ซูชิงเฟิงไม่รู้ว่าเหตุใดจวินเชียนโม่ถึงได้เอ่ยคำพูดนี้ออกมา
หลายปีมานี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ค่อนข้างซับซ้อน
“ตอนแรก ข้าเพียงแค่อยากให้เ้ามาเป็ฟูเหรินของข้า แต่เ้าก็เกือบจะเอาชีวิตของข้า เ้าดีต่อคนอื่นเช่นนี้ แต่เหตุใดถึงได้ใจร้ายกับข้านัก”
“...เชียนโม่ เลิกเล่นได้แล้ว” ซูชิงเฟิงลูบฝ่ามือของอีกฝ่าย นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเป็ฝ่ายััก่อน
“ข้าไม่ได้เล่น ชิงเฟิง ใครจะมาเล่นได้นานถึงห้าหกปีเช่นนี้ ท่านอาจารย์ก็รู้ดีว่าข้าจริงใจต่อเ้า นี่ไม่ใช่เื่เล่นๆ เขาถึงได้ขับไล่ข้าออกจากสำนักเพื่อขัดขวางการพบเจอกันของเราอย่างไงล่ะ”
ซูชิงเฟิงไม่ตอบกลับ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกของตนเองเป็อย่างไร
่แรกเขามองจวินเชียนโม่เป็คนที่ไม่ชอบหน้ามากที่สุด เพราะเขาคิดว่าชายผู้นี้มักชอบมาพูดจาเรื่อยเปื่อยและหยอกล้อเขา เอาแต่บอกให้เขาไปเป็ฟูเหรินของตนเอง เหยียบย่ำความภาคภูมิใจ ซึ่งนี่เป็กลิ่นอายของปีศาจที่แสนจะเืเย็นและชั่วร้าย
จนกระทั่งมาถึงตอนที่จวินเชียนโม่กราบขอร้องให้ท่านอาจารย์รับตนเองเข้าเป็ศิษย์ร่วมสำนัก เขาถึงได้เปลี่ยนแปลงความคิดของตน แล้วปฏิบัติต่อชายผู้นี้ในฐานะศิษย์น้องร่วมสำนัก
แม้ว่าถ้อยคำและการกระทำของจวินเชียนโม่จะดูไม่เอาการเอางาน อีกทั้งยังดูไม่เคารพเขาอีก แต่ซูชิงเฟิงคิดว่า นี่คือนิสัยของจวินเชียนโม่และเป็นิสัยที่ติดมาั้แ่กำเนิดกระมัง
ทว่า ซูชิงเฟิงก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจวินเชียนโม่ถึงได้ทำให้สำนักอู่หลินเจิ้งไพ่หวาดกลัวราวกับเขาเป็ปีศาจเืเย็นได้เช่นนี้
แล้วเหตุใดประมุขของสำนักเฉียนจวินถึงได้ปฏิบัติดีต่อเขาเพียงผู้เดียวล่ะ
“ชิงเฟิง ข้าจริงจังนะ ข้าวิ่งตามเ้ามาตลอดเพราะข้าชอบเ้า ั้แ่แรกจนถึงตอนนี้ ยิ่งนานวันข้าก็ยิ่งชอบเ้ามากขึ้นเรื่อยๆ เ้าตอบข้าได้หรือไม่? หากเ้าไม่ได้รังเกียจข้า เ้าก็มาอยู่กับข้าเถิด แต่หากเ้ารังเกียจ…” จวินเชียนโม่เอ่ยมาถึงตรงนี้ก็หยุดลง เขาหลบสายตามองต่ำ
“หากข้ารังเกียจเ้า เ้าจะทำเช่นไร?”
