ในทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ใต้ท้องฟ้าอันไร้ขอบเขต
ในเวลานี้กลุ่มการค้าขนาดเล็กกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางผ่านพายุทรายมุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ณ ‘เส้นทางฮวงซา’ สถานที่อันเป็ที่ตั้งอยู่ตรงพรมแดนระหว่างสองแคว้น มีพายุทรายโหมซัดตลอดทั้งปี ทั้งยังเป็สถานที่ที่วุ่นวายไร้กฎหมายจึงเต็มไปด้วยโจรทะเลทราย…ทว่า ‘ตลาดรั่วหยาง’ กลับเป็เขตปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวของเส้นทางฮวงซา ไม่ว่าใครหรือขั้วอำนาจใด ล้วนไม่กล้าก่อเื่ในตลาดรั่วหยาง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษโดย ‘สมาพันธ์การค้าห้าแคว้น’
อธิบายง่ายๆ ก็คือสถานที่แห่งนี้มีเพื่อทำธุรกิจเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็ของเถื่อนหรือของถูกกฏหมาย ไม่ว่าของแบบใดก็สามารถค้าขายได้และจะไม่มีการสอดมือเข้าไปยุ่งการต่อสู้ระหว่างขั้วอำนาจใดทั้งนั้น
และเป็เพราะสาเหตุนี้ การค้าขายที่นี่จึงเจริญรุ่งเรืองมาก พ่อค้ามากมายยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อตั้งกลุ่มมาขายสินค้าที่นี่
……
“โถวเอ๋อร์ มีแกะฝูงหนึ่งมา ดูแล้วอ้วนไม่น้อย พวกเราจะลงมือหรือไม่?”
“ลงมือบ้านเ้าสิ ไม่เห็นหรือว่านั่นคือธงตระกูลจั๋ว?”
“ข้าได้ยินมาว่าผู้นำตระกูลจั๋วเป็ยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณ ถ้าไปหาเื่กลุ่มการค้าตระกูลจั๋วละก็ คนอ่อนแออย่างพวกเรายังไม่พอให้พวกเขาใช้แคะขี้ฟันด้วยซ้ำ!”
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร?”
“อยากทำอะไรก็เชิญ เพราะข้าจะไม่ยุ่งเื่นี้…ลาก่อน!”
……
“ดูนั่น กลุ่มการค้าตระกูลจั๋ว!”
“มารดามันเถอะ! ครั้งนี้มาเสียเที่ยวแล้ว!”
“ถอย ถอย ถอย!”
……
ตลอดการเดินทางของกลุ่มการค้าตระกูลจั๋ว มีโจรทะเลทรายไม่น้อยที่ยอมแพ้และจากไป แต่ก็ยังมีกองโจรบ้าบิ่นหลายกลุ่มที่ลองเสี่ยงโชคเพื่อหวังฉกฉวยผลประโยชน์ ทว่าจุดจบล้วนเหลือเพียงความพินาศ
จั๋วฟู่ไห่ขี่สัตว์ิญญา ‘แรดั’ นำขบวนอยู่ด้านหน้า เขาสวมชุดเกราะสีขาวที่ประทับด้วยสัญลักษณ์รูปกระเรียนเมฆาสง่างามตรงเกราะอก สะพายกระบี่สีเงินระยิบระยับ เครายาวปลิวไสว ท่าทางเปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้ดูน่าเกรงขามยิ่ง
เมื่อข้ามผ่านเนินทรายมา เมืองสีทองอร่ามได้ปรากฏให้เห็นอย่างเลือนรางท่ามกลางพายุทราย
ถึงแม้ตลาดรั่วหยางจะเป็เพียงตลาด แต่มันมีขนาดใหญ่ไม่น้อยและเจริญรุ่งเรืองเสียยิ่งกว่าเมืองทั่วไป
ไม่เหมือนกับพื้นดินแห้งแล้งที่เต็มไปด้วยทะเลทรายด้านนอก ตลาดรั่วหยางอยู่ภายใต้ค่ายกล สภาพแวดล้อมด้านในจึงสงบสุขและสะดวกสบาย มีแม้กระทั่งสถานเริงรมย์อยู่หลายแห่ง ผู้คนที่เข้าๆ ออกๆ ล้วนมีสีหน้าเปล่งปลั่งราวกับเป็หนุ่มสาวอีกครั้ง
ทันทีที่จั๋วฟู่ไห่ก้าวเข้าตลาดก็มีคนกลุ่มหนึ่งออกมาต้อนรับ นำโดยบุรุษวัยกลางคนในชุดผ้าไหมสีม่วง รูปร่างหล่อเหลาสง่างาม ให้ความรู้สึกราวกับเซียนจาก์
“พี่จั๋วเดินทางมาไกล เหวินอวี่ขอต้อนรับ!”
