"แต่ว่า ตามที่ข้ารู้ ในการที่จะปรุงโอสถเก้าสุริยันขึ้นมา ส่วนผสมที่ขาดไม่ได้คือน้ำอมฤตเก้าสุริยัน มันเป็สมบัติล้ำค่าของโลก นับประสาอะไรกับแคว้นฉี แม้แต่ขุมกำลังใหญ่ของทวีปตะวันออก ก็ยังถือว่าเป็สมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ข้าได้ใช้เวลาทั้งชีวิตในการศึกษาการปรุงยา และข้าได้ปลูกสมุนไพรหลากหลายชนิดในหุบเขานี้ ข้าสามารถหาสมุนไพรที่จำเป็ในการปรุงโอสถเก้าสุริยันได้ แต่ทว่าไม่มีน้ำอมฤตเก้าสุริยัน"
กั๋วฉานขมวดคิ้วขณะพูดออกมา โอสถที่เจียงเฉิน้าปรุงขึ้นนั้นทั้งหายากและล้ำค่าอย่างมาก และการปรุงมันขึ้นนั้นยากเสียยิ่งกว่าการปีนป่าย์
"แน่นอน ข้ารู้ว่าน้ำอมฤตเก้าสุริยันมันหายากและล้ำค่าขนาดไหน"
เจียงเฉินยิ้มออกมาขณะที่รู้สึกขมขื่นในใจ ใน่ชีวิตที่แล้วของเขาน้ำอมฤตเก้าสุริยันนั้นเหมือนกับน้ำเปล่าสำหรับเขา แต่ในตอนนี้มันยากที่จะหาได้แม้แต่เพียงเล็กน้อย
ใน่ชีวิตที่แล้วของเขาน้ำอมฤตเก้าสุริยันเป็สมบัติที่ล้ำค่าอย่างมาก แต่เนื่องจากเขามีพลังเก้าสุริยัน เขาสามารถดูดซับพลังหยางบริสุทธิ์จากท้องฟ้าและแปรเปลี่ยนเป็น้ำอมฤตเก้าสุริยัน การสร้างมันขึ่นมาเป็เื่ที่ง่ายดายสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม พลังเก้าสุริยันเป็ทักษะระดับนักบุญขั้นสูงสุด ด้วยระดับการบ่มเพาะของเขาในปัจจุบัน ไม่มีทางที่เขาจะสามารถดูดซับพลังหยางบริสุทธิ์ได้ นั่นเพราะว่าพลังหยางบริสุทธิ์จัดเป็คนละระดับกัน พลังหยางบริสุทธิ์ที่เจียงเฉินสามารถดูดซับได้ในตอนนี้อย่างมาก อย่างดีที่สุดคงจะได้น้ำอมฤตหกสุริยัน มันยังต่างชั้นกับเก้าสุริยันยิ่งนัก
"ในเวลานี้ไม่มีทางที่ข้าจะปรุงโอสถเก้าสุริยันได้ แต่อาการของหยวี่น้อยไม่อาจรอช้าได้อีกต่อไป ดังนั้น ข้าจึงตัดสินใจปรุงโอสถหกสุริยันขึ้นมาแทน มันสามารถรักษาชีวิตของนางไว้ จนกว่าข้าจะหาน้ำอมฤตเก้าสุริยันในอนาคต จากนั้นข้าจะป้อนนางดื่มมัน"
นี่เป็ที่พึ่่งสุดท้ายของเจียงเฉิน ด้วยความสามารถในปัจจุบัน เขาไม่มีทางที่จะปรุงโอสถเก้าสุริยันขึ้นมาได้ ดังนั้นไม่มีตัวเลือกที่ดีกว่า โอสถหกสุริยัน
"โอสถหกสุริยัน?"
