เมื่อเยี่ยนเจาเจาใเกินกว่าจะตอบโต้อะไร หนานิเหอก็บีบคางนางเบาๆ เพื่อบังคับให้เืเข้าไปในปากนางผ่านปากเขา
นางโดนสกัดจุดจนร่างกายขยับไม่ได้ ไม่รู้ว่าหนานิเหอกดจุดที่คอนางตรงไหน นางจึงทำได้เพียงคลายลำคอแข็งเกร็ง แล้วกลืนเืคำนั้นลงไป
เยี่ยนเจาเจาดวงตาเบิกกว้าง นางรู้สึกโกรธปนอายตามสำนึก ชาติก่อนจนกระทั่งตอนนี้นางยังไม่เคยััแนบชิดกับใครเช่นนี้มาก่อน
ทว่านางก็ตั้งสติได้ทันที หนานิเหอไม่มีทางเป็คนเสเพลชอบิ่เกียรติสตรี ส่วนนางก็เป็แค่เด็กผู้หญิงที่ยังไม่โต เขาคงไม่ถึงกับมีรสนิยมเฉพาะตัวหรอก ฉะนั้นทุกการกระทำวันนี้ก็เพียง้าให้นางดื่มเือึกนี้ลงไป
แต่ดื่มเืเขาไปเพื่ออะไรเล่า?
เยี่ยนเจาเจาไม่มีคำตอบ
แม้กำลังทำเื่ใกล้ชิดที่มีเพียงคู่รักเท่านั้นที่จะทำ ลมหายใจคลอเคล้าผสมปนเปจนหัวของเยี่ยนเจาเจาที่พร่าเบลออยู่แล้วยิ่งยุ่งเหยิงหนักขึ้นเพราะพฤติกรรมชวนอึ้งของเขา แต่ริมฝีปากของหนานิเหอยังคงขยับต่อไป
เขาส่งเืคาวอุ่นให้เยี่ยนเจาเจาทีละคำๆ แม่นางน้อยกล้ำกลืนยอมรับมัน…แต่รสเืไม่น่าอภิรมย์จริงๆ แม้นางจะโดนบังคับดื่มลงไป แต่ลำคอก็ยังอยากสำรอกออกมาตามกลไกร่างกายอยู่ดี
หนานิเหอคงจะรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว เขาจึงปล่อยเยี่ยนเจาเจา แล้วเช็ดเืที่เปรอะมุมปากของนางออกให้ด้วยดวงตาสงบนิ่ง
จุดชีพจรบนร่างเยี่ยนเจาเจาคลายออกแล้ว เดิมทีนางควรรู้สึกอับอายเจือขุ่นเคือง แต่ในใจกลับสงสัยและงงงวยมากกว่า
ความสับสนของนางโดนหนานิเหอสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว เขาหลุบหน้าลงด้วยใบหน้าที่ดูละอายใจมาก “เจาเจา ขอโทษ ข้า...ข้ากลัวจริงๆ...”
ไม่ว่าชาติก่อนหรือชาตินี้ เยี่ยนเจาเจาไม่เคยได้ยินหนานิเหอเอ่ยว่ากังวลและหวาดกลัวต่อหน้านางสักครา
ทว่ายามนี้ เมื่อมองหนานิเหอที่คล้ายจะกะเทาะเปลือกนอกทั้งหมดของตนเองออก นางก็กระจ่างแจ้งว่าเขากลัวอะไร…เขากลัวว่านางจะเอาชนะไข้ทรพิษครั้งนี้ไม่ได้ จนต้องตายจากกันในท้ายที่สุด
เยี่ยนเจาเจาตระหนัก ณ ตอนนั้นเองว่าหนานิเหอเป็เพียงเด็กหนุ่มอายุสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้น…คนที่เขาสนิทสนมที่สุดในจวนคงหนีไม่พ้นนาง เขาย่อมกลัวการจากไปของนางเป็ธรรมดา
อาจเพราะััตรงริมฝีปากที่นับว่าจูบไม่ได้เมื่อครู่ทำเอาคำพูดมากมายที่กักเก็บไว้ในใจก่อนหน้าพุ่งออกมาเหมือนเปิดประตูกั้นน้ำ หนานิเหอกุมดวงหน้าของเยี่ยนเจาเจาอย่างแ่เบาราวกับประคองสมบัติล้ำค่าที่สุดในโลกสำหรับเขา แววตามีความพะวักพะวนเล็กน้อยเล็ดลอดออกมา
“หากเ้าไม่อยู่แล้ว เกรงว่าข้า...”
