ลั่วต้าเซิงถูกผู้ใหญ่บ้านตวาดจนดึงสติกลับมาได้ เขาหันมองยายเฒ่าลั่วที่ปิดปากเงียบสนิทและพยายามดิ้นรนให้หลุดจากเ้าทึ่มจ้าว
เขาคลานไปหน้ายายเฒ่าลั่วอย่างทุลักทุเล “ท่านแม่ ท่านบอกความจริงไปสิ! หรือท่านอยากให้ลูกไปตาย! ถึงอย่างไรลั่วชีเหนียงก็ไม่ใช่คนในครอบครัวเรา ท่านพูดประวัติของนางออกมาแล้วจะอย่างไร? นางจะตามหาครอบครัวเจอหรือ?”
ไม่ง่ายดายกว่าลั่วต้าเซิงจะหลักแหลมสักครั้ง นับั้แ่เด็ก เขาไม่เล่าเรียนฝึกฝนวรยุทธ์และใช้ชีวิตเสเพลไปวันๆ เมื่อไม่มีเงินก็แบมือขอยายเฒ่าลั่ว
ในอดีตลั่วต้าเซิงมักจะสงสัยว่าเหตุใดในมือของท่านแม่มักจะมีเงินเสมอ ต่อมายายเฒ่าลั่วอารมณ์ดีและเคยเปิดเผยกับเขาว่ามีคนให้นาง
ตอนนี้จู่ๆ สมองของลั่วต้าเซิงก็ทำงาน จึงโพล่งเื่ต้นกำเนิดของลั่วชีเหนียงออกมา
“ท่านแม่ ถึงอย่างไรคนกลุ่มนั้นก็ไม่อยู่ ท่านจะกลัวอะไร?” เขากระซิบข้างหูยายเฒ่าลั่ว “ตอนนี้เราผ่านด่านยากตรงหน้าให้ได้ก่อน อย่างมากเราก็แค่หนีเมื่อถึงเวลานั้น”
ยายเฒ่าลั่วได้ยินลูกชายกล่าวเช่นนี้ จริงสิ! ไฉนตนจึงคิดไม่ได้ ต้นกำเนิดของลั่วชีเหนียงเหมือนดั่งชนวนไฟ ที่ไม่อาจรู้ได้ว่าจะปะทุขึ้นเมื่อใด แต่คนเ่าั้บอกเพียงว่าไม่ให้ทำดีกับลั่วชีเหนียงเกินไป อย่างอื่นกลับไม่ได้กำชับอะไรไว้
ถึงแม้พวกเขาจะสารภาพออกไปตอนนี้ หากเมื่อถึงเวลานั้นค่อยเปลี่ยนชื่อแซ่และไปหลบซ่อนที่อื่น ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีทางรอด
พอนึกถึงการแต่งกายที่ร่ำรวยของคนเ่าั้ ยายเฒ่าลั่วก็รับรู้ได้อย่างลึกซึ้งว่าหากตนสารภาพเื่ราวที่รู้ออกไป ก็คงไม่อาจรักษาชีวิตตนและลูกชายได้ แต่หากไม่สารภาพก็คงยากจะผ่านพ้นไปได้เช่นกัน
“ตกลง ข้าพูด” ยายเฒ่าลั่วลุกขึ้นจากพื้น “เ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของข้าจริง ทว่าก็ไม่ใช่เด็กที่ข้าซื้อมาเช่นกัน”
“ตอนนั้นพ่อของต้าเซิงเพิ่งจากไป เดิมทีข้าคิดจะไปขอพึ่งพาครอบครัวข้า แต่ใครจะรู้ว่าคนในตระกูลข้ากลับใจร้าย พวกเขาไม่ยอมรับแม่ม่ายลูกกำพร้าอย่างเรา ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บหิมะตก เราสองแม่ลูกถูกขับไสไล่ส่งออกมา ไม่ง่ายดายกว่าจะกลับมาถึงบ้าน แต่กลับขาดแคลนเสื้อผ้าอาหาร”
“ข้าเป็ผู้ใหญ่ยังไม่เท่าไหร่ น่าสงสารก็แต่ต้าเซิงที่เอาแต่ร้องไห้ ข้าที่เป็แม่ก็เ็ปหัวใจ! ช่างลำบากนัก!”
