงซื่อไม่ติด มันะเืใจเขามากแค่ไหนท่านรู้บ้างไหมเ้าคะ?”
โหวเย่กล่าว “สาวเอ๋อร์ ตอนนี้เ้าเองก็เป็แม่คนแล้ว อายุอานามก็สามสิบกว่าปี พวกเราไม่สามารถโตแต่ตัวแต่จิตใจไม่โตตามได้หรอกนะ ใช่หรือไม่? ซือสิงสอบไม่ติดนั่นก็เพราะว่าความรู้ของเขายังไม่ถึงระดับที่จะสอบได้ ที่สอบไม่ได้ครั้งนี้ก็ตั้งใจเรียนไปอีกสามปี แบบนี้ยังต้องกังวลว่าจะสอบไม่ติดอีกหรือ?”
สวี่สาวร้องไห้ไปก็พูดไป “ท่านพ่อเ้าคะ ซือสิงของพวกเราก็อายุสิบหกแล้ว คนที่อายุเท่าเขาก็แต่งงานกันไปหมดแล้ว คาดหวังว่าครั้งนี้เขาจะสอบติด การที่จะได้แต่งงานกับครอบครัวดีๆ มีหรือจะไม่สำเร็จ ท่านพ่อ งานแต่งงานของซือสิงจะทำอย่างไรดีเ้าคะ?”
โหวเย่กล่าว “สาวเอ๋อร์ ไม่เพียงจะเป็เื่ภรรยาหรือหาครอบครัวสามี พวกนี้ล้วนจะต้องถามความสมัครใจของลูก อย่าเอาแต่มองที่ชาติตระกูล ทั้งสองคนไม่รักกัน จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไรถูกหรือไม่? เ้าฟังคำพ่อ การแต่งงานของซือสิงไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้ ให้ซือสิงตั้งสมาธิให้ดีๆ หากไม่ได้จริงๆ ก็ไปที่ไท่อัน ไปที่เรือนของน้องสาวของเ้า ตามไปเรียนหนังสือกับเยว่ชิงชวนสักสองปี ตอนนั้นเยว่ชิงชวนเป็ถึงทั่นฮวาเชียวนะ อีกทั้งจิ้นซื่อที่สอบได้จากสถาบันการเรียนของเขาก็มีจำนวนมาก”
ได้ยินบิดาพูดถึงสวี่เยวี่ยนเช่นนี้ สวี่สาวก็แอบเบะปาก นางไม่มีทางยอมให้ลูกของตนเองไปเรียนที่ชนบทหรอก
โหวเย่พูดอย่างโน้มน้าว “สาวเอ๋อร์ เ้าฟังคำพ่อ อย่ากดดันซือสิงมากเกินไป ให้ซือสิงออกไปเดินทางด้านนอก ตี้เกอที่สามารถสอบผ่านั้แ่อายุยังน้อย ก็เพราะว่าตามสวี่เหราออกไปที่เหอซี ปกติแล้วก็คอยช่วยสวี่เหราจัดการงาน คนเราน่ะ ไม่ว่าจะเรียนอะไร ก็ต้องเปิดใจให้กว้างเอาไว้ถึงจะถูกนะ”
สวี่สาวได้ยินโหวเย่พูดถึงสวี่ตี้ ก็พูดออกมาอย่างรำคาญ “ท่านพ่อ ซือสิงของพวกเราเป็บุตรชายของซื่อจื่อจวนโหว ไม่เหมือนกับลูกอนุพวกนั้นหรอกนะเ้าคะ”
โหวเย่ถูกประโยคนี้ทำให้โกรธจนเืขึ้นหน้า ชี้นิ้วสั่นๆ ไปทางสวี่สาว สุดท้ายก็ถอนหายใจลุกเดินออกเดินออกไป
สวี่สาวมองโหวเย่ที่เดินออกไปด้วยความไม่เข้าใจ รีบไปนั่งตรงข้ามอู่ซื่อ แล้วเอ่ยปากถาม “ท่านแม่เ้าคะ ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไรเ้าคะ?”