ซูชิงเฟิงไม่เข้าใจสักนิด เขาไม่รู้จะอธิบายต่ออย่างไร ในเมื่อเขากับจวินเชียนโม่คุ้นเคยกันมานานถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมไม่รู้สึกรังเกียจ แต่เขายังจะถามเพื่อเอาคำตอบอะไร
จวินเชียนโม่ยังคงโอบกอดเขาไม่ปล่อย “รังเกียจ จะรังเกียจได้อย่างไร เ้าจะรังเกียจข้าได้อย่างไรกัน”
และจวินเชียนโม่ก็ไม่ทำให้ซูชิงเฟิงต้องผิดหวัง ความไร้ยางอายนี้ไม่มีใครเทียบได้จริงเชียว
“ต่อให้เ้ารังเกียจข้า ข้าก็จะไล่ตามเ้าต่อไปจนเ้าเลิกรังเกียจ ถึงอย่างไรทั้งชีวิตของข้าก็ยกให้เ้าแล้ว มีข้าอยู่ เ้าห้ามคิดจะมีคนอื่นเด็ดขาด เราอยู่ด้วยกันเช่นนี้ ดูสิว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน อย่างไรวันหนึ่งเ้าต้องตอบตกลงข้าแน่นอน”
ซูชิงเฟิงทำอะไรไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าทำไมคนผู้นี้ถึงได้ถูกผู้อื่นขนานนามว่าปีศาจเืเย็น แต่นิสัยเช่นนี้ของอีฝ่าย ดูแล้วก็ไม่น่าเป็เช่นนั้นนี่นา
“เชียนโม่…” แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ซูชิงเฟิงก็อยากจะบอกเื่นี้กับอีกฝ่ายให้ชัดเจน เขาเป็คนไม่เคยหลอกลวงผู้อื่นและไม่เคยโกหกใคร
“เ้าพูดมาสิ”
“ถึงแม้ข้าจะไม่รังเกียจเ้า แต่ข้าไม่รู้ว่าตัวข้าเองชอบเ้าหรือไม่ เราอย่าเพิ่งรีบด่วนสรุปความรู้สึกนี้กับตนเองหรือความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย เว้นระยะและให้เวลาซึ่งกันและกันสักหน่อย ให้มันเป็ไปตามธรรมชาติ ข้าจะพยายามััความรู้สึกที่แท้จริงของข้า เ้าก็อย่าเอาใจมาไว้ที่ข้าเพียงคนเดียว”
“ข้าจะให้เวลาเ้า แต่ในพื้นที่ของเ้าต้องมีข้าแต่เพียงข้าผู้เดียว พื้นที่และเวลาของข้าก็จะมีไว้ให้เ้าเพียงผู้เดียวเช่นกัน” จวินเชียนโม่นั้นตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว เขาจะเปลี่ยนใจได้อย่างไรกันล่ะ
“...แล้วแต่เ้าแล้วกัน”
หลังจากซูชิงเฟิงรู้ว่าไม่มีทางที่จะโน้มน้าวเขาได้แล้วจึงบอก “เ้าจะไปซื้อของกินมาให้ข้าไม่ใช่หรือ?” เขารีบตัดบทจบเื่นี้ทันที
“ได้เลย รอข้านะ”
จวินเชียนโม่หอมแก้มของซูชิงเฟิงก่อนออกไป
“เอ๊ะ เ้า…”
ซูชิงเฟิงมองตามแผ่นหลังคนที่วิ่งออกไปอย่างทำอะไรไม่ถูก
ช่างเถิด เื่ของความรู้สึกเอาไว้ค่อยคุยกันวันหลัง ตอนนี้เื่ที่เขาต้องให้ความสนใจคือโรคระบาด หากโรคระบาดนี้ก่อให้เกิดการก่อการร้ายละก็ มันจะไม่จบเพียงเพราะไฟไหม้ครั้งนี้แน่
.........
วันต่อมา หลังรับประทานมื้อเช้า
อวี้ฉู่จาวพาหลินหร่านออกจากตำหนัก เนื่องด้วยเมื่อวานนี้ซูชิงเฟิงเพิ่งกลับมา จึงยังไม่ได้พูดคุยเื่ที่หลินหร่าน้าศึกษาด้านการแพทย์ และเพราะวันนี้ไม่ได้มีธุระอะไรที่ต้องไปจัดการเป็พิเศษ เขาจึงตั้งใจพาชายาตัวน้อยไปหาซูชิงเฟิงด้วยตนเอง
“ท่านอ๋อง พระชายา เชิญนั่งพ่ะย่ะค่ะ” ซูชิงเฟิงเชื้อเชิญ
จวินเซียนโม่นั่งขัดสมาธิพิงเสาอยู่มุมหนึ่ง ดูอีกฝ่ายอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
แต่ก็สมควรอยู่หรอก เพราะเมื่อคืนวานเขาถูกซูชิงเฟิงไล่ให้ไปนอนบนพื้น กระทั่งมาถึง่ดึกที่เขารอให้ซูชิงเฟิงหลับ
หลังจากนั้น เขาจึงได้แอบขึ้นมานอนกอดซูชิงเฟิงไว้ในอ้อมแขน ตอนเช้าตื่นขึ้นมาเลยถูกอีกฝ่ายถีบจนตกเตียง
แม้แต่ตอนนี้ จวินเชียนโม่ยังเจ็บก้นอยู่เลย
อย่างไรก็ตาม ใครให้เขากอดซูชิงเฟิงแล้วนอนหลับพริ้มโดยที่ตัวเขาเองไม่รู้ตัวเลยว่าซูชิงเฟิงจะตื่นก่อน ไม่อย่างเขาต้องหลบพ้นอยู่แล้ว
“ชิงเฟิง” อวี้ฉู่จาวเอ่ย
ทันทีที่ซูชิงเฟิงนั่งลงเพื่อรินชาให้พวกเขาทั้งคู่ อวี้ฉู่จาวก็เรียกอีกฝ่ายโดยพลัน
ปกติท่านอ๋องจะเรียกเขาว่าหมอซูอย่างให้เกียรติเสมอ แล้วเหตุใดวันนี้กลับเรียกอย่างสนิทสนมเช่นนี้?
