สายตาของเซียวเฉินมีประกายประหลาดใจ เขายกนิ้วหัวแม่มือให้ซูเฉินเทียน
“ยอดเยี่ยมมาก ศิษย์พี่ซู”
ซูเฉินเทียนยิ้มกล่าว “เ้าก็ยอดเยี่ยม ตอนนี้ข้าได้แต่ทำสุดความสามารถเท่านั้น สุดท้ายอาจจะต้องพึ่งเ้าให้แบกภาระต่อ”
น้ำเสียงของซูเฉินเทียนแฝงความเคร่งขรึม
เซียวเฉินก็เช่นเดียวกัน
ทุกคนทุ่มเทสุดกำลังเพื่อ่ชิงสามอันดับแรก ต่อให้เป็เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
แต่เขาก็ใช้กำปั้นของตนแผ้วถางเส้นทางสายหนึ่ง
“การต่อสู้ครั้งที่สอง ฉินเหยาจากสถานศึกษาตี้ซิง เชิญโม่อู๋จี๋มาสู้” ฉินเหยาก้าวขึ้นเวทีประลอง วันนี้นางสวมชุดกระโปรงยาวสีฟ้าคราม ยิ่งทำให้นางงดงามเ็า แต่ยังด้อยกว่าเสิ่นเล่ยที่ให้ความรู้สึกห่างเหินเหมือนเป็สิ่งไร้ความรู้สึก
โม่อู๋จี๋ก้าวขึ้นเวทีประลองทันทีโดยไม่เอ่ยวาจา
แผนภาพไท่จี๋ใต้ร่างหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง วิชาปิดผนึกอันแข็งแกร่งจู่โจมฉินเหยาในพริบตา
รัศมีเจิดจ้าแผ่ซ่านพลังปิดผนึกอันน่ากลัวดุจหลุมดำที่หมุนวน ในผนึกมีพลังการกลืนกินอันแข็งแกร่ง การกระเพื่อมของพลังเสวียนก็ใหญ่ขึ้นทุกที เหมือนฝึกวิชาถึงจุดสูงสุดจะสามารถปิดผนึกมิติเวลาได้ ทำให้คนหวาดกลัว
ส่วนฉินเหยากลับไม่ใส่ใจ สืบเท้าเดินหน้า เงาลวงตาซ้อนเป็ชั้นๆ ทำให้คนแยกไม่ออกว่าเป็ของจริงหรือภาพลวงตา
จุดนี้เหมือนเป็ดาวข่มโม่อู๋จี๋
เพราะหากไม่มีทางกักขังร่างจริงของฉินเหยาภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ได้ก็เปล่าประโยชน์
สีหน้าของโม่อู๋จี๋แปรเปลี่ยน ครู่ถัดมา ด้านหลังพลันมีพลังเสวียนแข็งแกร่งปะทุขึ้น โม่อู๋จี๋รีบหลบหลีก เห็นแสงเสวียนทรงพลังสายหนึ่งเฉียดผ่านร่างไปแล้วปะทะกับเขตป้องกันอย่างหนักหน่วง เขตแดนสั่นะเือย่างรุนแรงราวกับจะแตกสลายด้วยการโจมตีนี้
ตูม!
โม่อู๋จี๋ลอบยินดีในใจ
หากเมื่อครู่ตนเองไม่หลบ เกรงว่าคงลงไปนอนแล้ว…
ฉินเหยาผู้นี้แข็งแกร่งมาก!
“ผ่าสุญตา!” โม่อู๋จี๋ตวาด อากาศว่างเปล่ากลายเป็วังวนทันที พลังเสวียนสั่นไหว แสงิญญาสั่นเทา วินาทีถัดมา คมกระบี่แข็งแกร่งหลายสายก็ฟันลงมาดุจดาวตก สองมือของฉินเหยาผนึกมุทรา มือแก้วข้างหนึ่งแหวกนภาออกมา ใช้มือเดียวบดบังฟ้า
แสงเสวียนแก้วเปล่งรัศมีเจิดจรัส
สว่างจ้ายิ่งกว่าแสงพุทธะของหยางชางหลัน!
“หัตถ์เสวียนฟ้าแก้ว!”
ริมฝีปากของฉินเหยาขยับเบาๆ หัตถ์ั์ร่วงลงมาจู่โจมรังสีกระบี่อันไพศาลอย่างหนักหน่วง ฉากอันน่าสะพรึงปรากฏขึ้น คนทั้งสองที่อยู่กลางอากาศเกิดสภาพบิดเบี้ยว ราวกับการโจมตีสองสายจู่โจมห้วงมิติทั้งหมดให้แตกสลาย
ตูม!