ในที่สุดอู่ซื่อก็ระบายความโกรธในใจออกมาได้ พอได้ยินคำถามของสวี่สาว ก็พูดอย่างอารมณ์เสีย “หมายความว่าอย่างไร? ตอนนี้ครอบครัวนั้นเป็หัวใจของพ่อเ้าไปเสียแล้ว จะพูดอย่างไรก็ยาก เ้าเองก็นะ พูดเื่พวกนี้ทำไม น้องชายบุตรอนุของเ้าคนนั้น ตอนนี้เป็คนที่มีหน้ามีตาที่สุดในจวนแล้ว”
คำพูดพวกนี้ของอู่ซื่อพูดออกมาด้วยความเ็ป สวี่สาวกลอกตา ยื่นตัวไปข้างตัวอู่ซื่อ พลางเอ่ยเสียงเบา “ท่านแม่ นี่มันคือเื่อันใดกันเ้าคะ? ที่สวี่เหราสอบติดตอนนี้ก็คือหัวหน้าเมืองที่เป็ขุนนางขั้นเจ็ดมิใช่หรือ? เขาจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว จะเก่งกว่านายท่านของพวกเราหรือ? นายท่านของพวกเราตอนนี้เป็ขุนนางขั้นสี่ในกองทัพนะเ้าคะ”
จ้าวจื่อฉีหย่งผิงโหวซื่อจื่อตอนนี้เป็รองผู้บัญชาการกองบัญชาการปัญจทิศรักษานคร เป็ขุนนางฝ่ายทหารขั้นสี่ ไม่มีอำนาจอะไร ลูกหลานชนชั้นสูงหลายคนั้แ่วัยหนุ่มก็มักจะทำงานอยู่ในตำแหน่งนี้ พออายุมากขึ้นระดับขั้นก็จะเพิ่มตามไปด้วย แต่ว่าก็ดีแค่เบื้องหน้าเท่านั้น
อู่ซื่อมองสวี่สาว “สาวเอ๋อร์ งานของจ้าวซื่อจื่อกับสวี่เหรานั้นไม่เหมือนกัน เขาเป็ถึงผู้นำเมือง ข้าได้ยินมาว่าฤดูหนาวปีที่แล้วซื่อจื่อสกุลเว่ยสามารถเอาชนะเป่ยตี้ได้ก็มีสวี่เหราช่วยอยู่มาก หากไม่มีอะไรไม่คาดฝัน ต่อไปสวี่เหราก็จะได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ”
สวี่สาวกล่าว “ในจวนของพวกเราทำดีกับลูกอนุขนาดนี้ ดูลูกอนุของครอบครัวคนอื่นสิ แล้วมามองจวนพวกเรา ลูกอนุคนอื่นเขาพอถูกลูกภรรยาเอกมองพวกเขาก็กลัวกันหัวหดอยู่นาน แต่ท่านกลับดี ลูกสะใภ้ของบุตรอนุของท่านคนนั้นข้าไม่ยักจะเห็นนางมาคำนับท่านเลยเ้าค่ะ”
อู่ซื่อกล่าว “ก็ครอบครัวนั้นได้รับความรักจากฮูหยินผู้เฒ่านี่ ทางข้ายังไม่ได้ทำอันใดเลย ทางนั้นก็มีเื่ขึ้นมาก่อน สาวเอ๋อร์ ตอนนี้ร่างกายของแม่แย่ลงทุกวัน อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบ เ้าเองก็อย่าไปสู้อะไรกับแม่สามีของเ้าอีกเลย สู้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ต่อไปเ้าแยกเรือนกับเหล่าน้องสามี จวนนั้นก็เป็ของเ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”
สวี่สาวกล่าว “ไอ๊หยา ท่านแม่ของข้า ท่านไม่รู้หรือ คลังของจวนพวกเราถูกแม่สามีร้ายกาจผู้นั้นเคลื่อนย้ายเงินไปจนหมดแล้ว ต่อไปสิ่งที่พวกเราได้ไปก็ว่างเปล่า ข้าจะเอามันไปทำอะไร?”
อู่ซื่อกล่าว “ไม่ขนาดนั้นหรอก ในจวนของพวกเ้ามีของมากมายก็จะส่งต่อไปให้ลูกชายคนโต หากนางย้ายออกไปแล้ว ต่อไปจะพูดกับเหล่าผู้าุโอย่างไร?”
