ในขณะที่กำลังมีความสุข จู่ๆ เกิดภาพเหตุการณ์ขึ้นในหัวของซูอิน
ตอนนั้นคือ่เวลาพัก นักเรียนมัธยมต้นทั้งหมดของโรงเรียนทดลองได้มารวมตัวกันที่สนามหน้าตึกเรียน เสียงเพลงดังออกมาจากลำโพงว่า “ะโออกกำลังกาย” นักเรียนชายและหญิงพากันะโอย่างเป็ระเบียบ เธอะโไปพร้อมกับคนอื่นๆ เช่นกัน
ยกแขน ะโขึ้นลง หลังจากเคลื่อนไหว จู่ๆ เอวกระโปรงของเธอก็คลายออก กระโปรงสีกรมท่าหลุดเลื่อนลงไปที่ขาจนลงไปกองกับพื้น
นักเรียนมัธยมต้นทั้งหมดและคุณครูทุกคนเห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น
แต่เดิมเนื่องจากข้ามภพมาเกิดอย่างกะทันหัน ทำให้เธออยู่ภายใต้แรงกดดันมากมายในใจ รู้สึกราวกับตนเองพังทลาย การที่กระโปรงของเธอหลุดในครั้งนั้นถือเป็ฟางเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ ั้แ่นั้นมาเธอก็เดินก้มหน้าตลอดเมื่ออยู่ในโรงเรียน ไม่เงยขึ้นมาเลย
ซูอินลูบเอวกระโปรง บริเวณยางยืดมีช่องขนาดใหญ่ราวๆ นิ้วหัวแม่มือ เมื่อเปิดดูข้างใน พบว่ายางยืดเหลือเพียงเส้นไหมที่เชื่อมอยู่สองสามเส้น
ปลายด้ายจำนวนมากแตกออก โดยมีลักษณะไม่ปกติเอามากๆ มองแวบแรกเหมือนกับว่ามันแค่ยืดออกตามกาลเวลา แต่หากสังเกตอย่างถี่ถ้วนจะพบว่ารอยแตกทั้งหมดเป็เส้นตรง รอยตัดสม่ำเสมอ เห็นได้ชัดว่ามีคนจงใจตัดมัน
ที่แท้การที่กระโปรงหลุดไม่ใช่เป็แค่ความบังเอิญ แต่มีคนทำ
หลิงเมิ่ง…
พลันนั้นซูอินนึกถึงชื่อนี้เป็ชื่อแรก เธอมองไปที่พื้นตรงรอยต่อระหว่างกระเบื้อง เธอเห็นเส้นด้ายที่ถูกตัด
ตอนนี้เธอมั่นใจว่า อีกฝ่ายจงใจ
เมื่อเผชิญกับแสงยามเช้า ซูอินหรี่ตาและเริ่มหาวิธีจัดการกับมัน
บอกพ่อกับแม่ ความคิดนี้ถูกปัดทิ้งทันทีที่นึกได้ ตอนที่กินข้าวเช้า ท่าทีของอู๋อู๋หันไปให้ความสนใจหลิงเมิ่ง และหลิงจื้อเฉิงก็เชื่อฟังอู๋อู๋มาตลอด พูดไปก็เสียเวลาเปล่า เธออาจจบลงด้วยเื่ราวยุ่งเหยิง
แต่เธอก็ไม่สามารถปล่อยผ่านเื่นี้
ทำอย่างไรดี
ทันใดนั้นซูอินก็จำอีกเื่หนึ่งที่เกิดขึ้นในชาติก่อนได้ เธอพยักหน้าเงียบๆ แสร้งทำเป็ไม่มีอะไรก่อนจะหยิบเสื้อผ้ากลับห้อง
ประตูห้องถูกลงกลอน ก่อนที่เธอจะเริ่มค้นหาสิ่งของในตู้ ไม่นานเธอก็พบด้ายหลอดเล็ก
หลิงจื้อเฉิงมีเพื่อนที่เปิดโรงงานเย็บปักถักร้อย ในโรงงานของพวกเขามีเส้นด้ายชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “เส้นด้ายละลายน้ำ” หากอยู่ในสภาพแห้งก็แทบไม่ต่างจากเส้นด้ายทั่วไป แต่หากโดนน้ำในอุณหภูมิที่เกินยี่สิบองศาก็จะละลายอย่างรวดเร็ว
