การเดินทางไปกับฉู่ลี่ข้างนอกในครั้งนี้ ใช้เวลาเพียงสามวันเท่านั้น ทว่าภายในใจของนางกลับมีความรู้สึกบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องโถงจวนองค์ชายหก แม่นมเสิ่นเห็นทั้งคู่ รีบเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาต้อนรับ ใช้ให้บ่าวใช้มาช่วยรับกระเป๋าจากมือมู่อวิ๋นจิ่น
“องค์ชายกับพระชายากลับมาแล้วหรือเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ ทักทายปราศรัยกับแม่นมเสิ่นครู่หนึ่ง ก่อนเดินกลับไปที่ห้องเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย
พอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว แม่นมเสิ่นรายงานฉู่ลี่ว่า “องค์ชาย วันนี้ตอนเช้าคุณหนูฉินมาหาที่จวน เห็นว่าองค์ชายไม่อยู่จึงกลับไป ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะมีธุระอยากพูดคุยกับองค์ชายเพคะ”
“อืม” ฉู่ลี่ตอบรับเสียงเรียบ
เมื่อได้ยินชื่อคุณหนูฉิน เท้าของมู่อวิ๋นจิ่นหยุดก้าวลงด้วยความไม่พอใจ
คุณหนูฉินผู้นี้ ช่างมารังควานยิ่งกว่าิญญาร้ายเสียอีก
มู่อวิ๋นจิ่นคิดไปคิดมากลับได้สติขึ้นมา จนต้องยกมือขึ้นมานวดขมับ พลางส่ายหน้าให้กับความคิดตนเอง “คุณหนูฉินนั่นมาหาฉู่ลี่ย่อมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนางทั้งนั้น ข้าจะเป็เดือดเป็ร้อนไปทำไมกัน”
จากนั้นนางถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินกลับเรือนไป
หลังจากมาถึงเรือนแล้ว บ่าวใช้สองสามคนช่วยมู่อวิ๋นจิ่นเตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบ นางจึงมานั่งรออยู่ที่เก้าอี้ พร้อมกับควักตั๋วเงินใบนั้นขึ้นมาเชยชมอย่างเป็สุข
“คุณหนู ดูท่าการไปเที่ยวครั้งนี้จะมีความสุขไม่น้อยนะเ้าค่ะ” จื่อเซียงเดินมาเห็นตั๋วเงินในมือมู่อวิ๋นจิ่น
“ถูกต้องแล้ว หลังจากข้าออกจากจวนองค์ชายหกไปแล้ว ก็สามารถซื้อเรือนหลังใหญ่โตอยู่ได้อย่างสุขสบายแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นพูดไปบริหารคอไป
จื่อเซียงเหมือนคิดอะไรขึ้นได้เลยนั่งยองๆ กระซิบข้างหูมู่อวิ๋นจิ่น “่สามวันมานี้ที่คุณหนูกับองค์ชายหกไม่อยู่ที่จวน คุณหนูฉินผู้นั้นมาที่จวนทุกวันเลยเ้าค่ะ”
“อีกอย่างตอนมาถึงอีกทุกครั้งก็นั่งรออยู่ที่ห้องโถงเป็เวลานาน พูดคุยปราศรัยกับแม่นมเสิ่นอย่างสนุกปาก ดูเหมือนแม่นมเสิ่นถูกตาต้องใจคุณหนูฉินเป็พิเศษ และทุกครั้งที่มาก็มักคุยกันหนึ่งถึงสองชั่วยามเลยเ้าค่ะ ”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ฟังเื่ราวก็เบะปาก แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไรทั้งนั้น “หากฉู่ลี่ไม่ว่าจะมาก็มาเถอะ”
