หลังจากเ้าเกาะทั้งสามคนจากไป จั๋วอวิ๋นเซียนก็เตรียมตัวทำงานต่อ
ในเวลานี้เองเ้าเมืองหวู่อันถงเดินเข้ามาและกล่าวว่า “ไป๋เฮ่อ เ้ารู้หรือไม่ ก่อนหน้านี้ท่านเ้าเกาะมาหาข้าเพราะเื่ของเ้า”
“หืม?”
จั๋วอวิ๋นเซียนประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเงยหน้ามองหวู่อันถง “ท่านเ้าเมืองโปรดชี้แนะด้วย”
หวู่อันถงก็มิได้ลีลา เพียงแค่กล่าวอย่างปลงตก “ท่านเ้าเมืองให้ข้าใช้ชื่อของเกาะสามเซียน ไหว้วานให้กลุ่มการค้าที่เดินทางเข้ามาให้ช่วยรวบรวมโอสถสมุนไพรรักษา แม้กระทั่งคิดที่จะติดต่อหุบเขาเซียนอีให้มารักษาอาการาเ็ของเ้า...หากเ้าฟื้นฟูกลับมาเป็ปกติได้ ท่านเ้าเกาะใหญ่ยินดีรับเ้าเป็ศิษย์ หลังจากที่เกาะสามเซียนแข็งแกร่งพอแล้ว เรายินดีจะช่วยเ้าแก้แค้น”
“อะไรนะ!”
จั๋วอวิ๋นเซียนตกตะลึง สายตาของเขาเผยความประหลาดใจออกมา
“เื่นี้ข้าสามารถเป็พยานให้ได้...” เหมาปู้เอ้อเดินเข้ามา “ท่านเ้าเมืองหวู่พูดความจริงแน่นอน ไป๋เฮ่อเอ๋ย ท่านเ้าเกาะให้ความสำคัญกับเ้ามากจริงๆ!”
“……”
จั๋วอวิ๋นเซียนก้มหน้าอย่างเงียบขรึม ในใจเกิดความคิดมากมาย
ไม่ว่าเป็การลองเชิงหรือดึงเขาเป็พวก แต่การกระทำของเหมยซิ้งหงทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนรู้สึกดีจริงๆ ทว่าเขามีเส้นทางของตัวเองที่ต้องเดิน จึงไม่อยากมีส่วนร่วมในความขัดแย้งภายในของเกาะสามเซียน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จั๋วอวิ๋นเซียนประสานมือเพื่อแสดงความขอบคุณ “ท่านเ้าเมืองช่วยขอบคุณความหวังดีของท่านเ้าเกาะใหญ่แทนข้าด้วย ข้าไป๋เฮ่อพูดจริงทำจริง ข้าจะพยายามสุดความสามารถเพื่อพัฒนาเกาะสามเซียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
คำพูดของจั๋วอวิ๋นเซียนมิใช่ความโอ้อวด สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าเขาเป็ผู้ถือครองมรดกสืบทอดของศาสตร์วิชาแห่งยุคสมัย มีคุณสมบัติและมีความสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของทะเลล่วนซิงได้จริงๆ
เขาเว้นจังหวะครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวเสริมว่า “ท่านเ้าเมืองหวู่ ท่านช่วยข้าสักเื่หนึ่ง ข้าอยากให้สร้างสำนักศึกษาด้านข้างหอตำราหลางฮ้วน สามวันหลังจากนี้ข้าคิดจะสอนศาสตร์วิชาสำนักเทียนกง เพื่อประโยชน์ในอนาคต”
“เปิดสำนักศึกษาหรือ? สอนวิชาหรือ? ไป๋เฮ่อ เ้า...เ้าคิดเช่นนี้จริงหรือ?”
