ไม่ต้องพูดถึงโลหิตมนุษย์ แม้แต่กระต่ายที่ล่ามาจากูเาก็เป็เมิ่งอู่ที่จัดการจนเรียบร้อยก่อนส่งให้นางเซี่ยทำอาหาร นางจึงไม่ค่อยได้ััสิ่งของที่นองเืเ่าั้
เพียงได้ยินอินเหิงกล่าว นางเซี่ยก็รู้สึกไม่สบายใจ
เมิ่งอู่รีบแย่งมีดมาได้ทันเวลาก่อนกล่าว "อาเหิงกล่าวถูกต้อง การฆ่าคนมิใช่เื่ง่ายดาย ทั้งนองเืและใช้ความรุนแรง อย่าให้มือท่านแม่สกปรกแปดเปื้อนเลยเ้าค่ะ เพียงใช้เท้าข้างเดียวบดขยี้ไอ้ขยะนั่นให้ตายก็พอแล้ว"
เพียงแต่เมิ่งอู่ยังไม่ทันเริ่มไปเยือนถึงประตู บรรดาอันธพาลในหมู่บ้านที่เหลือก็รีบรุดไปยังสนามรบโดยเร็ว เมื่อมาถึงเรือนของแม่เฒ่าหวัง ก็จับหวังสี่ซุ่นแขวนคอและทุบตี
หลังแขวนคอเสร็จ ก็ลากลงมาเตะต่อยต่อที่พื้น
หวังสี่ซุ่นโอดครวญร้องหาบิดาร้องเรียกมารดา ร้องขอความเมตตาครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจะโอย่างสิ้นหวังว่า พวกเ้าเป็พวกเดียวกับข้าไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้ช่วยนางเด็กสารเลวนั่น!
ต่อมาหัวหน้าอันธพาลก็มาที่เรือนของเมิ่งอู่ ยามนั้นเมิ่งอู่กำลังช่วยนางเซี่ยทำอาหารอยู่ในครัว
อินเหิงกำลังให้อาหารแม่ไก่ป่าอยู่ในลานเรือน สีหน้าท่าทางเฉยเมยขณะถาม "เกิดเื่ใดหรือ"
แม้ท่าทางของเขาอ่อนโยนและบริสุทธิ์เหลือประมาณ แต่หลังจากเหตุการณ์ครั้งก่อน หัวหน้าอันธพาลก็รู้ว่านั่นเป็เพียงเปลือกนอก ภายใต้ภาพที่ปรากฏนั้นเป็อีกคนที่สงบเยือกเย็นและแข็งกร้าว จนถึงยามนี้ก็อดเคารพนับถือบุรุษผู้นี้ไม่ได้
คนอื่นเขานั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นก็สามารถเอาชนะพวกเขากลุ่มใหญ่ได้ แล้วผู้ใดจะกล้ายั่วยุเขาเล่า?
หัวหน้าอันธพาลกล่าว "เวลานี้หวังสี่ซุ่นอยู่ในกำมือของพวกพี่น้องแล้ว ข้ามาถามว่า หัวหน้าใหญ่จะจัดการเขาอย่างไร"
อินเหิงโยนธัญพืชในมือทิ้งอย่างง่ายดาย ปัดชายเสื้อด้วยมือขาวสะอาดพลางกล่าว "คนช่างพูด ปากหาเื่ เ้าจะเสนอแนะอันใด"
หัวหน้าอันธพาลในหมู่บ้านเกาหัวพลางเอ่ยถาม "หักขาของเขาข้างหนึ่งดีหรือไม่?"
อินเหิงมองอีกฝ่ายแล้วย้อนถาม "เขาใช้ขาพูดหรือ?"
เ้าโง่ แน่นอนว่าย่อมต้องดึงลิ้นสิ
พลันนั้นหัวหน้าอันธพาลก็ตระหนักได้ กล่าวทั้งสติปัญญาที่น่าเป็ห่วงว่า "ข้ารู้แล้ว เย็บปากเขาซะ!”