เมื่อเล่าถึงชีวิตลำบากแสนเข็ญใน่เวลานั้น ไม่ต้องให้ผู้อื่นพูดสิ่งใด ยายเฒ่าลั่วก็เช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลออกมา
......
จากการบอกเล่าของยายเฒ่าลั่ว นางเก็บลั่วชีเหนียงที่ใกล้จะหนาวตายในวันที่หิมะตก ด้วยนิสัยของนางเดิมทีไม่คิดจะสนใจ แต่เมื่อนึกถึงลูกที่บ้าน นางจึงเก็บลั่วชีเหนียงกลับมา เพียงแต่ว่า นางอุ้มลั่วชีเหนียงไปยังวัดเฉิงเอิน
ต่อมานางรู้สึกว่าภายภาคหน้าลูกชายของตนอาจจะไม่มีภรรยา จึงแอบไปอุ้มลั่วชีเหนียงกลับมาอีก แล้วบอกว่านางคือลูกที่สามีทิ้งไว้ให้ก่อนตาย
เื่ราวเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ลั่วชีเหนียงรู้สึกผิดปกติ วัดเฉิงเอินเจอเด็กทารกถูกทิ้ง ต่อมาเด็กหายไป แล้วจะปล่อยผ่านเช่นนี้หรือ? แล้วในเมื่อ้าให้เป็คู่แต่งงานวัยเด็กของลั่วต้าเซิง แต่กลับให้นางมีสถานะเป็ลูกของสามีที่ทิ้งไว้ก่อนตาย? แล้วเหตุใดตอนที่ลั่วต้าเซิงจะทำให้นางมีมลทิน ยายเฒ่าลั่วกลับคัดค้านลั่วต้าเซิงอย่างสิ้นเชิง?
เพียงแต่ชัดเจนว่าวิธีการพูดของยายเฒ่าลั่วโน้มน้าวทุกคนได้ นางจึงไม่อาจสืบความยาวสาวความยืดได้
“เช่นนั้นตอนที่ท่านเก็บข้ามามีของติดตัวอะไรหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามจากนาง ยายเฒ่าลั่วก็กุมหน้าอกทันใด “ไม่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น!”
สือต้าหนิวเห็นท่าทางของนางก็รู้ว่านี่ต้องเป็ของมีมูลค่า
เขาช้อนตามองท่าทางโศกเศร้าแทบขาดใจของลั่วชีเหนียง ย่อมรู้ว่าใจของเด็กคนนี้คงอยากตามหาครอบครัว คนหมู่บ้านชิงเหอซื่อตรงจริงใจมาแต่ไหนแต่ไร ใครจะรู้ว่าดันมีครอบครัวไม่ปกติอย่างลั่วต้าเซิง
เดาว่าตอนนั้นยายเฒ่าลั่ว นอกจากคิดเก็บลั่วชีเหนียงไว้เป็คู่แต่งงานวัยเด็กให้ลั่วต้าเซิงแล้ว เกรงว่าคงเพราะลั่วชีเหนียงมีสมบัติมีค่าติดตัวในตอนนั้น พอนางเห็นแล้วตาจึงลุกวาวจนเกิดความคิดแอบขโมยเด็กมาจากวัดเฉิงเอินก็เป็ได้
“นางจ้าว! ขืนเ้ายังเลอะเลือนไม่แยกแยะ อย่าโทษข้าที่หมู่บ้านชิงเหอจะไม่มีที่สำหรับเ้า! ตอนนี้ชีเหนียงคือเ้าทุกข์ หากนางขุดค้นต่อไป เ้าไม่ลองคิดไตร่ตรองเพื่อต้าเซิงบ้างเล่า ชื่อเสียงของเขาไม่ดีและร่างกายไม่สมบูรณ์ วันข้างหน้าจะมีครอบครัวใดยินยอมยกลูกสาวให้เขา?
เื่แต่งงานยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง กลัวเพียงว่าวันข้างหน้าจะต้องอยู่ในคุก หากเ้ายืนกรานจะให้เป็เช่นนี้ ต่อไปหมู่บ้านชิงเหอของเราก็จะไม่มีที่ให้สกุลลั่วอย่างพวกเ้า เพราะถึงอย่างไรข้าเองก็ต้องคิดเผื่อคนในหมู่บ้าน ไม่อาจปล่อยให้หมู่บ้านชิงเหอเรามีชื่อเสียงเื่ลักพาตัวคน”
นางจ้าวหรือก็คือยายเฒ่าลั่ว สือต้าหนิวเรียกเช่นนี้เพื่อสื่อว่าหากนางยังไม่ให้ความร่วมมือ หมู่บ้านชิงเหอก็จะไม่มีพื้นที่สำหรับพวกนางแม่ลูกในภายภาคหน้า
“ท่านแม่!” ลั่วต้าเซิงกระตุกแขนเสื้อของยายเฒ่าลั่วและะโ ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาคิดคือการขับไล่พวกลั่วชีเหนียงไป “เราเก็บของสกปรกไว้ทำไม หรือท่านอยากถูกพวกเขาย้อนกัดในภายหลังหรือ?”
