เสียงดังจอแจเรียกความสนใจจากเสี่ยวหลันจื่อกับเจียงฉงเหนียงให้เขามาดูว่าในร้านเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่นางทั้งสองเห็นคือ สตรีมากมายกำลังยืนรุมล้อมมุงดูเซียวอี้เหิง เสี่ยวหลันจื่อมองดูสถานการณ์ด้วยความสนใจ นางอยากจะรู้นักว่าบุรุษเ็าอย่างเซียวชินอ๋องคนนี้จะทำยังไงกับสตรีมากมายพวกนี้
“คุณชายไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร” หญิงสาวหน้าตางดงามนางหนึ่งที่เดินลงมาจากห้องรับรองชั้นสองมองเขาด้วยสายตาเอียงอายปนเชิญชวน เสี่ยวหลันจื่อถึงกับขนลุกกับท่าทางยั่วยวนนั่น หญิงสาวที่ยืนรุมล้อมเซียวอี้เหิงต่างแหวกทางออกให้นาง
เซียวอี้เหิงไม่แม้แต่จะปรายตามองสตรีนางนั้น แต่นางมั่นใจในความงามของตน จึงเดินเข้าใกล้เซียวอี้เหิงอีกหน่อย
“ข้าคือบุตรสาวสกุลหลู่ มีนามว่าหลู่หลิงเซียน ท่านพ่อของข้าเป็คหบดีที่ร่ำรวยที่สุดของอำเภอหยู่เปิง และยังเป็เป็หัวหน้าสมคมพ่อค้าของอำเภอหยู่เปิง ท่านลุงของข้าเป็ขุนนางในราชสำนักรับใช้ฮ่องเต้ในเมืองหลวง”
หลู่หลิงเซียนแนะนำตัวเองเป็เชิงบอกว่าตนเองมีทั้งอำนาจและเงินทองมีญาติเป็ขุนนางที่คอยหนุนหลัง เสี่ยวหลันจื่อยกมือปิดปากกลั้นหัวเราะ ถ้าหากคุณหนูหลู่คนนี้รู้ว่าคนที่ตนกำลังเกี่ยวพาอยู่คือท่านอ๋องที่เลื่องชื่อเื่อำมหิตจะทำหน้ายังไง
เสี่ยวหลันจื่อรอดูความสนุกต่อ
“นี่ญาติเ้ากำลังตกที่นั่งลำบาก เ้าไม่เข้าไปช่วยเขาหน่อยหรือ” เสี่ยวหลันจื่อยืนกอดอกพิงขอบประตูส่ายหน้าไปมา
“เขาเอาตัวรอดได้” บ้าหรือไง ผู้หญิงเยอะขนาดนี้นางไม่มีท่างเอาตัวเองเข้าไปเป็เป้าให้พวกนางรุมทึ้งแน่นอน
แต่เสี่ยวหลันจื่อคิดผิดคิดว่าตนเองเป็เพียงผู้ชมที่อยู่วงนอก เมื่อเซียวอี้เหิงที่ยืนนิ่งเป็รูปปั้นมานานมองมาที่นางอย่างมีความหมาย สายตาเย็นเยียบที่แสนเ้าเลห์ ทำให้นางรู้สึกขนลุก แล้วก็จริง เซียวอี้เหิง เมินคุณหนูหลู่หลิงเซียน เดินมาทางที่เสี่ยวหลันจื่อยืนอยู่ นางจะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว
“ฮูหยิน เหตุใด้เ้าหายไปนานขนาดนี้ ดูสิเ้าปล่อยให้ข้ายืนรออยู่ท่ามกลางหญิงอัปลักษณ์เหล่านี้”
เสียงทุ้มที่ดูออดอ้อนของเซียวอี้เหิงดังขึ้นครั้งแรก หลังจากที่เขาไม่ปริปากพูดกับใครเลยั้แ่เข้ามาที่จี้ชิงหรู เสี่ยวหลันจื่อขนลุกไปทั้งตัวกับเสียงที่แสนออดอ้อนนี้ บ้าไปแล้วคนผู้นี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
ก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อจะทันได้อ้าปากพูดปฏิเสธ หลู่หลิงเซียนก็เดินเข้ามาหาคนทั้งสองที่ยืนแนบชิดกัน ช่างทิ่มแทงสายตาของนางยิ่งนัก
“แม่นาง คุณชายท่านี้เป็สามีของเ้าหรือ” หลู่หลิงเซียนถามออกมาตรงๆด้วยเสียงเ็า
แต่ไหนแต่ไรมานางมั่นใจในความงามของตนเองยิ่งนักว่าไม่มีใครงดงามไปกว่านาง แม้กระทั่งท่านลุงของนางที่เป็ขุนนางอยู่ในเมืองหลวง ยังบอกว่านางสามารถแต่งเป็ฮูหยินให้คุณชายสูงศักดิ์เ่าั้ในเมืองหลวงได้ แต่ตอนนี้เมื่อนางได้เห็นใบหน้าของเสี่ยวหลันจื่อ สตรีชาวบ้านธรรมดา ทำให้นางรู้สึกด้อยกว่ามากมาย
“เปล่า!!”