มีรังสีกระบี่ร่วงลงมา เสียงดังสนั่นไม่ขาดสาย แต่หัตถ์แก้วนั้นกลับยังเจิดจรัส
“ฉินเหยาจากสถานศึกษาตี้ซิงร้ายกาจจริงๆ”
“ใช่ ไม่เพียงหน้าตางดงามเท่านั้น พลังฝีมือก็สูงส่งด้วย หากไม่เ็าขนาดนั้นต้องเป็บุคคลที่โดดเด่นแน่นอน...”
“ท่าทางโม่อู๋จี๋จะแพ้”
“...”
ทุกคนเพิ่งพูดจบลงก็เห็นโม่อู๋จี๋ถอยร่างฉับพลัน สีหน้าซีดขาว ทั่วร่างสั่นสะท้าน วิชาปิดผนึกที่โม่อู๋จี๋เชี่ยวชาญนั้น ใช้ต่อสู้ได้จริงแต่ถือเป็ระดับกลางๆ เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินเหยา จากนั้นเริ่มปรากฏเค้าลางพ่ายแพ้และถูกอัดกระเด็นจากเวทีประลองภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องของฉินเหยา
ศึกนี้ ฉินเหยาชนะ
โม่อู๋จี๋เช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก และจากไปทันทีโดยไม่พูดไม่จา
ฉินเหยายืนอยู่บนเวทีประลอง แววตาไร้ระลอกอารมณ์ หลังจากไป๋เยี่ยประกาศผลจึงเดินลงจากเวทีประลอง
ศึกนี้ แสดงถึงความสามารถอันแข็งแกร่งของฉินเหยา ได้รับการยอมรับอย่างมาก
เวลานี้ ยังเหลือผู้แข่งขันห้าคนจากสิบคน
ห้าคนนี้ล้วนเป็ผู้มีความสามารถแข็งแกร่ง เป็ผู้ท้าชิงของรอบสามคน
การต่อสู้ถัดมาทำให้คนตะลึงตาโต ซูเฉินเทียนสู้กับฉินเหยา การต่อสู้ของคนทั้งสองรุนแรงผิดปกติ ใช้พลังที่เหนือกว่าโจมตีอีกฝ่าย สู้กันอย่างดุเดือดเืพล่าน สุดท้ายาเ็ทั้งสองฝ่าย ต้องออกจากการแข่งขันทั้งคู่
ทำให้การประลองเดิมเลื่อนเข้าสู่รอบสามคนทันที
เวลานี้ ผู้เข้ารอบทั้งสามคือ เซียวเฉิน เนี่ยอวิ๋นเหอ และเฟิงซั่งเยี่ย
เมื่อทั้งสามเข้าสู่รอบสามคนก็เปิดฉากต่อสู้ใหญ่ทันที เื่นี้ทำให้สายตาของทุกคนมีแววประหลาด
ฉินเหยาที่อยู่อันดับสามาเ็ต้องถอนตัว แล้วให้เฟิงซั่งเยี่ยเลื่อนขึ้นมาแทน แต่ในสามอันดับแรกมีสองคนเป็ศิษย์สถานศึกษาเซิ่งเต้า การดวลเช่นนี้ทำให้เซียวเฉินตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบทันที
บนหอสูงเหนือประตูเมือง ชางซิ่วอมยิ้ม ส่วนจั๋นอวี่กลับมีสีหน้าเคร่งขรึม
สถานการณ์แบบนี้ไม่เป็ผลดีต่อเซียวเฉิน
หากคนทั้งสองท้าสู้เซียวเฉินในเวลาเดียวกันภายใต้สถานการณ์ต่อสู้กันตามใจชอบ...
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของจั๋นอวี่ยิ่งไม่น่าดู
อาจารย์ใหญ่ของสถานศึกษาอื่นๆ อีกสามแห่งกลับกล่าวชื่นชมชางซิ่ว “อาจารย์ใหญ่ชาง ท่าทางปีนี้สถานศึกษาเซิ่งเต้าคงได้อันดับหนึ่งอีกแล้ว”
แม้ในใจของชางซิ่วจะปีติยินดี แต่สีหน้ายังสงบนิ่ง
“ทุกท่าน พูดตอนนี้ยังเร็วเกินไป”
กู่อวี้เอ่ย “ในสามอันดับแรก สถานศึกษาเซิ่งเต้ายึดครองไปสองอันดับ สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่ชัดเจนอีกหรือ?”
