“โอ๊ย...อ๊าก!!!” เสียงคำรามอันโกรธแค้นบ่งบอกถึงความอ้างว้างของหยวนหงกัง เขาสังเกตเห็นเพียงน้ำเต้าเจ็ดสีเท่านั้น แต่เขาไม่ได้ระวังการเคลื่อนไหวของท่าสังหารที่แท้จริงเลย
แส้เกล็ดมรกตัทมิฬของหนิงเทียนมีพลังมหาศาล หยวนหงกังถูกแทงทะลุหัวใจทันทีโดยไม่ทันได้ระวังใดๆ และเขาได้รับาเ็สาหัสในพริบตา
ครู่ต่อมาน้ำเต้าเจ็ดสีก็ร่วงหล่นลง น้ำหนักที่น่าสะพรึงกลัวทำให้แขนของหยวนหงกังแตกเป็เสี่ยงๆ าแที่หัวใจถูกบีบด้วยแรงภายนอกและขยายตัวอย่างรวดเร็ว
อวี่ชิวซึ่งติดตามหยวนหงกังสะดุ้ง ทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึงสามจั้ง
เสียงคำรามของหยวนหงกัง และสิ่งที่เขาต้องประสบทำให้อวี่ชิวตื่นตะลึง สิ่งแรกที่คิดคือเขาต้องหลบ แต่เนื่องจากความเร็วที่พุ่งมานั้นเร็วจนเกินไป เขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
มันยากที่จะหลบ เช่นนั้นก็ต้องป้องกัน
ปฏิกิริยาของอวี่ชิวแสดงให้เห็นท่วงท่าของยอดฝีมือ แต่กิ่งท้อกลับปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน ในยามที่อวี่ชิวรู้สึกถึงความเ็ป คอและหัวใจของเขาก็ถูกแทงไปแล้ว
ทหาริญญาเยาเยามีลำต้นที่ไม่สูงนัก แต่กิ่งก้านของมันกลับแหลมคมดั่งหอก หลังจากเจาะร่างกายของศัตรูแล้ว มันก็ดูดเืศัตรูอย่างเมามัน ทั้งยังดึงแก่นพลังของศัตรูออกมาอีกด้วย
อวี่ชิวกรีดร้อง ดวงตาที่คมชัดมีแววของความบ้าคลั่ง เขาอดทนต่อความเ็ปแสนสาหัสและใช้กำลังฝืนตัวเพื่อถอยกลับไปหลายจั้งในทันที
ใน่เวลาแห่งความเป็และความตาย พลังที่ปะทุขึ้นของมนุษย์นั้นช่างน่าทึ่ง
หลังจากหยวนหงกังถูกอวี่ชิวพุ่งชน ร่างของเขาก็พุ่งเข้ากระแทกกับกำแพงหินแข็ง ก่อนหยาดเืจะย้อมกำแพงจนแดงฉาด
เขาได้แต่กัดฟัน โค้งตัว ดีดตัวขึ้น แล้วพุ่งออกไปแนวทแยง พร้อมมือที่ห้อยต่องแต่ง ซึ่งแทบจะไร้ประโยชน์ไปแล้ว
ซูอวิ๋นคำรามด้วยความโกรธ จะทำร้ายหยวนหงกังได้หรือไม่นั้นไม่สำคัญ แต่นางไม่เคยคาดคิดว่าแม้กระทั่งอวี่ชิวก็ยังตกหลุมพราง
ความตั้งใจของหนิงเทียนนั้นชัดเจนในตัวเอง ทั้งหมดนี้มุ่งเป้าไปที่นาง
หยวนหงกังและอวี่ชิวต่างก็ได้รับาเ็สาหัส แม้พวกเขาจะเป็ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่าน แต่หัวใจก็ฉีกขาด และนั่นถือว่าเป็าแร้ายแรง
หากได้รับการรักษาทันเวลาก็สามารถพักผ่อนและฟื้นตัวได้
แต่ภายใต้สถานการณ์ในยามนี้ ย่อมเป็ไปไม่ได้ที่จะพักฟื้น
หนิงเทียนปรากฏตัวในอุโมงค์ เก็บน้ำเต้าเจ็ดสี แล้วถือแส้เกล็ดมรกตัทมิฬ พร้อมมองซูอวิ๋น อวี่ชิว และหยวนหงกังอย่างเ็า
“รู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงทำเช่นนี้? เพราะนางหญิงผู้นี้้าใช้มือพวกเ้าสังหารข้า ข้าจึงทำได้เพียงฉวยโอกาสเปิดการโจมตี ฆ่าพวกเ้าก่อน แล้วจึงฆ่านาง”