สวี่สาวกล่าว “ข้าไปสอบถามกับคนในเรือนของแม่สามีร้ายกาจผู้นั้นมาแล้ว ของพวกนั้นน่ะ หลังจากนางย้ายออกไปแล้วก็จะทำของปลอมใส่เอาไว้ด้านใน ของจริงพวกนั้นนางจะเก็บเอาไว้ให้ลูกชายคนเล็กสองคนของนางเ้าค่ะ”
อู่ซื่อฟังแล้วก็กุมหน้าอก โกรธจนหายใจแรง “ตอนนั้นข้าก็พูดกับเ้าแล้ว ว่าแม่สามีของเ้าคนนี้ไม่ใช่คนที่จะอยู่นิ่งๆ ไม่หาเื่ ไม่ให้เ้าแต่งงานไปที่จวนของพวกเขา เ้าก็เหมือนกับโดนมนต์สะกด จะแต่งเข้าไปให้ได้ ตอนนี้เป็อย่างไร สาวเอ๋อร์ ในเมื่อเป็เช่นนี้เ้าก็ต้องวางแผนให้กับตัวเอง เ้าฟังแม่นะ กลับไปดูแลสินเดิมของตนเองดีๆ ปกติแล้วเงินที่แม่สามีของเ้ายืมไป เ้าก็คิดหาวิธีเอามันกลับมาให้ได้ ในจวนของเ้าน่ะเป็แบบนี้ไปแล้ว ต่อไปเ้ากับสามีจะต้องใช้ชีวิตและดูแลลูก เหตุใดจะต้องไปแย่งชิงของพวกนั้นกับพวกเขาด้วย?”
สวี่สาวกล่าว “ของพวกนั้นเดิมทีควรจะเป็ของพวกเรา มีสิทธิ์อะไรจะต้องให้พวกเขาไป? ท่านแม่ ท่านวางใจเถิด ข้าจะต้องคิดหาวิธีเอามันกลับมาให้ได้ หากไม่ได้จริงๆ ข้าก็จะไปฟ้องร้องพวกเขาที่หยาเหมิน เพราะพวกเขาโลภมากอยากได้ทรัพย์สินของข้า”
อู่ซื่อโกรธพร้อมใช้มือจิ้มศีรษะสวี่สาว “เ้าฟังสิเ้าพูดอะไรออกมา ยังจะไปที่หยาเหมิน เ้าจะให้ลูกๆ ของพวกเ้ายืนหยัดอยู่ในเมืองหลวงนี้ต่อไปอย่างไร? เ้ามีสินเดิม มีครอบครัวมารดา ยังจะต้องกังวลว่าจะใช้ชีวิตได้ไม่ดีอีกหรือ? ซือสิงเป็เด็กมุ่งมั่น สอบระดับเซียงซื่อครั้งนี้ไม่ผ่าน ก็อย่ากดดันลูกมากจนเกินไป พ่อของเ้าพูดถูกแล้ว ให้ซือสิงได้ออกไปดูโลกภายนอก ไปเรียนหนังสือที่เรือนของสวี่เยวี่ยนน้องสาวของเ้า มันดีกับซือสิง”
สวี่สาวพูดอย่างรำคาญ “ไอ๊หยา ท่านแม่ ข้ารู้แล้วเ้าค่ะ เช่นนั้นตอนเที่ยงข้าไม่อยู่ทานข้าวที่เรือนแล้ว แม่สามีของข้าคนนั้นรู้ว่าซือสิงสอบไม่ผ่าน ก็เรียกญาติในเรือนไปทานข้าวร่วมกัน ข้าจะต้องกลับไป จะให้นางไปใส่สีตีไข่ไม่ได้ ข้าเองก็ต้องไม่ให้พวกนางได้กินข้าวอย่างสงบ”
สวี่สาวทำเหมือนตอนมาที่มาไวกลับไว อู่ซื่อมองแผ่นหลังของสวี่สาว ก่อนจะพูดกับแม่นมอู่ “เ้าว่าข้าสร้างปีศาจอะไรออกมา เหตุใดถึงได้เลี้ยงลูกสาวที่ไม่รู้เื่รู้ราวเช่นนี้ออกมาได้ ไอ๊หยา มันช่างน่าโมโหนัก”
แน่นอนว่าโหวเย่รู้ว่าสวี่สาวยังไม่ทันได้อยู๋ทานข้าวก็ออกจากจวนไป เขาจึงให้คนนำอาหารของตนเองไปวางไว้ที่เรือนของอู่ซื่อ พร้อมรับประทานอาหารกับอู่ซื่อ หลังจากทานเสร็จแล้วทั้งสองคนก็มานั่งอยู่ที่เก้าอี้หลัวฮั่นด้านข้างหน้าต่าง