เธอตัดเส้นด้ายที่เชื่อมอยู่เพียงสองสามเส้นนั้น ยางยืดขาดเป็สองท่อน หลังจากร้อยด้ายแล้วเธอจึงเย็บมันเข้าด้วยกันอีกครั้งอย่างประณีต ก่อนจะลองดึงยางยืด จากนั้นเย็บซ่อมในจุดอื่น มองผ่านช่องขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือก็แทบจะไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ เธอก็ใช้มือสองข้างดึงเพื่อให้มั่นใจว่ายางยืดนั้นมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ต่างอะไรกับชุดนักเรียนปกติ
เธอมีชุดนักเรียนสองชุดเพื่อให้ง่ายต่อการซักเปลี่ยน เธอพับกระโปรงที่ถูกแก้ไปสองครั้ง เก็บไว้กับอีกชุดหนึ่งที่อยู่ในตู้ซึ่งเป็ตัวที่เธอจะใส่
ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็มีเสียงเคาะประตู
มาแล้ว ซูอินรู้สึกตื่นเต้น
เมื่อเปิดประตูก็พบว่าหลิงเมิ่งกำลังยืนอยู่หน้าประตู ในมือถือน้ำผลไม้ มองเธอด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง
“พี่คะ วันนี้ฉันไปเรียนวันแรก ไม่มีชุดนักเรียน ได้ยินคุณแม่บอกว่าพี่มีชุดนักเรียนสองชุด ฉันขอยืมได้ไหมคะ”
เดิมทีหลิงเมิ่งตั้งใจจะสวมชุดที่ซื้อมาใหม่เมื่อวานไปโรงเรียน แต่เมื่อครู่บนโต๊ะอาหารเพิ่งจะมีการถามถึงเื่ชุดนักเรียน ได้ยินอู๋อู๋บอกว่ามีชุดนักเรียนสองชุด ในใจเธอก็เกิดความคิดทันที ไม่ผิดหรอกที่เธอจะไม่ได้นึกถึงในจุดนี้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้บ้านของเหล่านักเรียนมัธยมนอกเมืองไม่ดีเท่ากับนักเรียนในเมือง ชุดนักเรียนจึงมีเพียงเสื้อแขนยาวหนึ่งตัวและกางเกงขายาวหนึ่งตัว
หากซูอินสังเกตเห็นและเปลี่ยนเป็อีกชุดหนึ่งจะทำอย่างไร เพื่อความปลอดภัยหลิงเมิ่งจึงตัดสินใจยืมชุดนักเรียนอีกชุดหนึ่งของเธอ
ซูอินพอใจมาก ในเวลานี้เธอข่มอารมณ์โดยไม่ได้ตอบรับทันที
“วันนี้เป็วันที่เธอรายงานตัววันแรก ไม่มีชุดนักเรียนถือว่าเป็เื่ปกติ”
หลิงเมิ่งนำน้ำผลไม้ใส่ในมือเธอ สีหน้าจริงจัง “วันนี้ฉันรายงานตัววันแรก ไม่อยากเป็จุดเด่นเกินไป ยังไงก็ตาม หากสามารถยืมได้ก็จะได้ไม่ต้องทำผิดกฎโรงเรียน พี่คะ อนุญาตให้ฉันยืมไม่ได้หรือคะ”
เธอถูกน้ำเสียงออดอ้อนทำให้ใจอ่อน ซูอินถอนหายใจ
“ตกลง”
เธอหันไปหยิบอีกชุดหนึ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้า “รับไปสิ”
