ซาเฉียนหลี่เป็ที่รู้จักในฐานะนักเวทอันดับหนึ่งของแคว้นจินหลาน เขาสามารถร่ายคาถาระดับสูงได้ และมีความเชี่ยวชาญเป็พิเศษในการรักษาอาการาเ็ที่เกิดจากการร่ายเวท
อันตรายที่เกิดจากการโต้พลังกลับของคำสาปแม่มดจากคาถาชำระล้างนั้นอันตรายมาก เพราะมันจะมุ่งเป้าส่งพลังไปที่ศีรษะของบุคคลที่ร่ายคาถานั้น ดังนั้นหากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
และเื่นี้ของเสวี่ยปิงหนิงทำให้หลัวเลี่ยเป็ทุกข์มากที่สุด
หลังจากตรวจสอบไปราวครึ่งชั่วโมง ซาเฉียนหลี่ก็ยังคงไม่หยุดร่ายเวท รัศมีของแสงโปรยลงมาที่ศีรษะของเสวี่ยปิงหนิง ในที่สุดก็ถึงเวลาตัดสินชะตาแล้ว
“ท่านราชครู” หลัวเลี่ยขาดความมั่นใจและเป็กังวลอย่างมาก
ซาเฉียนหลี่ยกยิ้ม “ตอนนี้ข้าสามารถบอกท่านอ๋องน้อยได้อย่างชัดเจนว่า ข้ามั่นใจอย่างแน่นอน”
หัวใจของหลัวเลี่ยกระตุกทันที “เช่นนั้นรบกวนท่านราชครูแล้ว”
“ท่านอ๋องน้อยอย่าได้เกรงใจ เมื่อผู้าุโหลิวเอ่ยปากด้วยตนเอง นี่ถือเป็สิ่งที่ข้าสมควรทำแล้ว”
ซาเฉียนหลี่หยิบสมบัติสามชิ้นออกมาทันที
มีน้ำสีแดง รากต้นไม้สีฟ้า และหยกสีขาวใสเงางาม
ราชครูถือพู่กันเวทเอาไว้แล้วเริ่มต้นร่ายเวทมนตร์ เขารวบรวมเอาพลังธรรมชาติโดยรอบในระยะสองลี้นี้มาไว้ที่ปลายพู่กัน แล้วแตะพู่กันเวทลงบนสมบัติทั้งสามอย่างต่อเนื่อง จากนั้นสมบัติทั้งสามก็หายไปทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับเป็เหตุการณ์ที่เกิดเป็ปกติ
ปลายพู่กันของราชครูส่งกลิ่นหอมมอมเมาผู้คนออกมา จากนั้นเขาก็แตะปลายพู่กันลงที่หว่างคิ้วของเสวี่ยปิงหนิงอย่างอ่อนโยน
หลังจากนั้นไม่นานประกายที่ปลายพู่กันก็หายไป ซาเฉียนหลี่จึงนำพู่กันกลับมาเก็บไว้ตามเดิม
“เสร็จแล้ว” ซาเฉียนหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเสวี่ยจะตื่นขึ้นมาภายในสองถึงสามวันหลังจากนี้”
หลัวเลี่ยมีความสุขมาก
เดิมทีเขาคิดว่ามันจะยุ่งยากมาก ไม่คาดคิดว่ามันจะง่ายดายเพียงนี้
“ต่อไปก็ต้องขอให้ท่านอ๋องน้อยเข้าร่วมการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นเพื่อคว้าชัยชนะแล้ว” ซาเฉียนหลี่กล่าว
“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” หลัวเลี่ยตอบ
ซาเฉียนหลี่ส่ายหัว “ไม่ใช่แค่พยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ท่านต้องชนะเท่านั้น”
หลัวเลี่ยเลิกคิ้วทั้งสองข้างอีกครั้ง “ชัยชนะมันสำคัญกับพวกท่านมากขนาดนั้นเชียวหรือ?”