เยี่ยนเจาเจาพอจะเดาประโยคต่อมาได้ แต่คำพูดเหล่านี้คล้ายจะทลายข้อห้ามหลายอย่าง ดังนั้นนางจึงได้แต่ลนลานหยิบผ้าเช็ดหน้าด้านข้างขึ้นมา แล้วช่วยหนานิเหอเช็ดคราบเืตรงมุมปากอย่างเงอะงะ
“ข้าอยู่ที่นี่เสมอเ้าค่ะ”
เยี่ยนเจาเจาไม่รู้ว่าควรพูดอะไร เลยพูดโพล่งออกมาเพียงว่าตนอยู่ด้วยเสมอ
เมื่อลองคิดดูแล้ว วันนี้นางเป็ไข้ทรพิษ ท่านพ่อกับท่านแม่มาหาไม่ได้เพราะเหตุผลส่วนรวม ข้างกายนางจึงเหลือเพียงหนานิเหอ ความคึกคักงดงามตระการตารอบกายเมื่อวันวานเลือนหายไป แต่หนานิเหอกลับยังอยู่ที่นี่
“เหตุใดเ้าคะ?” เยี่ยนเจาเจาติดใจอยู่อย่างเดียวว่าหนานิเหอป้อนเืของเขาให้นางทำไม
ยามนี้รสหวานคาวยังอวลในปากและร่องฟันของนาง ปนเปกับกลิ่นใบไผ่เจือจางบนร่างหนานิเหอจนนางไปต่อไม่ถูกเล็กน้อย ทว่าความเคลือบแคลงในใจก็ยิ่งมากขึ้น
หนานิเหอเหลือบมองเยี่ยนเจาเจาอย่างลึกซึ้ง “นี่มิใช่เื่ดีนัก”
เขาไม่ติดที่ต้องเล่าอดีตของตนแก่เยี่ยนเจาเจา ทว่าเื่นี้มันคล้ายกับชนวนะเิ หากเยี่ยนเจาเจาก้าวเข้ามาในอดีตที่เสมือนโคลนตมของเขาเมื่อใดก็จะยิ่งถอนตัวได้ยาก…หนานิเหอวันก่อนยังอยากปล่อยวาง แต่ตอนนี้เขาคิดตกแล้ว
หนานิเหอปล่อยมือไม่ได้ หากเยี่ยนเจาเจาปฏิเสธ เขาจะไม่ดึงแสงจันทราของตนเองลงมายังพื้นดิน แต่หากเยี่ยนเจาเจายินยอม เขาก็จะไม่มีวันปล่อยมือเด็ดขาด
เยี่ยนเจาเจามองหนานิเหอที่แตกต่างไปจากปกติ เมื่อนึกถึงท่าทีสูญเสียการควบคุมบ่อยๆ ที่เขาเผยออกมาเมื่อครู่ นางก็ััได้รางๆ ว่าภายใต้เปลือกนอกของหนานิเหอนี้ เกรงว่าจะซ่อนหลายสิ่งหลายอย่างที่นางไม่รู้ในชาติก่อน
คราวนี้เป็สถานการณ์พิเศษ หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเพิ่งทะเลาะกันมา และเยี่ยนเจาเจาตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงอันตรายฉับพลัน หนานิเหอไม่มีทางแสดงด้านนี้ออกมาแน่นอน
เยี่ยนเจาเจาถึงขั้นััได้ หนานิเหอเริ่มพูดว่านี่ไม่ใช่เื่ดี หมายความว่าเขาคงกำลังให้โอกาสนางเดินเข้าหาเขาอยู่ นางรู้ว่าหากตนไม่ถามซักไซ้คราวนี้ นางจะพลาดสิ่งเหล่านี้ไปเหมือนชาติก่อน
พี่ชายรองยังเป็พี่ชายรองผู้อบอุ่นอ่อนโยนดังเดิม แต่อย่างอื่นจะค่อยๆ เลือนหายไป
หากเป็คนอื่น เยี่ยนเจาเจาคงไม่้าสืบสาวต่อ ยิ่งรู้ความลับมากก็ยิ่งต้องแบกความรับผิดชอบและภาระหนักขึ้น
แต่เมื่อคนที่เกี่ยวข้องคือหนานิเหอ นางก็อดไม่ได้ที่จะอยากก้าวเข้าไปหาอีกสักนิดสักหน่อย…แม้นางยังไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ทว่านางรู้ดีว่านางไม่กลัวตัวตนที่อยู่ภายใต้เนื้อหนังนั้น
