“โฉมงามคู่กับอันธพาล เหมาะสม!” โจวทงหัวเราะเ้าเล่ห์ ยื่นมือออกมาหมายจะลูบแก้มของถังไน่ไน่
ทันใดนั้น เขารู้สึกเจ็บที่ข้อศอกจึงหดมือกลับ ต่อมารู้สึกเจ็บที่หัวเข่าส่งผลให้เขาคุกเข่าลงกับพื้น ยังไม่ทันรอให้เขาได้ตั้งสติ ต้นคอด้านหลังก็ถูกสิ่งของบางอย่างกระแทกอย่างแรง คนทั้งคนฟุบลงกับพื้นราวกับคางคกตัวหนึ่ง ต่อมาข้างหูได้ยินเสียงหัวเราะของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น “คางคกคู่กับอันธพาล จึงจะเรียกว่าเหมาะสม!”
สองคนที่ติดตามโจวทงได้แต่อ้าปากค้าง มองจนทึ่มทื่อ เมื่อสักครู่พวกเขาเห็นสตรีในอาภรณ์สีขาวหยิบกระทะใบหนึ่งมาจากที่ใดก็ไม่รู้ ต่อมาก็ฟาดเข้าไปที่บริเวณกกหูรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด โจมตีข้อศอก หัวเข่าและต้นคอของโจวทงอย่างรวดเร็ว อิริยาบถทั้งเด็ดขาดว่องไวและโเี้ทั้งยังแม่นยำ! โจวทงแทบจะไม่มีโอกาสโต้ตอบเอาคืน เพราะเขาแทบจะตั้งตัวไม่ได้ พวกเขาจึงได้แต่มองอย่างโง่งม!
บริเวณโดยรอบเงียบสงัดไปสามวินาที ต่อมาจึงมีเสียงหัวเราะะเิออกมา
“ฮ่าๆๆ...”
เฟิ่งเฉี่ยนยกเท้าถีบเข้าไปที่แผ่นหลังของโจวทง ในมือยังตวัดกระทะหรูอี้ไปมา ยกยิ้มริมฝีปากเป็รอยยิ้มเ็า รับมือกับอันธพาลจอมลามกชนิดนี้ ช่างเป็เื่ขี้ปะติ๋ว!
เมื่อสักครู่ถังเจิ้นอวี่ได้เตรียมลงมือเช่นกัน เขาไม่อาจยอมให้ผู้อื่นมารังแกข่มเหงน้องสาวของเขาได้ ใครเลยจะคิดว่ายังไม่ทันรอให้เขาลงมือ เฟิ่งเฉี่ยนก็ชิงลงมือก่อนเขาก้าวหนึ่ง ท่วงท่าแคล่วคล่องว่องไว ไหลลื่นประดุจธาราไหลริน ไร้ซึ่งความลังเลใจ ทำให้เขาอดที่จะลอบชื่นชมไม่ได้
ที่แท้อาจารย์นอกจากจะมีทักษะการเดินหมากที่เยี่ยมยอดแล้ว วรยุทธ์ยังร้ายกาจเพียงนี้ เขาช่างเป็ฝ่ายได้เปรียบแล้วจริงๆ!
ถังไน่ไน่มองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยสายตาเทิดทูนบูชา อิริยาบถที่นางจัดการโจวทงเมื่อสักครู่นี้ช่างงดงามจริงๆ! นางยังไม่ทันตั้งตัว โจวทงก็ถูกซัดจนหมอบลงกับพื้นเสียแล้ว จะไม่เท่ได้อย่างไร
เพียงแต่อาวุธในมือของนาง...มีลักษณะประหลาดสักหน่อย!
มีใครที่ไหนออกจากบ้านแล้วนำกระทะติดตัวมาด้วย
“เ้า...เ้ากล้าตีข้า? เ้ารู้ว่าพี่ชายข้าเป็ใครหรือไม่? พี่ชายของข้าไม่ละเว้นเ้าแน่” โจวทงคลานขึ้นมาจากพื้น เขาคำรามด้วยความโกรธแค้น “พวกเ้าสองคนยังตะลึงอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบสังหารนางอีก”
มือของผู้ติดตามสองคนกดอยู่กับด้ามกระบี่ประจำตัว ขณะที่คิดจะก้าวขึ้นไป เฟิ่งเฉี่ยนพลันตวัดสายตาเ็ามองมาราวกับธนูที่ยิงทะลุหัวใจของพวกเขา คนทั้งสองหยุดชะงักพร้อมกัน ถึงกับก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาลอบโอดครวญในใจ ทั้งๆ ที่เป็เพียงสตรีนางหนึ่ง ไฉนจึงมีสายตาน่ากลัวเช่นนี้ น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านักฆ่ามืออาชีพเสียอีก
โจวทงเห็นคนทั้งสองถอยร่น จึงออกแรงดิ้นรนและด่าทอเสียงดัง “พวกเ้าสองคนมันใช้ไม่ได้ กระทั่งสตรีนางหนึ่งก็ยังรับมือไม่ได้ พวกเ้ากินอุจจาระใช่หรือไม่?”
