“ตามที่เ้า้า
เยี่ยเฉินเฟิงไม่คิดว่าเหลียนอวี้หลงจะะโขึ้นเวทีประลองแล้วกล่าวท้าตนเองในทันที มุมปากของเขายกสูงขึ้นเผยรอยยิ้มเ็าที่ยากจะสังเกตเห็น ลำตัวยืดตรงก้าวะโตามขึ้นไปบนเวทีประลอง จ้องตากับเหลียนอวี้หลงอย่างไม่คิดจะเกรงกลัว
“อวี้หลงเ้าเด็กคนนี้ ทำไมถึงได้รีบร้อนนักนะ ไม่รู้จักเหลือโอกาสไว้ให้ผู้อื่นได้แสดงฝีมือเสียบ้างเลย” เหลียนวั่นซงผู้เป็หัวหน้าตระกูลเหลียนเอ่ยขึ้นคล้ายกำลังกล่าวโทษ แต่สีหน้ากลับแสดงความพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด
“ด้วยระดับพลังของอวี้หลง จะขึ้นเวทีประลองช้าหรือไวก็ไม่ต่างกันนักหรอก อันดับหนึ่งในการทดสอบปลายปีของสำนักฝึกยุทธ์ไป๋ตี้ย่อมต้องเป็ของเขาอยู่แล้วล่ะ”
“ประมุขเหลียน พวกข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับท่านด้วย...”
ตระกูลชั้นสูงและตระกูลเศรษฐีร่ำรวยในเมืองไป๋ตี้จำนวนไม่น้อยที่กำลังพึ่งพิงตระกูลเหลียนอยู่ ต่างพากันเข้ามากล่าวอวยพรให้อย่างไม่ขาดสาย จนเหลียนวั่นซงที่ได้ฟังถึงกับหน้าบานด้วยความสุขใจ
อีกด้านหนึ่ง ไป๋ซีหย่าที่นั่งไกลออกมากำลังโกรธจัดจนควันออกหู ไป๋ซีซานที่เห็นหลานสาวนั่งทำหน้างอง้ำจึงตบหลังมือเนียนนุ่มของนางเบาๆ พร้อมกล่าว “ตั้งใจดูการประลองเถอะ ของอย่างนี้ต้องใช้ฝีมือมาสรุปผล”
“เยี่ยเฉินเฟิง ข้าเองก็ไม่อยากจะรังแกเ้าให้มากนัก เห็นแก่ที่เ้าไม่มีอาวุธประจำกายเลยสักชิ้น ข้าจะต่อให้เ้าสามกระบวนท่าก็แล้วกัน ภายในสามกระบวนท่านี้ข้าจะป้องกันเพียงอย่างเดียว ไม่จู่โจมกลับ” เหลียนอวี้หลงเห็นว่าเยี่ยเฉินเฟิงไร้อาวุธติดกายจึงแสร้งทำเป็พูดอย่างใจกว้าง
“นายน้อยเหลียนช่างเยี่ยมยอด ให้เ้าขยะนั่นได้รู้ตัวสักทีว่าอะไรคือความต่างชั้น”
“นายน้อยเหลียน อัดเ้าคนไร้ค่านั่นให้เละเป็โจ๊กไปเลย ให้มันรู้กันไปว่าใครร้ายกาจกว่ากัน”
ได้ยินน้ำเสียงโอหังวางท่าของเหลียนอวี้หลง พวกตี๋วั่นเสียนก็แหกปากร้องะโสนับสนุนอย่างฮึกเหิม
เยี่ยเฉินเฟิงไม่ใส่ใจคำพูดเสียดแทงถากถางที่ดังขึ้นกระทบหูเลยแม้แต่น้อย เขามองเหลียนอวี้หลงด้วยสายตาสงบนิ่ง “หวังว่าเ้าจะยืนหยัดได้จนครบทั้งสามกระบวนท่านะ”
“ฮ่าฮ่า เยี่ยเฉินเฟิง คิดว่าข้ายอมให้เพียงสามกระบวนท่าแล้วเ้าจะมีโอกาสชนะงั้นเรอะ” เหลียนอวี้หลงแสยะยิ้มดูแคลนพลางกล่าวเย้ยหยัน “ข้าเพิ่งรู้ว่าเ้าช่างไร้เดียงสาเสียเหลือเกิน”