คนเราต่างใช้ชีวิตตามภาพที่ตนสร้างขึ้น เหมือนกับนางที่ซ่อนิญญาบอบช้ำซึ่งผ่านชีวิตมาชาติหนึ่งไว้ภายใต้เปลือกเด็กน้อยอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา หนานิเหอเองก็คงไม่ต่างกันนัก
นางลืมไปว่าชีวิตวัยเด็กของหนานิเหอไม่ได้ดีไปกว่านางเลย
เขาซ่อนตัวตนที่แท้จริงอย่างระแวดระวังก็ถือเป็เื่ปกติ
เมื่อนึกถึงดอกซิ่งที่ทับเก็บไว้ในหนังสือของเขามาหลายปี รวมทั้งคืนวันอันยาวนานเ่าั้ ไปจนถึงการทะเลาะกันของพวกเขาหน้าหอร่มรื่น เยี่ยนเจาเจาก็รู้สึกว่าใจของตนกำลังเต้นกระหน่ำ
ความจริงตอนที่ทะเลาะกันเมื่อวานซืน เยี่ยนเจาเจายังจำแววตาของเขาได้…ทั้งที่สายตาของเขาเอ่อล้นไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่กลับฝืนสงบใจบังคับตนเองไม่ให้กระทำสิ่งใด เพียงมองนางราวกับกำลังเผาหยกล้ำค่า หรือกำลังดื่มยาพิษแก้กระหาย
เยี่ยนเจาเจารู้ความคิดของตนเองแล้ว
หนานิเหอมองนางอย่างอบอุ่นมาตลอด มองอารมณ์ในแววตาของนางแปรเปลี่ยนไปมาเฉยๆ โดยไม่เอ่ยคำใด
เขามักจะเป็เช่นนี้ เขาไม่เคยฝืนใจนางและรอเยี่ยนเจาเจาหันกลับมาทุกคราครั้ง ราวกับว่าขอเพียงเยี่ยนเจาเจายินดีคิดถึงเขาสักหน่อย เขาก็ยอมรับความความลำบากและความทุกข์แล้ว
ไม่ เขาไม่ควรถ่อมตัวเช่นนี้
หนานิเหอในสายตาเยี่ยนเจาเจาไม่เคยเป็คนไร้ประโยชน์ กลับกัน นางเชื่อใจเขามาตลอด หลังจากที่รักษาลำคอของหนานิเหอจนหาย เขาต้องกลายเป็คนโดดเด่นสะดุดตายิ่งกว่านี้แน่
นางอาจนึกถึงตนเองในชาติก่อนที่ทั้งต่ำต้อยและไร้ความสำคัญ ดังนั้นความรู้สึกจึงเอ่ยนำเหตุผล “ข้าอยากรู้เ้าค่ะ”
หนานิเหอหลุดยิ้มบางเบาโดยไม่รู้ตัว เริ่มแรกเขาไม่เอ่ยคำใด แต่กลับคุ้ยหาของในแขนเสื้อตน ก่อนจะพบสร้อยลูกปัดหยกที่เยี่ยนเจาเจาโยนทิ้งเมื่อวานนี้
เขาร้อยสร้อยข้อมือใหม่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับยื่นไปตรงมือเยี่ยนเจาเจา เยี่ยนเจาเจาก็ไม่รู้คิดอย่างไรจึงหยิบมันขึ้นมาใส่ให้เขาอีกครั้ง
นี่ล้วนเป็สิ่งที่เยี่ยนเจาเจาไม่เคยคิดมาก่อน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เยี่ยนเจาเจาพลันรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตนเองทยอยกลับมา หัวใจของนางเริ่มสูบฉีดแรงอีกหน สายตาพร่ามัวก็ชัดเจนขึ้น นางจึงเห็นว่าแผลที่หนานิเหอเฉือนบนแขนของเขาบาดลึกเพียงใด
เืไหลซึมออกมาย้อมชุดคลุมสีอ่อนของเขาจนแดงฉาน และแผ่กระจายเป็วงกว้างดูน่าสยดสยอง แต่มาคิดๆ ดูแล้ว เขาก็เืออกตั้งนานทว่ากลับยังพูดคุยกับเยี่ยนเจาเจาและรอนางตอบรับอยู่ตลอด ความรู้สึกพองโตขึ้นในใจจนเยี่ยนเจาเจาไม่รู้จะจัดการอย่างไร
“ไม่เป็ไร”
หนานิเหอกุมมือปลอบโยนเยี่ยนเจาเจา ก่อนจะพับแขนเสื้อตนเองขึ้นเผยให้เห็นาแ