อินเหิง “...เช่นนั้นเ้าก็หักขาของเขาเถิด”
ไม่ว่าจะทำให้เขามิกล้าพูดจาเหลวไหลอีกต่อไปกับทำให้เขาหยุดพูดจาเหลวไหล ผลลัพธ์ย่อมเหมือนกัน
ต่อมาก็พูดกันว่าหวังสี่ซุ่นถูกเหล่าอันธพาลหักขาข้างหนึ่ง หากเขายังกล้าเอ่ยวาจาไร้สาระอีกในภายภาคหน้า ก็จะหักขาอีกข้างหนึ่งของเขา
ในยามนั้นหวังสี่ซุ่นนอนแผ่หลากับพื้นด้วยความเ็ปทรมานแสนสาหัส น้ำตาไหลพรากอาบหน้า “มิกล้าแล้ว มิกล้าแล้ว ข้าสัญญาว่าต่อไปข้าจะมิกล้าทำอีกแล้ว…”
ขาของหวังสี่ซุ่นก็เป็เช่นเดียวกับของอินเหิง นั่นคือกระดูกหัก มิใช่ว่าจะต่อกลับเข้าไปใหม่ได้ง่ายๆ
แม่เฒ่าหวังไปหาหมอหยางครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่ากระดูกงอกผิดรูป นับจากนั้นเขาจึงเดินกะเผลกมาตลอด ไม่หลงเหลือท่าทางอวดเบ่งหยิ่งผยองเฉกเช่นกาลก่อนแม้แต่น้อย
ทว่าข่าวลือซุบซิบเกี่ยวกับเมิ่งอู่ก็ยังไม่หยุดยั้งอยู่เพียงเท่านั้น
เพียงแต่เปลี่ยนจากหวังสี่ซุ่นไปเป็พวกอันธพาลในหมู่บ้าน
ใบหน้าของเมิ่งเจียนเจียหายสนิทแล้ว ยามนางกับเมิ่งซวี่ซวีออกไปข้างนอกและพบเจอสาวๆ ในหมู่บ้าน ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะนินทา
เมิ่งซวี่ซวีแทบทนรอไม่ไหวที่จะให้คนทั่วหล้าได้ยินเสียงของนาง นางจึงเล่าเื่ที่เมิ่งอู่ปล่อยตัวเหลวแหลก ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ โดยเข้าป่าไปกับบุรุษโขยงหนึ่ง
บรรดาเด็กสาวในหมู่บ้านรวมตัวกันเพื่อหารือถึงเื่นี้ กล่าวว่า “รู้อยู่ก่อนแล้วว่าเมิ่งอู่ไม่ใช่คนเรียบร้อย ถึงกับเข้าป่าไปกับผู้ชายตั้งหลายคน ผู้ใดจะรู้ว่าพวกเขาทำอันใดกันในนั้น”
“แน่นอนว่าเป็เื่ที่ต้องปกปิด มิเช่นนั้นเหตุใดถึงต้องเข้าป่าด้วยเล่า?”
เมิ่งซวี่ซวีกัดฟันกรอด กล่าวด้วยความดุดัน “เด็กสาวหนึ่งคนกับบุรุษทั้งโขยง ยังจะทำอันใดได้อีกเล่า? นอกจากจะยอมให้พวกอันธพาลเ่าั้ล่วงเกิน! มิเช่นนั้นไยตัวเรือดแมลงวันเน่าเหม็นพวกนั้นถึงเปลี่ยนทิศทางมาวนเวียนอยู่รอบๆ นาง? พอเข้าป่าแล้ว ไม่ว่านางจะร้องครวญครางหยาบคายเพียงใด คนข้างนอกก็ไม่ได้ยิน!”
เมิ่งเจียนเจียทำหน้าทนไม่ไหว กล่าวว่า “ซวี่ซวี เ้าอย่าพูดเยี่ยงนั้น บางทีอาจเป็เื่เข้าใจผิดบางอย่าง เมิ่งอู่กับชายตั้งหลายคน... บางทีนางอาจถูกบังคับก็เป็ได้”
เด็กสาวในหมู่บ้านกล่าว “จะบังคับได้อย่างไร ได้ยินว่าเย็นวันก่อนพวกเขายังกินดื่มกันที่เรือนของนางด้วย!”
