หานเทียนเองก็มองเห็นหานโม่เช่นกัน เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งได้ยินเื่ราวเกี่ยวกับหานโม่ที่ออกจากเมืองไป และยังมีเื่ราวไร้สาระอีกมากมาย
ในอดีตเมื่อตอนที่หานโม่ยังมีพร์อยู่ หานเทียนอาจให้ความสนใจน้องสาวผู้นี้อยู่บ้าง แต่เมื่อหานโม่กลายเป็คนไร้ค่าเมื่อหลายปีก่อน เขาจึงเลิกสนใจน้องสาวต่างมารดาผู้นี้ไปนานแล้ว
“อย่าไปสนใจนาง พวกเราไปกันเถอะ” หานเทียนพูดเสียงทุ้มต่ำ
หานซินไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่นางก็รู้ว่าตัวนางเองไม่สามารถโน้มน้าวใจพี่ใหญ่ได้ จึงทำได้แค่นั่งรวมอยู่กับหานเทียนและคนอื่นๆ ด้วยความขุ่นเคืองใจตรงที่นั่งพิเศษของตระกูลหาน
ไม่นานหลังจากที่ตระกูลหานทั้งหมดนั่งลง การประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
หานโม่ยังไม่ค่อยรู้เื่ในโลกแห่งนี้มากนัก ดังนั้นนางจึงตั้งตารอคอยการประมูลครั้งนี้เป็พิเศษ
เมื่อเห็นว่าของที่นำมาเปิดประมูลชิ้นแรกเป็กระบี่วิเศษเล่มหนึ่ง ดวงตาของหานโม่ก็ฉายแววผิดหวัง
ตี้เฉินไม่ได้สังเกตเห็นความผิดหวังในดวงตาของหานโม่ เมื่อมีการนำเสนอของที่จะประมูลเสร็จ เขาก็เอ่ยแนะนำที่มาและหน้าที่ของกระบี่วิเศษให้แก่หานโม่อย่างอารมณ์ดี
ของประมูลชิ้นที่สองคือเสวี่ยเหลียน [1] ตี้เฉินก็ยังทำหน้าที่แนะนำสิ่งของชิ้นนี้ด้วยตัวเองเช่นเดิม
ชิ้นที่สามคืออัญมณีต่างๆ
หานโม่เพิกเฉยต่อคำพูดของตี้เฉินตลอดเวลา แต่เขาก็ช่างมีความอดทนถึงแม้ว่าจะพูดอยู่คนเดียวและไม่ได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายเลย ก็ยังสามารถสร้างภาพลวงตาให้ผู้อื่นได้เห็นว่าเขากำลังสนทนาอย่างมีความสุขอยู่กับหานโม่ได้
หลังจากนี้ หานโม่จึงได้ทำความเข้าใจใหม่ต่อผิวหน้าที่หนาของตี้เฉิน
ของแต่ละชิ้นที่นำมาประมูล ถูกลำเลียงขึ้นมาบนเวทีเรื่อยๆ จนในที่สุด ก็ถึงตาเซียนหลิงเฉ่าของพวกเขาแล้ว
“หัวหน้า พวกเราได้เลือกเซียนหลิงเฉ่ามาออกประมูลเพียงครึ่งหนึ่งขอรับ” เมื่อหูเลี่ยงเห็นเซียนหลิงเฉ่าถูกนำขึ้นมาเสนอบนเวที ก็ก้มตัวลงเล็กน้อยและกล่าวอย่างนอบน้อมต่อหานโม่
หานโม่พยักหน้าและไม่พูดอะไร
ครึ่งหนึ่งงั้นหรือ? เช่นนั้นก็หมายความว่า พวกเขาไม่ได้ส่งมอบเซียนหลิงเฉ่าทั้งหมดให้แก่ผู้ทำการประมูลประเมินราคาไว้ หากราคาที่ประเมินนั้นไม่เหมาะสม คนที่ขายเช่นพวกเขาก็เลือกที่จะไม่ขายได้
“ของที่จะประมูลรอบต่อไปก็คือเซียนหลิงเฉ่า ทุกท่านนี่คือเซียนหลิงเฉ่าที่ผู้ขายไปเก็บรวบรวมมาเองจากป่าไร้ิญญา เป็ที่ทราบกันดีว่า เซียนหลิงเฉ่ามีสรรพคุณรักษาอาการาเ็ได้อย่างน่าทึ่ง เซียนหลิงเฉ่าจำนวนมากมายเช่นนี้ ราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งพันเหรียญทอง!”
