จะยอมเปลี่ยนจากภรรยาเอกเป็อนุไหมน่ะหรือ? จ้าวหยวนเช่อมองกู้เจิงที่กำลังมองเสิ่นเยี่ยนอย่างเลื่อมใส นางไม่เคยมองเขาเหมือนกับที่มองเสิ่นเยี่ยนเลย สตรีนางนี้ไม่เคยยอมถูกพันธนาการ ภายนอกนางอาจจะดูอ่อนหวาน แต่เวลานางจะจากไปกลับเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ให้นางเปลี่ยนจากภรรยาเอกกลายเป็อนุงั้นหรือ นางไม่ยอมอย่างแน่นอน
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้คนต่างกระตือรือร้นที่จะทายปริศนามากขึ้น เพื่อที่การละเล่นจะได้สิ้นสุดลงเสียที
โคมไฟในมือของกู้เจิงเพิ่มขึ้นอีกหลายอัน นางเลือกโคมไฟเพียงสองดวงที่ชื่นชอบเก็บเอาไว้ หลังจากจดตัวเลขแล้ว อันที่เหลือนางก็แบ่งให้คนอื่นๆ ไป เสิ่นเยี่ยนทายปริศนาเก่งมาก แต่เซี่ยกงเจวี๋ยน้อยก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันนัก
กู้เจิงมองคนทั้งสองที่อาจจะเป็ญาติพี่น้องกัน นางคิดว่าถ้าเป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ วันหน้าหลังจากรู้ความจริงแล้ว ก็น่าจะเื่ราวที่ดี
ปริศนาข้อสุดท้ายถูกเสิ่นเยี่ยนแก้ได้ กู้เจิงะโปรบมืออย่างดีใจ
กู้เหยาและองค์หญิงสิบเอ็ดมองเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยด้วยสีหน้าผิดหวัง กู้เหยารีบแปรพรรคในทันที นางเดินไปหาเสิ่นเยี่ยนและเอ่ยชม “พี่เขยใหญ่ ท่านยอดเยี่ยมมากเ้าค่ะ ข้าไม่อยากอยู่กลุ่มเดียวกับเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยแล้ว ข้าจะอยู่กลุ่มเดียวกับท่านเ้าค่ะ”
“ข้าเองก็อยากอยู่กับใต้เท้าเสิ่นและพี่ใหญ่กู้เหมือนกัน” องค์หญิงสิบเอ็ดรีบตามกู้เหยามาด้วย
เซี่ยกงเจวี๋ยน้อย “...”
กู้เจิงมองเด็กสาวสองคนนี้อย่างขบขัน นางเห็นทั้งสองคนเอาแต่จ้องโคมไฟในมือของนางอย่างชื่นชอบ นางเลยมอบมันให้แก่พวกนาง
“ฮูหยินน้อยเสิ่น” ผู้ที่ถ่ายทอดคำสั่งจากฮองเฮาเดินเข้ามาหากู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยน “การทายปริศนาในวันนี้ ใต้เท้าเสิ่นได้โคมไฟเยอะที่สุด อีกไม่กี่วันขอให้ใต้เท้าเสิ่นพาฮูหยินเข้าวังไปรับรางวัลด้วยขอรับ”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณกงกงมาก” กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนกล่าวขอบคุณ
เทศกาลโคมไฟในวันนี้ เป็เทศกาลที่กู้เจิงรู้สึกสนุกที่สุด
“คิดไม่ถึงว่าฉางหวายจะทายปริศนาได้มากขนาดนี้” องค์ชายสี่เยี่ยนอ๋องและตวนอ๋องเดินเข้ามาหาพวกเขา
กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนรีบทำความเคารพ
“ไม่รู้ว่ารางวัลของฮองเฮาจะเป็อะไรนะเพคะ?” กู้อิ๋งเอ่ยถามอย่างสงสัย
“พรุ่งนี้เข้าวังไปถามพระชายารัชทายาทก็รู้แล้ว” พระชายาสี่กล่าวตอบ
กู้อิ๋งมองพี่ใหญ่ด้วยความอิจฉา เพราะพี่เขยใหญ่ปฏิบัติต่อนางอย่างดี ไม่เหมือนสามีของนาง ที่หลังจากแต่งงานไป เขาก็ไม่ค่อยพูดคุยกับนางเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“นี่ก็ดึกมากแล้ว ถึงเวลากลับกันแล้ว” พระชายาสี่กล่าวกับทุกคน
“รถม้าถูกจัดเตรียมไว้ข้างนอกแล้วเพคะ” กู้อิ๋งรีบแจ้ง
“ข้าจะขึ้นรถม้าคันเดียวกับเสด็จป้ารอง” พระโอรสในวัยห้าขวบของพระชายาสี่วิ่งเข้ามากอดขาของพระชายารองพร้อมเงยหน้าออดอ้อน
“ได้ๆ เ้าหนูน้อยกลับพร้อมกับเสด็จป้ารองนะ” พระชายารองอุ้มเ้าตัวเล็กขึ้นมาอย่างมีความสุข ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความรักใคร่
พระชายารองมีรูปโฉมงดงาม แม้ว่าคืนนี้นางจะไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากนัก แต่ใบหน้านี้ก็ดูมีเสน่ห์อยู่หลายส่วน แต่กู้เจิงมองออกว่าคืนนี้นางไม่ได้มีความสุขนัก มีเพียงตอนที่อยู่กับเด็กน้อยคนนี้เท่านั้นถึงได้ดูมีความสุข
“เ้าเด็กคนนี้ รู้จักแต่จะอยู่กับพี่สะใภ้รอง” พระชายาสี่หยิกแก้มเล็กอวบอ้วนของพระโอรสอย่างเอ็นดู
รถม้าจอดรออยู่ด้านนอกหมดแล้ว ทุกคนที่มาร่วมงานล้วนเป็บุตรชายบุตรสาวของตระกูลสูงศักดิ์ รถม้าททั้งหมดจึงถูกล่ามด้วยม้าสองตัว มีเพียงรถม้าของกู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนที่ใช้ม้าตัวเดียว
“พี่ใหญ่ พวกเราไปก่อนนะ” กู้อิ๋ง กู้เหยา และตวนอ๋องนั่งรถม้าคันเดียวกัน กู้เหยาก้าวขึ้นรถก่อนจะเลิกม่านบอกลากู้เจิง
กู้เจิงโบกมือลาทุกคน
ตวนอ๋องเป็คนสุดท้ายที่ก้าวเท้าขึ้นรถ จังหวะที่เขาปล่อยม่านลง เขาได้เบือนหน้ามามองกู้เจิง แต่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่แม้แต่จะสนใจมองเขาเลย เขาได้แต่อดกลั้นความโกรธเอาไว้ในใจ
ด้านหน้าและหลังรถม้าขององค์หญิงสิบเอ็ดล้วนเป็ทหารองครักษ์หลวง
พระโอรสของพระชายาสี่และตัวพระชายาสี่ได้นั่งมาในรถม้าของพระชายารอง และมีทหารองครักษ์ตามมาคอยคุ้มกัน
“ท่านพี่ เป็อะไรหรือเ้าคะ?” กู้เจิงถามขึ้นขณะที่นางจะจูงมือสามีเดินกลับมาที่รถม้าของตน เสิ่นเยี่ยนกำลังขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“คนขับรถม้าพวกนั้นดูไม่เหมือนตอนที่มาเลย” คิ้วของเขาขมวดเป็ปมขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านเห็นหน้าตาของคนขับรถม้าหรือเ้าคะ?” กู้เจิงถามต่อ
“เปล่า”
“แล้วทำไมท่านถึงบอกว่าไม่เหมือนล่ะเ้าค่ะ?”