มีเด็กสาวคนอื่นกล่าว “เจียนเจีย เ้าช่างจิตใจดีเกินไปแล้ว คราวก่อนนางกลั่นแกล้งเ้าจนน่าสังเวชขนาดนั้น เ้ายังจะพูดแทนนางอีก”
เมิ่งซวี่ซวีเหลือบมองเมิ่งเจียนเจีย ก่อนพึมพำอย่างเ็า “แพศยา”
บรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านต่างมีสีหน้าท่าทางไม่เห็นด้วยกับเมิ่งซวี่ซวี เมิ่งซวี่ซวีระงับเพลิงแค้นไว้ในใจ
เมิ่งเจียนเจียถอนหายใจ “หากเป็แบบนั้นจริงๆ ก็น่าสงสารคุณชายหวังสิงที่เรือนของนาง เขาจริงใจต่อเมิ่งอู่อย่างแท้จริง”
เหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านรู้ว่ามีเ้าบ่าวแต่งเข้าคนหนึ่งพำนักในเรือนของเมิ่งอู่ แม้ปลอบใจตนเองว่า นั่นเป็เพียงคนที่นั่งเก้าอี้เข็น แต่ผู้ใดเล่าจะเต็มใจยอมรับจริงๆ
บุรุษที่สูงส่งน่าทึ่งประเภทนั้น ต่อให้หมดหวังที่จะพูดคุยเื่ใหญ่ของชีวิต แต่ก็ยังหวังว่าจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเขามากขึ้น
เพราะเขาเป็เพียงคนไร้ประโยชน์ หากออกเรือนกับเขาจริงๆ ในอนาคตต้องแบกรับภาระไปชั่วชีวิต ท้ายที่สุดแล้วเด็กสาวในหมู่บ้านออกเรือนก็เพื่อหวังพึ่งพาบุรุษให้หาเลี้ยงครอบครัว ไหนเลยจะมีเหตุผลให้สตรีเป็ฝ่ายหาเลี้ยงครอบครัวเล่า
ดังนั้นพวกนางจึงไม่กล้าและไม่มุ่งมั่นทุ่มเท แต่กลับอิจฉาคนที่มุ่งมั่นทุ่มเทยามที่ได้รับผลตอบแทน ยิ่งกว่านั้นยัง้าจะได้รับผลตอบแทนมากเท่าคนอื่นๆ ด้วย
บรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านมีผู้ใดที่ไม่หวังว่าเขาจะสนใจตนเองมากขึ้นสองส่วน
เช่นเดียวกับใต้หล้านี้มีผู้ใดบ้างที่ไม่ชื่นชอบสิ่งของงดงามหรือคนรูปงาม? แต่ไม่มีสิ่งของงดงามหรือคนรูปงามใดจะตกเป็ของเ้าโดยธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
ตนเองไม่ได้ แต่หากสามารถทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเมิ่งอู่กับอินเหิงให้แตกหักกันได้ คาดว่าน่าจะทำให้ในใจของพวกนางยินดีปรีดาบนความทุกข์ของผู้อื่น
ดังนั้นบรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านที่ไขว่คว้าความผ่อนคลายสบายใจมาแปดชั่วอายุคน จึงตัดสินใจบอกเื่นี้กับอินเหิง โดยอ้างซะสละสลวยว่าเพื่อประโยชน์ของเขา ไม่อยากให้เขาถูกปิดหูปิดตา
เมื่อวานเมิ่งอู่แยกประเภทสมุนไพรที่เก็บมาจากูเา วันนี้ฟ้ายังไม่สางก็รีบเดินทางเข้าเมืองไปกับลุงหลิว
ยามที่เหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านมาถึง อินเหิงก็อยู่คนเดียวในลานเรือน
แม้เขานั่งเก้าอี้เข็น เคลื่อนไหวไม่สะดวก แต่ก็สามารถยกไม้กวาดทำความสะอาดลานเรือนได้ เพียงแต่เคลื่อนไหวช้ากว่าปกติบ้าง
บรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านเห็นเขาสวมชุดขาว เคลื่อนไหวไม้กวาดในมือช้าๆ ดูคล้ายว่างานบ้านทั่วไปอย่างการกวาดลานเรือน เมื่ออยู่ในมือของเขากลับกลายเป็ท่อนไม้ที่น่าสนใจ
เมิ่งเจียนเจียรู้สึกตัวก่อน จึงเดินเข้าไปโดยพลการ นางกวาดตามองรอบๆ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณชายหวัง ท่านอาสะใภ้รองไม่อยู่ที่เรือนหรือเ้าคะ”
ในเวลาเยี่ยงนี้การที่นางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนทั้งสองครอบครัว ย่อมได้เปรียบมากต่อหน้าเด็กสาวคนอื่นๆ
อินเหิงตอบอย่างใจเย็น “นางไม่อยู่ที่เรือน หากเ้ามาหานาง ออกจากประตูไปแล้วเลี้ยวซ้าย เดินข้ามคันนาไปสองแปลงก็จะพบนางแล้ว”
เมิ่งเจียนเจียจะไปก็ไม่ใช่ จะไม่ไปก็ไม่ใช่ ได้แต่กัดริมฝีปากพลางยืนนิ่งด้วยความอึดอัดใจชั่วครู่
บรรดาสาวๆ ในหมู่บ้านที่มุงดูอยู่ที่ประตู มองเห็นเรือนหลังใหม่ของเมิ่งอู่ได้อย่างใกล้ชิด
ทั้งสามด้านเป็เรือนไม้ที่แข็งแรงและเป็ระเบียบเรียบร้อย ชายคามุงกระเบื้องสีเขียว ล้อมรอบลานเรือนโล่งโปร่งไว้ตรงกลาง งดงามและโอ่อ่ามาก เรือนหลังนี้ดีกว่าเรือนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน
ชาวบ้านที่มาช่วยงานใช้เวลาสร้างนานมาก เมิ่งอู่จ่ายทั้งค่าแรงและจัดหาอาหารให้พวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมทำงานอย่างพิถีพิถันใส่ใจทุกรายละเอียด
เพียงแต่เด็กสาววัยไล่เลี่ยกับพวกนางคนหนึ่งอย่างเมิ่งอู่ กลับสร้างเรือนหลังนี้ได้อย่างคาดไม่ถึง ไม่ว่าผู้ใดก็รู้สึกเสียสมดุลในใจ
ได้ยินเพียงเมิ่งซวี่ซวีกล่าวอย่างเ็า “ก็แค่ใช้เรือนร่างแลกกับเงินโสโครกไม่กี่เหรียญ ไม่รังเกียจบ้างหรือไร”
อินเหิงที่ถือไม้กวาดในมือชะงักชั่วคราว ก่อนช้อนตามองนาง
เดิมทีเมิ่งซวี่ซวีก็หลงใหลรูปโฉมของอินเหิง ในใจจึงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยายิ่งยวด อินเหิงเพียงมองนางแวบหนึ่ง ใบหน้าของนางก็แดงก่ำเสียแล้ว
อินเหิงเอ่ย “พอพูดถึงเื่หาเงิน สิ่งแรกที่เ้านึกถึงคือการได้มาโดยที่ไม่ต้องทำงานหนัก ใช้ร่างกายแลกเปลี่ยน ที่แท้แล้วง่ายขนาดนั้นเลยหรือ เหตุใดเ้าถึงไม่ลองแลกเปลี่ยนสักหน่อยเล่า”
สีหน้าของเมิ่งซวี่ซวีประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว โต้ตอบไม่ได้
เด็กสาวคนอื่นๆ จึงเอ่ย “คุณชายหวังอย่าเข้าใจผิด บางเื่ท่านอาจยังไม่ทราบ พวกเราแค่อยากให้ท่านรู้เท่าทัน ไม่อยากให้ท่านถูกปิดหูปิดตา”
จากนั้นเด็กสาวในหมู่บ้านเ่าั้ก็เล่าเื่ที่เมิ่งอู่เข้าป่าลึกกับพวกอันธพาลทั้งกลุ่มให้อินเหิงฟัง หญิงหนึ่งกับชายหลายคนเข้าป่าลึกย่อมไม่มีเื่ดีเกิดขึ้นแน่