หยวนหงกังและอวี่ชิวโกรธจนแทบคลั่ง น้ำเสียงเ็าและสายตาดูถูกเหยียดหยามของหนิงเทียนทำให้พวกเขาไม่พอใจอย่างมาก สิ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือพวกเขากำลังถูกซูอวิ๋นหลอกใช้จริงๆ
“ศิษย์พี่ทั้งสองอย่ากังวล หนิงเทียนเพียงอาศัยความประหลาดใจเพื่อทำร้ายพวกท่านผ่านการลอบโจมตีเท่านั้น ตราบใดที่เราสามคนร่วมมือกัน การฆ่าเขาก็เหมือนกับการฆ่าสุนัข”
ซูอวิ๋นก้าวมาข้างหน้าเพื่อรักษาเสถียรภาพของหยวนหงกังและอวี่ชิว และป้องกันไม่ให้พวกเขาตอบโต้ก่อนตาย
แม้ว่าทั้งสองจะได้รับาเ็ แต่พวกเขาก็ยังเป็ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่าน อย่างไรหนิงเทียนก็ต้องไม่สบายใจหากพวกเขายอมสู้สุดชีวิต
และถ้าซูอวิ๋นได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองคน โอกาสในการฆ่าหนิงเทียนก็จะเพิ่มขึ้นมาก
หยวนหงกังและอวี่ชิวมองหน้ากัน พวกเขาทั้งคู่ได้รับาเ็สาหัส ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะฆ่าหนิงเทียน พวกเขาก็อาจไม่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือของผู้อื่นได้
เพื่อความอยู่รอด ทั้งสองบรรลุข้อตกลงเป็การส่วนตัวจริงๆ
“ยืมมือนางสังหารหนิงเทียน จากนั้นเราจะรวมพลังสังหารนาง”
“วีรบุรุษเห็นสิ่งเดียวกัน ตกลง!”
การที่สามารถเติบโตมาเป็ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนผ่านได้นั้น ทั้งหยวนหงกังและอวี่ชิวต่างเป็คนโหดร้ายและไร้ความปรานี พวกเขาไม่เพียงแต่ระวังหนิงเทียน แต่ยังระแวงซูอวิ๋นด้วย ทั้งยังอยากกำจัดสุนัขชายหญิงสองคนที่กำลังหลอกใช้และทำร้ายพวกเขา
“กล้าลอบโจมตีข้า วันนี้เ้าต้องตาย”
“การลอบโจมตีช่างน่ารังเกียจ ข้ายกโทษให้ไม่ได้”
หยวนหงกังและอวี่ชิวต่างร้องคำราม ดูเหมือนพวกเขา้าต่อสู้กับหนิงเทียนอย่างถึงที่สุด
ซูอวิ๋นแอบดีใจและอาสา “ข้าจะเป็ผู้โจมตีหลัก ศิษย์พี่ทั้งสองโปรดสนับสนุนข้าด้วย”
เมื่อหยวนหงกังและอวี่ชิวได้ยินเช่นนี้ และนั้นคือสิ่งที่ทั้งคู่้า จึงพูดขึ้นพร้อมกันว่า “ได้ มาฆ่าเด็กคนนี้กัน”
สตรีสวมผ้าคลุมยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ดูเหมือนนางจะไม่สนใจที่จะเข้าไปแทรกแซงเลย
เงาร่างคนสั่นไหวภายในอุโมงค์ นี่คือชิวอีเซี่ยนที่ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหนิงเทียน
“เ้าเด็กแสบหนิงเทียน เ้าขี้ขลาดจริงๆ”
ชิวอีเซี่ยนกรีดร้องแปลกๆ ประกายสีประหลาดฉายแววในดวงตาของเขา
หนิงเทียนมองซูอวิ๋นที่กำลังเตรียมตัว ขณะที่เขากำลังคุยกับชิวอีเซี่ยน
“ท่านเคยบอกว่าโถงร้อยทหารเก่งในการรวบรวมทหาริญญา เช่นนั้นท่านรวบรวมได้เท่าใด?”
ชิวอีเซี่ยนกล่าวว่า “ไม่มาก ไม่มาก มีทหาริญญาเพียงห้าตนเท่านั้น เ้าถามทำไม?”