กั๋วฉานหรี่ตาลง
"ใช่ โอสถหกสุริยันใช้ส่วนผสมเช่นเดียวกับโอสถเก้าสุริยัน เพียงแต่แตกต่างกันที่ ข้าจะใช้น้ำอมฤตหกสุริยันแทน ข้าจะเขียนส่วนผสมที่จำเป็ทีหลัง ข้าหวังว่าพี่กั๋วสามารถหาพวกมันให้ข้าได้"
เจียงเฉินพูด
"น้องชายโปรดวางใจ! แม้ข้าต้องขายทุกอย่างเพื่อหาพวกมัน อย่างไรข้าจะรวบรวมพวกมันให้จงได้"
กั๋วฉานทุบไปที่อกของเขา และให้คำสัญญา ในความจริงเขาและอี้จื่อฮันตกตะลึงอย่างมาก เพราะว่าแม้แต่น้ำอมฤตหกสุริยันที่ยากที่จะหาพบ แต่เจียงเฉินรู้ว่าเขาต้องทำอย่างไรบ้าง ั้แ่เขาพูดออกมาว่าจะหามัน นั่นก็หมายความว่าเขามีหนทางที่จะหามันได้ ทั้งสองได้อยู่กับเจียงเฉินมาสักระยะหนึ่ง พวกเขารู้ว่าเจียงเฉินเป็คนแบบไหน
"แต่ว่า การที่จะปรุงโอสถหกสุริยันหรือเก้าสุริยันนั้น นอกจากน้ำอมฤตแล้วพวกเราจำเป็ต้องหาสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งอีกอย่างนั่นก็คือ ดวงจิตอสูรของหมูป่าหนามอัคคี มันเป็สัตว์อสูรที่เปี่ยมไปด้วยพลังหยางบริสุทธิ์ มันให้ประโยชน์แก่เม็ดยาอย่างมาก มีใครรู้บ้างว่าหมูป่าหนามอัคคีสามารถหาตัวได้ที่ไหนในแคว้นฉี?"
เจียงเฉินจ้องมองไปที่กั๋วฉานและอี้จื่อฮัน ในการที่จะปรุงยาให้มีคุณภาพดี จำเป็ต้องใช้ส่วนผสมที่หายากจำนวนมาก ภารกิจช่วยชีวิตเยี่ยนเฉินหยวี่และฮันหยานนั้นยากเย็นยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาต้องช่วยพวกเขาให้ได้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด เขาก็ตั้งใจจะช่วยชีวิตของพวกเขาให้ได้
นอกจากนี้ เส้นทางบ่มเพาะพลังของเจียงเฉิน เขาได้บ่มเพาะด้วยทักษะร่างแปลงั มันถูกกำหนดให้เขาต้องท้าทาย์ เส้นทางการบ่มเพาะของเขายากลำบากและมีอุปสรรค์มากมายไม่รู้จบ การช่วยชีวิตพวกเขาถือเป็การทดสอบความตั้งใจของเขาเป็อย่างดี
แม้ว่าหมูป่าหนามอัคคีจะเป็สัตว์อสูรที่หายาก แต่มันไม่อาจเทียบกับอสูรโลกาได้ มันยังคงง่ายต่อการพบเจอ อย่างน้อยมันก็ยังไม่สุญพันธุ์
"ข้ารู้ มีหมูป่าหนามอัคคีอยู่ตัวหนึ่งที่หุบเขาสายหมอก!"
ดวงตาของอี้จื่อฮันส่องประกายขึ้นมา
"หุบเขาสายหมอก? มันอยู่ที่ไหนหรือ?"
เจียงเฉินชะงัก เขาได้อยู่ในแคว้นฉีมาสักพักและได้รู้เื่ราวเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหุบเขาสายหมอกมาก่อน
"หุบเขาสายหมอกไม่ได้อยู่ในแคว้นฉี แต่มันตั้งอยู่ในแคว้นเฉียน ซึ่งอยู่ติดกับแคว้นฉี และมีหมูป่าหนามอัคคีอยู่ที่หุบเขานั่น แต่ว่า....."
กั๋วฉานขมวดคิ้วเป็ปม
"แต่ว่า อะไร?"