ผู้ติดตามสองคนได้แต่ตอบโต้ในใจ ตัวเ้าเองยังถูกสตรีนางหนึ่งเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า เ้ามากกว่ากระมังที่กินอุจจาระ!
โจวทงเห็นว่าไม่อาจพึ่งพาใครได้ จึงได้แต่ร้องไห้เสียงดัง “พี่ชายช่วยข้าด้วย! พี่ชาย รีบมาช่วยข้า!”
บังเอิญเหลือเกินว่าฉินมู่ชวนอยู่เวรในวันนี้ เขากำลังนำศิษย์น้องอีกหลายคนลาดตระเวนสนามสอบ ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของโจวทง ฉินมู่ชวนรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูยิ่ง จึงรีบเร่งมาทางนี้
คนที่ล้อมอยู่ที่นั่นจำเขาได้จึงร้องเรียกขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ศิษย์พี่ฉิน ศิษย์พี่ฉินมู่ชวนมาแล้ว!”
ฝูงชนแยกออกเป็สองฝั่ง บุรุษท่าทีน่าเกรงขามคนหนึ่งเดินเข้ามาราวกับเป็เดือนที่ถูกล้อมด้วยดวงดาว เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้เห็นอาภรณ์บนร่างของเขาเป็สีฟ้าคราม บริเวณหน้าอกของเสื้อคลุมตัวยาวได้ปักลวดลายต้นไผ่สีฟ้าเอาไว้หลายกอ รูปร่างสูงชะลูด
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นที่แต่งกายเช่นนี้ ศิษย์อีกหลายคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังล้วนสวมอาภรณ์สีฟ้าคราม ที่แตกต่างออกไปคือบริเวณหน้าอกของทุกคนปักลวดลายต้นไผ่ในสีที่ต่างกัน มีสีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน...
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นแล้วประหลาดใจ นางได้ยินเสียงถังเจิ้นอวี่ดังขึ้นข้างหู “อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาเทียนหง ล้วนเป็ผู้ชื่นชอบดอกเหมยและต้นไผ่ ดังนั้น จึงจัดแบ่งระดับชั้นของอาจารย์และศิษย์ในสำนักศึกษาเทียนหงตามลักษณะของ ดอกเหมย ต้นไผ่ เหมย ไผ่ตามลำดับ...ดังนั้น ทุกระดับชั้นของอาจารย์และศิษย์ต่างเรียกตามชื่อของเหมยและไผ่ทั้งสิ้น
เขาหยุดไปอึดใจหนึ่ง “ระดับชั้นของศิษย์ทั้งหมดมี 9 ขั้น ไผ่แดง ขั้นแปด ไผ่ส้ม ขั้นเจ็ด ไผ่เหลือง ขั้นหก ไผ่เขียว ขั้นห้า ไผ่ฟ้า ขั้นสี่ ไผ่น้ำเงิน ขั้นสาม ไผ่ม่วง ขั้นสอง และขั้นหนึ่งไผ่ทอง! ระดับขั้นของอาจารย์มีทั้งหมด 6 ขั้น ได้แก่ ขั้นหก เหมยขาว ขั้นห้า เหมยชมพู ขั้นสี่ เหมยแดง ขั้นสาม เหมยแดงเืนก ขั้นสอง เหมยเขียวขาว ขั้นหนึ่ง เหมยทอง...”
เขาเปลี่ยนน้ำเสียง “ศิษย์พี่ฉินท่านนี้ หน้าอกของเขาปักลวดลายไผ่ม่วง ควรจะเป็ขั้นสาม ไผ่ม่วง!”
เฟิ่งเฉี่ยนลอบพยักหน้ากับตัวเอง เบื้องหน้าสายตานางปรากฏให้เห็นตัวอักษรสีฟ้าแถวหนึ่ง...
ฉินมู่ชวน พลังการสู้รบ 720 พลังชีวิต 700!
ตัวอักษรนั้นปรากฏขึ้นผ่านสายตาของนางไป ดูท่าแล้วเขาน่าจะเพิ่งก้าวข้ามขั้นมาเป็ เทพยุทธ์ในขั้นเจ็ดได้ไม่นานนัก ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับศิษย์คนอื่นๆ ในสำนักศึกษาแล้ว เขาเป็ยอดฝีมือคนหนึ่งของที่นี่จริงๆ
ฉินมู่ชวนเดินเข้ามาใกล้ เห็นน้องชายของตนถูกเฟิ่งเฉี่ยนเหยียบเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า ใบหน้าคมสันนั้นเคร่งลงทันที ดวงตาเปี่ยมโทสะสาดมาทางเฟิ่งเฉี่ยน “บังอาจ! เ้าถึงกับกล้าเข้ามาก่อเื่ทะเลาะวิวาทถึงสำนักศึกษาเทียนหง? เ้ารู้กฎระเบียบของสำนักศึกษาเทียนหงหรือไม่? สำนักศึกษาห้ามมิให้ทะเลาะวิวาท หากฝ่าฝืนกฎระเบียบจะลงโทษสถานหนักโดยไม่ละเว้น!”