“ใช่” เสี่ยวหลันจื่อและเซียวอี้เหิงตอบออกมาพร้อมกัน
“สรุปว่าใช่หรือไม่ใช่” หลู่หลิงเซียน เริ่มเสียงแข็งขึ้น
เสี่ยวหลันจื่อก็เริ่มหงุดหงิดเซียวอี้เหิง ทำไมเขาต้องดึงนางเข้ามาในหายนะความงามของตนเองด้วยนะ ปัญหาของตัวเองก็แก้เองสิดึงนางเข้ามาเอี่ยวด้วยทำไม
สมองของเสี่ยวหลันจื่อเริ่มประมวลผลด้วยความเร็วเพื่อหาทางออกให้กับสถานการณ์นี้
สายตาหลายสิบคู่กำลังมองมาที่นางเป็ตาเดียว
“คืออย่างนี้นะ คุณหนูหลู่ความจริงแล้วข้าไม่ใช่ฮูหยินของเขาหรอก เเต่เขาเป็ญาติห่างๆ ของข้าแล้วก็.....” เสี่ยวหลันจื่อแสร้งเงียบทำท่าทางลับๆล่อๆเพื่อให้พวกนางอยากรู้มากกว่าเดิม
“แล้วก็ อะไร พูดต่อสิ” หลู่หลิงเซียนที่รำคาญกับท่าทางลีลาของเสี่ยวหลันจื่อโพล่งถามออกมา เสี่ยวหลันจื่อโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของนางแล้วกระซิบบางอย่าง
“เขาเป็พวกตัดแขนเสื้อ ที่เขาปฏิเสธสตรีทุกคนก็เพราะสาเหตุนี้ เ้าไม่รู้อะไรที่ข้ายังไม่ได้แต่งานก็เพราะเขานี่แหละที่เที่ยวเอาข้าไปอ้างเพื่อปฏิเสธสตรี”
เสี่ยวหลันจื่อที่กระซิบแต่ไม่เหมือนกระซิบ คนในร้านจี้ชิงหรูได้ยินกันทุกคน เสี่ยวหลันจื่อทำหน้าตาจริงจังเพื่อเป็หลักฐานว่านางพูดเื่จริง
“พวกเ้าดูสิข้างดงามขนาดนี้ แม้แต่คนมาขอหมั้นยังไม่มีเพราะเขาเอาแต่บอกคนอื่นว่าข้าเป็ฮูหยินของเขา ถ้าพวกเ้าไม่เชื่อเ้าไปดูที่บ้านของข้า ยังมีชายหนุ่มรูปงามที่อายุพอๆ กับเขา แต่ยังไม่แต่งงาน พวกเ้าคิดว่ายังไงล่ะ”
เสี่ยวหลันจื่อพูดจบอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงรีบจูงมือเซียวอี้เหิงที่ตอนนี้มีใบหน้ามืดครึ้มพร้อมฆ่าคนได้ทุกเมื่อ ออกจากร้านจี้ชิงหรู แม้แต่ชุดที่ตั้งใจไปซื้อก็ไม่ได้กลับมา
ออกมาไกลจากจี้ชิงหรูพอสมควรเสี่ยวหลันจื่อสะบัดมือของเซียวอี้เหิงออกยืนหอบหายใจอย่างหนักเพราะนางเดินเร็วมากกลัวสตรีพวกนั้นตามมาทั้งยังต้องลากคนที่สูงถึงร้อยเก้าสิบอีก
“พวกตัดแขนเสื้อหรือ” เสียงเย็นะเืดังขึ้นทางด้านหลังของเสี่ยวหลันจื่อ ขนที่คอของนางพร้อมใจกันลุกชั้นทันที ตายแน่งานนี้ เสี่ยวหลันจื่อหันมาหาเขาอย่างกล้าๆ กลัว ทำใจดีสู้เสือ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะท่านอ๋อง ที่ข้าทำไปทั้งหมดก็เพราะช่วยท่านไม่ใช่หรือ ครั้งหน้าถ้าเข้ามาในอำเภออีกรอบคงถูกพวกนางรังควานอีกแน่ แต่ตอนนี้พวกนางคงถอดใจไปแล้วล่ะ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ ท่านควรดีใจสิยังไงพวกนางก็ไม่รู้จักท่านซะหน่อย”
เสี่ยวหลันจื่อพูดเสียงอ่อย เพื่อให้เขาคลายโทสะ
“ปืนหรือ” เสี่ยวหลันจื่อสะดุ้ง นี่นางเผลอพูดศัพท์เมื่อชาติก่อนหรือนี่
“ออ เปล่าไม่มีอะไรข้าเคยได้ยินคนอื่นพูดมาน่ะ อย่าใส่ใจเลย” เสี่ยวหลันจื่อรีบปฏิเสธเป็พัลวัน
“ชุดของพวกท่านก็ไม่ได้ซื้อแล้ว เราซื้อของกินกลับไปซะหน่อยเถอะรู้ตัวหรือไม่ว่าพวกท่านกินจุมากแค่ไหน” เสี่ยวหลันจื่อหัวเราะ เเหะ เหะ แสร้งเปลี่ยนเื่เพื่อหลบเลี่ยงสายตามที่มองมายังนางอย่างจับผิด
“อืม” เขาตอบออกมาแค่นั้น เสี่ยวหลันจื่อพรู่ลมออกจากปากเบาๆ อย่างโล่งอก แต่อิริยาบถต่างๆ ของนางไหนเลยจะรอดพ้นสายตาของเขาได้ นางเป็ใครกันแน่ เซียวอี้เหิงนึกถึงคำพูดของไต้ซือเสวียนคง ทั้งที่ตายแล้วและยังไม่ตาย ถ้าหากอวี้ซูเหยาตายแล้ว แล้วนางที่อยู่ตรงหน้าเขาล่ะเป็ใคร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้