“คุณหนู……” ใบหน้าของจื่อเซียงเต็มไปด้วยความสงสัย “ถึงแม้คุณหนูกับองค์ชายหกจะไม่ได้มีความรู้สึกรักใคร่ต่อกัน แต่อย่างน้อยก็เป็พระชายาหกอย่างถูกต้องสมบูรณ์ อีกทั้งคนภายนอกต่างรับรู้ว่าคุณหนูกับองค์ชายเพิ่งแต่งงานกันมาไม่นาน หากคุณหนูฉินเข้ามาแย่งตำแหน่งพระชายาหกไป ไม่รู้ว่าจะมีคนเท่าไหร่คอยหัวเราะเยาะสมน้ำหน้าเ้าค่ะ”
“สองคนนั้นเขารู้จักกันมาแต่เล็กแต่น้อย ทั้งยังเป็คู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก หากมีใจรักให้ต่อกัน คนที่เข้ามาแย่งคงเป็ข้าต่างหาก… หากข้าถอนตัวออกไป ทุกคนควรชื่นชมข้าถึงจะถูกต้อง!” มู่อวิ๋นจิ่นเชิดหน้าอย่างภาคภูมิ
จื่อเซียงถึงกลับไปต่อไม่ถูกเมื่อได้ยินมู่อวิ๋นจิ่นสาธยายมายืดยาว พอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของมู่อวิ๋นจิ่น ในใจของจื่อเซียงกลับรู้สึกเสียดายแทนจับใจ
……
หลังจากที่มู่อวิ๋นจิ่นอาบน้ำชำระร่างกายเป็ที่เรียบร้อยแล้ว นางบอกว่าอยากนอนพักผ่อน จื่อเซียงจึงขอตัวออกไปทำงานอื่น จากนั้นนางจึงหยิบคัมภีร์เฉวียนหลิงที่ซ่อนใต้หมอนขึ้นมาเปิดอ่าน
มู่อวิ๋นจิ่นเปิดอ่านคัมภีร์ไปได้ไม่กี่หน้า นางกลับตาลายขึ้นมา จึงอดคิดถึงคำพูดเมื่อสองสามวันของฉู่ลี่มิได้
คิดได้ดังนั้น มู่อวิ๋นจิ่นกวาดสายตามองไปรอบห้อง ก่อนจะนำคัมภีร์เฉวียนหลิงไปซ่อนไว้ช่องลับในตู้เสื้อผ้า
หลังจากที่มู่อวิ๋นจิ่นนอนพักผ่อน เวลาล่วงเลยมาถึงยามโหย่วสือ[1]แล้ว
“จื่อเซียง” มู่อวิ๋นจิ่นเรียกหา
จื่อเซียงรีบผลักประตูเข้ามา “คุณหนูตื่นแล้ว จะรับอาหารเลยไหมเ้าคะ?”
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า เดินลงจากเตียงออกมาที่ประตู ปรายตาห้องที่อยู่เยื้องด้านข้าง
“ฉู่ลี่ไม่อยู่ที่จวนเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นเห็นแระตูปิดสนิทจึงถามอย่างสงสัย
“ไม่อยู่เ้าค่ะ หลังจากองค์ชายหกกลับมาได้ไม่เท่าไหร่ก็ออกจวนไป เห็นแม่นมเสิ่นเล่าว่าองค์ชายไปหาคุณหนูฉินเ้าค่ะ” จื่อเซียงก้มหน้าเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
มู่อวิ๋นจิ่นตอบรับด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้าย หันหลังกลับไปคว้าอาภรณ์คลุมตัวสีเรียบมาคลุมให้เรียบร้อย
“คุณหนูจะออกข้างนอกหรือเ้าคะ?” จื่อเซียงเอ่ยขึ้นอย่างใคร่รู้
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ข้าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย เ้ารออยู่ที่จวนแล้วกัน”
“คุณหนู……”
ยังไม่ทันที่จื่อเซียงจะพูดจบประโยค มู่อวิ๋นจิ่นกลับหายวับไปกับตาด้วยวิชาตัวเบา
จื่อเซียงยกมือขึ้นขยี้ตา ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นต่อหน้าต่อตา คุณหนูบินได้?