หนิงเทียนกล่าวว่า “ทหาริญญารวมทั้งตัวท่านเอง ควรจะสามารถปิดผนึกทางออกนี้ได้ และหลังจากที่ข้าสังหารพวกเขาได้แล้ว ข้าจะมอบผลึกิญญาให้ท่านพันก้อน”
ดวงตาของชิวอีเซี่ยนสว่างวาบ เขาพูดอย่างตื่นเต้น “ผลึกิญญาพันก้อน เ้าเป็คนรักษาคำพูดหรือไม่?”
“ปิดผนึกทางออกแลกกับผลึกิญญาจำนวนหนึ่งพันก้อน!”
“ได้ เป็อันตกลง!”
ชิวอีเซี่ยนเห็นด้วยอย่างง่ายดาย เงาของต้นไม้รอบตัวเขาสั่นคลอนไปมา สหายิญญาทั้งห้าปรากฏขึ้นเพื่อปิดผนึกทางออก
ดวงตาของซูอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางฮึมฮัม “หนิงเทียน เ้ากำลังปิดทางหนีของตัวเอง”
ในระหว่างการต่อสู้ของทั้งสองเมื่อวานนี้ ซูอวิ๋นประสบความสูญเสียเพราะนางประเมินหนิงเทียนต่ำเกินไป และคิดไม่ถึงทหาริญญาของเขา
ซูอวิ๋นจึงรู้สึกไม่พอใจอยู่เสมอ นางคิดว่าสามารถปราบปรามหนิงเทียนได้ด้วยการพึ่งพาขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นแรกของตน แต่สุดท้ายนางก็จำต้องหลบหนีไปอย่างอับอาย
ตอนนี้์กำลังมอบโอกาสให้ซูอวิ๋นเป็ครั้งที่สอง ด้วยความช่วยเหลือของหยวนหงกังและอวี่ชิว นางรู้สึกว่าคราวนี้ต้องไม่พลาด
“อยู่เพียงขอบเขตผนึกดารายังกล้าอวดดี ช่างแสวงหาความตายเสียจริง!”
หยวนหงกังคำรามด้วยความโกรธ อาการาเ็ที่หัวใจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความสามารถของเขา ตราบใดที่เขาใช้พลังในขอบเขตเปลี่ยนผ่าน าแก็จะปริ ทำให้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป
อวี่ชิวก็อยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน เขาสามารถออกแรงได้เพียงครึ่งหนึ่งของประสิทธิภาพการต่อสู้เท่านั้น แต่เขายังสามารถใช้อาวุธิญญาและควบคุมมันด้วยพลังจิตได้
ในฐานะผู้บำเพ็ญซิงซิว สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่พลังการต่อสู้ทางกายภาพ แต่เป็การควบคุมพลังจิต นี่คือคุณสมบัติที่สำคัญของผู้บำเพ็ญซิงซิว
ตำนานเล่าว่าผู้บำเพ็ญซิงหยวนทวีคูณเป็ร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ร่างกายแบบนั้นหาได้ยากในรอบพันปี
อวี่ชิวเป็ยอดฝีมือของสำนักดาราทมิฬ นอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นสองของขอบเขตเปลี่ยนผ่าน เขามีความสำเร็จอย่างมากในการควบคุมพลังจิต
“ดูเหมือนนางหญิงเลวผู้นี้จะไม่ได้บอกพวกเ้าว่าเมื่อวานนี้นางเกือบตายด้วยน้ำมือของข้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางหลบหนีได้รวดเร็ว ยามนี้ศพคงเย็นไปนานแล้ว”
หนิงเทียนมองหยวนหงกังและอวี่ชิวที่กำลังวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตาคน ดวงตาเสน่ห์ของเขาสามารถััได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางจิตใจของศัตรูได้ เขาจึงมองทั้งสองคนตรงหน้าออกอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของหยวนหงกังและอวี่ชิวเปลี่ยนไปทันที พวกเขามองซูอวิ๋นพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว
ในยามนั้นหนิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างสบายๆ เขา้าโอกาสในการโจมตี แส้เกล็ดมรกตัทมิฬในมือเหยียดยาวราวกับั ทั้งยังมีเสียงคำรามของัอย่างสมจริง
หนิงเทียนเกร็งนิ้วมือซ้าย กระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นควบแน่นพลังเป็เส้นด้าย ก่อนกลายเป็เส้นไหมนุ่มๆ พันรอบนิ้วของเขา มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและอันตรายอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่ทั้งสองโปรดระวัง อย่าไปฟังเื่ไร้สาระของเขา!”