หนึ่งพันเหรียญเงินมีค่าเท่ากับหนึ่งร้อยเหรียญทอง ในตอนนั้นเถ้าแก่ร้านขายยาเสนอราคาซื้อเซียนหลิงเฉ่าของหานโม่เพียง 10 เหรียญเงินเท่านั้น แค่คิดก็รู้ได้ [2] ว่าในท้ายที่สุดแล้วมันช่างน่าสมเพชนัก
“สองพันเหรียญทอง......”
“ห้าพันห้าร้อยเหรียญทอง......”
……
เซียนหลิงเฉ่าไม่ได้เป็สมุนไพรหายาก นักฆ่ารับจ้างส่วนใหญ่ก็สามารถเก็บมันมาได้ แต่เซียนหลิงเฉ่าจำนวนมากมายเช่นนี้นั้นหายากยิ่งนัก ผู้คนในโรงประมูลยังคงเสนอราคาเซียนหลิงเฉ่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้าก็ได้ถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทองแล้ว
ผู้ตั้งการประมูลมองไปทางหูเลี่ยงอย่างสงบเยือกเย็นมาก
ในเมื่อเป็การประมูลเพียงครึ่ง ดังนั้นผู้ตั้งการประมูลย่อมรู้ได้ว่าใครเป็ผู้ขาย
หูเลี่ยงทำอาชีพนักฆ่ารับจ้างมาเป็เวลานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นเหรียญทองมากถึงหนึ่งหมื่นเหรียญเลย กำลังจะพยักหน้าให้ผู้ตั้งการประมูลเดี๋ยวนั้น ในขณะที่หูเลี่ยงกำลังจะส่งสัญญาณก็มีเสียง "ไม่ขาย" ดังขึ้น
หูเลี่ยงใ และมองไปที่หานโม่ทันทีอย่างไม่รู้ตัว
หานโม่ไม่มองหูเลี่ยงด้วยซ้ำ ทำเพียงแค่พูดว่า "รอก่อน"
หูเลี่ยงพยักหน้าและไม่แสดงท่าทางใดๆ ต่อผู้ตั้งการประมูลอีก
ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้วผู้ตั้งการประมูลจึงยังไม่ได้ตัดสินปิดการประมูลเซียนหลิงเฉ่า และยังเอ่ยถามราคาอีกหลายรอบ
แน่นอนว่าเสียงของการเสนอราคาค่อยๆ ดังขึ้นอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับฝั่งของหานโม่ แต่หานซินคอยจับตาดูหานโม่ตลอดเวลา
นางกวาดตาไปมาอย่างใช้ความคิดและราวกับมีกุญแจมาไขจนนางนึกออก จึงเอนตัวไปหาหานเทียนทันทีและพูดว่า “ท่านพี่ เซียนหลิงเฉ่าพวกนี้เป็ของหานโม่”
หานเทียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "เ้ารู้ได้อย่างไร?"
หานซินกล่าว “ข้าเห็นผู้ตั้งการประมูลขยิบตาให้พวกเขา ท่านพี่ เซียนหลิงเฉ่าพวกนี้เป็ของดี และหานโม่ก็คือคนของตระกูลหาน ดังนั้นแล้วนางควรต้องส่งมอบเซียนหลิงเฉ่าทั้งหมดแก่พวกเราอย่างไม่มีเงื่อนไขมิใช่หรือ”
หานเทียนยังไม่ได้เอ่ยคำใด หานิซึ่งเป็คุณชายคนที่สองของตระกูลหานก็ดวงตาเป็ประกายแพรวพราว "พี่ใหญ่ น้องห้าพูดถูก เซียนหลิงเฉ่ามากมายขนาดนี้ หากการเงินของตระกูลหานติดขัดก็สามารถนำไปขายได้ แถมตอนนี้ก็มีคนเสนอราคาให้ตั้งหนึ่งหมื่นเหรียญทองแล้ว" หนึ่งหมื่นเหรียญทองนั้นไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลยแม้แต่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลหาน
หานซินคล้อยตามทันที “ใช่แล้วพี่ใหญ่ พวกเรารีบไปหานางกันเถอะ มิฉะนั้นจะถูกผู้อื่นจะเอาไปได้ อีกทั้งในเมื่อนางมีเซียนหลิงเฉ่ามากมายเช่นนี้ เป็ไปไม่ได้ที่จะไม่มีเหลืออยู่ในมืออีก!”
หานเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ไป”
หานซินพาหานเทียนและหานิเดินไปยังแถวสุดท้ายที่พวกหานโม่นั่งอยู่
การเคลื่อนไหวของตระกูลหานสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนในโรงประมูลได้ ถึงแม้ว่าการเสนอราคายังคงดำเนินต่อไปไม่หยุด แต่สายตาของผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังมองตามคนตระกูลหานไปอย่างใคร่รู้
เมื่อหูเลี่ยงและคนอื่นๆ เห็นหานซินเดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้ามุ่งร้าย จึงเข้ามาขวางพวกเขาเอาไว้โดยไม่ต้องมีใครสั่ง "พวกเ้ามาทำอะไรกัน?"
“หูเลี่ยง” หานซินยังไม่ทันได้พูด หานโม่ก็เอ่ยเรียกหูเลี่ยงเบาๆ
หูเลี่ยงหันไปมอง แล้วหานโม่ก็โบกมือให้เขาหลบไป
หานซินและคนในตระกูลหานอีกหลายคนแสดงรอยยิ้มพึงพอใจแล้วเดินตรงไปหยุดอยู่เบื้องหน้าหานโม่
“หานโม่ นับว่าเ้ายังรู้จักดูทิศทางลม [3]” หานซินเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจ
หานโม่เหลือบมองหานซินช้าๆ และพูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “เป็เพราะว่าพวกเ้ากำลังยืนบังสายตาของผู้ตั้งการประมูลอยู่เท่านั้น”
หานซิน "หานโม่ เ้า!"
“น้องห้า! อย่าลืมเื่ธุระของพวกเราสิ” หานเทียนขมวดคิ้วพลางหันมาพูดกับหานซิน
ทันใดนั้นหานซินจึงรู้สึกตัว และพูดกับหานโม่ใหม่ "ที่พวกข้าตั้งใจมาที่นี่คาดว่าเ้าเองก็คงเดาได้ เช่นนั้นอย่าขัดขืน จงมอบเซียนหลิงเฉ่าทั้งหมดมาให้พวกเราซะ มิฉะนั้นเ้าคงจะต้องเจอดี!"
ในที่สุดหานโม่ก็ยอมเหลือบตามองไปยังหานซิน พลางยิ้มมุมปากเยาะเย้ยอย่างเ็า "เช่นนั้นข้าขอถามหน่อยพวกเ้าเป็ใครกันหรือ? เหตุใดข้าจึงต้องมอบเซียนหลิงเฉ่าทั้งหมดให้แก่พวกเ้าด้วย? เซียนหลิงเฉ่าพวกนี้เป็ข้าที่เก็บมาด้วยตัวเองทีละต้นๆ จากป่าไร้ิญญา แล้วกับพวกเ้า คู่ควรที่ข้าจะมอบเซียนหลิงเฉ่าให้หรือ? หากพวกเ้าอยากได้ก็ไปประมูลเอา ไม่ใช่ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการประมูลหรอกหรือ?”
หานซินเลิกคิ้วขึ้น "หานโม่ สุราคำนับเ้าไม่ยอมดื่มกลับดื่มสุราลงทัณฑ์รึ [4] เ้าเป็คนของตระกูลหาน ของของเ้าก็ต้องเป็ของของตระกูลหานเช่นกัน รีบนำเซียนหลิงเฉ่ามา มีพี่ใหญ่กับพี่รองอยู่ ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับเ้าแน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หานโม่ก็ยิ้มหยัน “ข้าอยากเห็นเสียจริง ทำไมพวกเ้าถึงไม่มอบประโยชน์ดีๆที่ว่าให้แก่ข้าเสียล่ะ”
เมื่อพูดจบนางก็หันไปจ้องที่หานเทียนและหานิที่ยืนอยู่ด้านหลังของหานซินนิ่งๆ หานิมองหานโม่อย่างไม่ชอบใจมาครู่หนึ่งแล้ว คราวนี้ยังถูกหานโม่มองด้วยสายตาดูถูกอีก ทันใดนั้นก็เตรียมเคลื่อนตัวเพื่อลงมืออย่างทนไม่ไหว
แต่หานเทียนกลับหยุดหานิเอาไว้ก่อน เขามองไปที่หานโม่จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงสูงส่งเ็า "หานโม่ เ้าเป็คนของตระกูลหาน นี่นับเป็หน้าที่ของเ้า"
“โอ้ เป็เช่นนั้นหรือ?” หานโม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ดวงตาที่เย็นเยียบคู่หนึ่งจ้องไปที่หานเทียนแล้วถามอย่างเยาะเย้ยถากถาง "เช่นนั้นข้าขอถามท่านหน่อย หน้าที่ของตระกูลหานที่มีต่อข้าคือหลังจากที่พบว่าข้าไม่สามารถฝึกฝนได้ ก็โยนข้าทิ้งไว้ในเรือนหลังเล็กๆ ที่อยู่ไกลโพ้นตามยถากรรมและปล่อยให้ข้าถูกเหล่าพี่สาวรุมด่าทอทุบตีงั้นหรือ?”
หานเทียนขมวดคิ้วมุ่นทันที "เ้าหมายความว่าอะไรกัน? หากไม่เต็มใจให้ก็ไม่ต้องให้ แต่อย่าพูดจาส่งเดชหยามเกียรติตระกูลหานเช่นนี้!"
หานิทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาพุ่งตัวไปยังหานโม่เพื่อลงมือจัดการ "พี่ใหญ่ อย่าไปเปลืองน้ำลายกับนางสารเลวนี่เลย นำเซียนหลิงเฉ่าของนางมาแล้วค่อยว่ากันใหม่!"
หานิเคลื่อนไหวได้รวดเร็วนัก แต่ตี้เฉินกลับเร็วกว่า ั้แ่คนของตระกูลหานทั้งสามปรากฏตัว ใบหน้าของเขาพลันดำคล้ำ เมื่อเห็นว่าหานิชิงลงมือ พลังที่มองไม่เห็นก็แผ่ออกมาจากร่างของตี้เฉิน คนตระกูลหานทั้งสามคนรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่ถล่มทลายเสมือนผลักขุนเขาพลิกทะเลไหลทะลักเข้ามากดดันพวกเขา จนทำให้พลังลมปราณในร่างกายของพวกเขาทั้งสามถูกสกัดกั้นไว้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวอันใดได้เลยทั้งสิ้น
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] เสวี่ยเหลียน คือ บัวหิมะ
[2] คิดแล้วก็รู้ได้ หมายถึง สามารถจินตนาการได้
[3] รู้จักดูทิศทางลม หมายถึง รู้จักกาลเทศะ รู้จักเอาตัวรอด
[4] สุราคำนับไม่ดื่ม กลับดื่มสุราลงทัณฑ์ หมายถึง เมื่อพูดด้วยดีๆ ไม่ยอมก็ต้องใช้กำลังบังคับ