ชายชุดผ้าไหมยกมือคำนับด้วยใบหน้ากระตือรือร้น
คนผู้นี้มีนามว่า ซีโหลวเหวินอวี่ เป็ผู้นำตระกูลซีโหลวแห่งหุบเขาซีซานคนปัจจุบัน เขามีพลังระดับเดียวกับจั๋วฟู่ไห่
ตระกูลซีโหลวกับตระกูลจั๋วเป็ตระกูลระดับต่ำเหมือนกัน ทั้งสองตระกูลคบค้ากันมาสามรุ่นแล้ว นับว่าเป็หุ้นส่วนคนสำคัญที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น…และตอนจั๋วฟู่ไห่กับซีโหลวเหวินอวี่ยังเยาว์วัยได้ร่วมเป็ร่วมตายด้วยกันมาหลายครั้ง ทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตต่อกัน ความสัมพันธ์ของพวกเขาจึงสนิทสนมกันมาก
“พี่ซีโหลวเกรงใจแล้ว”
จั๋วฟู่ไห่รีบเข้าไปพยุงอีกฝ่าย ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม
“ติ๊ง!”
ซีโหลวเหวินอวี่เปิดกำไลสื่อิญญาเพื่อสั่งการ “พ่อบ้านซ่ง แขกจากตงหลิงมาถึงแล้ว เตรียมที่นั่งในโรงเตี๊ยมให้ที พวกเราจะถึงแล้ว”
เมื่อกล่าวจบซีโหลวเหวินอวี่ไม่ได้รออีกฝ่ายตอบแต่อย่างใดกลับหันไปเชื้อเชิญจั๋วฟู่ไห่พลางกล่าวว่า “เตรียมที่นั่งในโรงเตี๊ยมพร้อมแล้ว เชิญพี่จั๋วตามข้ามา ข้าจะพาพวกท่านไปล้างฝุ่นเอง!”
“พี่ซีโหลว เชิญ!”
จั๋วฟู่ไห่รับน้ำใจ เขาหันไปสั่งการลูกน้องสองสามคำ จากนั้นเดินไปพร้อมซีโหลวเหวินอวี่
……
ด้านนอกหอรั่วหยาง พ่อบ้านซ่งนำคนมารอต้อนรับ ข้างกายของเขามีสาวน้อยสวมผ้าคลุมสีรุ้งคนหนึ่ง นางอายุราวสิบสี่ถึงสิบห้าปี หน้าตางดงามวิจิตรแฝงด้วยความหยิ่งทะนงและชาญฉลาด
เมื่อเห็นพวกซีโหลวเหวินอวี่ปรากฏตัว พ่อบ้านซ่งก็รีบนำคนไปต้อนรับ
“ลูกรักยังไม่รีบมาคารวะลุงจั๋วอีก”
เมื่อได้ยินเสียงเรียกของซีโหลวเหวินอวี่ สาวน้อยสวมผ้าคลุมหน้าลังเลเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปคำนับอย่างว่าง่าย “ซีโหลวรั่วเมิ่งคารวะท่านลุงจั๋ว”
“โอ้?”
จั๋วฟู่ไห่มองสาวน้อยด้วยสายตาเป็ประกาย เขาเผยรอยยิ้มยินดีออกมา “เ้าก็คือเสี่ยวรั่วเมิ่งนี่เอง แค่พริบตาเดียวก็โตเป็สาวแล้ว ดี ดี ดี!”