ซูอวิ๋นรู้สึกรำคาญใจ ทันใดนั้นใบมีดก็ปรากฏขึ้นที่ปลายนิ้วของนาง อากาศเย็นกลายเป็คมมีด พัดหิมะลอยล่องโบกสะบัดอยู่ในมือ ก่อนจะเข้าเผชิญหน้ากับแสงกระบี่และแส้ยาวของหนิงเทียน
“เ้าคนระยำ ตายเสียเถอะ!”
หยวนหงกังและอวี่ชิวโกรธมาก พวกเขารู้สึกเหมือนผู้ใหญ่ที่ถูกเด็กหยอกเล่น นี่เป็ความอัปยศอย่างยิ่ง
“ฆ่า!”
ทั้งสองโพล่งออกไป และเมื่อซูอวิ๋นสกัดกั้นหนิงเทียน พวกเขาก็ใช้วิธีการรุกของตน
แขนของหยวนหงกังแทบจะพิการไปแล้ว สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้คือการเตะต่อเนื่องไปที่ศีรษะของหนิงเทียน
อวี่ชิวควบคุมอาวุธิญญาซึ่งเป็แหวนดวงดาว ประกายดวงดาวสีแดงระยิบระยับเปล่งความผันผวนที่น่าใ
แหวนดวงดาวนี้เป็อาวุธิญญาระดับกลางที่มีพลังที่ไม่ธรรมดา
ท่าทางของหนิงเทียนนั้นเยือกเย็น ดวงตาที่เฉียบคมเปล่งประกายด้วยแสงเย็น หลังจากเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นสอง ประสาทััทางการมองเห็น การได้ยิน กลิ่น และรส ไม่ว่าจะเป็ทางตา หู ปาก และจมูกของเขาล้วนเชื่อมโยงและบูรณาการเข้าด้วยกัน มีการสร้างระบบการรับรู้ใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ความสามารถในการจับทุกการเคลื่อนไหวของศัตรูรวดเร็วขึ้นในทุกทิศทาง
ดีกว่าการเห็นด้วยตาและการฟังด้วยหูเพียงอย่างเดียว
ในใจของหนิงเทียนมีภาพสามมิติของซูอวิ๋น หยวนหงกัง และอวี่ชิวปรากฏขึ้น ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาล้วนมองเห็นได้ชัดเจน วิถีการเคลื่อนไหวและแนวโน้มทั้งหมดเปลี่ยนแปลงในแบบของภาพเสมือนจริง ความสามารถในการอนุมานการเปลี่ยนแปลงครั้งต่อไปจึงเป็ไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นี่คือโอกาสในการคาดการณ์ศัตรู รู้จักตนเองและศัตรู และไม่ว่าศัตรูจะเปลี่ยนยุทธวิธีอย่างไรก็ไม่อาจรอดจากสายตาของหนิงเทียนไปได้
นี่คือความสามารถใหม่ที่ประตูิญญามอบให้หนิงเทียน เป็หนทางสู่การประยุกต์ในระดับจิติญญา ช่วยให้ประตูสู่์ควบคุมการทำงานในร่างกายของหนิงเทียนได้ดีขึ้น และผสมผสานการทำงานและความแข็งแกร่งของดิน ไฟ น้ำ ลม ดอกไม้ หญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ให้ผสานกันได้ดียิ่งขึ้น
“ฮึ่ม!”
หนิงเทียนเผชิญหน้ากับซูอวิ๋นอย่างตรงไปตรงมา เสียงคำรามเ็าดังออกมาจากปาก แส้เกล็ดมรกตัทมิฬปะทะกับพัดหิมะลอยล่อง ขณะเดียวกันวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นก็เผชิญหน้ากับกระบี่น้ำแข็งของซูอวิ๋น มันเป็การโจมตีแบบตัวต่อตัวโดยสมบูรณ์
“ตาย!”
ซูอวิ๋นคำราม ในใจแอบคิดว่าหนิงเทียนช่างโง่งม แน่นอนว่าช่องว่างในด้านขอบเขตนั้นใหญ่มาก แต่เขาก็ยังเลือกที่จะต่อสู้แบบเผชิญหน้า นี่ไม่ใช่การเปิดโอกาสให้ซูอวิ๋นสร้างโอกาสให้หยวนหงกังและอวี่ชิวเข้าสังหารหนิงเทียนหรอกหรือ?