หลิงเมิ่งรับมาด้วยท่าทีดีใจ ก่อนจะวิ่งกลับเข้าห้องนอนของตนเองที่อยู่ชั้นบน เธอพลิกดู ขั้วต่อยางยืดไม่ถูกตัดออก น่าจะไม่ใช่ชุดเดียวกัน แต่ทว่าก็ยังไม่วางใจ เธอดึงยางยืดออกแรงๆ เมื่อแน่ใจว่ามันไม่ขาดก็โล่งใจ
เธอมองเสื้อผ้าสวยที่วางอยู่บนเตียง หากจะเล่นละครก็ต้องเล่นให้สุด จากนั้นจึงเปลี่ยนชุด
เพื่อไปส่งหลิงเมิ่งที่โรงเรียน หลิงจื้อเฉิงขับรถเมอร์เซเดสเบนซ์ที่จอดไว้ที่บริษัทกลับมา
ก่อนหน้านี้ซูอินได้นั่งรถระดับไฮเอนด์มาตลอดนี่นา…โลโก้รถรูปสามแฉกส่องประกายแวววับ ขจัดความรู้สึกผิดครั้งสุดท้ายในใจของหลิงเมิ่ง
อู๋อู๋มองเสื้อผ้าของบุตรสาวด้วยความงุนงง แต่หลังจากที่ได้ยินคำอธิบายถึงสาเหตุในใจของอีกฝ่ายจึงได้เข้าใจ
“รอให้รายงานตัวเสร็จ เดี๋ยวแม่จะซื้อชุดนักเรียนให้ใหม่”
ขณะสตาร์ตรถ สองสามีภรรยาตระกูลหลิงนั่งอยู่แถวแรก ซูอินและหลิงเมิ่งนั่งอยู่แถวหลัง เมื่อพูดจบ หลิงเมิ่งรีบโถมตัวไปด้านหน้าและทำหน้าตาออดอ้อนใส่อู๋อู๋ทันที
“เหลือแค่สองสัปดาห์ก็จะถึงวันสอบเข้ามัธยมปลาย ซื้อมาก็ใส่ได้แป๊บเดียว หนูยืมของพี่ใส่ก็ได้ค่ะ คุณพ่อคุณแม่หาเงินมาอย่างยากลำบาก หนูไม่อยากฟุ่มเฟือย”
ไม่ใช่แค่อู๋อู๋ แม้แต่หลิงจื้อเฉิงเองก็พอใจ ประหยัดมัธยัสถ์ ในข้อนี้ถือเป็สิ่งที่ดี
มีเพียงซูอินที่ก้มหน้า ดวงตาของเธอฉายแววเย้ยหยัน มาเอาเสื้อผ้าที่เธอเอาไว้ซักเปลี่ยนในแต่ละวันไปใส่ คนเหล่านี้เคยถามความคิดเห็นจากเธอบ้างไหม ช่างเถอะ อย่างไรเสียเครื่องแบบนักเรียนก็ใช้เงินของตระกูลหลิงซื้อมา เธอไม่คิดจะสนใจเื่นี้ หวังแค่ว่าหากเกิดเื่ราวต่อจากนี้ หลิงเมิ่งจะยังยืนหยัดอยู่กับหลักการนี้หรือไม่
บ้านของตระกูลหลิงอยู่ในชุมชนเล็กๆ ใกล้โรงเรียน ออกจากชุมชนตรงไปเรื่อยๆ จากนั้นเลี้ยวแล้วก็ถึง สองสามีพูดคุยกันครู่เดียว รถเมอร์เซเดสเบนซ์ก็มาถึงหน้าประตูโรงเรียน
ในเมืองระดับสามระดับสี่เช่นนี้ รถเมอร์เซเดสเบนซ์จึงถือว่าเป็รถที่หรูมาก เมื่อรถจอดอยู่หน้าประตูโรงเรียน ก็เรียกความสนใจให้คนหันมามองได้มากทีเดียว ครั้นซูอินผู้เป็ดั่งบุคคลสำคัญใน่เวลานี้ลงจากรถ เื่นี้ก็แพร่สะพัดไปในโรงเรียนอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
หลิงเมิ่งผู้ชอบตกเป็ที่สนใจกำลังอาบแสงแดดยามเช้า เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก สบตาผู้คนที่จับจ้องมาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่ง