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นตรอกซอยหนึ่งยังมีผู้คนเดินอย่างขวักไขว่ จึงเดินไปที่ซอยนั้น
จากนั้นไม่นาน มู่อวิ๋นจิ่นก็มายืนอยู่หน้าประตูซีจิ่นย่วน
นางเดินข้ามประตูใหญ่เข้าไปด้านในมองซ้ายมองขวา เห็นลูกค้าสองสามคนกำลังเลือกสิ่งของอยู่อยู่นานสองนาน สุดท้ายก็ส่ายหน้าเดินออกไป
“เห้อ สงสัยของเหล่านี้ไร้วาสนาต่อพวกท่าน” ชายชราที่เปิดร้านถอนหายใจ หลังจากเห็นลูกค้าต่างเดินออกจากร้าน
แค่เพียงแวบเดียว สายตาที่รวดเร็วของชายชราก็เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเข้า “โอ้โห ยินดีต้อนรับพระชายาหกขอรับ”
“ข้ามีเื่หาเ้าต่างหาก” มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปนั่งเก้าอี้ “แส้หางหงส์ของร้านเ้าไม่เลวเลย ใช้ได้คล่องไม้คล่องมือดี”
มู่อวิ๋นจิ่นกล่าวจบก้มมองแส้หางหงส์ที่อยู่ในมืออย่างมีความสุข
“มิทราบว่าพระชายาหกมีธุระเื่ใดขอรับ” ชายชราหันมาโค้งคำนับ
“ข้าอยากได้เรือนที่เมืองธารรัตติกรในอาณาจักรซีหยวน เมืองจางโจวและเมืองเซินเย้าแห่งละหลัง เื่เงินนั้นเ้าเรียกมาได้เลย” มู่อวิ๋นจิ่นจ้องมองที่ชายชราเ้าของร้านเบื้องหน้า
ชายชราเ้าของร้าน ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “พระชายาหก ที่นี่ขายเพียงอาวุธและของล้ำค่า ไม่ได้ขายที่ขายเรือนขอรับ”
“ขายไม่ขายเรือนนั้นเ้ารู้อยู่อก่ใจ ที่ซีจิ่นย่วนแห่งนี้ หากซื้ออาวุธและของล้ำค่านับว่ามีวาสนา แต่ไม่ใช่ทุกคนจะซื้อของเหล่านี้ได้ เ้าเปิดร้านที่นี่มานานหลายปี หากรอให้คนมีวาสนาต่อของล้ำค่าเหล่านี้มาซื้อ เกรงว่าคนที่ร่วมเปิดร้านของพวกเ้าคงอดตายกันหมดไปแล้ว”
“เหตุใดพระชายาหกคิดว่าที่นี่จะมีขายเรือนด้วยขอรับ?” ชายชราเ้าของร้านมองด้วยแววตาใคร่รู้
มู่อวิ๋นจิ่นยกขาขึ้นชันเล็กน้อย “ความรู้สึกนะ!”
“ฮ่าๆๆๆ ความรู้สึกหรือขอรับ สงสัยซีจิ่นย่วนต้องมีจุดไหนเกิดความผิดพลาด จนพระชายาหกมองเห็นใช่ไหมขอรับ”
จากนั้นชายชราเ้าของร้านเดินไปที่โต๊ะเก็บเงิน เปิดลิ้นชักออกมา หยิบกระดาษขึ้นมาเป็ตั้งๆ
“เหล่านี้คือโฉลดที่ดิน พระชายาหกเลือกตามสบายขอรับ เพียงแต่ขอให้จำไว้เสียหน่อย อาวุธและของล้ำค่าที่นี่ขายให้เฉพาะคนมีวาสนาต่อกัน ส่วนขายที่ขายเรือนนั้นอาจต้องเป็อีกราคานะขอรับ”
“วางใจได้ ข้ามีเงินเหลือเฟืออยู่แล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นพลิกเลือกดูโฉลดที่ดินทีละใบทีละใบ พร้อมกับเปรียบเทียบอย่างละเอียดรอบคอบ
ในที่สุด มู่อวิ๋นจิ่นสามารถเลือกเรือนในสามเมืองได้แล้ว โดยที่เรือนแต่ละหลังล้วนงดงามทั้งนั้น
“เอาสามหลังนี้แล้วกัน” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ย
ชายชราเ้าของร้านรับโฉลดที่ดินจากมือของมู่อวิ๋นจิ่น พร้อมกับร้องด้วยความใ “พระชายาหกสายตาเฉียบแหลม เรือนทั้งสามที่เลือกนั้นเป็เรือนที่ราคาแพงที่สุดด้วยขอรับ”
“ทั้งหมดเท่าไหร่?” มู่อวิ๋นจิ่นจ้องเขม็งไปที่เขา
ชายชราเ้าของร้านยักคิ้วหลิ่วตา ยกมือคำนวณไปมา ก่อนบอกราคาด้วยเสียงนิ่งๆ “หนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงทองขอรับ”
“อั๊ยย่ะ ราคาไม่เบาเลย” มู่อวิ๋นจิ่นหันมองโฉลดที่ดิน ฉีกยิ้มอย่างกว้างขวาง “เ้าต้องมั่นใจนะว่าเรือนที่เลือกมาทั้งสามหลัง เหมือนดั่งที่เขียนบรรยายเอาไว้ทุกประการ มอฉะนั้นระวังข้าจะมาถล่มร้านของเ้า!”