เจียงเฉินถาม
"น้องเจียง เขตหวงฉีตั้งอยู่ที่ชายแดนแคว้นฉี หุบเขาสายหมอกอยู่ไม่ไกลจากเขตหวงฉีมากนัก หมูป่าหนามอัคคีที่อยู่ในหุบเขาสายหมอก ระดับการบ่มเพาะของมันแข็งแกร่งมาก และมันยังเป็าาของหุบเขาสายหมอก มีข่าวลือว่ามันได้ทะลวงผ่านจุดสูงสุดของแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง รวมกับการที่มันเป็สัตว์อสูร แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นปลายก็ยังไม่ใช่คู่ค่อสู้ของหมูป่าหนามอัคคี ดังนั้นจึงเป็ไปไม่ได้ที่น้องเจียงจะเอาดวงจิตอสูรของมันมาได้"
อี้จื่อฮันอธิบาย มันเป็เพราะหุบเขาสายหมอกอยู่ใกล้กับเขตหวงฉี เขาจึงรู้ดีเกี่ยวกับเื่นี้
"ใช่แล้ว สัตว์อสูรอย่างหมูป่าหนามอัคคีสามารถอยู่รอดปลอดภัยในสถานที่เช่นนั้น นั่นเพราะว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา ไม่มีนิกายใหญ่ที่ไหนในแคว้นเฉวียนไปรุกรานหมูป่าหนามอัคคีตัวนี้ น้องชาย แม้ว่าเ้าจะแข็งแกร่งจนสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้นได้ หากเ้าเผชิญหน้ากับหมู่ป่าหนามอัคคี เ้าไม่มีทางที่จะจัดการมันได้"
กั๋วฉานพูดเตือน
เจียงเฉินผงกหัวของเขา เขารู้ว่าคำพูดของทั้งสองคนไม่ได้พูดให้คนอื่นกลัว เขารู้เกี่ยวกับหมูป่าหนามอัคคีดีเสียยิ่งกว่าทั้งสองคน จุดสูงสุดแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง แม้แต่นักพรตเซวียนอี้ยังยากที่จะจัดการมันได้
"ตอนนี้ข้าไม่อาจที่จะทำอะไรได้ ข้าจะเตรียมตัวเดินทางไปหุบเขาสายหมอกเดี๋ยวนี้"
ภายในดวงตาของเจียงเฉินเปล่งประกายระยิบระยับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาไม่เคยหวั่นเกรงศัตรูที่แข็งแกร่ง ศัตรูที่แข็งแกร่งสำหรับเขาจะยิ่งท้าทาย เขาชอบเื่ท้าทาย
"น้องชาย เ้าลองคิดดูอีกทีเถอะ!หมูป่าหนามอัคคีมีระดับการบ่มเพาะแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางระดับสูงสุด มันน่ากลัวมาก หากเ้าเผชิญหน้ากับมัน โอกาสรอดต่ำมาก"
ท่าทีของกั๋วฉานเปลี่ยนไป
"ไม่ต้องกังวล ข้าจะปรับตัวตามสถานการณ์และไม่มุทะลุจนเกินไป ก่อนที่ข้าจะไป ข้ายังมีบางอย่างที่้าให้ท่านช่วยเหลือ"
เจียงเฉินยกมือของเขาขึ้นมาหยุดกั๋วฉาน เขาไม่เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของเขา เขายืนกรานที่จะเดินทางไปยังหุบเขาสายหมอก แต่เขาได้เรียนรู้จากประสบการณ์ครั้งที่แล้วของเขา ก่อนที่เขาจะจากไป เขาต้องแก้ปัญหาเื่ที่เขาเป็กังวลทั้งหมดเสียก่อน
"น้องชาย เ้าพูดมาได้เลย"
กั๋วฉานผงกหัว เขารู้ถึงนิสัยของเจียงเฉินดี ดังนั้นเขาจะไม่คัดค้านการตัดสินใจของเจียงเฉินอีก นอกจากนี้เจียงเฉินยังได้สร้างปาฏิหารย์ขึ้นมามากมาย เขาอาจจะสร้างปาฏิหารย์ครั้งยิ่งใหญ่ในการเดินทางไปหุบเขาสายหมอกในครั้งนี้ก็เป็ได้