หวู่อันถงตกตะลึงอย่างห้ามไม่ได้ ส่วนเหมาปู้เอ้อกลับเต็มไปด้วยความยินดี
จั๋วอวิ๋นเซียนพยักหน้าพลางกล่าวอย่างจริงจัง “ในเมื่อท่านเ้าเกาะเชื่อมั่นในตัวข้าเช่นนี้ ข้าไป๋เฮ่อจึงอยากแสดงความขอบคุณ”
เดิมทีแผนการในตอนแรกของจั๋วอวิ๋นเซียน เขาไม่เคยคิดจะเปิดสำนักศึกษา แต่ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเ้าเกาะทั้งสาม ทำให้เขามั่นใจกับแผนการในอนาคตมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนของเหมยซิ้งหง เื่ที่เมื่อก่อนไม่สะดวก แต่ตอนนี้เขาก็สามารถวางแผนได้แล้ว
“ดี ดี ดี! เื่นี้มอบให้ข้าผู้แซ่หวู่จัดการเอง ภายในสามวัน ข้าจะสร้างสำนักศึกษาให้เสร็จเอง จะไม่ทำให้เสียเวลาเด็ดขาด”
หวู่อันถงทุบอกรับประกัน ส่วนเหมาปู้เอ้อก็เสนอว่าจะสนับสนุนสุดความสามารถ
……
หลังจากพูดคุยกันอยู่สักครู่หนึ่งแล้ว หวู่อันถงกับเหมาปู้เอ้อจึงขอตัวจากไปก่อน
จั๋วอวิ๋นเซียนอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง เขามองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ด้วยสายตาครุ่นคิด
คำพูดของหวู่อันถงเมื่อครู่นี้ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง เขาจึงต้องครุ่นคิดเื่ความสัมพันธ์ของเขากับเกาะสามเซียนใหม่อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้จั๋วอวิ๋นเซียนเข้าใจสถานการณ์ของเกาะสามเซียนกับเ้าเกาะทั้งสามดีอยู่แล้ว...เพราะเื่ของผลประโยชน์ ศิษย์พี่ศิษย์น้องสามคนนี้คอยแก่งแย่งชิงดีกันเอง แต่ก็คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันด้วย สมดุลเช่นนี้คือรากฐานในการพัฒนาเกาะสามเซียนมาอย่างยาวนาน
ส่วนจั๋วอวิ๋นเซียนก็เล็งเห็นถึงจุดนี้ เขาจึงเป็ฝ่ายเปิดเผยสถานะและคุณค่าของตัวเอง ร้องขอความคุ้มครองจากเกาะสามเซียน ต้องรู้เอาว่าไว้หากมีความลับยิ่งใหญ่ แต่ไร้พลัง เมื่อคิดจะพัฒนาตัวเองในทะเลล่วนซิง เขาต้องมีที่พึ่งเสียก่อน
เพียงแต่ชีวิตที่ต้องคิดแผนการชั่วร้ายหรือเสแสร้งแกล้งทำ มิใช่สิ่งที่จั๋วอวิ๋นเซียน้า หากเป็ไปได้เขาหวังว่าตัวเองจะไม่ต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเกาะสามเซียน
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้สถานการณ์ก็มิได้แย่อย่างที่คิดเอาไว้
สาเหตุที่ทะเลล่วนซิงวุ่นวาย เป็เพราะสภาพแวดล้อมกับจิตใจของผู้คน แต่ความเป็จริงแล้ว บนโลกใบนี้ไม่มีคนที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุด ดังนั้นจั๋วอวิ๋นเซียนถึงได้ตัดสินใจทำอย่างเมื่อครู่นี้
……
สองเดือนผ่านไปเกาะสามเซียนกับเกาะเซวียนิเปิดศึกกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง
ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็ขั้วอำนาจระดับสูงของทะเลล่วนซิงจึงดึงดูดความสนใจของขั้วอำนาจต่างๆ รวมทั้งราชวงศ์ห้าแคว้นกับพันธมิตรการค้าด้วย
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจก็คือ การต่อสู้ครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแค่หนึ่งวันเกาะเซวียนิก็ยอมแพ้แล้ว อีกทั้งยังเสียหายไม่น้อยด้วย
เมื่อขั้วอำนาจเ่าั้ไปสืบค้นถึงได้เข้าใจว่า ใน่เวลาสำคัญของการต่อสู้ จู่ๆ เกาะสามเซียนก็โยนะเิเพลิงอัสนีกับลูกปัดเพลิงอัสนีจำนวนมาก จึงสร้างความเสียหายให้เกาะเซวียนิอย่างรุนแรง โดยเฉพาะยอดฝีมือระดับกำเนิดปราณของเกาะเซวียนิที่แทบจะถูกะเิจนาเ็สาหัสกันถ้วนหน้า หากมิใช่เพราะเกาะสามเซียนยั้งมือทันเวลา เกรงว่าเ้าเกาะเซวียนิ ‘กู่เชียนโฉว’ คงเหลือเพียงตัวคนเดียวแล้ว
