“คิดๆ ดูแล้ว ข้าเองก็ไม่สามารถเรียกตัวเองว่าเซียนได้อีกแล้ว” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างจนใจ “แม้แต่รูปลักษณ์ก็มิได้เป็เช่นเดิม บัดนี้ข้าคือผู้ใดกันแน่?”
“อู๋โยวไร้ความสามารถ แต่ในฐานะอิสระชนผู้รักสันโดษ ย่อมมีศักดิ์ศรีที่พึงมี” เยว่อู๋โยวเท้าสะเอว เชิดทรวงอกอวบอิ่มขึ้นอย่างเต็มภาคภูมิ “ท่าน...ก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อข้าเถิด”
“หา?”
“หืม? ผู้คนในสำนักเซียนมิได้กล่าวเช่นนี้กันหรือ?” นางเอียงศีรษะอย่างฉงน คิดใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “อืม...ผิดพลาดั้แ่ตรงไหนกันนะ?”
ั้แ่ไร้ความสามารถ ไปจนถึงอิสระชนผู้รักสันโดษ หรือกระทั่งใครยอมสวามิภักดิ์ใคร ชายหนุ่มกล้าพูดว่าทั้งประโยคนั้นประหลาดสิ้นดี แต่เขาก็เพียงยิ้มขื่น บางทีอาจพอเดาได้ว่าหญิงสาวลึกลับผู้ห่างไกลจากโลกภายนอกผู้นี้ ดูเหมือนว่าต้องเรียนรู้ความเป็ไปของวิถีมนุษย์ใหม่ทั้งหมด
“เช่นนั้น นับแต่วันนี้เป็ต้นไป ข้าจะชื่อโม่ยง” ชายหนุ่มผู้เปลี่ยนชื่อให้ตนเองใหม่ว่าโม่ยง ประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม “จากรูปลักษณ์ภายนอก ดูเหมือนว่าเราทั้งสองมีอายุใกล้เคียงกัน เช่นนั้นนับแต่นี้ไป ข้าขอเรียกท่านว่า พี่อู๋โยว ส่วนท่านก็เรียกข้าว่า น้องยง...”
“อืม ไม่เอา”
“เอ๊ะ?” คำพูดที่ยังไม่ทันจบดี เยว่อู๋โยวก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นจนเกือบทำให้โม่ยงสำลัก “เช่นนั้น น้องอู๋โยว...?”
“พวกเรายังต้องบำเพ็ญคู่กันต่อไป” เยว่อู๋โยวค่อยๆ สวมอาภรณ์ไหมสีดำและเสื้อคอตั้งสีทองกลับคืนมา โอบรัดทรวดทรงองค์เอวอันงดงามเอาไว้แ่า แล้วปัดผมยาวราวแพรเงินไปด้านหลัง “หากเรียกกันว่าพี่น้อง เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง?”
บนใบหน้างดงามหมดจด ยังคงเ็าเช่นเดียวกับตอนแรกที่พบกัน ราวกับสิ่งที่นางเพิ่งกล่าวออกมานั้นมิได้สั่นคลอนฟ้าดิน โม่ยงเข้าใจว่าหญิงสาวตรงหน้า แม้แต่เื่ศีลธรรมอันดีงามก็ยังไม่คุ้นเคย การที่ชายหญิงมิอาจใกล้ชิดกันนั้นมิใช่ปัญหา เหตุใดการเรียกขานพี่น้องจึงกลายเป็ปัญหาได้?
“ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แค่สหายคนหนึ่งเท่านั้น” เยว่อู๋โยวแต่งกายจนเรียบร้อย ราวกับในใจมิเคยมีความสงสัยใดๆ “พี่โม่ ช่วยอู๋โยวอบสมุนไพรได้หรือไม่?”
“โอ้ เอ่อ เื่นี้ย่อมได้แน่นอน...”
แล้วคำว่า “พี่โม่” นี้ มันฟังดูห่างเหินกว่าหรือ? ในใจของโม่ยงไม่อาจเข้าใจได้เลยจริงๆ
ทว่าสตรีงามล่มเมืองผู้อยู่ข้างกาย กลับมิได้ใส่ใจในประเด็นนี้อีกต่อไป นางเริ่มวุ่นวายอยู่ภายในกระท่อมไม้ โม่ยงจึงได้แต่ถอนหายใจยาว พลางสูดดมกลิ่นสมุนไพรที่เคยได้กลิ่นมาก่อนหน้านี้ ผสมปนเปกับกลิ่นกายหอมหวานของเยว่อู๋โยว ทำความรู้จักกับชีวิตที่กำลังเผชิญหน้า
“ยังต้อง...ประสานแนบชิดกันต่อหรือ?”