"ระหว่างที่ข้าเดินทางอยู่ คนที่ข้ากังวลที่สุดคือเฝินจงถัง แม้ว่ามันจะถูกกักบริเวณเป็เวลาหนึ่งเดือน พวกเรายังคงต้องระวังมันให้ดี พี่กั๋ว ระดับการบ่มเพาะของท่านอยู่ที่จุดสูงสุดของแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น แต่ท่านก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฝินจงถัง ในตอนนี้ข้าจะสอนทักษะบางอย่างให้ท่าน มันเรียกว่าพลังหกสุริยัน เป็ทักษะขั้นปฐีระดับสูง และมันยังสามารถช่วยเพิ่มระดับการบ่มเพาะให้ท่านได้"
หลังจากพูดเช่นนั้น เจียงเฉินได้ส่งข้อมูลจำนวนมากไปยังััเทวะของกั๋วฉาน ด้วยท่าทีตกตะลึงบนหน้าของเขา กั๋วฉานได้เริ่มเรียนรู้ทักษะพลังหกสุริยันในทันที และท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็ตื่นเต้น
"เป็ทักษะที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้ มันเป็ทักษะที่ล้ำลึกจริงๆ!"
กั๋วฉานตื่นเต้นเป็อย่างมาก
"ทักษะนี้มีอยู่สองส่วนด้วยกัน และเมื่อท่านเชี่ยวชาญในส่วนแรกแล้ว ข้าจะสอนส่วนที่เหลือให้ท่านตามแต่สถานการณ์ นอกจากนี้ข้าจะบอกความลับที่ยิ่งใหญ่แก่ท่านทั้งหมด ท่านต้องสัญญากับข้าจะต้องเก็บความลับนี้ไว้กับตัวท่านเอง มันเกี่ยวพันกับเื่ที่ใหญ่มาก"
เจียงเฉินมีท่าทีจริงจัง
"น้องชายพูดมาได้เลย"
กั๋วฉานและอี้จื่อฮันจ้องมองที่เจียงเฉินพร้อมกัน
"ข้าได้พบชีพจรพลังงานใต้ดินในระหว่างที่ข้าไปยังเขตหวงฉี ตอนนี้ข้าจะพาท่านไปที่เมืองหงหยาง และให้ท่านบ่มเพาะพลังที่นั่น ด้วยความช่วยเหลือของมัน รวมกับทักษะพลังหกสุริยัน ท่านสามารถทะลวงเข้าสู่แก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลางได้ในสามวัน ในเวลานั้นท่านจะมีความสามารถที่จะสู้กับเฝินจงถังได้ และข้าจะได้ไปยังหุบเขาสายหมอกได้อย่างสบายใจ"
เจียงเฉินพูด
"ว่ายังไงนะ?! ชีพจรพลังงานใต้ดิน?"
คนทั้งสองะโขึ้นมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะอี้จื่อฮัน แทบจะะโเหยียบเท้าตัวเอง เจียงเฉินค้นพบชีพจรพลังงานอีกแห่ง?นี่เป็ข่าวที่สามารถสั่นคลอนไปทั่วทั้งแคว้นฉี โดยเฉพาะนิกายใหญ่ทั้งสี่ หากว่านิกายไหนค้นพบชีพจรพลังงานอีกแห่ง ภายในไม่กี่ปีอีกสามนิกายที่เหลือต้องถูกทิ้งไว้เื้ัไปไกลเป็แน่
การบ่มเพาะด้วยแก่นพลังงานจากชีพจรพลังงาน นั่นทำให้ทุกคนรู้สึกตื่นเต้น ลองคิดเกี่ยวกับเื่นี้ ทั่วทั้งนิกายเซวียนอี้มีชีพจรพลังงานเพียงแห่งเดียว ศิษย์นับพันและผู้าุโแบ่งพลังออกมาจากแหล่งกำเนิดพลังเดียวกัน ปริมาณพลังงานที่พวกเขาได้รับเทียบไม่ได้กับชีพจรพลังงานของเจียงเฉิน
"น้องเจียง เ้าได้บอกความลับที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ นั่นหมายความว่าเ้าเชื่อใจข้า! ข้าอี้จื่อฮันจะเก็บความลับนี้ไว้ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ตาม!"