“สำคัญมาก” ซาเฉียนหลี่พูดน้ำเสียงจริงจัง
“ได้ ข้าจะคว้าชัยชนะมาให้พวกท่านอย่างแน่นอน” หลัวเลี่ยเองก็อยากประลองกับผู้มากฝีมือจากสิบแคว้นอยู่แล้ว
หลังจากซาเฉียนหลี่กลับไปแล้ว หลัวเลี่ยก็นั่งลงข้างเตียง มองเสวี่ยปิงหนิงอย่างเงียบๆ
เสวี่ยปิงหนิงหลับใหลเหมือนเ้าหญิงนิทรา นางสงบมาก
ผิวขาว คิ้วดกดำ ขนตายาวดกดำ ใบหน้าขาวอมชมพู ริมฝีปากมีเืฝาด ทุกอย่างช่างงดงามยิ่งนัก
แม้จะมีการกล่าวกันว่า มีสามสาวงามที่หาผู้ใดเปรียบไม่ได้ในแปดร้อยแคว้น และหลิวหงเหยียนคืออันดับหนึ่ง แต่ความจริงแล้วความงามของเสวี่ยปิงหนิงไม่ได้ด้อยกว่าความงามของหลิวหงเหยียนเลย แค่นางไม่มีสถานะจักรพรรดินีดั่งหลิวหงเหยียนเท่านั้น
เขาลูบใบหน้าของเสวี่ยปิงหนิง พูดเบาๆ ว่า “พี่ปิงหนิง ข้าจะรอท่านฟื้นขึ้นมานะ”
ั้แ่นั้นมาหลัวเลี่ยก็นั่งอยู่ข้างเตียง สายตาของเขาไม่เคยละจากเสวี่ยปิงหนิงเลย
ประการแรกเขากังวลว่าจะเกิดเื่ผิดพลาดขึ้น แล้วหากท้ายที่สุดนางไม่ตื่นเล่า เขายังคงกังวลเล็กน้อย
อีกประการหนึ่งคือความรู้สึกซาบซึ้งที่ยังคงอยู่ภายในใจ
ในเช้าตรู่หลังจากผ่านไปสองวันหนึ่งคืน เสวี่ยปิงหนิงซึ่งหัวใจเต้นแ่เบาและหายใจอ่อนแรงก็เริ่มรู้สึกตัวขึ้น นางกลอกตาสองครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีขาวดำคู่หนึ่ง
ทันทีที่นางลืมตาขึ้น เสวี่ยปิงหนิงก็เห็นหลัวเลี่ย
พวกเขาทั้งสองสบตากัน ไม่มีใครพูดอะไร
หลัวเลี่ยเอื้อมมือไปจับมือเรียวเนียนดั่งหยกของเสวี่ยปิงหนิง
เสวี่ยปิงหนิงที่ไม่ได้หลบเลี่ยงก็แตะเข้าที่หลังมือของหลัวเลี่ยอย่างนุ่มนวลเช่นกัน
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมีความหมายมากกว่าคำพูดใดๆ
คงต้องยอมรับว่าฝีมือของซาเฉียนหลี่นั้นถึงขั้นอัจฉริยะ เพราะหลังจากที่เสวี่ยปิงหนิงตื่นขึ้นมา และได้พักผ่อนไปหนึ่งวันนางก็ลุกขึ้นเดินได้ และหลังจากผ่านไปสองวันนางก็กลับมามีสุขภาพที่ดีเช่นคนปกติ
หลัวเลี่ยละทิ้งความกังวลในเื่นั้นโดยสิ้นเชิง และอุทิศตนให้กับการฝึกฝนพลัง
เขา้าที่จะทำตามสัญญา
ช่วยแคว้นจินหลานคว้าชัยชนะการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้น
ทุกวันนี้ ซาเฉียนหลี่ยังคงส่งข้อมูลของผู้มากฝีมือจากสิบแคว้นที่จะเข้าร่วมการประลองให้เขาอย่างต่อเนื่อง แต่ละครั้งทั้งสองคนจะใช้เวลาปรึกษาหารือกันเป็เวลาหนึ่งถึงสองชั่วโมง ข้อมูลหลายสิ่งหลายอย่างทำให้หลัวเลี่ยมีความเข้าใจในสถานการณ์ของแคว้นทั้งสิบมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงแคว้นจินหลานด้วย
ในเวลาเดียวกันเขาก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมแคว้นจินหลานถึงต้องชนะการประลองยุวราชัน เื่นี้เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในเขตแดนระหว่างแคว้นจินหลานและแคว้นเฉียนซาน ทั้งสองแคว้นล้วนได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังที่ทรงพลัง โดยกองกำลังที่สนับสนุนแคว้นจินหลานอยู่คือหอเซียวเหยา ส่วนกองกำลังที่สนับสนุนแคว้นเฉียนซานคือหอการค้าฟ้านเทียน ซึ่งถือว่าเป็กองกำลังขนาดใหญ่เทียบเท่ากับหอเซียวเหยา
กองกำลังทั้งสองจะไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงเื่เขตแดนนี้เด็ดขาด พวกเขาปล่อยให้ทั้งสองแคว้นจัดการกันเอง
และทั้งสองแคว้นก็รู้ดีว่าาจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดต่อกองกำลังที่สนับสนุนพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ดังนั้นพวกเขาจึงใช้การประลองยุวราชันนี้เป็ตัวตัดสิน