“พระชายาหกวางใจได้ขอรับ กระผมมิกล้าหลอกลวงท่านหรอก สรุปแล้วเรือนทั้งสามหลังเอาหมดเลยใช่ไหมขอรับ?” ชายชราเ้าของร้านเอ่ยถามอย่างระวัง
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้ารับ “เอาหมดทั้งสามหลัง”
“ใช่แล้ว เื่นี้ห้ามบอกให้คนอื่นรู้เด็ดขาด มีเพียงเ้ากับข้ารู้เท่านั้น เข้าใจไหม?” มู่อวิ๋นจิ่นกำชับกำชา
ชายชราเ้าของร้านพยักหน้างกๆ “กระผมทราบเป็อย่างดีขอรับ”
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นควักตั๋วเงินหนึ่งใบจากแขนเสื้อยื่นให้เขา “นี่ตั๋วเงินหนึ่งหมื่นกว่าๆ ตำลึงทอง”
“พระชายาหกรอสักครู่ กระผมจะขอนำไปขึ้นเงินก่อนขอรับ” ชายชราเ้าของร้านรับตั๋วเงินไปขึ้นเงินด้านข้าง
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งดูโฉลดที่ดินทั้งสามหลังอย่างมีความสุข ก่อนที่นางกับฉู่ลี่ยุติความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยา นางต้องเตรียมการล่วงหน้าให้กับชีวิต
หากมีเรือนทั้งสามหลังนี้ ชีวิตของนางย่อมมีหลักประกัน อย่างน้อยก็ไม่ต้องร่อนเรไร้ที่ซุกหัวนอน
มู่อวิ๋นจิ่นคิดไปคิดมา รู้สึกว่าตัวนางนั้นเป็คนรอบคอบ เตรียมการล่วงหน้าได้เป็อย่างดี
ในระหว่างนั้นมู่อวิ๋นจิ่นก็คอยเหลือบมองชายชราเ้าของร้าน นั่งนับเงินทองหลังจากนำตั๋วไปขึ้นเงิน
อันที่จริง นางไม่รู้หรอกว่าที่ร้านซีจิ่นย่วนแห่งนี้ขายที่อยู่อาศัย แต่เพราะครั้งก่อนที่ฉู่ลี่ซื้อแส้หางหงส์ให้ นางเหลือบเห็นโฉลดที่ดินตอนชายชราเ้าของร้านเปิดลิ้นชักออกมา
ด้วยเหตุนี้จึงปะติดปะต่อจนมั่นใจว่าที่ร้านต้องสามารถซื้อบ้านซื้อเรือนได้
หลังจากชายชรานับเงินเป็ที่เรียบร้อยก็นำเงินส่วนที่เกินมาคืนให้ “พระชายาหก นี่เป็โฉลดที่ดินกับเงินที่เกินขอรับ”
“อืม” มู่อวิ๋นจิ่นยื่นมือไปรับ ตรวจสอบว่าไม่มีปัญหา ก่อนหันหลังเดินออกประตูซีจิ่นย่วนไป
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นเดินไปลับตา ชายชราเ้าของร้านถอนหายใจเบาๆ “ดูท่าคุณหนูฉินกลับมาแล้ว ตำแหน่งพระชายาหกอาจมีการสั่นคลอนแล้ว”
……
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นกลับมาที่จวนองค์ชายหก ท้องฟ้ากลับมืดมิดลงแล้ว
“ห๊ะ พระชายาออกไปข้างนอกั้แ่เมื่อไหร่เ้าคะ?” แม่นมเสิ่นร้องด้วยความใ เมื่อเห็นมู่อวิ๋นจิ่นก้าวผ่านประตูเข้ามา
มู่อวิ๋นจิ่นยิ้มกรุ้มกริ่ม “ข้าออกประตูหลังน่ะ”
“ที่แท้ก็เป็อย่างนี้นี่เอง” แม่นมเสิ่นพยักหน้าเข้าใจ “องค์ชายกับคุณหนูฉินกำลังทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร พระชายาจะร่วมทานด้วยไหมเ้าคะ?”
“คุณหนูฉินมาแล้วเหรอ?” มู่อวิ๋นจิ่นหยุดฝีเท้าหันมองไปทางห้องอาหาร
“ใช่แล้วเ้าค่ะ มาก่อนพระชายาประเดี๋ยวเดียว เวลานี้คงเพิ่งเริ่มทานเ้าค่ะ” แม่นมเสิ่นเล่าด้วยความระวังที่สุด ด้วยกลัวมู่อวิ๋นจิ่นจะโมโหโกรธา
“ช่างเหอะ ข้าเป็คนรู้จักกาลเทศะ มิอยากไปรบกวนพวกเขาน่ะ” มู่อวิ๋นจิ่นเบะปาก เดินไปอีกทาง
ยังไม่ทันที่จะเดินไปได้กี่ก้าว ด้านหลังกลับมีเสียงที่คุ้นเคยเรียกอย่างสนิทสนม “พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น กลับมาแล้วเหรอ?”
[1] ยามโหย่วสือ เทียบกับปัจจุบันเป็เวลาประมาณ 17.00 - 19.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้