พวกเขาที่ลั่วต้าเซิงกล่าวถึงย่อมไม่ใช่ลั่วชีเหนียง หากแต่เป็คนที่สั่งการมารดาของเขาเื้ั
พอลูกชายพูดเช่นนี้ ยายเฒ่าลั่วย้อนนึกถึงตอนที่คนเ่าั้มาคุยกับนาง ตอนนั้นทั้งเสื้อผ้าและของในผ้าห่อตัวถูกนำออกไปหมด หากแต่นางละโมบจึงแอบเก็บสร้อยไว้เงียบๆ สร้อยเส้นนั้นสวยงามประณีต ตัวจี้เป็ดอกบัว เห็นเพียงแวบเดียว นางก็ไม่อาจละสายตาไปได้
ต่อมาชีวิตของครอบครัวดีขึ้น นางเองก็ชอบสร้อยเส้นนี้ จึงไม่ได้นำมันไปแลกเปลี่ยนเป็เงิน
นางนึกเสียดายสร้อยเส้นนั้นจึงไม่อยากนำออกมา
ความคิดของยายเฒ่าลั่ว มีหรือชีเหนียงจะไม่รู้
หญิงชราคนนี้อยากของของตนเองอย่างชัดเจน
“ผู้ใหญ่บ้าน เดิมทีของสิ่งนี้ข้าไม่ควรเอา เพราะถึงอย่างไรนางจ้าวก็มีบุญคุณกับข้า ตอนนั้นหากไม่ใช่นางข้าคงตายไปนานแล้ว” ขณะพูด นางหยุดชะงักและมองไปยังฝูงชนที่สงสัยใคร่รู้แล้วกล่าว “แน่นอนว่า บุญคุณเ่าั้ลั่วชีเหนียงได้ตอบแทนไปหมดแล้ว เดาว่าชีวิตในบ้านของลั่วชีเหนียงเป็เช่นไรบ้าง พวกท่านเองก็รู้ดี ตอนนี้ข้าเองไม่ขอสิ่งอื่นใด…”
ขณะพูด นางก็มองยายเฒ่าลั่ว “ของที่เกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดของข้า อย่างไรก็ควรคืนให้ข้า แม้ว่าข้าจะรู้ว่าการตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงยากยิ่งกว่าขึ้น์ แต่หากมีของชิ้นนี้อยู่กับตัว ก็ถือว่าเป็ของที่ระลึกถึงได้”
ยายเฒ่าลั่วมองดูขอบตาแดงบวมของนาง พลันแอบด่าในใจ เสแสร้ง
ทว่า นางไม่มีทางนำของออกมาง่ายดาย
ลูกชายพูดถูก เกิดวันใดคนเ่าั้แว้งกัด พวกนางคงรับไม่ไหว
“ข้าจะมอบของให้เ้า แต่ข้าจะให้เ้ารับรองว่า หลังจากเื่วันนี้ผ่านไป เ้ากับพวกข้าสองคนไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันอีก วันหน้าห้ามนำเื่ต้นกำเนิดมาหาเื่พวกข้า”
ยายเฒ่าลั่วมองนางอย่างมีชัย ไม่ว่าลั่วชีเหนียงจะรับปากหรือไม่ แต่นางคือผู้ได้ผลประโยชน์ หากรับปากก็เท่ากับว่า เื่ราวยุ่งยากเหล่านี้จะไม่เกี่ยวกับนางอีกในวันข้างหน้า แต่หากไม่รับปาก นางจะนำของสิ่งนี้ไปขายทันที!
ลั่วชีเหนียงมีหรือจะไม่ทราบความคิดนาง จึงร่างสัญญาเพื่อตัดขาดความสัมพันธ์กับยายเฒ่าลั่วอย่างสิ้นเชิงทันที
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้