ความรู้สึกที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีในใจ ตอนนี้ก็ได้แต่โยนทิ้งไว้เื้ัแล้ว
......
พำนักในแดนมนุษย์ ปราศจากความอึกทึกครึกโครมของรถม้า
วันเวลาที่ทั้งสองใช้ร่วมกันในกระท่อมไม้นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในหนึ่งเดือน ราวสี่วัน เยว่อู๋โยวจะไม่สนใจความปรารถนาของโม่ยง นางค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ มอบกายอันงดงามให้แก่ผู้ร่วมชายคาที่เปลี่ยนจากหนุ่มน้อยเป็ชายหนุ่ม นางมักจะไร้ซึ่งสีหน้า ขึ้นคร่อมบนแท่งัผงาดที่โม่ยงมิอาจควบคุมได้ น้ำวิสุทธิ์ก็ไหลรินชุ่มฉ่ำช่องบุปผา ราวกับได้ตกลงกันไว้แต่เนิ่นๆ หล่อเลี้ยงส่วนล่างอย่างง่ายดาย กลืนกินสิ่งใหญ่โตที่ไม่สมส่วนกับรูปร่างของชายหนุ่มอย่างตะกละตะกลาม
ร่องสวาทของเยว่อู๋โยวลึกล้ำ ร้อนระอุจนยากจะทนทาน แม้ว่าในขณะร่วมรัก ทั้งสองจะไม่เคยสนทนากัน แต่เซียนกระบี่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับสตรีใดมาก่อน กลับค่อยๆ รู้สึกใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เอ่ยเรียกเขาว่า “พี่โม่” โดยไม่รู้ตัว
เมื่อจำนวนครั้งในการบำเพ็ญคู่บนเตียงเพิ่มขึ้น โม่ยงััได้ถึงพลังบางอย่างที่ค่อยๆ เติมเต็มร่างกายของเขา
ทุกครั้งที่เยว่อู๋โยวลุกขึ้นจากเตียง เช็ดร่างกายอวบอิ่มที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่ออันหอมหวานที่ด้านข้างนั้น ชายหนุ่มก็จะอาศัยการบำเพ็ญเพียรในอดีต เข้าฌานปรับลมปราณ ลมปราณที่ไหลเวียนนั้นพิสดารเกินบรรยาย กระแสความร้อนนั้นประหนึ่งอ้อมกอดอันอ่อนโยนของเยว่อู๋โยว คอยปลอบประโลมเส้นลมปราณที่ขาดสะบั้นจากการต่อสู้
เจี่ยหลี เซียนกระบี่หนุ่มที่ได้รับาเ็สาหัสจนมิอาจเคลื่อนไหวได้ หลังจากผ่านไปครึ่งปี ก็กลายเป็โม่ยงชายหนุ่มผู้สามารถบำเพ็ญเพียรได้อย่างสงบ และระยะเวลาที่เขาควบคุมพลังในร่างกายนั้นก็สั้นลงเรื่อยๆ ในวันนี้ เมื่อเขาสำเร็จการบำเพ็ญเพียรก็ลืมตาขึ้น พบว่าเยว่อู๋โยวก็ยังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ดังนั้นโม่ยงจึงลุกขึ้น หยิบหวีไม้ที่อยู่บนหัวเตียง ส่งให้กับเยว่อู๋โยวที่ยกมือขึ้นสูงและกำลังรวบผมเป็มัด สตรีผิวสีน้ำผึ้ง ผมสีเงินผู้นี้เพียงแต่หันกลับมามองโม่ยงแวบหนึ่ง ในสายตาปรากฏร่องรอยความลังเล แต่ราวกับไม่ได้คิดสิ่งใด ยากจะคาดเดา
แต่สำหรับโม่ยงที่อยู่ร่วมกันมาครึ่งปี แลกเปลี่ยนอุณหภูมิร่างกายกันบ่อยครั้ง มิได้เป็เช่นนั้น
“นับว่าแปลกตาอยู่เหมือนกัน ใช่หรือไม่?”