เสิ่นเยี่ยนแจกแจง “คนขับรถม้าของจวนตวนอ๋องมีหลายคน แต่พวกเขามักจะพยายามทุกวิถีทางที่จะให้ตวนอ๋องจำหน้าตาของพวกเขาได้”
กู้เจิงไม่ได้สังเกตคนขับรถม้าเ่าั้เลย “แล้วเมื่อครู่นั่นไม่ใช่อย่างนั้นหรือเ้าคะ?”
“เหมือนจะมีอะไรแปลกไป”
“พี่ใหญ่ พี่เขยใหญ่” เสียงของกู้เจิ้งชินะโมาจากด้านหลัง
กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนหมุนตัวไป พวกเขาเห็นเจิ้งชิน องค์ชายสิบสอง และเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยเดินเข้ามา ที่ด้านหลังมีคนขับรถม้าที่ยิ้มอย่างประจบประแจงจูงรถม้าเข้ามาและคารวะต่อหน้าคนทั้งสาม
“ทำไมพวกท่านยังไม่ไปอีกขอรับ?” กู้เจิ้งชินรีบถาม
สายตาของกู้เจิงลอบมองไปยังสารถีตรงหน้า ดู
“พี่ใหญ่?” กู้เจิ้งชินเรียกซ้ำ
กู้เจิงถอนสายตากลับไปมองน้องรอง “นี่ก็จะไปแล้วล่ะ วันนี้เ้าจะกลับวังหรือกลับบ้าน?”
“วันนี้กลับบ้านขอรับ ท่านพ่อท่านแม่ยังรอข้ากลับไปกินทังหยวนอยู่” กู้เจิ้งตอบ “องค์ชายสิบสองกับฉางชิงจะไปส่งข้ากลับจวนด้วยขอรับ”
กู้เจิงพยักหน้ารับรู้
ข้ารับใช้จากในวังกางร่มมาส่งพวกเขาขึ้นรถม้า ขณะที่ทั้งสามคนกำลังก้าวออกไปท่ามกลางสายฝน จู่ๆ ก็มีเสียงหวีดแหลมดังขึ้น
ม้าหลายตัวในบริเวณเกิดใ และทำให้เกิดความวุ่นวายในพริบตา
“ไม่ดีแล้ว มันเป็เสียงเป่าปาก” เสิ่นเยี่ยนมีสีหน้าตึงเครียดขึ้น เขาดันกู้เจิงไปอยู่ข้างกายกู้เจิ้งชิน “เจิ้งชิน ไปส่งพี่ใหญ่เ้ากลับบ้านด้วย” กล่าวจบเขาก็หันไปพูดกับคนจากในวัง ว่า “รีบไปจูงม้ามาเร็วเข้า”
“ท่านพี่ มีอะไรหรือเ้าคะ?” กู้เจิงรีบถาม
“ดูท่าจะมีคนลงมือกับตวนอ๋องในคืนนี้” เขาเห็นกู้เจิงเป็กังวล สีหน้าเ็าของเขาก็เปลี่ยนเป็อ่อนโยน “เ้าวางใจเถอะ ทุกอย่างเตรียมการไว้แล้ว ไม่มีอะไรหรอก” ว่าแล้วเขาก็เดินไปหาเซี่ยกงเจวี๋ยน้อย และหยิบป้ายคำสั่งออกมาจากอกเสื้อแล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “นำสิ่งนี้ไปส่งให้ถึงมือคนที่ชื่อจางหลี่หนานในค่ายทหารที่อยู่นอกเมือง แล้วเขาจะเข้าใจเอง”
“ข้าหรือ?” เซี่ยฉางชิงใกับเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าใบหน้าอันเคร่งขรึมของบิดาถึงซ้อนทับกับใบหน้าของใต้เท้าเสิ่น
“บิดาเ้าเป็เทพาแห่งต้าเยว่ งานแค่นี้เซี่ยกงจวี๋ยน้อยคงทำได้กระมัง?” เสิ่นเยี่ยนมองใบหน้าที่งดงามยิ่งกว่าสตรีของเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยอย่างเ็า
ในสมองของเซี่ยฉางชิงฉายภาพแววตาเ็าของบิดาเวลามองมาที่เขาอีกครั้ง เขาไม่อยากให้ท่านพ่อผิดหวัง แต่ร่างกายของเขาก็อ่อนแอเกินไป “แน่นอน”
“ใต้เท้าเสิ่น เกิดเื่อะไรขึ้นงั้นหรือ?” องค์ชายสิบสองก็ถามขึ้นบ้าง
“ไว้องค์ชายสิบสองค่อยไปถามตวนอ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อพูดจบเขาก็เดินไปหากู้เจิงแล้วกระซิบเบาๆ ว่า “ไม่นานข้าจะกลับมา”
กู้เจิงพยักหน้า “ท่านต้องระวังให้มากนะเ้าคะ”
เมื่อข้ารับใช้นำม้ามาให้ เสิ่นเยี่ยนก็ะโขึ้นม้า แล้วรีบควบออกไปในทันที
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?” องค์ชายสิบสองถามอย่างร้อนรน “หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่ามีคนลงมือกับพี่ห้า? ใครจะทำอะไรกับพี่ห้า?”
