หลิวเยว่ไม่คิดว่ากู้หนานเฟิงจะบอกเื่นี้กับนางโดยตรง ไม่ใช่ว่านางไม่รู้ถึงความรู้สึกของกู้หนานเฟิงที่มีต่อนาง แต่นางคือเจินลิ่วซีอดีตสตรีของอวิ๋นซู่ และเจินลิ่วซีก็คือลูกสาวของแม่ทัพเจิน ไม่ว่ากู้หนานเฟิงจะดีสักเพียงใด ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะอยู่ด้วยกันได้ นางเป็คนเด็ดขาด โดยเฉพาะด้านความรู้สึกและจะไม่ต่อความยาวสาวความยืด
ขณะที่กำลังจะปฏิเสธ นางยังไม่ทันเอ่ยปาก กู้หนานเฟิงก็ดูเหมือนจะคาดเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงชิงพูดก่อนนางไปก้าวหนึ่ง
“ยังไม่ต้องตอบ ข้ารอได้”
เขาเปิดม่านออกแล้วออกไปบังคับรถม้าเอง
ในขณะที่รถม้ากำลังโคลงเคลง หลิวเยว่เอ่ยตอบอย่างหนักแน่นด้วยระดับเสียงที่เขาพอจะได้ยิน
“ข้าไม่จำเป็ต้องคิด และเ้าก็ไม่จำเป็ต้องรอ ข้าสามารถตอบเ้าตอนนี้ได้เลย เื่ของเ้ากับข้าย่อมไม่มีทางเป็ไปได้ ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเ้า อย่าเสียเวลากับข้าเลย เมื่อไรที่พวกเราไปถึงเมืองเทียนเฉิง พวกเราก็จะแยกทางกัน”
ทันทีที่นางพูดจบรถม้าก็หยุดลงกะทันหัน ด้วยความที่รถม้าวิ่งโคลงเคลงไปข้างหน้า เมื่อรถม้าหยุดกะทันหันจึงทำให้นางต้องเอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย ก่อนจะได้ยินเสียงของกู้หนานเฟิงที่อยู่เบื้องหน้า
“หลิวเยว่ เ้าเป็สตรีที่โเี้จริงๆ เ้าวางใจเถอะ ข้ากู้หนานเฟิง ไม่ใช่คนที่ตามตื๊อคนไม่เลิก อีกอย่างในเมืองเทียนเฉิงแห่งนี้ ข้าก็ไม่ได้มีเ้าเป็สตรีเพียงคนเดียว ดังนั้นเ้าไม่จำเป็ต้องหลีกเลี่ยงข้าเหมือนงูหรือแมงป่อง พรุ่งนี้กลับตระกูลเฟิงกับข้า เมื่อก่อนเป็อย่างไร ต่อไปก็จะยังคงเป็เช่นนั้น”
“หากยังไม่เจอที่ที่ดีกว่า เ้าก็อยู่ที่ตระกูลเฟิงต่อไป อย่าได้ไปไหน”
“กู้หนานเฟิง…” นางนึกไม่ถึงว่ากู้หนานเฟิงจะหนักแน่นเช่นนี้
กู้หนานเฟิงเย้ยหยันตัวเองเสียงเบา
“ข้ารู้ ข้ารั้งเ้าไว้ไม่ได้”
ั้แ่วันแรกที่เขารู้จักหลิวเยว่ เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจรั้งนางไว้ได้ นางแตกต่างจากสตรีทุกคนที่เขาเคยรู้จักมา ภายนอกดูอ่อนโยนบอบบาง แม้ว่าอายุของนางจะยังเป็เพียงหญิงสาว แต่แววแสงในดวงตาของนางกลับสงบเยือกเย็น ความสงบและเยือกเย็นนี้คล้ายผ่านการสะสมมาตลอดหลายปี
ครั้งแรกที่เขาเห็นนาง เขาไม่มีความประทับใจอะไรเลย ต่อมาในกลางดึกคืนนั้น เขาพาหญิงคณิกาจากหอเฟยชุ่ยมา และบังเอิญเผชิญหน้ากับนาง ต่อให้เขาจะเจอสตรีมานักต่อนัก ก็ยังมีความอึดอัดใจเล็กน้อย แต่หลิวเยว่กับมองเขาอย่างเฉยชา
“เ้าเชิญต่อเถอะ”
ต่อมาเขาก็จดจำนางได้ กระทั่งหวั่นไหว คงจะเป็ตอนที่เขาพานางออกมาข้างนอก นอกโรงเตี๊ยมแห่งนั้น นางนั่งพิงกำแพงอยู่ข้างหญิงชราขอทานคนหนึ่ง นางสนทนากับขอทานชราคนนั้น ั์ตาของนางสงบนิ่ง แม้แต่กำแพงที่นางพิงอยู่ ยังรู้สึกว่ามันคือความเสื่อมโทรมที่สมบูรณ์แบบ