ในฐานะที่เป็ผู้าุโ ของขวัญแรกพบเป็สิ่งที่ขาดไม่ได้ จั๋วฟู่ไห่หยิบหยกิญญาสีเขียวชิ้นหนึ่งออกมาจากถุงเก็บของมอบให้สาวน้อย ไอหนาวเย็นไหลผ่านฝ่ามือของนาง
นี่คือหยกิญญาที่ค่อนข้างล้ำค่าชิ้นหนึ่ง สาวน้อยชอบมันยิ่งนัก นางคำนับขอบคุณอีกครั้ง น้ำเสียงเป็มิตรกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย
ซีโหลวเหวินอวี่ยิ้มเจื่อน แต่ไม่ได้ห้ามปราม “พี่จั๋วท่านอย่าชมนางมาก นางจะได้ไม่หลงระเริงจนเกินไป”
จั๋วฟู่ไห่ไม่คิดเช่นน้ัน “องค์หญิงน้อยแห่งตระกูลซีโหลว เดิมทีนางก็คือธิดาแห่ง์อยู่แล้ว หยิ่งทะนงเล็กน้อยจะเป็อะไรไป? ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ก็ได้ๆ พวกเรารู้จักกันมาหลายปี ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากแล้ว”
ซีโหลวเหวินอวี่โบกมือ จากนั้นพาจั๋วฟู่ไห่ขึ้นไปบนโรงเตี๊ยม
……
หลังดื่มสุราไปสามจอก บรรยากาศก็เริ่มคึกคัก
ซีโหลวเหวินอวี่โบกมือบอกให้พวกพ่อบ้านซ่งออกไปก่อน เหลือเพียงบุตรสาวไว้ข้างกาย
“พี่จั๋ว เื่แต่งงานที่ข้าเสนอไปครั้งที่แล้ว ท่านคิดเห็นอย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำถามของซีโหลวเหวินอวี่ จั๋วฟู่ไห่วางจอกสุราลง เขารู้สึกตื่นเต้นมาก แต่กลับส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “พี่ซีโหลวกล่าวเช่นนี้ ข้าผู้แซ่จั๋วรู้สึกละอายใจยิ่งนัก! ท่านก็รู้ว่า ลูกอวิ๋นเซียนของข้าไร้พร์ ในอนาคตคงจะ…”
“ไม่มีเื่อะไรต้องละอายใจ!”
ซีโหลวเหวินอวี่โบกมือ กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ในอนาคตถ้าเป็ครอบครัวเดียวกัน อวิ๋นเซียนก็คือลูกของข้าเหมือนกันมิใช่หรือ อีกทั้ง…พอพวกเขาแต่งงานกันแล้ว รั่วเมิ่งยังสามารถบำเพ็ญตนต่อไปได้ ถ้าในอนาคตให้กำเนิดทายาทตระกูลจั๋ว ท่านก็คงไม่ต้องลำบากใจเหมือนตอนนี้”
ซีโหลวเหวินอวี่โน้มน้าวอยู่ครู่หนึ่ง เหมือนเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
ซีโหลวรั่วเมิ่งกัดริมฝีปาก ก้มหน้าก้มตาเงียบๆ
จั๋วฟู่ไห่มีสีหน้าซับซ้อน ในสมองเกิดความคิดมากมาย
จั๋วอวิ๋นเซียนเป็ความกังวลของเขามาตลอด บุตรที่มิอาจบำเพ็ญเซียนถูกกำหนดแล้วว่ามิอาจสืบทอดตระกูลจั๋วได้ และจั๋วอวี้หวั่นก็เป็บุตรสาวคนหนึ่ง ในอนาคตอาจจะต้องแต่งงานออกไป ถึงแม้จะไม่แต่งงาน ผู้าุโตระกูลจั๋วก็ไม่มีทางยอมให้สตรีคนหนึ่งอยู่เหนือกว่าแน่ นอกจากจั๋วอวี้หวั่นจะสามารถทะลวงระดับกำเนิดปราณได้และสยบทุกเสียงครหาในตระกูล
เห็นได้ชัดว่าเป็ไปไม่ค่อยได้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทะลวงระดับกำเนิดปราณได้ การทะลวงระดับต้องอาศัยโชคและโอกาส ถึงแม้จั๋วอวี้หวั่นจะมีพร์ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดรับประกัน
แต่หากจั๋วอวิ๋นเซียนสามารถให้กำเนิดทายาท ทายาทของเขาจะสามารถสืบทอดกิจการของตระกูลจั๋วต่อไปได้อย่างชอบธรรม
จั๋วฟู่ไห่เคยสืบข้อมูลมาแล้ว พร์ของซีโหลวรั่วเมิ่งนั้นดีมาก บุตรที่กำเนิดออกมาต้องมีพร์ไม่ธรรมดาแน่ หากรวมกับการสนับสนุนของจั๋วฟู่ไห่และทรัพยากรของตระกูลจั๋ว บุตรของจั๋วอวิ๋นเซียนต้องกลายเป็ัหงส์ในหมู่มวลมนุษย์อย่างแน่นอน
มนุษย์ล้วนมีความเห็นแก่ตัว ยิ่งเป็บิดามารดาที่ทำเพื่อบุตรในอุทรแล้ว
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จั๋วฟู่ไห่ค่อยๆ สะกดความละอายใจลงไป “พี่ซีโหลว ท่านวางใจเถอะ ถ้าเสี่ยวเมิ่งได้แต่งเข้าตระกูลจั๋ว ก็คือคนตระกูลจั๋ว ของของพวกเราก็คือของของนาง ข้าผู้แซ่จั๋วจะดูแลนางอย่างดี…”
จั๋วฟู่ไห่เว้นจังหวะไปพักหนึ่งจากนั้นจึงกล่าวว่า “ได้ยินมาว่าในงานประมูลของตลาดรั่วหยางครั้งนี้จะมีสมุนไพรมหัศจรรย์ ‘ผลหยินหยาง’ ข้าอยากจะประมูลมัน ถึงตอนนั้นเสี่ยวเมิ่งกับอวิ๋นเซียนกินผลหยินหยางเข้าไป ข้าจะใช้วิชาลับร่วมด้วย ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถเติมเต็มิญญาที่ขาดหายของอวิ๋นเซียนได้”
“เป็พระคุณอย่างยิ่ง!”
