“นายท่านเจียงกุ่ยตายในวังปีศาจเป็ลางร้ายนัก ท่านไม่ควรให้เขาอยู่พักั้แ่แรก หากไล่เขาออกไปก่อนหน้าก็สิ้นเื่แล้ว”เสียงเล็กของอาจิ่วบ่นพึมพำ เป็เดือดเป็ร้อนแทนผม
“หากข้าผู้นี้รู้ว่าจะเกิดเื่ขึ้นก็คงไม่ให้เขาอยู่ต่อหรอก ในเมื่อเื่มาถึงขั้นนี้แล้ว คงต้องสืบเสาะให้รู้แจ้งก่อนแล้วค่อยว่ากัน”ผมหันหลังกลับแล้วเดินไปยังโรงเก็บฟืน“แต่ก่อนอื่นข้าต้องดูแลซ่งฉียวนให้เรียบร้อยก่อน จึงจะกลับไปอย่างเบาใจได้”
เมื่อกลับมาถึงห้องลับอีกครั้งซ่งฉียวนก็ยังคงหลับอยู่ เขานอนหลับสนิทพอสมควร เพียงแต่เตียงที่เขากำลังนอนอยู่ใต้ร่างนั้นดูแสบตาไปจริงๆเมื่อเห็นสีที่แดงฉานรังแต่จะทำให้ผมรู้สึกอึดอัด
ผมลากเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องประกอบฉากความซาดิสต์ที่ยังนับว่าปกติอยู่เข้ามาแล้วนั่งลงข้างเขาตรงข้างเตียง นี่เป็ครั้งแรกที่สามารถสงบสติอารมณ์มาดูหน้าดูตาของเด็กคนนี้ได้
เขาเป็ตัวเอกที่ผมสร้างขึ้นมาเองกับมือไม่ว่าก่อนหน้านี้เขาจะปฏิบัติต่อผมอย่างไร หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับผมและเขาในอนาคตหากเพียงมองในตอนนี้แล้ว เขาก็เป็แค่เด็กที่น่าสงสาร และถูกโชคชะตากลั่นแกล้งคนหนึ่ง
ผมเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของเขาไปมาร่างเขาแข็งทื่อ ไร้การรับรู้ทว่าเมื่อเห็นขนตาอันงอนหนาที่แผ่ปรกเป็เงาลงมายังใต้ตา จมูกโด่งเป็สันและริมฝีปากบางของเขาแล้ว รูปโฉมกลับดูงดงามทีเดียวภาพของซ่งฉียวนในชาติที่แล้วฉายแวบขึ้นมาในหัวของผมโดยไม่รู้ตัว ผมกลืนน้ำลายลงคอช่างเป็วิธีการเก็บซ่อนความโเี้ภายใต้รูปโฉมที่ดีจริงๆ
“อวี๋เคอ”
“! ” เด็กน้อยที่เดิมทีนอนหลับสนิท จู่ๆ ก็ร้องเรียกชื่อผมออกมาช่างน่ากลัวจริงๆ
“ให้ตายเถอะ นายท่านเหตุใดเขาจึงเอาแต่เรียกชื่อท่านในความฝันเล่า? ” ตอนแรกผมคิดว่าซ่งฉียวนจะต้องด่าผมในความฝันเป็แน่ในใจจึงร้อนรุ่มเพราะไม่อยากให้อาจิ่วหัวเราะเยาะแล้วเ้าหมอนี่ยังถามผมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจอีก ทำให้ผมไม่รู้ว่าจะตอบไปว่าอย่างไรดี
“อวี๋เคอ... จะตาย... เร็วเพียงนี้...ได้อย่างไร”
วาจาในฝันของคนเรามักฟังไม่ค่อยรู้เื่หรือส่วนใหญ่ก็คือสับสนในความคิด ซ่งฉียวนพูดพึมพำอยู่ค่อนวันผมก็ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เขาพูดมันหมายความว่าอย่างไรทว่ายังโชคดีที่เขาพูดอย่างคลุมเครือ ไม่ได้พูดถึงเื่ที่จะฆ่าผมอะไรแบบนั้นไม่อย่างนั้นผมที่นั่งฟังอยู่ตรงนี้คงจะรู้สึกอึดอัดมากจริงๆ
เวลาล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อาจิ่วปีนขึ้นไปนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงเป็ที่เรียบร้อยแล้วผมลังเลอยู่พักใหญ่กว่าจะปีนขึ้นเตียงไป เพียงแต่ไม่ได้เอนตัวนอนลง ทว่านั่งขัดสมาธิเพื่อพยายามเข้าสู่สิ่งที่เรียกว่าฌาน
ผมเข้าไม่ถึงความแข็งแกร่งของอวี๋เคอเลยจริงๆแล้วการโจมตีหร่วนสือจิ่วในวันนี้ล้วนอาศัยพลังอันป่าเถื่อนและปราณอันทรงพลังทั้งหมดในร่างกายผมไม่มีกระบวนท่าและขั้นบรรลุที่ผู้ฝึกตนขั้นมหายานคนหนึ่งควรจะมีที่เชื่อมถึงพลังแห่งฟ้าดินเ่าั้เลยหากพูดให้ถูกก็คือ ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่ไม่สามารถต่างหาก...