ไม่ใช่แค่พวกนางที่คิดเช่นนั้น ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็อาจจะคิดแบบเดียวกัน
เด็กสาวคนหนึ่งยังกล่าวอีกว่า “ท่านมีใจให้เมิ่งอู่ แต่นางกลับทำเื่ที่ผิดต่อท่าน หากท่านไม่รู้อันใดเลย ช่างอยุติธรรมนัก”
พวกนางแค่อยากเห็นอินเหิงรังเกียจเมิ่งอู่
อินเหิงยกเรียวปากเผยรอยยิ้มอบอุ่นก่อนกล่าว “ข้าผูกพันกับนางอย่างลึกซึ้ง ไม่สำคัญว่านางจะทำผิดต่อข้าหรือไม่ได้ทำผิดต่อข้า ข้ามีใจให้นาง ต่อให้นางจะแทงมีดเข้าที่หัวใจข้า จะแทงกี่ครั้งก็ตามนั่นเป็เสรีภาพของนาง การได้พบนางนับว่าเป็พรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า”
ท่ามกลางแสงสูร อินเหิงหรี่ตากึ่งหนึ่ง เขาสวมชุดขาวเรือนผมดำขลับ ั์ตาคล้ายอำพันสีทองอ่อน งดงามเหลือคณนา
คำพูดของเขาทำเอาสาวๆ ในหมู่บ้านเหล่านี้พูดไม่ออก ในใจยิ่งหงุดหงิดไม่สบอารมณ์
เสียงป่าไผ่ที่อยู่ไม่ไกลเสียดสีกันดังกรอบแกรบสดชื่นแว่วมาเป็ระยะๆ
อินเหิงหมุนเก้าอี้เข็นกลับมาอย่างผ่อนคลาย กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนมาก “จะว่าไปแล้ว สองวันก่อนอาอู่ขึ้นเขาไปเก็บของที่น่าสนใจกลับมาไม่น้อย เอาให้พวกเ้าดูประเดี๋ยวเดียวก็แล้วกัน”
อินเหิงเข้าไปในเรือนครู่หนึ่งก็ออกมา บรรดาสาวๆ ต่างรอดูด้วยความใคร่รู้ว่าเป็ของน่าสนใจอันใด เห็นเพียงเขากลับมาที่ลานเรือน แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้น
บนมือขาวสะอาดของเขากลับมีของสีสันสดใสห้อยอยู่หลายเส้น
เมื่อเมิ่งเจียนเจีย เมิ่งซวี่ซวี และเหล่าเด็กสาวในหมู่บ้านมองคร่าวๆ ก็ใกลัวจนหน้าซีดขาว
อินเหิงโยนของที่มีลายดอกและสีสันสดใสเ่าั้ใส่พวกนาง ก่อนกล่าวว่า “นี่ เอาไปเล่น”
ทันใดนั้นในลานเรือนก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อยๆ “อาๆๆ งู! งู!”
เด็กสาวเ่าั้ล้วนหน้าซีดเผือด ะโเสียงดัง ะโหย็องแหย็งไม่หยุด ก่อนวิ่งออกไปนอกลานเรือนอย่างบ้าคลั่ง
เ้าผลักข้า ข้าเหยียบเ้า เ้าดึงเสื้อผ้าข้า ข้ากระชากผมเ้า แย่งกันออกไปก่อน ช่างวุ่นวายยิ่งนัก
เพียงชั่วครู่ในลานเรือนก็เหลือเพียงอินเหิงกับแม่ไก่ป่าที่ส่งเสียงกุ๊กๆ และหนังงูสีสันสดใสตกอยู่บนพื้น
อินเหิงขยับเก้าอี้เข็นเข้าไปหาแล้วก้มลงเก็บหนังงูเ่าั้อย่างเชื่องช้า
สองวันก่อนถลกหนังงูออก แต่ยังไม่ทันได้ทิ้ง กลับกลายเป็ของดีที่ทำให้คนกลัว
ยามที่อินเหิงก้มลงเก็บหนังงูเส้นสุดท้าย จู่ๆ ตรงหน้าก็ปรากฏเท้าคู่หนึ่ง
เขาชะงักชั่วคราว ไม่เงยหน้าขึ้นมองขณะกล่าว “ฮูหยินกลับมาแล้ว”