“ท่านพ่อตา คนผู้นี้กำเริบเสิบสานยิ่งนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ลูกเขย!”
เฉียนหงนอนอยู่ในอ้อมกอดของลู่หว่านด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เมื่อครู่นี้เขาััได้ถึงพลังที่น่าหวาดกลัวของเย่เฟิง เพียงการโจมตีเดียวก็ทำลายตบะของเขาได้แล้ว พลังต้องแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า
แต่ไม่ว่าเย่เฟิงจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาเฉียนหงต้องทำให้เย่เฟิงชดใช้ด้วยราคาแสนเ็ปที่มาทำลายตบะของเขา
นาทีนี้ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง พวกเขาเองก็ไม่คิดว่าเื่ราวจะดำเนินมาถึงจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้
“เ้าเป็ใคร เหตุใดลงมือกับลูกเขยข้าได้โเี้เยี่ยงนี้?” ลู่ตงซักถามขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ
“เมื่อครู่เขาลงมือฆ่าข้าก่อน หรือเ้าไม่เห็น?” เย่เฟิงเดินมาที่ข้าง ๆ หนานกงอวี่พร้อมกล่าวเช่นนั้น แม้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลลู่และจวนเ้าเมืองชิงโจวมากถึงเพียงนี้ เขาก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ
“แต่ตอนนี้ตบะของลูกเขยข้าถูกทำลาย เ้าไม่คิดจะอธิบายให้ผู้แซ่ลู่บ้างหรือ?”
ดวงตาของลู่ตงเผยประกายเย็นเยือก น้ำเสียงก็ยังแข็งกร้าว เขาคือผู้นำตระกูล บัดนี้เขาอยู่ในถิ่นตระกูลลู่และยังมีผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองตั้งมากมาย เขาจะหวั่นเกรงไปไย?
“เ้า้าคำอธิบายอะไร?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองลู่ตง แม้รอยยิ้มนั้นเฉยชา แต่ก็ทำให้ลู่ตงอดใจเต้นแรงไม่ได้ ลู่ตงเป็ถึงผู้นำตระกูล ไม่นานก็สงบจิตสงบใจและกล่าวกับเย่เฟิงว่า “ลูกเขยข้าถูกทำลายตบะ เ้าย่อมต้องทำลายตบะเพื่อเป็การไถ่โทษ!”
“ฮ่า ๆ ๆ!”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะ “ให้ข้าทำลายตบะ เ้าก็ต้องมีความสามารถเช่นนั้นถึงจะทำได้!”
“อย่าไปพล่ามไร้สาระกับคนประเภทนี้ ทำลายตบะของเขาแล้วค่อยฉีกกระชากร่างเขาเสีย จึงจะขจัดความเกลียดชังในใจของพวกเราได้!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวด้วยโทสะ ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ต่างตาเผยประกายเย็นเยียบเช่นกัน จู่ ๆ มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจากจวนเ้าเมืองปลดปล่อยพลังปราณ และไปเยือนที่เบื้องหน้าของเย่เฟิง “เ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เ้าต้องตาย!”
เมื่อสิ้นเสียง ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตวัดดาบโจมตี หมายสังหารเย่เฟิงทันที นาทีต่อมาเห็นรังสีดาบพาดผ่านท้องฟ้าพุ่งไปหาเย่เฟิง แม้ผู้คนจะอยู่ไกล แต่ก็ััถึงความเย็นะเืที่มาจากรังสีดาบนั่นได้
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายเย็นเยือก พลันร่างเขาเรืองรองด้วยแสงดาว พร้อมพลังดาราห่อหุ้มร่าง จากนั้นเขาเดินออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะหลบหลีกรังสีดาบนั่นในพริบตา ขณะเดียวกันเย่เฟิงเหวี่ยงหมัดที่หุ้มด้วยพลังทำลายล้างเข้าโจมตีอีกฝ่าย
นาทีต่อมาเสียงะเิดังสนั่น รังสีหมัดอัดกระแทกร่างผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ตามมาด้วยเสียงดังกร๊อบ กระดูกแตกหักหลายจุด บริเวณหน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็ยุบลงไปจนตายคาที่
ผู้คนรอบข้างเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นระส่ำอีกครั้ง ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว คนที่ถูกฆ่าตายคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 สูงสุด แต่กลับถูกฆ่าตายในการโจมตีเดียว เช่นนั้นตบะของชายผู้นี้อยู่ระดับอะไรกันแน่?