ผมหลับตาลงแล้วมองเข้าไปในนั้นพบว่าภายในร่างกายของตัวเองเป็ห้องคลังสีทอง โดยมีกระแสพลังปราณสีทองหมุนวนล้อมรอบเส้นลมปราณจนเืลมที่เปล่งแสงสีทองเป็ริ้วๆ ไหลผ่านไปยังจุดตันเถียนบริเวณนั้นมีพายุกำลังแรงสีทองขนาดเท่ากำปั้นกำลังพัดหมุนด้วยความเร็วสูงในขณะที่กำลังดูดซับกระแสพลังปราณก็พลางนำกระแสพลังปราณเหล่านี้หวนกลับสู่เส้นลมปราณใหม่อีกครั้ง ด้วยวิธีนี้จึงทำให้ร่างกายสามารถกักเก็บพลังปราณได้อย่างเต็มกำลัง
อย่างนั้นก็หมายความว่าพายุกำลังแรงในจุดตันเถียนนี้กำลังแสดงถึงการบำเพ็ญเพียรของผมทว่า... ดวงจิตของผมสั่นไหวจากนั้นอวี๋เคอกายสีทองขนาดย่อมก็พุ่งออกมาจากหว่างคิ้ว และยืนอยู่ด้านหน้าของผมนี่คือจิติญญาของผม คือการวิวัฒน์ของทารกแรกเกิด
ถ้าพูดให้ถูก สองสิ่งนี้เป็สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผมเมื่อจุดตันเถียนถูกทำลายผมก็จะกลายเป็ปุถุชนธรรมดาที่จะปล่อยให้ใครมาเชือดก็ได้ [1]และหากปราศจากจิติญญาผมก็จะมลายหายสิ้นไปจากโลกใบนี้ ถ้าอยากจะดำรงอยู่บนโลกใบนี้จะขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้เด็ดขาด
ผมดึงจิติญญากลับมาแล้วหลับตาลงอีกครั้งเพื่อััถึงพลังธรรมชาติระหว่างโลกและ์ก่อนหน้านี้อวี๋เคอมีพลังที่เชื่อมถึงอาณัติแห่งฟ้าดินและตอนนี้ได้แปรเปลี่ยนมาเป็ตัวผม กระบวนท่าอันพิศวงเหล่านี้ผมเป็คนเขียนขึ้นมาดังนั้นการจะวาดเสือด้วยแมว [2] ก็ไม่ใช่เื่ยากอะไรเพียงแค่สงบจิตลงก็จะสามารถค่อยๆ ััได้ถึงธาตุที่กำลังไหลเวียนอยู่รอบด้านคราวนี้ก็เพียงแค่... เอ๋?
การเข้าฌานของผมถูกขัดจังหวะ จากนั้นจึงหันไปมองมือที่กำลังจับชายเสื้อของตัวเองมุมปากกระตุกไปมา เป็อย่างที่คุณคิดเด็กคนนี้ดึงชายเสื้อคลุมของผมเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยจากนั้นก็พลิกตัวเข้ามาหาผม แล้วก็กอดต้นขาผมเอาไว้...
โอ๊ย บ้าเอ้ย... โดนตัวเอกกอดต้นขาต้องทำอย่างไร? เร็ว ชาวเน็ต!
......
เชิงอรรถ
[1] ปล่อยให้ใครมาเชือดก็ได้หมายถึง ไร้ความสามารถที่จะต่อสู้ หรือขัดขืน
[2] วาดเสือด้วยแมวหมายถึง การวาดเสือโดยใช้แมวเป็แบบ เนื่องจากเสือและแมวมีความคล้ายคลึงกันคือการเลียนแบบสิ่งหนึ่งด้วยความไม่แน่ใจ