ในขณะนั้นพระอาทิตย์กำลังตกดิน หัวใจของเขาไม่เพียงแต่เต้นแรงเท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกอบอุ่นที่เติมเต็มความล้ำค่าในหัวใจของเขา
จากนั้น ระหว่างทางไปเมืองตั้งหยาง แม้ว่าจะเป็ขบวนเดินทางขนาดใหญ่ ทว่าการเดินทางนั้นยาวนานและยากลำบาก แต่นางกลับไม่บ่นสักคำ กระทั่งไม่รู้สึกถึงความรู้สึกใดๆ ในตัวของนางเลย จนกระทั่งต่อมาในเมืองตั้งหยาง หลังนางติดเชื้อโรคระบาด นางป่วยหนักจนร่างกายของนางเ็ปแทบทนไม่ได้ แต่นางก็ยังไม่บ่นแม้สักคำ ต่อให้เผชิญหน้ากับความตาย นางกลับนิ่งสงบอย่างคาดไม่ถึง
นางเป็แค่สตรีคนหนึ่ง ทำให้จิตใจที่ไม่มีหลักแหล่งของเขาคิดหาวิธีที่จะดูแลนางไปตลอดชีวิต เมื่อมีนางอยู่ข้างกาย เขาไม่เพียงรู้สึกอบอุ่น แต่ยังมีพลัง พลังเช่นนี้กลับทำให้คนรู้สึกสบายใจ
ทว่านางไม่มีเขาอยู่ในใจ เขารู้อยู่แล้ว แต่ว่า วันเวลายังอีกยาวไกลมิใช่หรือ?
ในที่สุดก็มาถึงเมืองเทียนเฉิงที่เจริญรุ่งเรือง ระหว่างสภาพหดหู่ในเมืองตั้งหยางกับที่นี่ ราวกับอยู่คนละโลก ระหว่างทางทุกคนที่เห็นต่างเข้ามาทักทายกู้หนานเฟิงและยกนิ้วโป้งให้เขา เขา เพราะไปลำบากอยู่ในเมืองตั้งหยาง ทำให้เขาได้เข้าไปประทับในส่วนลึกของจิตใจผู้คนไปแล้ว พ่อบ้านชรารออยู่หน้าประตูห้องโถงแต่เช้า ชะเง้อแลมองอย่างกระตือรือร้น เมื่อรถม้าเคลื่อนเข้ามา ร่างกายที่อ้วนท้วมของเขาก็เดินโซเซไปหากู้หนานเฟิง
“คุณชายเฟิง ท่านกลับมาแล้ว”
เขาเอื้อมมือออกไปช่วยกู้หนานเฟิง จากนั้นจึงเหลือบมองเหล่าสาวใช้ที่มองกู้หนานเฟิงไม่ขยับก่อนจะตำหนิ
“พวกเ้าจะยืนซื่อบื้ออยู่ทำไม รีบขนสัมภาระของคุณชายเข้าจวนสิ”
เหล่าสาวใช้ได้สติทันทีและยกสัมภาระของกู้หนานเฟิงลงจากรถม้า มีเพียงหลานอวี้เท่านั้นที่ยืนนิ่งมองกู้หนานเฟิงด้วยดวงตาแดงก่ำและบ่นพึมพำ
“คุณชายเฟิง โชคดีที่ท่านกลับมา พวกเขาต่างบอกว่าในเมืองตั้งหยางมีโรคระบาดรุนแรง และท่านก็ไม่กลับมาสักที พวกบ่าวพากันกังวลจนนอนไม่หลับทั้งคืน”
นาง้าแสดงความจริงใจออกมาอยู่ด้านข้าง ทว่านางคิดไม่ถึงว่ากู้หนานเฟิงจะไม่ได้ยินนางเลย เขากลับหันไปเปิดม่านและเอื้อมมือออก ยื่นเข้าไปพยุงหลิวเยว่ซึ่งอยู่ข้างใน
“ถึงบ้านแล้ว” เขาพูดคำสั้นๆ สามคำ แต่ก็ยากจะปฏิเสธ สายตาเขามองหลิวเยว่อย่างแน่วแน่ ความคิดของเขาก็ชัดเจนมาก นางจำเป็ต้องลงจากรถม้าและกลับเข้าไปในจวนพร้อมกับเขา
หลานอวี้เห็นกู้หนานเฟิงเป็เช่นนี้ จึงกระทืบเท้าเดินจากไปพลางร้องไห้ไป
หลิวเยว่ที่อยู่ในรถม้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่จับมือกู้หนานเฟิง แต่กลับะโออกจากรถด้วยตัวเอง