ครั้งนี้เกาะเซวียนิเสียหายหนักมาก จึงต้องถอยออกจากการแย่งชิงเหมืองแร่
เดิมทีขั้วอำนาจต่างๆ คิดว่าเื่นี้จบลงแล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าเกาะสามเซียนจะทำตัวผิดปกติ ถึงกับเป็ฝ่ายขอเจรจากับเกาะเซวียนิโดยยินยอมแบ่งผลประโยชน์ให้ครึ่งหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายตกลงเป็พันธมิตรขุดเหมืองแร่ร่วมกัน
ถึงแม้กู่เชียนโฉวจะมีนิสัยแข็งกร้าว แต่เขาเป็คนฉลาด จึงเข้าใจถึงการตัดสินใจของเกาะสามเซียน ด้วยเหตุนี้ทำให้เขายอมรับอย่างยินดี อีกทั้งยังเดินทางไปที่เกาะสามเซียนด้วยตัวเองเพื่อดื่มฉลองร่วมกับเ้าเกาะทั้งสาม นับว่าเป็การละทิ้งบุญคุณความแค้นที่เคยมีต่อกัน
พันธมิตรที่มีผลประโยชน์ร่วมกันมากจะยั่งยืนที่สุด โดยเฉพาะเกาะสามเซียนยังมีะเิเพลิงอัสนีกับลูกปัดเพลิงอัสนีจำนวนมาก จึงเป็ฝ่ายถือครองความได้เปรียบ
หลังจากได้รู้สถานการณ์ ขั้วอำนาจต่างๆ บางคนร้อนรนอยากลงมือ บางคนหวาดกลัวอันตราย
ทว่าสิ่งที่เกินความคาดหมายก็คือ การแสดงออกของเกาะสามเซียนปกติมาก มิได้โอ้อวด และมิได้ประกาศหรือสร้างความวุ่นวายใดๆ เพียงพัฒนาในพื้นที่ของตัวเองอยู่เงียบๆ
ทะเลล่วนซิงยังคงเหมือนเมื่อก่อน มิได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เพียงแต่ภายใต้ความเงียบสงบมักจะมีคลื่นใต้น้ำไหลเวียนอยู่
มีผู้คนไม่น้อยที่รู้ดีว่าเมื่อเกาะสามเซียนลงมืออีกครั้ง พวกเขาต้องปรากฏตัวด้วยความแข็งแกร่ง ท้าทายขั้วอำนาจมากมายในทะเลล่วนซิง
ขณะเดียวกันนี้ สิ่งที่โด่งดังพร้อมกับชื่อของะเิเพลิงอัสนีกับลูกปัดเพลิงอัสนี ยังมีชื่อของ ‘คุณชายไป๋เฮ่อ’ แห่งเกาะสามเซียนอีกด้วย ทำให้ขั้วอำนาจจำนวนไม่น้อยสืบหาประวัติของเขา
……
ณ หุบเหวล่วนหลิว ที่นี่เต็มไปด้วยหินย้อยมากมาย
มีตำนานเล่าขานว่าส่วนที่ลึกที่สุดในทะเลล่วนซิง มีทรัพย์สมบัติมากมายซ่อนเอาไว้ มีผู้แข็งแกร่งไม่น้อยที่เข้าไปที่นี่ แต่สุดท้ายไม่เคยกลับออกมา
นานวันเข้าสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็ดินแดนต้องห้ามของทะเลล่วนซิง มันมีนามว่า ‘ทะเลอวี่หวั่ง’
“โครมๆ!”
หลังความมืดมิดผ่านไป พายุและสายฝนปรากฏทับซ้อนกัน พร้อมกับเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า
ในเวลานี้มีเรือโครงกระดูกพุงพังกำลังแล่นทวนกระแสน้ำ มุ่งหน้าไปทางทะเลอวี่หวั่ง บนเรือมีแสงไฟกะพริบไหว ติดๆ ดับๆ ราวกับมีิญญาล่องลอยอยู่รอบทิศ ดูน่าหวาดกลัวมาก
“นายท่านโยว การต่อสู้ของเกาะสามเซียนกับเกาะเซวียนิจบลงแล้ว”
“โอ้? เร็วเช่นนี้เชียวหรือ? แล้วสุดท้าย...ใครแพ้ใครชนะ?”
“เรียนนายท่านโยว แผนการผิดพลาด เกาะสามเซียนกับเกาะเซวียนิไม่เพียงมิได้าเ็ กลับยังเป็พันธมิตรกัน ร่วมมือยึดครองเหมืองแร่แห่งนั้นด้วยกัน”
“ช่างน่าสนใจยิ่งนัก เล่ามาเสีย เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่”
“เป็ฝั่งเกาะสามเซียน ที่ไม่รู้ว่าไปเอาะเิเพลิงอัสนีกับลูกปัดเพลิงอัสนีจำนวนมากมาจากที่ใด จึงสามารถควบคุมสถานการณ์บีบคั้นให้เกาะเซวียนิร่วมมือด้วยได้”
“เหอะๆ เื่นี้ยิ่งฟังยิ่งน่าสนใจจริงๆ แต่เหมืองแร่ของข้ามิได้ยึดครองง่ายดายเช่นนั้น”
“นายท่านโยว เช่นนั้นพวกเราจะดำเนินแผนการต่อหรือไม่?”
“ทำสิ่งที่พวกเ้าควรทำต่อไป แค่เกาะสามเซียนกับเกาะเซวียนิมิได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมมากเท่าไร ไปเถอะ”
“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”
เมื่อพูดจบเรือโครงกระดูกก็หายไปอีกครั้ง