“จะไร้เดียงสาจริงหรือไม่ อีกเดี๋ยวเราก็ได้รู้กันแล้ว” แววตาของเยี่ยเฉินเฟิงเปล่งประกายคมกริบ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“อวี้หลงเ้าเด็กคนนี้ ช่างมีรัศมีความองอาจดุจขุนพลแม่ทัพจริงๆ ยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่แล้วล่ะ อัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองไป๋ตี้ต้องยกให้อวี้หลงเลย คาดว่าใช้เวลาอีกไม่นานนัก เขาก็คงจะสามารถก้าวข้ามพวกหัวหงอกอย่างพวกเราไปได้แล้ว”
ในขณะที่ทุกคนกำลังถือหางยกยอเหลียนอวี้หลงอยู่นั้น ก็มีเสียงะโเชียร์ที่ผิดแผกไปจากพวกดังขึ้นมา “เฉินเฟิง พยายามเข้านะ”
เยี่ยเฉินเฟิงหันไปมองทางต้นเสียงบนอัฒจันทร์คนดู จึงพบกับไป๋ซีหย่าผู้งดงามล่มเมืองแม้จะประทินโฉมเพียงบางเบา นางกำลังะโให้กำลังใจเขาด้วยใบหน้าสีแดงระเรื่อ
เยี่ยเฉินเฟิงยิ้มทักทายไป๋ซีหย่าเล็กน้อย ิัทั่วร่างสั่นะเืขึ้นพร้อมกัน เสียงดังสนั่นคล้ายอัสนีบาตรดังขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา ร่างกายพุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างฉับไว พกพาแรงกดดันหนักอึ้งจากพลังกายอันแข็งแกร่งเข้าปะทะกับเหลียนอวี้หลง
“เป็ไปได้อย่างไร ทำไมแรงกดดันจากพลังกายของเขาถึงน่ากลัวขนาดนี้”
เมื่อััแรงกดดันจากพละกำลังที่เยี่ยเฉินเฟิงะเิออกมาได้ รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของเหลียนอวี้หลงก็ถึงกับแข็งค้าง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวพลังิญญาอย่างเยี่ยเฉินเฟิง จะสามารถปลดปล่อยพลังกายที่น่ากลัวเช่นนี้ได้ เขารีบเร่งผสานร่างรวมกับจิตอสูรจระเข้ฟันเหล็กของตนเพื่อเพิ่มพลังิญญาให้สูงขึ้น
“ปัง!”
หมัดขวาของเยี่ยเฉินเฟิงที่หนักถึงห้าพันจิน พุ่งแหวกมวลอากาศชั้นแล้วชั้นเล่าจนกระแทกใส่ทวนยาวตรงหน้าอกของเหลียนอวี้หลงได้สำเร็จ
จากนั้นแรงกระแทกอันน่าหวาดกลัวขุมหนึ่งก็ทะลุผ่านทวนยาวเข้าสู่แขนทั้งสองข้างของเหลียนอวี้หลง ะเืจนแขนของเขาชาหนึบไร้ความรู้สึก บริเวณจุดหูโข่วปริแตกจนมีเืไหล จนเขาไม่อาจประคองด้ามทวนเอาไว้ได้ ต้องปล่อยให้ตัวทวนหลุดมือจนกระแทกเข้ากับหน้าอกของตัวเองอย่างรุนแรง
กระดูกซี่โครงสองท่อนแตกหักโดยสิ้นเชิง เืลมในร่างกายตีกันพลุ่งพล่าน เืสดๆ พุ่งขึ้นมาอยู่ในปากของเขาและกำลังจะกระอักเือย่างหนัก แต่กลับถูกเ้าตัวฝืนกลืนกลับลงไปดั่งเดิม
แต่เพราะกลืนเืก้อนดังกล่าวนี้ลงไป จึงส่งผลให้เืลมในร่างกายของเขายิ่งติดขัด อาการาเ็ภายในจึงสาหัสยิ่งกว่าเดิม
