อวิ๋นซีมองท่าทางบิดาตน นางหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ใช่ เป็ข้าที่ไม่ดีเอง ข้าพูดผิดไปแล้ว ที่ข้าโตมาได้เพียงนี้ ลำบากท่านพ่อที่สุดเลย ดังนั้น ในวันหน้าข้าจักต้องกตัญญูท่านอย่างดีแน่นอน”
อวิ๋นซานมองบุตรสาว หัวเราะ “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว พ่อมีเ้าเป็ลูกสาวเพียงคนเดียว หากเ้าไม่กตัญญูต่อพ่อ แล้วจะไปกตัญญูต่อผู้ใด? ” พูดถึงตรงนี้ เขาก็อยากจะััใบหน้างดงามนั้นที่ถึงแม้จะผ่านมาเกือบยี่สิบปีแล้ว แต่เขาผู้เป็บิดาก็ยังไม่อาจปล่อยวางได้ หัวใจเ็ปรุนแรง
……...........................................................................................
ตกกลางคืน อวิ๋นซีและจวินเหยียนต้องเข้าวัง ส่วนอวิ๋นซานที่รออยู่จวนก็รู้ดีว่า สิ่งที่กำลังรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้าจักต้องเป็ปัญหาร้อยแปดอย่างแน่นอน ส่วนตัวเขาที่เป็บิดากลับไม่อาจช่วยเหลือบุตรสาวและสามีของนางได้ ท้ายที่สุดเขาจึงออกไปจากจวนอ๋องด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
ขณะเดียวกันนั้น เดิมทีจ้าวลี่เจียคิดจะมาดูเด็กทั้งสอง ทว่า ตอนที่เดินเข้าไปในเรือน จู่ๆ ก็เห็นเงาหลังของใครบางคนหายลับไป นางจำได้ว่านั่นคือเงาหลังของอวิ๋นซาน เมื่อคิดๆ ไปแล้ว นางก็ได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น มิใช่คนบอกว่า บิดาของอาซีไม่เป็วรยุทธ์หรอกหรือ? ยามนี้ดูแล้วไม่เหมือนสักนิด
หลังจากที่ขบคิดดีแล้วนางก็ลอบติดตามไป เพียงไม่นานก็เห็นอวิ๋นซานปรากฏตัวอยู่ในโรงสุรา เขาให้เสี่ยวเอ้อยกสุรามาให้ไม่น้อยเลย จากนั้นก็นั่งดื่มอย่างบ้าคลั่งอยู่ที่โถงใหญ่นั่น ทุกๆ การกระทำของอีกฝ่าย ทำให้นางได้แต่ถอนใจเบาๆ อย่างไรเสีย เวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน ข่าวลือเสียๆ หายๆ ในเมืองหลวงก็คุมไว้ไม่อยู่แล้ว
คนด้านนอกต่างลือกันว่า อวิ๋นซีไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของอวิ๋นซาน แต่เป็ลูกสาวของหลิงเยว่เซวียนกับอวี๋อ๋อง ซึ่งการที่ลูกพี่ลูกน้องฝั่งบิดาแต่งงานกันนั้นถือเป็เื่ที่คนทั่วไปไม่อาจยอมรับ แต่หลังจากที่นางได้ลองจับใจความจากข่าวลือเ่าั้แล้ว สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า อวิ๋นซีเป็ลูกสาวของหลิงเยว่เซวียน และอวิ๋นซานก็เป็บิดาแท้ๆ ของอวิ๋นซี ดูท่า สตรีที่กลายเป็ชายาอวี๋อ๋องไปในตอนนี้น่าจะเป็มารดาที่ตายไปแล้วของอวิ๋นซี
ส่วนเหตุใดอีกฝ่ายจึงยังมีชีวิตอยู่ หาใช่จุดที่นางสนใจ
ตอนนี้ดูเหมือนว่า สามีภรรยาคู่นี้น่าจะมีศึกใหญ่ให้ต้องฝ่าฟันแล้ว ช่างเป็เื่ที่ยุ่งยากเสียจริง!