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าพูดให้จั๋นอวี่ฟัง
ทว่าจั๋นอวี่กลับไม่ใส่ใจ “หากยังไม่ถึงท้ายที่สุดก็อย่าด่วนสรุป ต่อให้สุดท้ายสถานศึกษาชางหวงเราแพ้ แต่สถานศึกษาชางหวงเรายังเข้ารอบสามคน ได้เลื่อนขึ้นมาหนึ่งอันดับ ส่วนสถานศึกษาเทียนเฉินของเ้ากลับยิ่งแย่ลงทุกที”
จั๋นอวี่ไม่ไว้หน้ากู่อวี้เลยสักนิด เื่นี้ทำให้สีหน้าของกู่อวี้น่าเกลียดในพริบตา
“จั๋นอวี่ เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
จั๋นอวี่ยิ้มหยัน “หมายความตามตัวอักษร”
ในเมื่อสถานศึกษาเทียนเฉินของเ้าจะฉีกหน้าสถานศึกษาชางหวงของข้า เช่นนั้น ข้ายังมีอะไรต้องใส่ใจอีก? ในใจของจั๋นอวี่หัวร่อหยัน
เวลานี้ ไป๋เยี่ยประกาศบนเวที “บัดนี้ เป็การประลองชิมลางล่วงหน้ารอบสามคน ตามที่สัญญาไว้ก่อนหน้านี้ เซียวเฉินได้เคล็ดวิชาขั้นดินที่ฮ่องเต้ประทานหนึ่งชุด” ว่าแล้ว ป้ายหยกเคล็ดวิชาอันหนึ่งก็ลอยไปหาเซียวเฉิน เซียวเฉินยื่นมือมารับไว้ รู้สึกได้ว่าพลังเสวียนอันเปี่ยมล้นขุมหนึ่งกำลังพลุ่งพล่าน
“ประทับจักรพรรดิทองผลาญนภา...”
เป็นามอันอหังการยิ่ง ต้องเป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งสุดขีดชุดหนึ่งแน่ๆ
เซียวเฉินค้อมกาย “ขอบพระทัยฮ่องเต้”
“สามผู้เข้ารอบดวลตัดสินกัน ใช้การประลองเป็รอบเพื่อจัดอันดับก่อนหลัง” ไป๋เยี่ยกล่าว เอ่ยจบก็มองเซียวเฉินแวบหนึ่ง
ทว่าหลังจับสลาก รอบแรก เนี่ยอวิ๋นเหอสู้กับเฟิงซั่งเยี่ย
หลังจากก้าวขึ้นเวที เฟิงซั่งเยี่ยก็ะโลงไป จากนั้นกล่าวว่า “ข้ายอมแพ้”
เป็ไปตามที่พวกเขาคาดไว้จริงๆ
ทุกคนในสถานศึกษาชางหวงมีสีหน้าลึกล้ำ
“ต่ำช้า” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคนของสถานศึกษาเซิ่งเต้าหารือกันมาก่อนแล้วว่าทั้งสองคนจะผลัดกันผลาญพลังของเซียวเฉิน คิดถึงตรงนี้ สีหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็แปรเปลี่ยน ในสมองมีสัญญาณอันตรายวาบขึ้น
น้องชายของเซียวเฉินก็อยู่ในผู้เข้ารอบสามคน!
หากเซียวเฉินถูกผลัดเปลี่ยนกันผลาญพลัง เป็ไปได้อย่างยิ่งว่าจะ...
“ศิษย์พี่ซู เซียวเฉินมีอันตราย” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ยพลางมองบนเวทีด้วยสีหน้ากังวล ซูเฉินเทียนผงกศีรษะนิดๆ แล้วกล่าวว่า “ภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดของเซียวเฉินคือเนี่ยอวิ๋นเหอ...”
“ตอนนี้เซียวเฉินมีอันตรายจริงๆ แต่ข้าเชื่อว่าศิษย์น้องเล็กต้องฝ่าฟันไปได้แน่นอน”
ระหว่างที่เอ่ยวาจา สายตาของซูเฉินเทียนก็ทอประกายแน่วแน่
สายตาของเขาในยามนี้ มีคำพูดอันห้าวหาญของเด็กหนุ่มที่ยังไม่ย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าดังสะท้อน
“เป้าหมายของข้าคืออันดับหนึ่งในการประลองห้าสถานศึกษา...”
เขาจะไม่ทำให้พวกเราผิดหวัง เพราะเขาคือเซียวเฉิน!
รอบแรก เฟิงซั่งเยี่ยยอมแพ้ เนี่ยอวิ๋นเหอชนะไปหนึ่งครั้ง ถูกจัดอยู่อันดับต้นๆ ชั่วคราว
ส่วนเซียวเฉินกลับส่งเสียงหัวร่อหยัน ก้าวขึ้นเวทีช้าๆ พลางมองเฟิงซั่งเยี่ย “ในเมื่อเ้าชอบแพ้ขนาดนี้ เช่นนั้น ข้าจะส่งเสริมเ้าสักครา เซียวเฉินจากสถานศึกษาชางหวงท้าสู้เฟิงซั่งเยี่ยจากสถานศึกษาเซิ่งเต้า!”