ผู้ชนะจะมีอำนาจในการตัดสินเขตแดนของทั้งสองแคว้น
ซึ่งหาก้าเป็ผู้ชนะก็ต้องเข้าร่วมการประลองจนชนะเสียก่อน
ผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมการประลองในฐานะตัวแทนของแคว้นจินหลาน คือองค์ชายสามและองค์ชายเก้า องค์ชายทั้งสองล้วนเป็ผู้ที่เข้าใกล้ตำแหน่งกษัตริย์แห่งแคว้นจินหลานในรัชสมัยต่อไปมากที่สุด
และเพื่อไม่ให้เกิดการขัดแย้งกันภายในที่จะส่งผลต่อแคว้นจินหลาน ดังนั้นท่านราชครูซาเฉียนหลี่และกษัตริย์แห่งแคว้นจินหลาน จึงได้ขอความช่วยเหลือไปยังผู้าุโเจ็ดหลิวจื่ออั๋งแห่งหอเซียวเหยา
ทว่าหลิวจื่ออั๋งไม่เคยตอบกลับมา จนครั้งนี้ที่เกิดเื่ตราัเงินเซียวเหยาขึ้น และหลิวจื่ออั๋งก็เห็นความสามารถของหลัวเลี่ยเข้าพอดี รวมทั้งตัวตนของหลัวเลี่ยก็ไม่เกี่ยวข้องกับหอเซียวเหยา และไม่ขัดต่อสองกองกำลังสนับสนุน ดังนั้นเขาจึงส่งหลัวเลี่ยมา
“ดังนั้น หากข้า้าเข้าร่วมการแข่งขัน นอกเหนือจากการเผชิญหน้ากับยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากอีกเก้าแคว้นแล้ว ข้ายังต้องแข่งกับยอดฝีมือจากแคว้นจินหลานด้วยหรือ” หลัวเลี่ยคิดว่ามันค่อนข้างตลก “แทนที่จะทำเช่นนี้ สู้ข้าลงแข่งคนเดียวไม่ดีกว่าหรือ”
“ไม่ได้ หากตัวแทนของแคว้นจินหลานไม่มีคนของแคว้นจินหลานเลย คนอื่นคงไม่ยอมแน่” ซาเฉียนหลี่กล่าว
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ยุ่งยากเสียจริง เช่นนี้ก็หมายความว่า ข้าคนเดียวต้องเอาชนะยอดฝีมือจากสิบแคว้นด้วยตนเองใช่หรือไม่”
ซาเฉียนหลี่ครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวว่า “ยังพอมีเวลาก่อนจะถึงงานประลอง หากเ้าใช้่เวลานี้ผูกมิตรกับองค์ชายสามและองค์ชายเก้าได้ เื่ทุกอย่างก็คงง่ายขึ้น”
หลัวเลี่ยเม้มริมฝีปาก เขาี้เีไปผูกมิตรกับองค์ชายสามและองค์ชายเก้า
ตามข้อมูลที่ได้มาจากซาเฉียนหลี่เกี่ยวกับยอดฝีมือรุ่นเยาว์จากสิบแคว้น ส่วนใหญ่พวกเขาล้วนมีพลังอยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่เจ็ดถึงระดับที่แปด อาจมีบางคนที่อยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่เก้า ในขณะที่หลัวเลี่ยยังคงอยู่ในระดับผู้ฝึกตนระดับที่หกเท่านั้น
แม้ว่าเขาจะมีเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดิน วิชาหมัดผู้พิชิตที่อยู่ในระดับถ่องแท้ วิชาก้าวัที่อยู่ในระดับเชี่ยวชาญ และเคล็ดวิชาั์ หากให้ต่อสู้กับคนจำนวนสี่ถึงห้าคนย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่หากเป็จำนวนมากถึงสิบคน เขาคงไม่สามารถรับมือได้ง่ายๆ และพวกเขาก็คงจะมีเคล็ดวิชาขั้นสูงอีกมากมายเป็แน่
ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือฝึกฝนด้วยกำลังทั้งหมดของตนเอง และเพื่อให้สามารถเลื่อนลำดับขั้นพลังได้ก่อนการแข่งขัน หากเขาสามารถไปถึงระดับผู้ฝึกตนในระดับที่เจ็ดหรือระดับที่แปด เช่นนั้นก็ไม่จำเป็ต้องสนใจองค์ชายสามหรือองค์ชายเก้าอีก เพราะยอดฝีมือทั้งสิบแคว้นนั้นแค่เขาคนเดียวก็สามารถจัดการได้แล้ว
หลังจากหลัวเลี่ยคิดใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วนแล้ว พบว่า นอกเหนือจากเขาต้องฝึกฝนวรยุทธ์ทุกวัน เขาก็ต้องศึกษาข้อมูลของยอดฝีมือจากแคว้นต่างๆ ด้วย แต่ใครจะรู้ว่าในอีกครึ่งเดือนต่อมาเขาจะได้รับจดหมายเชิญจากองค์ชายเก้า
เนื้อหาคือเชิญให้เขาไปร่วมงานไหว้พระจันทร์ ในวันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนแปด หรือก็คือในอีกสองวันข้างหน้านี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้