หลาย ๆ คนเริ่มคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา ซึ่งพวกเขาไม่คาดคิดว่าสหายของหนานกงอวี่จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
แม้แต่ลู่เหยาก็ยังใ นางยังมองเย่เฟิงและหนานกงอวี่ที่ถูกผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลลู่รวมถึงจวนเ้าเมืองชิงโจวล้อมกรอบอยู่ใจกลางห้องโถงด้วยความตกตะลึง นางรู้จักหนานกงอวี่มาหลายปี แต่เหตุใดจึงไม่เคยได้ยินหนานกงอวี่เอ่ยถึงสหายที่ร้ายกาจมากเพียงนี้
“ฆ่า!”
ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ เห็นผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งถูกเย่เฟิงฆ่าตายต่างก็เผยจิตสังหารของตน แต่ขณะนั้นเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนหนึ่งตวัดดาบไปที่หน้าอกของเย่เฟิง
รังสีดาบสว่างทั่วพื้นที่ รังสีนั้นอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งอำนาจขั้นกายา่กลาง แน่นอนว่าพลังนั้นก็น่าทึ่งเช่นกัน
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายเย็นเยือก จากนั้นมีแสงสว่างจ้าที่ปลายนิ้วของเย่เฟิงพลันกลายเป็รังสีหอกที่น่าสะพรึงกลัว
ซึ่งเย่เฟิงนั้นไม่สนใจดาบของอีกฝ่าย แต่เป้าหมายของเย่เฟิงคือที่หว่างคิ้วของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น นาทีต่อมาลำแสงพุ่งออกจากปลายนิ้วของเย่เฟิง รังสีดาบของอีกฝ่ายยังไม่ทันถึงตัวเย่เฟิง อีกฝ่ายก็ถูกลำแสงนั้นทะลุหว่างคิ้วจนเืพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ เขาตัวแข็งทื่อก่อนจะล้มลงไปกองกับพื้น
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเดียว!”
ผู้คนต่างตกตะลึงและใจเต้นระส่ำอีกครั้ง พวกเขาไม่เคยพบชายหนุ่มที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน ตบะสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองชิงโจวในตอนนี้นั้นอยู่เพียงขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 สูงสุดเท่านั้น อีกอย่างลือกันว่าความแข็งแกร่งยังด้อยกว่าเฉียนหง แต่ดูเหมือนว่าพลังของชายผู้นี้เพียงพอที่จะสังหารเ้าเมืองได้ในเสี้ยววินาที
ผู้คนฉุกคิดได้เช่นนี้ต่างก็ใจเต้นโครมคราม พวกเขายังคาดเดาว่าเย่เฟิงต้องมีฐานะไม่ธรรมดา และอาจจะเป็ผู้มีอำนาจคนหนึ่ง
“ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมือง เหล่าสหายบุกโจมตีพร้อมข้า ฆ่าไอ้สารเลวคนนี้!” ผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองคนหนึ่งแผดเสียงะโด้วยโทสะ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ขณะนั้นมีเสียงเย็นะเืดังมาจากทางเข้าโถงใหญ่ จู่ ๆ ผู้คนต่างหันไปมองทางด้านนั้น ก่อนจะเห็นผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาข้างใน
หัวหน้าสองคนเป็ผู้ฝึกยุทธ์วัยกลางคนในชุดจีนโบราณ แฝงด้วยความน่าเกรงขาม มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“ท่านเ้าเมืองมาถึงแล้ว!” มีคนผู้หนึ่งจำได้จึงกล่าวเช่นนั้น ซึ่งก็คือเ้าเมืองชิงโจว มีนามว่าเฉียนคัง แต่มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งอยู่ข้างกายเฉียนคัง ดูจากลักษณะการเดินในระดับเดียวกัน พวกเขาสองคนน่าจะมีฐานะพอ ๆ กัน
แต่ผู้ฝึกยุทธ์หลาย ๆ คนในที่แห่งนั้นกลับไม่มีผู้ใดรู้จักชายวัยกลางคนผู้นี้ ไม่รู้ว่าเขาเป็ใครมาจากไหน
“ท่านเ้าเมืองมาถึงเสียที สารเลวนี่ทำลายตบะลูกเขยข้า หวังว่าท่านเ้าเมืองจะลงโทษเขาให้สาสม!”
ลู่ตงเห็นเฉียนคังมาถึงก็กล่าวเช่นนั้นด้วยความร้อนใจ เฉียนหงนั้นถูกทำลายตบะในตระกูลลู่ การที่เขาพูดก่อนก็เพื่อปัดความรับผิดชอบไปให้เย่เฟิง ประการแรกสามารถพึ่งพาพลังของจวนเ้าเมืองกำจัดเย่เฟิง ประการที่สองสามารถขจัดปัญหาของตระกูลลู่เขา
ลู่ตงเป็คนเ้าเล่ห์ เขาย่อมรู้เื่นี้ดี
เฉียนคังได้ยินเช่นนั้นก็หันไปมองเฉียนหงที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นไม่ไกลออกไป พลันมีแสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตา แต่แววตากลับดูสับสนคล้ายความคิดในหัวมีความขัดแย้งกัน
“ท่านเ้าเมืองมาถึงแล้ว ดูท่าหนานกงอวี่กับชายผู้นั้นคงหนียากแล้ว!” ผู้คนเห็นลู่ตงรีบฟ้องท่านเ้าเมืองต่างก็คิดในใจเช่นนี้ ถึงอย่างไรเมื่อครู่นี้เย่เฟิงก็ทำลายตบะของบุตรชายเ้าเมือง ทั้งยังฆ่าเฉียนเปียวผู้เป็หลานชายของเ้าเมืองเฉียนและผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองไปหลายคน
ไม่ว่าอย่างไรเ้าเมืองเฉียนก็ต้องฆ่าเย่เฟิงอย่างแน่นอน
“หุบปากซะ!”
อย่างไรก็ตามขณะที่ผู้คนคิดว่าเ้าเมืองเฉียนต้องโกรธเป็ฟืนเป็ไฟและลงมือกำจัดเย่เฟิง คำพูดที่ไม่คาดฝันก็ดังออกจากปากของเ้าเมืองเฉียน ทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจและมองเ้าเมืองเฉียนด้วยความไม่เข้าใจ
ลู่ตงก็ประหลาดใจเช่นกัน จากนั้นเอ่ยถามเ้าเมืองเฉียนว่า “ท่านเ้าเมืองไม่คิดจะลงโทษสารเลวคนนี้หรือ?”
“ข้าบอกให้เ้าหุบปากก็หุบปากซะ หาไม่แล้วจะไม่มีผู้ใดคุ้มกะลาหัวเ้าได้ รวมทั้งตระกูลลู่จะเจอหายนะตามเ้าไปด้วย!” เ้าเมืองเฉียนกล่าวด้วยโทสะ
ทุกคนรวมถึงเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จวนเ้าเมืองต่างหน้าแข็งทื่อ พวกเขาคิดไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านเ้าเมือง เย่เฟิงผู้นั้นทำลายตบะของเฉียนหง ฆ่าเฉียนเปียว ท่านเ้าเมืองควรลงโทษจึงจะถูก แต่บัดนี้ท่านเ้าเมืองไม่เพียงแต่ไม่ลงโทษเย่เฟิง แต่ยังดุด่าผู้นำตระกูลลู่ นี่มันไม่ปกติแล้ว
“ท่านเ้าเมือง ท่านนี้ก็คือคังผิงโหว ไยไม่รีบทำความเคารพอีก!”
ขณะนั้นชายวัยกลางคนที่มากับเ้าเมืองเฉียนกล่าวเช่นนั้น โดยสั่งให้เ้าเมืองเฉียนทำความเคารพเย่เฟิง และสรรพนามที่เขาเรียกเย่เฟิงก็ตกอยู่ในหูของทุกคนอย่างชัดเจน
“คังผิงโหว”
นามนี้ไม่ถือว่าแปลกใหม่สำหรับพวกเขา
“คังผิงโหว หรือชายผู้นี้ก็คือคังผิงโหวที่องค์าาเพิ่งแต่งตั้ง?” ผู้คนคิดในใจ
ในเวลาเดียวกันนั้นพวกเขาเห็นเ้าเมืองเฉียนรีบหมุนตัวเดินไปที่เบื้องหน้าเย่เฟิง ก่อนจะทำความเคารพโดยคุกเข่าลงท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย “ท่านโหวเย่ว์มาเยือนเมืองชิงโจว แต่ข้าน้อยกลับมิทราบ ข้าน้อยสมควรตายเป็หมื่น ๆ ครั้ง ท่านโหวเย่ว์โปรดให้อภัย!”
เย่เฟิงเหลือบมองเ้าเมืองเฉียนที่กำลังคุกเข่าก่อนกล่าวว่า “เื่นี้ไม่เกี่ยวกับท่าน”
เ้าเมืองเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ส่วนบุตรชายเขาที่ถูกเย่เฟิงทำลายตบะ เขากลับไม่กล้าระบายโทสะออกมา
คังผิงโหวมีฐานะสูงส่ง แม้แต่ผู้ว่าการยังเคารพนอบน้อม เขาเป็เพียงเ้าเมืองตัวเล็ก ๆ จะเคียดแค้นคังผิงโหวได้อย่างไร
แม้เขาเกลียดชังแล้วจะทำอย่างไรเล่า? เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะแก้แค้น หากคังผิงโหวพิโรธ เช่นนั้นครอบครัวของเขาต้องประสบกับหายนะอย่างแน่นอน