คุณพ่อของฉันน่ะ ขับเบนซ์เชียวนะ…
ที่ปรึกษาซุนซึ่งมาถึงโรงเรียนั้แ่เช้าได้มาต้อนรับคนจากตระกูลหลิงทั้งสามคนเพื่อนำไปยังอาคารสำนักงาน และเป็คนแนะนำหลิงเมิ่งให้กับอาจารย์ที่ปรึกษาห้องมัธยมศึกษาปีที่ 3 ห้อง 1 หลี่อวี้จือได้รู้จักด้วยตนเอง
แต่ซูอินนั้นแยกไปยังอาคารเรียนคนเดียว โดยไม่รออยู่หน้าห้องเรียนด้วยซ้ำ เธอได้รับความสนใจจากเพื่อนร่วมชั้นจำนวนมาก เธอเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว แววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและสงสัยใคร่รู้มองมา โดยเฉพาะแววตาที่ไม่เป็มิตร ในเวลานี้เธอเริ่มรู้สึกทนไม่ไหว
จิตใต้สำนึกบอกให้เธอทำตัวเป็เพียงนกหลังค่อมอีกครั้ง แต่เพียงครู่เดียวเธอก็นึกได้ว่าตนเองไม่ควรเดินตามเส้นทางเก่าเหมือนในชาติก่อน เธอพยายามบังคับหลังของตนเองให้ตั้งตรง ต้อนรับสายตาเ่าั้ที่มองมา
จะว่าไปแล้วก็แปลก เดิมที่เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาด้วยความระมัดระวัง คนเหล่านี้มองสำรวจเธออย่างละเอียด ตอนนี้ที่เธอเงยหน้าและยืดอก สายตาเ่าั้จึงหลบไปบ้าง เมื่อกวาดตามอง ก็พบว่าบางคนยิ้มให้เธออย่างเป็มิตร
ซูอินได้รับขวัญและกำลังใจ ทำให้เธอก้าวเดินอย่างเป็ธรรมชาติมากขึ้น เมื่อเดินมาถึงห้องเรียนเธอก็กล้ามองเพื่อนร่วมชั้นเหล่านี้ตรงๆ
ความประหลาดใจและท่าทีไม่เป็มิตรยังคงอยู่เช่นเดิม ซูอินกวาดสายตามองเพื่อนร่วมห้องทั้งหมด ก่อนจะหยุดที่นักเรียนชายคนหนึ่ง เธอจำได้ดีว่าคนคนนี้เมื่อชาติก่อนเคยรังแกเธอ
ค่อยเป็ค่อยไปก็แล้วกัน
การที่หลิงเมิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทำให้ใช้เวลาพอสมควร ในเวลานี้นักเรียนทั้งหมดในห้องมาถึงแล้ว นอกจากที่นั่งด้านหลังสุดที่ว่างอยู่ ที่เหลือตรงกลางแถวสามก็ว่างเช่นกัน ซูอินนึกขึ้นได้พอดี เพราะที่ตรงนั้นคือที่นั่งของเธอ
เพิ่งนั่งลงยังไม่ทันจะเก็บกระเป๋าก็มีคนเข้ามาห้อมล้อม โชคดีที่เสียงออดสำหรับอ่านหนังสือตอนเช้าดังขึ้นทันเวลาเพื่อช่วยเธอออกจากกองเพลิงนี้
เมื่อหยิบหนังสือภาษาอังกฤษขึ้นมา ซูอินจึงเริ่มอ่านหนังสือยามเช้า เสียงอ่านตำราผลักสายตาที่มองมาด้วยความประหลาดใจเ่าั้ออกไป ทำให้เธอโล่งอก
ตอนที่อ่านหนังสือยามเช้าไปได้สองในสาม คุณครูที่ปรึกษาก็พาหลิงเมิ่งเข้ามาในห้องเรียน