“อืม”
เยว่อู๋โยววางมือลง หลุบตาลงเบาๆ ราวกับสัตว์ตัวน้อยแสนเชื่องช้า เมื่อนางหายใจเข้าออกแ่เบา ใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามนั้นดูเหมือนจะไร้อารมณ์ แต่ทรวดทรงองค์เอวอันงามสง่าของนางกลับเผยให้เห็นถึงความอ่อนโยนและความอ่อนหวานราวกับสายน้ำ นางมิได้รับหวีไม้มาแต่อย่างใด เพียงเปลือยทรวงอกที่ยังคงเย้ายวน สวมเสื้อคลุมสีขาวน้ำนมบางเบา ยืนรออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
โม่ยงจึงหยิบหวีไม้ขึ้นมา แล้วหวีผมราวกับน้ำตกสีเงินของนาง หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง... ในทุกครั้งที่หวีเลื่อนผ่าน ความรู้สึกนุ่มลื่นนั้นก็ราวกับคลื่นน้ำใสซัดสาดในใจ
“อู๋โยว ข้าต้องทำเช่นไร จึงจะได้ใจเ้ามาครองโดยไม่ต้องฉวยโอกาสจากเ้าเช่นนี้?”
“ฉวยโอกาส?” เยว่อู๋โยวไม่ได้ลืมตาขึ้น “พี่โม่ เหตุใดจึงคิดเช่นนั้น?”
“ก็ข้าคิดเช่นนั้น”
หลังจากหวีผมสีเงินเสร็จ โม่ยงก็มอบเครื่องประดับผมที่นางใช้เป็ประจำให้ในมือ จากนั้นก็เตรียมจะจากไป
“ต่อให้ข้าอนุญาตแล้ว พี่โม่ก็ยังรู้สึกว่าฉวยโอกาสอยู่หรือ?” เยว่อู๋โยวมิได้ปักปิ่น เพียงแต่หันกลับมาจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตาที่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปในหัวใจได้
“เ้าดูแลข้าเป็อย่างดีทุกอย่าง ข้าติดหนี้เ้า”
“หากท่านคิดเช่นนั้น ก็จงติดค้างกันต่อไปเถิด” หญิงสาวยกเครื่องประดับผมขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วส่งคืนให้โม่ยง
ไม่รู้เพราะเหตุใด แม้ว่าเยว่อู๋โยวจะมีอารมณ์เ็า แต่ชายหนุ่มก็มองออกว่าตอนนี้ นางกำลังโกรธ กำลังงอนเขาอยู่
“หากข้าปักปิ่นให้เ้า เ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอย่างไร?”
“อืม”
ไม่มีช่องว่างสำหรับการเจรจา เมื่อนางอนุญาตแล้ว เพียงทำในสิ่งที่นาง้าก็เพียงพอ
ดังนั้น โม่ยงจึงค่อยๆ ปักปิ่นให้แก่นาง ความรู้สึกอบอุ่นเล็กๆ ก่อตัวขึ้นในใจ
“หากข้าสามารถละทิ้งเื่ราวของสำนักเซียนและยุทธภพได้ ข้าก็อยากจะอยู่กับอู๋โยวที่นี่ไปชั่วชีวิต”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เยว่อู๋โยวก็พยักหน้าเบาๆ เพียงกล่าวว่า “เ้าค่ะ” สีหน้าและน้ำเสียงยังคงราบเรียบ ใบหูแดงเรื่อเล็กน้อย
ข้าเป็หนี้เ้า โม่ยงยกยิ้ม ทว่าคำพูดในใจกลับเต็มไปด้วยความลังเล
ถึงจะกล่าวว่ามิอาจหลีกเลี่ยง ทั้งยังถูกลอบทำร้ายเพราะความประมาท แต่เมื่อพลัดตกจากเมฆามาสู่โลกมนุษย์ การพลัดพรากจากสำนักก็เนิ่นนานถึงครึ่งปี เวลาในถ้ำ์ไม่เท่ากับโลกมนุษย์ ทว่าเมื่อลองคำนวณดู การที่ต้องจากมาอย่างกะทันหันจากด่านเหยียนฮู่ เขากลับไม่รู้ว่าศิษย์น้องทั้งหลายจะเป็เช่นไรบ้าง
ไม่ว่าจะอย่างไร โม่ยงก็เข้าใจว่าตนเองมิใช่เซียนอีกต่อไป
เื่ราวต่างๆ ในสำนักเซียน บางทีอาจไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว ที่นี่คือที่ใด? ผู้ที่พำนักอยู่คือใคร? เขาและนางก็แค่เซียนกระบี่ตก์กับสตรีโอสถเท่านั้น