ดวงตาของหยวนหงกังและอวี่ชิวสว่างวาบ ทั้งคู่เห็นความผิดพลาดของหนิงเทียน ขอบเขตผนึกดารากับขอบเขตเปลี่ยนผ่านกำลังจะเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ทำเช่นนี้หากไม่บ้าก็คงอยากตายไม่ใช่หรือ?
ทั้งสองคำรามพร้อมกัน เจตนาฆ่าเบ่งบานในดวงตา ทั้งสองต่าง้าสังหารหนิงเทียนด้วยมือของตนเอง
ซูอวิ๋น อวี่ชิว และหยวนหงกังร่วมมือกันและแบ่งงานกันอย่างชัดเจน ซึ่งก่อให้เกิดแนวโน้มที่จะชนะ
หนิงเทียนไม่เกรงกลัวสิ่งใดเลย หอคอยพลังทั้งสองในร่างกายของเขาปะทุขึ้นทันที พลังต่อสู้ที่รุนแรงหลั่งไหลออกมาพร้อมคลื่นกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวที่ถล่มใส่ซูอวิ๋นจนต้องกรีดร้อง และจังหวะโจมตีนั้นทำให้นางกระเด็นออกไป
ซูอวิ๋นคำรามด้วยความโกรธ นี่มันบ้ามาก เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
นางไม่สามารถยอมรับมันได้เลย
ในการเผชิญหน้ากันเมื่อวาน นางยังสามารถใช้ขอบเขตปราบปรามหนิงเทียนไว้ได้ ทำไมในวันนี้สถานการณ์ถึงแย่ลง
ซูอวิ๋นกระแทกหน้าผาอย่างแรง คลื่นกระแทกอันทรงพลังทำให้อวัยวะภายในของนางเสียหายจนเืไหลออกมาจากปาก
หยวนหงกังและอวี่ชิวมาถึงแล้ว เนื่องจากเวลาอันกระชั้นชิดและความเร็วพุ่งเข้ามา พวกเขาจึงไม่ทันได้ตระหนักถึงอาการของซูอวิ๋น ยามนี้ทั้งสองเพียง้าสังหารหนิงเทียนเท่านั้น
แสงสีขาวเงินบานสะพรั่งอีกครั้ง คราวนี้น้ำเต้าเจ็ดสีเลือกโจมตีใส่แหวนดวงดาวของอวี่ชิว
ลูกเตะต่อเนื่องของหยวนหงกังนั้นค่อนข้างทรงพลัง แต่กายาสุวรรณะนิรันดร์ของหนิงเทียนแข็งราวเหล็กกล้า ขณะที่ถูกเตะ ทหาริญญาเยาเยาก็มาปรากฏตัวขึ้นข้างกายหยวนหงกัง
หนิงเทียนเป็คนรอบคอบและรู้ถึงโอกาสของศัตรู ดังนั้นเขาจึงได้กำหนดวิธีจัดการกับโอกาสเ่าั้แล้ว
หาก้าฆ่าซูอวิ๋น อวี่ชิวกับหยวนหงกังจะต้องถูกฆ่าก่อน ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงในการโจมตีของหนิงเทียนไม่ใช่ซูอวิ๋น แต่เพื่อการดักจับและสังหารอวี่ชิวกับหยวนหงกัง
“ปะาิญญา!”
เสียงเ็าราวกับเสียงคำรามแห่งความตาย ประตูิญญาปรากฏขึ้นข้างกายหนิงเทียน ก่อนจะปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ปลุกเร้าจิติญญา ซึ่งทำให้สตรีสวมผ้าคลุมและชิวอีเซี่ยนที่กำลังเฝ้าดูการต่อสู้เกิดความตึงเครียด และตื่นตระหนกจนไม่อาจทานทนได้
ร่างกายที่บอบบางของซูอวิ๋นสั่นไหว หัวใจมีเพียงความสับสน ประตูิญญาทำให้นางหวาดผวา นางแอบคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หยวนหงกังถูกกิ่งท้อแทงทะลุหลังศีรษะจนเขาต้องกรีดร้องโหยหวน
วินาทีต่อมา แสงกระบี่ก็ทำให้ดวงตาของเขาสว่างขึ้น จากนั้นคิ้วก็แยกออกพร้อมกับิญญาที่แตกสลาย!