เยี่ยนเจาเจาระงับดวงตาแดงก่ำไม่อยู่ ทว่ายังไม่ทันเช็ดน้ำตาก็ต้องใกับภาพเบื้องหน้าจนพูดไม่ออก
าแกว้างสามนิ้วบนแขนของหนานิเหอกำลังสมานกันช้าๆ ต่อหน้าต่อตาเยี่ยนเจาเจา เืที่ยังไหลเมื่อครู่ค่อยๆ แห้งกรังและจับตัวกลายเป็สะเก็ดแผลในท้ายที่สุด
“นี่...” เยี่ยนเจาเจาอึ้งจนดวงตาเบิกค้าง แม้นความเร็วในการสมานแผลนั้นจะไม่ไวมาก ทว่าหากเทียบกับคนธรรมดาแล้ว มันเร็วกว่าหลายร้อยพันเท่า
แต่นางยอมรับได้เร็วกว่าคนอื่น…ในเมื่อเยี่ยนเจาเจาคิดว่าตนยังสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ เพราะฉะนั้นคุณสมบัติพิเศษนี้ของหนานิเหอก็เป็เื่เล็กกระจ้อยร่อยแล้ว
ดังนั้นนางจึงรีบเก็บสีหน้าตกตะลึง แล้วลดเสียงลงถามเพียงว่า “เื่นี้คนอื่นทราบไหมเ้าคะ?”
หนานิเหอส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นท่านจำไว้นะเ้าคะ ห้ามให้คนอื่นรู้เด็ดขาด”
เื่ราวผิดธรรมชาติเช่นนี้ หากถูกคนรู้เขา หากไม่โดนจับในฐานะของแปลกก็คงโดนปะาฐานเป็สัตว์ประหลาด
รอยยิ้มในดวงตาหนานิเหอมากยิ่งกว่าวันใด เขาดีใจที่เยี่ยนเจาเจาไม่หวาดกลัวเขาเพราะเหตุนี้ ปฏิกิริยาแรกถึงขั้นบอกเขาอย่าพูดออกมา นาง้าปกป้องเขาด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นเขายังคงพยักหน้า เยี่ยนเจาเจาจึงกลั้นหัวเราะไม่อยู่ นางยื่นมือออกมาหยิกแก้มตอบของเขา “พี่ชายรอง เหตุใดท่านฟังข้าเช่นนี้ตลอดเลย? หากเชื่อฟังเกินไป ระวังจะถูกเอาไปขายนะเ้าคะ”
กำลังวังชาของนางฟื้นคืนมาตามคาด หนานิเหอถึงกับสังเกตเห็นว่าตุ่มน้ำพองสองเม็ดบนหน้าผากนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีดำฝ่อ ดูเหมือนตนยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
ดังนั้นเขาจึงพูดติดตลกกับเยี่ยนเจาเจา “หากวันหน้าเยี่ยนเจาเจายากจนลงแล้วอยากขายข้าใช้หนี้ ข้าก็เต็มใจ”
“ข้าไม่ทำหรอกเ้าค่ะ” เยี่ยนเจาเจาอดขำไม่ได้ ก่อนจะเผลอเลียริมฝีปากแห้งแตกของตน หนานิเหอจึงหยิบน้ำมาให้นางดื่ม
เยี่ยนเจาเจาจิบน้ำไปสองอึกก็ััได้ว่าโพรงปากปลี่ยนไปอย่างชัดเจน
ตุ่มน้ำพองใสคันคะเยอที่ขึ้นหลายเม็ดในปากนาง ตอนนี้กลับเลือนหายไปช้าๆ กระทั่งอาการคันยังลดลงมาก
“พี่ชายรอง เืของท่าน...สามารถรักษาโรคได้หรือเ้าคะ” เยี่ยนเจาเจารู้สึกแปลกใหม่ มิหนำซ้ำมันยังเป็ความลับเล็กๆ ระหว่างนางกับหนานิเหอ ความสุขเลยแอบผุดขึ้นมาในใจของนางมากกว่าเดิม
หนานิเหอเห็นนางดีใจ แม้ไม่รู้ว่านางดีใจอะไรก็พยักหน้ายิ้มไปกับนาง “ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกความลับของข้ากับท่านอย่างหนึ่ง”