ซีโหลวเหวินอวี่หัวเราะเสียงดังและชนจอกสุราด้วยความพอใจ ทั้งสองดื่มจนหมดแก้ว
ซีโหลวรั่วเมิ่งแอบเงยหน้ามองบิดา จากนั้นก้มหน้าอีกครั้ง เหมือนไม่อยากให้ใครรู้ถึงความรู้สึกของนาง
ั้แ่ต้นจนจบซีโหลวเหวินอวี่กับจั๋วฟู่ไห่ไม่ได้ถามความเห็นของลูกแม้แต่คำเดียว
ยิ่งมีสถานะสูงส่ง ยิ่งไร้อิสระ จิตใจของสาวน้อยเข้าใจเป็อย่างดี เหมือนกับเวลาที่นางมีอำนาจยิ่งใหญ่ นางก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลด้วยเช่นกัน
นี่คือความเป็จริง
……
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว จั๋วฟู่ไห่ขอตัวจากไปเพื่อจัดการกับสินค้าก่อน
ในห้องส่วนตัวของโรงเตี๊ยม เหลือเพียงซีโหลวเหวินอวี่สองพ่อลูก
“ท่านพ่อ ข้า…”
ขณะซีโหลวรั่วเมิ่งกำลังจะกล่าวอะไรออกมา ซีโหลวเหวินอวี่ก็ขัดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ลูกเอ๋ย พ่อรู้ว่าเ้าคิดอะไรอยู่ แต่พ่อเคยสอนเ้าแล้ว หากอยากสำเร็จการใหญ่ ไม่ว่าเ้าคิดอะไรก็ห้ามเปิดเผยเด็ดขาด”
“เ้าค่ะ”
ซีโหลวรั่วเมิ่งกัดฟันและก้มหน้าอีกครั้ง
ซีโหลวเหวินอวี่วางจอกสุราลงพลางลุกขึ้นกล่าวว่า “เื่แต่งงานพ่อตัดสินใจแล้ว ลูกทำเื่ของตัวเองให้ดี ไม่ต้องสนใจเื่อื่น…ลูกต้องจำเอาไว้ ความอดทนในวันนี้ก็เพื่ออนาคตที่ดีกว่า”
“ลูกจะจำไว้”
ซีโหลวรั่วเมิ่งเงยหน้าขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าสงบอย่างน่าประหลาด เหมือนไม่เคยเกิดเื่อะไรมาก่อน
เมื่อเห็นภาพนี้ซีโหลวเหวินอวี่ถึงพยักหน้าอย่างพอใจแล้วหันหน้าเดินจากไป
……
ในเย็นวันนั้น งานประมูลตลาดรั่วหยางเปิดทำการอย่างเป็ทางการ
ครั้งนี้งานประมูลไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีผู้บำเพ็ญตนและพ่อค้าไม่น้อยมารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่โจรทะเลทรายก็ปลอมตัวเข้ามาด้วย พวกเขาล้วนมาเพื่อ ‘ผลหยินหยาง’ แสนล้ำค่า
เพียงแต่...แม้ตระกูลจั๋วกับตระกูลซีโหลวจะเป็ตระกูลระดับต่ำ ทว่าในเขตชายแดนแห่งนี้ยังถือว่าเป็ขั้วอำนาจชั้นนำ เมื่อทั้งสองตระกูลกดดัน ผลหยินหยางจึงถูกประมูลไปอย่างง่ายดาย สำหรับของชิ้นอื่นนั้น ด้วยสถานะของจั๋วฟู่ไห่กับซีโหลวเหวินอวี่ จึงยากจะเข้าตาพวกเขา
หลังงานประมูลจบลงจั๋วฟู่ไห่และซีโหลวเหวินอวี่จึงพาซีโหลวรั่วเมิ่งจากไป
ขั้วอำนาจมากมายอยากจะติดตามไป แต่ก็หวาดกลัวทั้งสองตระกูลร่วมมือกัน สุดท้ายจึงทำได้เพียงละทิ้งความคิดนี้ไป