สายตาเ็าของเขามองประเมินเฟิ่งเฉี่ยนขึ้นๆ ลงๆ แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ข้าดูเ้าแล้วน่าจะไม่ใช่ศิษย์ของสำนักศึกษา การลงโทษให้งดเว้นไป...”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วสั่งการเสียงเฉียบขาด “เด็กๆ ส่งนางออกไปจากสำนักศึกษา!”
“ขอรับ ศิษย์พี่ฉิน”
ศิษย์น้องสองคนที่อยู่ด้านหลังรับคำ คิดจะก้าวเข้ามาจับคน
“ช้าก่อน!” เฟิ่งเฉี่ยนยกกระทะชี้ไปที่คนทั้งสอง ขวางไม่ให้พวกเขาก้าวเข้ามา ทั้งยังพูดอีกว่า “ดวงตาข้างไหนของพวกเ้าที่เห็นว่าข้าทะเลาะวิวาท”
ฉินมู่ชวนตะลึงงัน ได้ยินนางพูดต่อ “ข้าก็แค่เห็นอากาศดีจึงหยิบเอากระทะออกมาตากแดดสักหน่อย เห็นว่าข้างในมีหยดน้ำหลงเหลืออยู่จึงสะบัดไปมา ใครเลยจะรู้ว่าน้องชายของเ้าจะโผล่เข้ามาอย่างกะทันหัน ซ้ำยังโชคร้ายเดินเข้ามาชนกระทะของข้า นี่ไม่เรียกว่าถือโคมไฟไปห้องเวจ...หาอุจจาระหรือ?”
พรืด! ฮ่าๆๆ...
ถังเจิ้นอวี่สองพี่น้องหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่
ถือโคมไฟไปห้องเวจ...หาอุจจาระ?
ให้ตาย นี่มันช่างรับไม่ได้จริงๆ!
เฟิ่งเฉี่ยนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น นางพูดอีกว่า “บอกว่าข้าทะเลาะวิวาท? นี่ก็ใส่ร้ายป้ายสี! สตรีบอบบางเช่นข้าที่อ่อนแอกระทั่งไม่มีเรี่ยวแรงจะฆ่าไก่ จะทะเลาะตบตีได้อย่างไรกัน นี่มันเบาปัญญาเกินไป!”
เ้ายังอ่อนแอ?
เ้ายังไร้เรี่ยวแรงจะฆ่าไก่?
ทุกคนพากันหัวเราะ
“หากเ้าไม่เชื่อละก็ ถามพวกเขาได้” พูดแล้ว นางก็ช้อนตาขึ้นกวาดไปรอบๆ ด้วยสีหน้าของผู้บริสุทธิ์ “ทุกคนเป็พยานได้ เมื่อสักครู่ข้าได้ทะเลาะวิวาทหรือไม่? พวกเ้าบอกมา เมื่อสักครู่คุณชายโจวท่านนี้เดินเข้ามาชนกระทะของข้าเองใช่หรือไม่?”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน พวกเขาเพิ่งจะเคยเห็นคนลืมตาพูดปดได้อย่างไม่สะทกสะท้านเป็ครั้งแรก แต่โจวทง เ้าอันธพาลคนนี้ช่างเป็คนน่าชังจริงๆ แซงแถวไม่ว่า ซ้ำยังล่วงเกินแม่นางน้อยต่อหน้าทุกคน เขาเป็ที่รังเกียจของทุกคนมานานแล้ว
ท่ามกลางกลุ่มคนไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมาเป็คนแรก “ถูกต้อง เขาเดินเข้าไปชนเอง แม่นางท่านนี้ไม่ได้ลงมือทุบตีเขา”
ต่อมาคนที่สอง คนที่สามจึงดังขึ้น
“ทะเลาะวิวาทอันใดกัน? พวกเราไม่เห็น!”
“เป็อุบัติเหตุโดยแท้ พวกเราล้วนเป็พยานได้”
“...”
ต่างคนต่างผลัดกันพูด
ถังเจิ้นอวี่สองพี่น้องสบตากันด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
พวกเขานับถือแม่นางเฟิงจริงๆ!
ดำก็พูดให้กลายเป็ขาวได้!
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย นางอ่านขาดแต่แรกแล้วว่าทุกคนต่างเอือมระอากับพฤติกรรมของโจวทงมานานแล้ว ดังนั้นจึงจงใจปลุกระดมให้ทุกคนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านโจวทง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้