“ไม่คิดเลยว่าเ้าจะสามารถรับหมัดแรกของข้าได้ นับว่าพอจะมีฝีมืออยู่บ้าง” เยี่ยเฉินเฟิงมองเหลียนอวี้หลงที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะเืลมตีปะทะกันวุ่นวาย พลางกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ “ยังเหลืออีกสองกระบวนท่า เ้าเตรียมตั้งรับให้ดีล่ะ”
จบประโยคของเยี่ยเฉินเฟิง สีหน้าของเหลียนอวี้หลงก็ดำทะมึนขึ้นมาทันที เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าเยี่ยเฉินเฟิงจะเป็ตัวประหลาดเช่นนี้ แค่หมัดเดียวก็ทำลายปราการป้องกันของตนจนย่อยยับได้ โจมตีเขาเสียจนแทบจะกระอักเื
แต่ตอนนี้เขาไม่เหลือทางให้ถอยหนีแล้ว ถ้าหากตนเองรับมือสามกระบวนท่าของเยี่ยเฉินเฟิงไม่ได้ ก็จะต้องสูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมการประเมินคุณสมบัติของสำนักฝึกยุทธ์อัคคี์ไป และคงอับอายขายขี้หน้าจนไม่กล้าอยู่ในเมืองไป๋ตี้แห่งนี้ต่อแน่
‘เมื่อครู่นี้คงเป็การโจมตีอย่างสุดกำลังของเขาแล้ว หากข้าป้องกันด้วยพลังทั้งหมดที่มีก็น่าจะทนรับอีกสองกระบวนท่าที่เหลือของเขาได้ ถึงตอนนั้นพอข้าได้เป็ฝ่ายโจมตีโต้ตอบบ้าง ก็จะได้พลิกวิกฤตให้เป็โอกาสและคว้าชัยชนะได้‘ เหลียนอวี้หลงปลอบใจตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีกำลังใจฮึกเหิมในการต่อสู้
ขณะนี้ ความเงียบสงัดเข้าทั่วทั้งสนามประลอง บรรดาลูกกระจ๊อกที่ะโเชียร์เหลียนอวี้หลงเมื่อครู่นี้ต่างก็เงียบเป็เป่าสาก เพราะกำลังตกตะลึงกับภาพเบื้องหน้าอยู่
แม้แต่บิดาของเหลียนอวี้หลงยังไม่อาจทำเป็พูดคุยสนุกสนานต่อได้ รอยยิ้มบนใบหน้าคล้ายถูกแช่แข็ง สีหน้าปรากฏร่องรอยกังวลใจ
“กระบวนท่าที่สอง เ้าจงระวังให้ดีล่ะ”
เยี่ยเฉินเฟิงแสยะยิ้มเ็า พละกำลังทั่วร่างไหลทะลักไปรวมที่หมัดขวาราวกับกระแสน้ำหลาก
เมื่อชกหมัดออกไปมวลอากาศรอบๆ ก็ถูกบีบอัดจนะเิออก เยี่ยเฉินเฟิงชกกำปั้นที่อัดพลังงานใส่ไว้จนเต็มที่เข้าใส่หน้าอกของเหลียนอวี้หลง
“จิตอสูรจระเข้ฟันเหล็ก ป้องกันเต็มกำลัง”
ทันทีที่ััได้ถึงความน่ากลัวของการโจมตีจากเยี่ยเฉินเฟิง เหลียนอวี้หลงก็รีบส่งพลังของจระเข้ฟันเหล็กเข้าไปในด้ามทวน ใช้สองมือจับทวนยาวเอาไว้แน่น เตรียมป้องกันกระบวนท่าที่สองของเยี่ยเฉินเฟิงอย่างสุดกำลัง
“เพล้ง...”
เสียงแตกร้าวแสบแก้วหูดังขึ้น ทวนเฮยหลัวเหวินในมือของเหลียนอวี้หลงทนรับการโจมตีจากหมัดอันทรงพลังของเยี่ยเฉินเฟิงไม่ไหว ตัวทวนจึงปรากฏรอยแตกร้าวจำนวนมาก
ส่วนแขนทั้งสองข้างที่จับทวนเอาไว้ก็ถูกแรงกระแทกจนกล้ามเนื้อฉีกขาด เืจำนวนมากรินไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุม หยดเจิ่งนองอยู่บนพื้นดูน่าตื่นตระหนกเป็อย่างยิ่ง
“พรวด!”
ครั้งนี้เหลียนอวี้หลงไม่อาจหยุดยั้งเืลมที่ตีรวนภายในร่างกายได้อีก เขากระอักเืออกจากปาก ร่างกายสูญเสียการควบคุม เซถอยหลังไปจนเกือบชิดขอบเวทีประลอง เสี่ยงจะถูกปรับแพ้อยู่รอมร่อ
บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบ ผู้คนทั้งหมดต่างจ้องมองภาพเบื้องหน้าอย่างตกตะลึง
“จะ...เ้าเยี่ยเฉินเฟิงมันเป็สัตว์ประหวาดในร่างมนุษย์หรือ? แค่หมัดเดียวถึงกับทำลายทวนเฮยหลัวเหวินนั่นได้”
“น่ากลัวชะมัด ข้าเพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรกนี่แหละ ว่าพลังกายที่ฝึกจนถึงจุดสูงสุดแล้วจะะเิพลังน่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้”
“ไม่จริงน่า เื่มันไม่น่าจะเป็เช่นนี้ได้ นายน้อยเหลียนจะแพ้ได้อย่างไรกัน เขาควรจะทุบตีเ้าเยี่ยเฉินเฟิงนั่นราวกับสุนัขสิ” ตี๋วั่นเสียนไม่อาจทำใจยอมรับความจริงตรงหน้าได้ ถ้าหากเหลียนอวี้หลงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยเฉินเฟิง เื่ที่ตนเองอยากจะแก้แค้นอีกฝ่ายก็คงยากเย็นเหมือนปีนป่าย์น่ะสิ
“เหลียนอวี้หลง ยังเหลือกระบวนท่าสุดท้ายอยู่นะ”
เยี่ยเฉินเฟิงยกยิ้มมุมปาก ทั่วทั้งร่างพลันเพิ่มความเร็วขึ้น พุ่งเข้าจู่โจมเหลียนอวี้หลงด้วยกระบวนท่าที่สาม
“ข้าจะแพ้ไม่ได้ ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมการประเมินของสำนักฝึกยุทธ์อัคคี์จะต้องเป็ข้าเท่านั้น”
หลังจากได้เรียนรู้ว่าพลังของเยี่ยเฉินเฟิงน่ากลัวมากขนาดไหน เหลียนอวี้หลงก็รู้ดีแก่ใจว่าถ้าหากยังคงป้องกันเพียงอย่างเดียวตนเองต้องพ่ายแพ้เป็แน่
ในเสี้ยวพริบตาเดียว ท่ามกลางความคิดสับสนวุ่นวายที่ผุดขึ้นมาในสมอง ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง สองมือประคองทวนด้ามยาวที่มีรอยแตกร้าวพุ่งจู่โจมใส่เยี่ยเฉินเฟิง
“เยี่ยเฉินเฟิง เ้าจงตายไปซะ”
เหลียนอวี้หลงคำรามออกมา ปรากฏภาพเลือนรางของจิตอสูรจระเข้ฟันเหล็กที่ด้านหลังของเขา หลังจากจิตอสูรจระเข้ฟันเหล็กหลอมรวมกับทวนเฮยหลัวเหวินแล้ว พลังโจมตีของตัวทวนก็เพิ่มขึ้นสูงหลายเท่าตัว
“ต่ำช้า เ้าเหลียนอวี้หลงคนนี้ช่างต่ำช้ายิ่งนัก ถึงได้กล้ากลืนน้ำลายตัวเองกลับคำสัญญาต่อหน้าผู้คนมากมาย เขายังมียางอายอยู่บ้างไหม?” ไป๋ซีหย่าผุดลุกขึ้นยืนบนอัฒจันทร์ กล่าวประณามอย่างเดือดดาล
ในขณะที่พวกตี๋วั่นเสียนที่อยู่ด้านล่างเวทีประลองล้วนแสดงสีหน้าดีอกดีใจจนแทบเป็บ้า ในความคิดของพวกเขาขอแค่เหลียนอวี้หลงโจมตีสวนกลับ เยี่ยเฉินเฟิงก็ไม่มีทางได้ชัยชนะไปแล้ว
“เหลียนอวี้หลง ข้ามองเ้าไม่ผิดจริงๆ เสียด้วย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนเ้าก็เป็ได้แค่คนต่ำช้า”
ม่านตาของเยี่ยเฉินเฟิงหดเล็กเท่ารูเข็มบ่งบอกถึงความอันตรายมากที่สุด เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเขาจึงต้องเปิดเผยเื่ที่ตนเองมีพลังิญญาท่ามกลางสายตาของทุกคน ควบคุมพลังิญญาที่ปลดปล่อยจากจิตอสูรไข่โลหิตให้ผสานรวมกับพลังกาย เผชิญหน้ากับทวนยาวของเหลียนอวี้หลงที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้า