เมื่อพวกเขากลับมาถึงจวนจึงได้พักผ่อน จากนั้นข่าวในวังก็มาถึง เมื่อฮ่องเต้และพระสนมซินรู้ว่าพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย และชาวเมืองตั้งหยางต่างได้รับการช่วยเหลือจากพวกเขา ความสูญเสียในเมืองนั้นน้อยกว่าที่ฮ่องเต้คาดการณ์ไว้ เพื่อแสดงความขอบคุณที่พวกเขาช่วยเหลือชาวเมืองตั้งหยางให้รอดพ้นจากหายนะ ฮ่องเต้และพระสนมซินจึงจะมาที่จวนตระกูลเฟิงเพื่อกล่าวขอบคุณในเวลาอันใกล้นี้
ในขณะนั้นกู้หนานเฟิงกำลังนอนหลับฟื้นฟูร่างกายอยู่บนเตียง กงกงที่ถูกในวังส่งออกมาประกาศราชโองการก็ทำเสียงดังจนเขาตื่น และรับราชโองการไปด้วยความงุนงง เดิมทีเขายังอยากจะนอนต่อ แต่หลังจากได้ัักับราชโองการที่ทำจากผ้าไหมลื่นๆ เขาพลันมีสติขึ้นมาทันที
หลังจากทั้งตระกูลเฟิงได้รับข่าวนี้ต่างก็วุ่นวายกันหมด
“ช่างเป็บุญวาสนาจริงๆ ”
พ่อบ้านชราเริ่มจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมและให้ออกมาดีที่สุด
กู้หนานเฟิงรับราชโองการมา ฮ่องเต้จะเสด็จมาที่นี่? เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าต้องเป็บิดาของเขา อัครมหาเสนาบดีกู้ที่อาศัยเื่ในเมืองตั้งหยางมายกย่องความดีความชอบของเขาต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ กู้ซินผู้ซึ่งปรารถนาให้เขาเข้ารับราชการมาโดยตลอด ก็ได้เป่าหูฮ่องเต้อีกทาง ถึงได้มีเื่มาเยี่ยมที่ตระกูลเฟิงเช่นนี้
เขารู้ว่าตราบใดที่ฮ่องเต้ก้าวเข้ามาในตระกูลเฟิง เขาอาจจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระตามที่เขา้ามาตลอดได้อีกต่อไป
เขารับราชโองการและรีบไปที่ห้องของหลิวเยว่
“หลิวเยว่ เ้าว่าควรจะทำอย่างไรดี ฮ่องเต้กำลังจะเสด็จมา”
เพล้ง กล่องขนมในมือของหลิวเยว่หล่นลงพื้น แต่โชคดีที่เตี๋ยเย่มือไวรับขนมได้สองสามชิ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ทั้งหมด ส่วนที่เหลือล้วนตกลงไปที่พื้น
หลิวเยว่ระงับความตื่นตระหนกในใจของนาง ก่อนจะพูดอย่างใจเย็น
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้พ่อบ้านเตรียมตัวให้ดี”
กู้หนานเฟิงดูกังวลมาก เขาเดินไปมาในห้องของนางหลายรอบ
“หลิวเยว่ เ้าใจเย็นกว่าข้า ช่วยข้าคิดหน่อย”
“เ้าคิดจะขัดราชโองการหรือ?”
คำพูดของหลิวเยว่เป็เหมือนถังน้ำเย็นที่เทลงมา และทำให้เขาใจเย็นลง
เขาจะรู้ได้อย่างไร หลิวเยว่น่ะ กังวลมากกว่าเขาเสียอีก
หลังจากที่กู้หนานเฟิงออกไป เตี๋ยเย่ที่ติดตามนางกลับมายังเมืองเทียนเฉิงและเข้ามาในตระกูลเฟิง อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมา
“เ้าอยากไปจากเมืองเทียนเฉิงหรือไม่ ตราบใดที่เ้า้า ข้าสามารถช่วยพาเ้าออกจากเมืองเทียนเฉิงได้ตลอดเวลา”
หลิวเยว่ไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเื่ถาม
“แล้วเหย่เลี่ยเล่า? เขาอยู่ในเมืองเทียนเฉิงด้วยหรือไม่?”
“นายน้อยไม่ได้อยู่ในเมืองเทียนเฉิง”
เพราะสายตาที่หวาดระแวงของนาง หลิวเยว่จึงไม่ได้ถามต่อ แม้ว่านางจะ้าออกจากเมืองเทียนเฉิง ทว่าแคว้นเสวียนก็ไม่ใช่ทางเลือกของนาง