โหวเย่กล่าว “ข้าคิดมาอย่างละเอียดแล้ว ต้องให้ซือสิงออกมา จะอยู่ในจวนของพวกเขาต่อไปไม่ได้แล้ว ชีวิตในจวนของพวกเขาเละเทะ เด็กดีๆ อยู่ในนั้นนานๆ จะเสียคนเอา”
อู่ซื่อกล่าว “สาวเอ๋อร์เลี้ยงดูซือสิงดั่งแก้วตาดวงใจของตนเอง มีหรือจะยอมปล่อยให้ซือสิงออกไปอยู่ด้านนอก? อีกทั้งการออกจากจวนครั้งนี้จะต้องใช้เวลาหลายปี คาดว่าจะยากนะเ้าคะ”
โหวเย่กล่าว “จะยากแค่ไหนก็ต้องคิดหาวิธี ในจวนของพวกเขาเละไปจนถึงรากฐานแล้ว ต่อไปแยกเรือนออกมา ก็ไม่มีทางใช้ชีวิตอย่างเป็สุข ชีวิตของสาวเอ๋อร์ลุ่มๆ ดอนๆ เ้าก็ดูสิ ไม่มีทางได้ผลประโยชน์อะไรกลับมาหรอก ลูกสาวของพวกเราคนนี้น่ะเป็คนที่ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรเลย จะต่อว่าก็ต่อว่าพวกเราที่ั้แ่เด็กไม่ได้สั่งสอนนางให้ดีๆ ตอนนี้นางเป็เช่นนี้ไปแล้ว จะสั่งสอนก็คงสอนไม่ได้แล้ว อย่างไรพวกเราก็เอาซือสิงมาสั่งสอนดีๆ เด็กคนนี้เป็คนที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ หากสอนดีๆ ต่อไปจะเป็ที่พึ่งให้กับแม่ของเขา”
อู่ซื่อพยักหน้าหนักแน่น “เช่นนั้นจะโน้มน้าวสวี่สาวอย่างไรให้นางปล่อยซือสิงไปเรียนที่สถาบันของเยวี่ยนเอ๋อร์ล่ะเ้าคะ?””
โหวเย่กล่าว “สองวันนี้ข้าได้เชิญพ่อสามีของสาวเอ๋อร์มาทานข้าว พูดคุยกันเื่ของซือสิง หากไม่ได้จริงๆ ก็ให้ผลประโยชน์พวกเขาไป โดยการเปลี่ยนเป็พวกเราคอยสั่งสอนซือสิงแทน”
อู่ซื่อถอนหายใจ “คิดไม่ถึงจริงๆ นะเ้าคะ พวกเราอายุมากขนาดนี้แล้ว ยังต้องวางแผนให้ลูกที่แต่งงานออกไปหลายสิบปีอยู่อีก”
โหวเย่กล่าว “เลี้ยงลูกหนึ่งร้อยปี ก็คอยกังวลไปแล้วเก้าสิบเก้าปี ไม่ว่าลูกจะอายุมากเท่าไหร่ จะอย่างไรก็เป็ลูกของเราอยู่ดี พวกเราก็ต้องคอยร้อนใจแทนพวกเขา เ้าน่ะตั้งใจเลี้ยงลูกไป ต่อไปหากสวี่สาวมาอีก พูดเื่ที่ทำให้เ้าไม่สบายใจ เ้าก็แค่รับฟังไปก็พอ อย่างไรก็ยังมีข้าอยู่”
โหวเย่เป็เช่นนี้ทำให้อู่ซื่อรู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์อย่างมาก แต่งงานมาสามสิบกว่าปี หลายปีแรกทั้งสองคนรักกันหวานชื่น ต่อมาโหวเย่รั้นที่จะเอาอนุจู้เข้ามาในจวน ทั้งยังให้อนุจู้คลอดลูกชายมาหนึ่งคน อู่ซื่อโกรธโหวเย่เพราะเื่นี้มาหลายสิบปี ั้แ่ปีก่อน โหวเย่ไม่โกรธเพราะนางงี่เง่า นางรู้สึกว่าชีวิตนี้จึงผ่านไปอย่างเลอะเลือนเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เื่บางเื่ เหตุใดทั้งสองคนจะต้องมาแบ่งแยกว่าใครถูกใครผิดด้วย? แบ่งแยกมากไปก็มีแต่ทำให้คนเ็ปจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้