ในตอนที่จ้าวลี่เจียกำลังหงุดหงิดใจ และอวิ๋นซานกำลังดื่มอย่างบ้าคลั่ง ในวังหลวงกลับกำลังเฉลิมฉลองร่วมกันอย่างอบอุ่นและครึกครื้น
สำหรับเื่ที่น้องชายของตนกลับมาเมืองหลวงนั้น เสี้ยวเหวินตี้ดีพระทัยยิ่ง เพียงแต่พอนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่เป็งานเลี้ยงที่รับรองเฉพาะคนในราชวงศ์ ซึ่งมีเสี้ยวเหวินตี้ พระโอรสและสะใภ้ทั้งสี่ พระสนมในวังหลังที่เป็ที่โปรดปราณจำนวนหนึ่ง และครอบครัวของอวี๋อ๋อง ส่วนองค์ชายสี่และชายาองค์ชายสี่ในยามนี้ไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงฉลองในครอบครัวด้วย เพราะยังอยู่ระหว่างคุ้มกันไทเฮากลับเมืองหลวง
อวี๋อ๋องรู้ว่าในพระทัยของเสี้ยวเหวินตี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงเป็ฝ่ายลุกขึ้นพูดก่อนใคร “เสด็จพี่ มิคาดน้องจากเมืองหลวงไปได้สิบปี แต่งานอดิเรกเ่าั้ของเหล่าราษฎรในเมืองหลวงก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
“นั่นน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุง ด้านนอกนั่นลือกันว่า พี่สะใภ้ชายาหนิงอ๋องเป็ธิดาของเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของหลาน ด้วยเื่นี้ ทำให้คนรู้สึกขำแล้ว เพราะหากนางเป็พี่หญิงของหลานจริง เช่นนั้นเสด็จพ่อคงต้องเลี้ยงนางให้เติบโตอยู่ข้างกายเป็แน่ เหตุใดจึงต้องให้คนไปอยู่ยังแดนไกลอย่างหานโจวนั่นด้วย”
เสี้ยวเหวินตี้เองก็ทราบดีว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่จริง เพราะน้องชายตนผู้นี้ เขารู้จักดี อีกฝ่ายเป็คนเลือกมาก ต่อให้ในอดีตจะเคยหลับนอนกับสตรีสองสามคนมาบ้าง แต่ก็ล้วนบริสุทธิ์ผุดผ่องทั้งสิ้น อีกทั้ง ตอนนั้นพระมารดาของเขายังเคยตรัสว่า อวี๋อ๋องถึงกับเก็บรักษาครั้งแรกของคนทั้งสองยามชายาอวี๋อ๋องมีหยดโลหิตเอาไว้อย่างหวงแหน
ตอนนั้นเขายังหัวเราะเยาะอวี๋อ๋องเพราะเื่นี้อยู่เลย ดังนั้น สตรีกุ้ยฮวาผู้หนึ่งจะให้กำเนิดบุตรสาวที่โตกว่าบุตรชายของตนเองถึงสองปีได้อย่างไรกัน เื่นี้ชัดเจนว่า ใครบางคนที่มีความคิดชั่วร้ายอาศัยที่อวิ๋นซีและชายาอวี๋อ๋องมีหน้าตาเหมือนกันมาสร้างข่าวลือ
เพียงแต่ไม่รู้ว่า เื่นี้จะเป็ฝีมือของโอรสคนใดของตน
จวินเหยียนพูดเสียงเ็ายิ่ง “ก็แค่ใบหน้าคล้ายกันไม่ใช่หรือ บนโลกนี้สตรีที่หน้าตาคล้ายกันมีอยู่มากมาย”
“คำพูดนี้ของพี่รอง ทำให้คนรู้สึกประหลาดใจแล้ว เหตุที่ใบหน้าคล้ายกันส่วนใหญ่ก็ล้วนมีความสัมพันธ์กันทางสายเื ทว่า เสด็จอาสะใภ้กับพี่สะใภ้รองที่มีหน้าคล้ายกันปานนี้ หากไม่ได้มีสายเืเดียวกัน ก็ถือว่าเป็เื่ที่น่าประหลาดแล้ว” องค์ชายสามโอวหยางเทียนซิงที่น้อยนักจะเปิดปากพูด จู่ๆ ก็พูดขึ้นยิ้มๆ
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินก็ลุกขึ้นกล่าวต่อทันที “เสด็จพ่อเพคะ เื่มารดาของหม่อมฉันนั้น แท้จริงแล้วมีเื่ที่ปิดบังอยู่จริงเพคะ”
เสี้ยวเหวินตี้ถึงกับขมวดคิ้ว “เื่ปิดบังอันใด? ”
ขณะนั้นจวินเหยียน อวี๋อ๋อง และโอวหยางฮ่าวฟานต่างพากันมองไปยังอวิ๋นซี ทว่าอวิ๋นซีกลับเอ่ยตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง “อันที่จริงมีเื่หนึ่งที่เหล่าราษฎรพูดไม่ผิดสักนิด มารดาของอาซียังไม่ตายจริงๆ ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่อย่างดี”
เมื่อนางพูดออกมาเช่นนี้ ทั้งตำหนักใหญ่ก็มีความเคลื่อนไหว แม้แต่หลิงเยว่เซวียนเองก็ยังอดมองอวิ๋นซีไม่ได้ ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าสิ่งที่อวิ๋นซีจะพูดต่อไปนั้น ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากฟัง
อวิ๋นซีถอนใจพูดอย่างปลงๆ “มารดาหม่อมฉันเป็แค่สตรีชาวยุทธ์ อีกทั้ง นางเองก็เป็ผู้ที่มีวิชาแพทย์สูงส่งเฉกเดียวกันกับบิดา ตอนนั้นเมื่อนางคลอดหม่อมฉันออกมา เป็เพราะเื่ของสำนักจึงถูกอาจารย์พาตัวไป ด้วยเหตุนี้ พวกเราสองแม่ลูกจึงต้องพลัดพรากจากกันมาเกือบยี่สิบปี กระทั่ง่ก่อนหน้านี้ อาจารย์ของมารดาสิ้นชีพไป พวกเราแม่ลูกถึงได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง” พูดจบ นางก็มองไปยังหลิงเยว่เซวียน จากนั้นจึงยิ้มบางๆ “ส่วนชายาอวี๋อ๋องนั้น ครั้งแรกที่หม่อมฉันได้เห็นนางก็ใเช่นเดียวกัน อย่างไรเสีย หน้าตาของเราสองก็คล้ายคลึงกันเพียงนี้ ในใจหม่อมฉันทั้งใและประหลาดใจ ถึงกระนั้นหม่อมฉันก็รู้ดีว่า มารดาของหม่อมฉันมีนามว่าจ้าวลี่เจีย หาใช่ชายาอวี๋อ๋องผู้นี้ เพียงแต่ หม่อมฉันเองก็นึกสงสัยว่า แท้จริงแล้วมารดากับชายาอวี๋อ๋อง ไม่แน่ว่าอาจจะเป็พี่น้องกันก็เป็ได้ เพราะพวกนางต่างก็มีหน้าตาที่คล้ายกันมากเช่นกัน! ”
เมื่อจวินเหยียนได้ยินคำพูดของสตรีตัวน้อยก็รู้แล้วว่า นางกำลังคิดจะทำอันใด ยามนี้เกรงว่านางคงตั้งใจจะลากอาจารย์อาน้อยของเขาลงน้ำมาด้วย ให้อาจารย์อาน้อยมาเกี่ยวข้องด้วย? คิดถึงตรงนี้ ชั่วขณะนั้นเขาก็ปวดหัวนัก หากอาจารย์อาน้อยถูกคนวางแผนเช่นนี้ แต่ไม่ยอมให้ความร่วมมือเล่า เื่ราวหลังจากนี้คงจะวุ่นวายไปหมดแน่
อวิ๋นซีเองก็รู้ว่าผลลัพธ์ของเื่นี้ไม่ดียิ่ง แต่ตอนนี้ทุกสิ่งนับว่าไร้หนทาง อย่างไรก็ตาม อาจารย์อาน้อยและหลิงเยว่เซวียนก็มีความคล้ายกันอยู่หลายส่วนจริงๆ หากจับคนมาแต่งตัวให้ดี นางก็มั่นใจเต็มเปี่ยมว่าสามารถเปลี่ยนให้อาจารย์อาน้อยมีความคล้ายตนได้ถึงเก้าส่วน และเมื่อถึงตอนนั้น ยามที่คนปรากฏกายขึ้นก็มีความเป็ไปได้ว่าผู้คนจะเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็มารดาแท้ๆ ของนางมากกว่าหลิงเยว่เซวียนเสียอีก
สองพ่อลูกอวี๋อ๋องมองอวิ๋นซีไปทีหนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าอวิ๋นซีกำลังคิดวางแผนจะทำอันใดกันแน่ ทว่า สิ่งหนึ่งที่พวกเขาแน่ใจก็คือ นางย่อมไม่มีทางทำร้ายหลิงเยว่เซวียน อวี๋อ๋องได้แต่ลอบถอนใจในใจ พวกเขาไม่ควรกลับมาเมืองหลวงจริงๆ ด้วย
ขณะเดียวกันหลิงเยว่เซวียนเองที่ได้ยินถ้อยคำของอวิ๋นซี ใจนางก็ราวกับถูกฉีกทึ้งจนขาดวิ่น ทรมานยิ่ง ทั้งยังรู้สึกเหมือนว่า สิ่งสำคัญในชีวิตของนางกำลังจะหายไปอย่างช้าๆ
อวิ๋นซีไม่แม้แต่จะมองหลิงเยว่เซวียนอีกต่อไป เพราะเื่บางเื่เมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ต้องใจแข็งสักหน่อย ถึงแม้การทำเช่นนี้จะไม่ยุติธรรมต่อทั้งบิดาและมารดา แต่ เพื่อปกป้องคนข้างกาย นี่ก็เป็เพียงวิธีเดียวที่นางพอจะทำได้
ถึงแม้จะบอกว่าร่องรอยบางอย่างในตอนนั้นถูกลบไปจนหมดจดแล้ว แต่คนกลับยังสืบมาได้ว่า ตัวนางและหลิงเยว่เซวียนมีหน้าตาคล้ายกัน ถึงขนาดกล้าวางหมากกระดานนี้ไว้ เช่นนั้นเื่ที่คนคนนั้นรู้ต้องมีไม่น้อย
“ในเมื่อพี่สะใภ้รองได้เจอกับมารดาแล้ว แต่เหตุใดท่านและพี่รองที่ต่างก็กลับมาเมืองหลวงนานเพียงนี้ กลับไม่เห็นบิดามารดาของพี่สะใภ้รองมาเยี่ยมเยียนพวกท่านบ้างเล่า? ” องค์ชายสามถามต่ออย่างไม่ยอมลดราวาศอก