“เ้าคงไม่ว่าอะไรสินะ หากเปิ่นหวังเรียกเ้าเช่นนี้?” ั้แ่เมื่อวานที่อวี้ฉู่จาวพบจวินเชียนโม่ เขายิ่งจับตามองความสัมพันธ์ของทั้งคู่มากขึ้น
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แล้วแต่ท่านอ๋องสะดวก” ซูชิงเฟิงตอบ
ชาติภพก่อน ความสัมพันธ์ของอวี้ฉู่จาวกับซูชิงเฟิง รวมไปถึงหรงจิ่งนั้น เป็ความสัมพันธ์ตามลำดับชนชั้นของผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
แสดงความจงรักภักดีต่อเขา เขาปฏิบัติต่อทั้งคู่ด้วยความกรุณา ทว่า ความจงรักภักดีของพวกเขาที่แตกต่างนั้น คือความเสียสละที่ทั้งคู่มอบให้
เมื่อวานนี้จวินเชียนโม่ปรากฏตัว ทำให้เขายิ่งคำนึงถึงชาติก่อนที่ทั้งคู่ต่างปกป้อง คอยดูแลเขา แต่เขากลับยังคงพ่ายแพ้ นี่ทำให้เขารู้สึกผิดต่อทั้งสองคนยิ่งนัก
คนเหล่านี้เปรียบดั่งผู้คนล้ำค่าในชีวิตเขาเมื่อชาติก่อน พวกเขาไม่ควรเป็แค่ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แต่พวกเขาควรจะเป็พี่น้องที่ร่วมสู้รบกัน
“ที่เรียกเ้าเช่นนี้ก็เป็เพราะอวิ๋นซี” อวี้ฉู่จาวเกรงว่าซูชิงเฟิงจะรู้สึกประหลาดจึงอธิบาย “มารดาของอวิ๋นซีทิ้งตำราทางการแพทย์ที่นางเขียนด้วยตนเองตอนที่นางอยู่นานเจียง เพราะอวิ๋นซีสนใจด้านการแพทย์ วันนี้ข้าจึงได้พาเขามาทำความเคารพท่านอาจารย์น่ะ”
“ทำความเคารพกระหม่อม?” แน่นอนว่าซูชิงเฟิงเข้าใจในทันที
“กระหม่อมไม่คัดค้านพ่ะย่ะค่ะ” ซูชิงเฟิงระบายยิ้มเล็กน้อย เขานำชาที่ชงแล้วยื่นให้อวี้ฉู่จาวและหลินหร่านก่อนกล่าว “แต่กระหม่อมกลัวว่าพระชายาจะทนกระหม่อมไม่ไหว กระหม่อมจริงจังและเข้มงวดในการศึกษาด้านการแพทย์เป็อย่างสูง หากพระชายาทำผิด อาจถูกกระหม่อมดุด่าและลงโทษได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ถ้อยคำของซูชิงเฟิงเหมือนจะทำให้พระชายาใไม่น้อย
ถึงจะบอกให้หลินหร่านเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ แต่เขาเชื่อว่าซูชิงเฟิงต้องทำเช่นนั้นจริงแน่นอน
หลินหร่านเงยหน้ามองอวี้ฉู่จาว ท่านอ๋องก็ก้มลงมองหลินหร่าน “อวิ๋นซีตัดสินใจเอาเถิด”
อวี้ฉู่จาวไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเื่นี้ ขอเพียงแค่เขามีความสุข เพราะว่าท่านอ๋องเชื่อมั่นในตัวเขา
“เช่นนั้นข้าก็ขอฝากตัวกับท่านอาจารย์ด้วยขอรับ” หลินหร่านยกแก้วชาของตนเองขึ้นมา เขายกน้ำชาเพื่อทำความเคารพซูชิงเฟิง
ซูชิงเฟิงคิดว่าเื่นี้น่าสนใจจึงได้หันไปมองอวี้ฉู่จาว ท่านอ๋องก็ทำเพียงพยักหน้าให้
หลังจากนั้น ซูชิงเฟิงจึงได้รับแก้วชามาจากในมือของหลินหร่าน “เช่นนั้นตอนนี้เ้าก็เป็ศิษย์ของข้าแล้ว ข้าจะไม่อ่อนข้อให้เพียงเพราะเ้าเป็พระชายาหรอกนะ สำนักเป่ยเทียนของข้ามีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก”
“ขอรับ ข้าจะเชื่อฟังท่านอาจารย์” หลินหร่านเอ่ยตอบอย่างว่านอนสอนง่าย “ถึงแม้ท่านอาจารย์จะเข้มงวดเพียงใด” แต่ข้าก็ไม่ได้คิดจะศึกษาทางการแพทย์เพราะความสนุก เพราะข้าอยากจะปกป้องท่านอ๋องขอรับ
ประโยคหลังหลินหร่านไม่ได้เอ่ยออกมา แต่อย่างไรนี่ก็คือความตั้งใจของเขา
------------------------------------------------