อี้จื่อฮันพูดอย่างจริงจัง จิตใจของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง การที่บอกความลับนี้แก่เขา นั่นหมายความว่าเจียงเฉินไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเหมือนคนนอก ทำให้เขามั่นใจว่าได้ใกล้ชิดกับเจียงเฉินมากขึ้น
นอกจากนี้ เขาและกั๋วฉานต่างรู้ดีว่าการชีพจรพลังงานหมายความเช่นไร หากข่าวนี้ได้กระจายออกไป ด้วยความสามารถของเขาในปัจจุบันไม่มีทางที่จะปกป้องชีพจรพลังงานไว้ได้
"เอาล่ะ ข้าจะพาอาหยานเข้าไปข้างในธงโลหิต หลังจากนั้นข้าจะพาพวกท่านทั้งสองไปยังเมืองหงหยาง"
เจียงเฉินได้นำชีพจรพลังงานมาประยุกต์ใช้เป็อย่างดี ในตอนนี้เขาจำเป็ต้องสร้างขุมกำลังของเขาเองในแคว้นฉี คนทั้งสองตรงหน้าเขาเป็คนที่เขาสามารถเชื่อใจได้ เมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาสามารถช่วยเหลือเจียงเฉินได้มากขึ้น กั๋วฉานเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น แถมยังเป็นักปรุงยาอีกด้วย เขาสามารถช่วยเหลือเจียงเฉินได้ในอนาคต อีกทั้งเขาสามารถช่วยเจียงเฉินสู้กับเฝินจงถัง ปกป้องเยี่ยนเฉินหยวี่และฮันหยานได้อีกด้วย
ส่วนอี้จื่อฮัน เขามีศักยภาพที่จะเติบโตได้ ด้วยวัยของเขา เขาสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์ได้ นั่นแสดงให้เห็นถึงว่าเขามีศักยภาพพอสมควร
"ได้"
กั๋วฉานและอี้จื่อฮันพยายามเต็มที่ในการเก็บอาการตื่นเต้นของพวกเขา โดยเฉพาะกั๋วฉาน เมื่อเขาคิดว่าตัวเขาทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ขั้นกลาง เขาก็ตื่นเต้นอย่างมาก นักปรุงยาได้ใช้เวลาและพลังงานเกือบทั้งหมดในการปรุงยา ดังนั้นระดับการบ่มเพาะของพวกเขาจึงอ่อนแอเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ การที่สามารถเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ได้ นั่นได้พิสูจน์ให้เห็นว่ากั๋วฉานเป็ชายที่มีศักยภาพดีเยี่ยม
แต่หลังจากที่ถึงขอบเขตแก่นแท้ศักดิ์สิทธิ์ มันเป็เื่ยากมากที่จะทะลวงระดับขึ้น ดังนั้นตอนนี้กั๋วฉานจึงตื่นเต้นอย่างมาก
เจียงเฉินได้นำธงโลหิตออกมา และพาฮันหยานเข้าไปในนั้น ในเวลาเดียวกันเขาได้ควบคุมิญญาอาฆาตภายในธงโลหิตและวางอาคมบางอย่างไว้ จากนั้นเขาก็เก็บมันที่ไหนสักแห่งที่เป็ความลับ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครสามารถพบเจอมันได้
หลังจากนั้น เขาก็ได้พากั๋วฉานและอี้จื่อฮันมุ่งหน้าไปยังเมืองหงหยาง เฝินจงถังอยู่ที่ผาสำนึกผิด และมันยังออกไปไม่ได้เร็วๆนี้ ดังนั้นในตอนนี้เจียงเฉินไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน
