เซี่ยยวี่หลัวออกจากห้องหนังสือซานเว่ยด้วยความดีใจรู้สึกปลาบปลื้มยินดีไปตลอดทาง
นางแต่งกายด้วยชุดบุรุษผิวขาวเนียนนุ่มราวกับแค่โดนััก็อาจร้าวได้ ภายใต้แสงอาทิตย์ในเดือนห้าที่สาดส่องช่างดูน่าหลงใหลยิ่งนัก ขนตายาวหนาราวกับแปรงสองอัน ั์ตาสีดำสนิทดุจน้ำหมึกฉายประกายอบอุ่นริมฝีปากสีชมพูชุ่มชื้นไม่ต้องแต่งแต้มก็ดูงาม มุมปากตวัดขึ้นเป็เส้นโค้ง ทำให้มองแล้วไม่อาจละสายตาได้
ชุดสีน้ำเงินเข้มเหมือนจะขับให้บุคลิกของนางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นสูงส่ง เรียบง่าย และสง่างาม
ระหว่างที่เดิน ทุกครั้งที่ขมวดคิ้วแย้มรอยยิ้ม ทุกอิริยาบถ งดงามราวบทกวีและภาพวาด
งดงามจนรู้สึกหัวใจสั่นไหว
เซี่ยยวี่หลัวเดินอยู่บนถนนเพราะวันนี้หาเงินได้ไม่น้อย จึงรู้สึกดีใจยิ่งนัก ย่อมเผยรอยยิ้มที่มุมปากด้วยสีหน้าเบิกบานเมื่อสตรีที่ยังไม่ออกเรือนจำนวนหนึ่งเห็นคุณชายน้อยที่รูปลักษณ์หล่อเหลาดูสุนทรีย์ผู้นี้หัวใจก็เต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุมได้ บางคนมีความกล้า มองตามอีกพักหนึ่ง บางคนไม่กล้านักได้แต่แสร้งทำทีเป็หันมองไปทางอื่น แต่กลับยังแอบชำเลืองมองไปทางเซี่ยยวี่หลัว
บางคนกล่าวกับคนที่อยู่ข้างๆ “เมืองโหยวหลันของเรามีคุณชายรูปลักษณ์หล่อเหลาเช่นนี้ั้แ่เมื่อไร? เป็คนจากบ้านไหนกัน? ”
คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกประหลาดใจพูดคุยกันคนละประโยคสองประโยค ผู้คนทั้งถนนต่างก็รู้กันหมดแล้ว
มีบางคนสงสัยใคร่รู้ว่าคุณชายผู้นั้นรูปลักษณ์หน้าตาเป็อย่างไรต่างก็วิ่งออกมาจากภายในร้านเพื่อดู ด้านนอกจึงคึกคักขึ้นมาทันที
ชั้นบนของเซียนจวีโหลวหน้าต่างถูกเปิดไว้ให้มีช่องเล็กหนึ่งช่อง เสียงเซ็งแซ่ของผู้คนด้านนอกดังขึ้น ดังมาถึงชั้นบนของเซียนจวีโหลว
ยามนี้ซ่งฉางชิงกำลังถือสมุดบัญชีเพื่อดูโดยละเอียดเสียงวุ่นวายภายนอกทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ซ่งฝูที่อยู่ข้างๆ เห็นว่าไม่ได้ปิดหน้าต่างให้สนิทจึงรีบกล่าวเสียงเบา “เอ๋ เหตุใดหน้าต่างบานนี้ถึงเปิดได้? ”
กล่าวจบ เขาเดินขึ้นหน้าเพื่อไปปิดหน้าต่างซ่งฉางชิงเงยหน้าขึ้นมาเห็นท่าทางของเขา ขมวดคิ้วทีหนึ่ง “ไม่ต้องปิด! ”
มือของซ่งฝูััโดนขอบหน้าต่างแล้วพอได้ยินว่าไม่ต้องปิด มือที่ยื่นออกไปก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ “คุณชาย ข้างนอกเสียงดังวุ่นวายข้าน้อยเกรงว่าจะรบกวนท่านนะขอรับ! ”
แต่ก่อนหน้าต่างบานนี้ไม่เคยเปิดมาก่อน!
ซ่งฉางชิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่งกล่าวอย่างเรียบสงบ “ปล่อยมันไปเถอะ! ”
ซ่งฝูรู้สึกมึนงงยิ่งนักปกติคุณชายไม่เคยเปิดหน้าต่างบานนี้เลย ครั้งนี้เป็อะไรไป ถึงได้เปิดหน้าต่างบานนี้ด้วยตัวเอง
เสียงวุ่นวายภายนอกดังขึ้นไม่หยุดรบกวนจนซ่งฉางชิงไม่มีสมาธิแม้แต่น้อย อ่านตัวอักษรในสมุดบัญชีไม่เข้าแม้แต่ตัวเดียวจึงได้แต่วางสมุดบัญชีลงด้วยท่าทางหน่ายใจ ก่อนกล่าว “เ้าปิดเถอะ! ”
ซ่งฝูขานรับทีหนึ่ง ได้ฟังดังนั้นจึงเอื้อมมือไปดึงระแนงหน้าต่าง
ด้านล่างมีผู้คนรวมตัวกันไม่น้อยดูท่าว่าเสียงคงดังขึ้นจากทางนั้น
ซ่งฝูดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดตรงยาวสีน้ำเงินเข้มเดินออกมาจากฝูงชนหล่อเหลาเสียจนมองเพียงแวบเดียวก็ไม่อาจลืมเลือน
ใบหน้ายิ้มแย้ม หางตาฉายประกายแสงสว่างพร่างพรายดุจธารดารา
“คนผู้นี้...” ช่างดูคุ้นตานัก!
ซ่งฝูมองอยู่ครู่หนึ่งมือจึงยังไม่ได้เคลื่อนไหว
ซ่งฉางชิงนวดคลึงหว่างคิ้วพักผ่อนครู่หนึ่ง ระหว่างหลับตา ก็เห็นซ่งฝูยังยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่างไม่ไหวติง “เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? ”
ซ่งฝูกล่าวตามสัญชาตญาณ“คุณชาย คนที่อยู่ด้านล่าง ช่างดูคุ้นหน้าเหลือเกินขอรับ! ”
ซ่งฉางชิง “ภัตตาคารของเรามีคนเข้าออกมากมายบางทีอาจเป็ลูกค้า เ้าจึงรู้สึกคุ้นตาก็เป็ได้! ”
ซ่งฝูมองอย่างละเอียดอีกครู่หนึ่งส่ายหน้าเบาๆ “เหมือนจะไม่ใช่...”
เมื่อครู่นี้เซี่ยยวี่หลัวเพียงซื้อผลไม้สดใหม่จำนวนหนึ่งจากแผงขายผลไม้พอหันกลับมา ก็เห็นหญิงสาวจำนวนไม่น้อยจ้องมองตัวเองอยู่ แววตาแฝงเร้นด้วยประกายชื่นชอบทั้งยังมีท่าทีเหนียมอาย
ทีแรกเซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในภายหลังจึงนึกขึ้นได้ ว่าเวลานี้นางแต่งชุดบุรุษอยู่!
แม่นางน้อยเหล่านี้คงไม่ใช่นึกว่านางเป็บุรุษดังนั้นจึง...
เซี่ยยวี่หลัวคิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากตัวเองแต่งชุดบุรุษจะเป็ที่ชื่นชอบมากถึงเพียงนี้
ห้องพิเศษชั้นบนของเซียนจวีโหลวหน้าต่างยังเปิดอยู่ มองจาก้าลงมาด้านล่าง สามารถมองเห็นเงาร่างที่สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มได้อย่างชัดเจนรวมถึงดวงหน้าอันงดงาม และรอยยิ้มที่เจิดจรัสของนางด้วย
เหตุใดถึงมีคนที่ชอบยิ้มถึงเพียงนี้?
ทุกครั้งที่พบเห็น ก็จะเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนางเสมอ
“คุณชาย ข้ารู้สึกว่าคนผู้นั้นช่างดูคุ้นหน้าจริงๆขอรับ! ” ซ่งฝูยังกล่าวพึมพำ
ซ่งฉางชิงลุกขึ้นยืน มายังริมหน้าต่างมองลงไปข้างล่าง
คนบางคนนั้นเคยเห็นเพียงครั้งเดียวไม่ว่านางจะแต่งชุดสตรีหรือบุรุษ เมื่อได้เห็นอีกครั้ง มองเพียงแวบเดียวก็ยังสามารถมองเห็นอย่างชัดเจน
นั่นคือเซี่ยยวี่หลัว!
ซ่งฉางชิงที่เดิมทีจิตใจว้าวุ่นในชั่วพริบตานั้น จู่ๆ จิตใจก็สงบลง
ซ่งฝูเอียงศีรษะ ครุ่นคิดไม่หยุดอย่างไรก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างล่างนั่นดูคุ้นตา แต่เหตุใดถึงคิดไม่ออกว่าเคยพบเห็นที่ใด?
ตามหลักแล้ว คุณชายที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้หากเขาเคยได้พบ ต้องจำได้แน่นอน!
คนข้างๆ ไม่ได้กล่าวอะไรอยู่นานซ่งฝูหันไปมอง เพียงเห็นซ่งฉางชิงเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
จ้องมองเงาร่างด้านล่างที่สวมใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มตัวเขายืนเหม่ออยู่ตรงนั้นราวกับท่อนไม้ก็มิปาน
“คุณชาย คุณชาย...” ซ่งฝูเรียกอยู่นานซ่งฉางชิงจึงเรียกสติคืนกลับมาได้ เก็บคืนสายตาที่จ้องมองคนด้านล่างด้วยความรู้สึกเสียดายกระแอมสองที “เป็อะไร? ”
ซ่งฝูคิดด้วยความรู้สึกลำบากใจคุณชาย ท่านต่างหากที่เป็อะไรไป? เหตุใดมองคนจนเหม่อได้ถึงเพียงนั้น?
ซ่งฉางชิงปิดหน้าต่าง“ข้านึกขึ้นได้ว่าข้ายังมีธุระต้องทำ เ้าดูแลภัตตาคารให้ดี”
กล่าวจบ ไม่รอให้ซ่งฝูกล่าวอะไรซ่งฉางชิงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป
ปกติคุณชายเดินเหินอย่างหนักแน่นและสำรวมเหตุใดวันนี้ถึงร้อนรนเพียงนี้? หรือจะมีธุระเร่งด่วนอะไรต้องทำจริงๆ?
ทว่า ทำไมเขาถึงไม่รู้เล่า?
ซ่งฝูทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคิดไม่ออกจริงๆ ว่าวันนี้คุณชายเป็อะไรไป!
ซ่งฉางชิงสาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกจากประตูใหญ่ของเซียนจวีโหลวมายังสถานที่ที่เซี่ยยวี่หลัวหยุดยืนเมื่อครู่ ตัวนางเดินไปด้านหน้านานแล้ว
เสียงฝูงคนดังมาจากทางไหนนางก็ต้องอยู่ทางนั้นแน่
เงาร่างสีน้ำเงินเข้มนั่นอยู่ด้านหน้า
ซ่งฉางชิงเดินตามไปโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
ตามไปเรื่อยๆ โดยรักษาระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป
เพราะข้างกายเซี่ยยวี่หลัวยังมีหญิงสาวใจกล้าจำนวนไม่น้อยเดินตามอยู่เสื้อผ้าสีสันสดใสผ่านไปมา นางจึงไม่ทันสังเกตเห็นซ่งฉางชิงที่เดินตามหลังมาและจงใจเร้นกายเลยแม้แต่น้อย
ทุกคนเดินตามกันเช่นนี้จนมาถึงฮวาหม่านยี
เซี่ยยวี่หลัวเกรงว่าคนเหล่านี้จะดูออกว่าตัวเองเป็หญิงแต่งชายจึงรีบเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว เดินไปในตรอกแห่งหนึ่ง เข้าไปในฮวาหม่านยีทางประตูหลังของร้าน
หญิงสาวเ่าั้สนใจแต่จะจับจ้องเซี่ยยวี่หลัวใครจะคาดคิดว่าเซี่ยยวี่หลัวจะอาศัยจังหวะที่มีคนมาก เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วหายลับไปจากสายตาหาอย่างไรก็หาไม่พบ
ตามต่อไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็คุณชายน้อยของบ้านไหนหญิงสาวใจกล้าเ่าั้ได้แต่กลับไปด้วยความเสียดาย
ซ่งฉางชิงกลับตาไวและพบว่าเซี่ยยวี่หลัวเข้าไปในฮวาหม่ายี
เขาไม่คิดลังเล เดินเข้าไปทางประตูใหญ่ของฮวาหม่านยี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้