คำถามเหล่านี้ทุกคนล้วนอยากรู้
“ข้าจะไปค่ายทหารหาคนที่ชื่อจางหลี่หนาน” เซี่ยฉางชิงพึมพำ เขาหันไปบอกบ่าวรับใช้ว่า “รีบไปเตรียมม้าเร็วมาให้ข้า”
“ขอรับ”
“ฉางชิง เ้าไหวหรือ?” องค์ชายสิบสองและเซี่ยฉางชิงเติบโตมาด้วยกัน เขารู้ว่าร่างกายของเซี่ยกงเจวี๋ยน้อยนั้นอ่อนแอมาก ตอนนี้ฝนก็ยังตกหนักอยู่ และอากาศก็หนาวเย็น “เ้าใช้บ่าวไปแทนเถอะ”
“ไม่ได้” กู้เจิงได้ยินก็รีบถลึงตาใส่องค์ชายสิบสอง “นี่เป็เื่สำคัญถึงชีวิต จะหาใช้คนอื่นตามใจชอบได้ยังไงเพคะ?”
“ของในมือข้าดูเหมือนจะเป็ตราอาญาสิทธิ์ของค่ายทหารทางประตูทิศใต้” เซี่ยฉางชิงมองป้ายพยัคฆ์ครึ่งตัวที่เสิ่นเยี่ยนมอบให้เขา มันสลักคำว่ากองพันใต้ไว้
“ว่าไงนะ?” องค์ชายสิบสองอุทาน เขารีบหยิบป้ายคำสั่งในมือของเซี่ยฉางชิงมาดู เป็ตราพยัคฆ์ครึ่งตัว และเป็ตราอาญาสิทธิ์จริงๆ แม้จะเป็ตราอาญาสิทธิ์ของค่ายประตูทิศใต้ แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาใได้ ตราอาญาสิทธิ์หมายความว่าเสิ่นเยี่ยนจะระดมกำลังทหารม้า เพราะเกิดเื่ใหญ่ขึ้น “ข้าต้องเข้าวัง ข้าต้องรีบเข้าวัง”
ขณะนั้นเอง บ่าวรับใช้ก็ได้จูงม้าเข้ามา
เซี่ยฉางชิงรีบขึ้นม้าและควบม้าออกไปท่ามกลางสายฝนโดยไม่รอช้าอีก
“มัวยืนอึ้งอะไรอยู่? จูงม้ามาให้ข้าด้วย เร็วเข้าสิ” องค์ชายสิบสองตะคอกใส่พวกบ่าว
ไม่นานพวกบ่าวก็จูงม้าเข้ามา องค์ชายสิบสองรีบขึ้นม้าแล้วควบหายไปท่ามกลางสายฝนเช่นกัน เหล่าองครักษ์คุ้มกันก็รีบตามเขาไปด้วย
ที่หน้าประตูงานโคมไฟจึงเหลือเพียงกู้เจิงและกู้เจิ้งชิน