วันศุกร์ลู่เป๋าเหยียนเลิกงานตรงเวลา นานๆ ทีคนในออฟฟิศผอ.ลู่จะไม่ต้องทำโอทีเสิ่นเยว่ชวนเองก็กำลังคิดว่าคืนนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดีแต่อีกใจก็นึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เมือง G
ูเี่อันเห็นข้อความที่เขาตั้งใจจะส่งให้ลู่เป๋าเหยียนนั่นทำให้ความลับอันยิ่งใหญ่ของลู่เป๋าเหยียนถูกเปิดเผยแตู่เี่อันก็ดันไม่ยอมให้เขารายงานเื่นี้
ถ้าวันไหนลู่เป๋าเหยียนจับได้ขึ้นมาว่าเขาปิดบังเื่ดังกล่าว เขาคงต้องถูกส่งไปเนปาลอีกแน่
“เอ่อ ผอ.ลู่”เขาถามลองเชิง “นายเคยคิดจะบอกเื่ทุกอย่างให้เจี่ยนอันรู้บ้างหรือเปล่าทั้งเื่เมื่อหลายปีก่อน และเื่ที่นายกำลังทำอยู่ในตอนนี้ ฉันว่าถ้านายปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีโดยเฉพาะที่บอกกับเธอว่าอีกสองปีจะหย่า เจี่ยนอันอาจดูเหมือนไม่ใส่ใจก็จริงแต่ฉันว่าจริงๆ แล้วในใจเธอคงคิดมากบ้างแหละดีไม่ดีเธออาจจะคอยย้ำเตือนตัวเองเื่นี้ตลอดเวลาจนทำให้เธอปิดกั้นและรักษาระยะห่างกับนายก็ได้นะ”
หลังนิ่งไปสักพักเสิ่นเยว่ชวนก็พูดต่อ “แต่อย่างว่า ถ้าเป็แบบนั้นจริงๆพวกนายสองคนก็เหมาะสมกันชะมัดเพราะนายเองก็ใช้เื่นี้มาเป็ข้ออ้างในการบังคับใจตัวเองเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้สนใจสิ่งที่เสิ่นเยว่ชวนพล่ามมาแม้แต่น้อยเขาหันไปมองด้วยสายตาอันตราย
“นายไปทำเื่อะไรมาหรือเปล่า”
เสิ่นเยว่ชวนเสียวสันหลังวาบและรีบปฏิเสธทันควัน
“ฉันก็แค่หวังดีกับพวกนายเลยแนะนำออกไปผู้หญิงอย่างเจี่ยนอัน ถ้ารู้เื่ทั้งหมดที่นายทำคงซึ้งใจมากดีไม่ดีถ้าเธอซึ้งกับสิ่งที่นายทำสุดๆอาจถึงขั้นหลงรักนายจนถอนตัวไม่ขึ้นเลยก็ได้นะ”
“ยังไม่ถึงเวลา...”
ลู่เป๋าเหยียนไม่อยากใช้ความซาบซึ้งหรือคำขอบคุณมาผูกมัดูเี่อันให้อยู่ข้างกายเขาความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อกันต่างหากที่ยืนยาว ไม่อย่างนั้นยิ่งเขาทำเพื่อเธอมากเท่าไร มันอาจจะกลายเป็ภาระและแรงกดดันสำหรับเธอก็ได้
หากเขาพาเธอเข้ามาในโลกของเขาแล้วแต่เธอยังคงชอบผู้ชายคนนั้นอยู่ สู้เขายอมปกปิดเื่นี้ต่อไป เพื่อให้เธออยู่กับเขาได้อย่างสบายใจเสียยังดีกว่า
เสิ่นเยว่ชวนถอนหายใจและยื่นกุญแจรถส่งให้ลู่เป๋าเหยียน
“ไม่รู้ว่าพวกนายสองคนใครกันแน่ที่ซื่อบื่อ”
ลู่เป๋าเหยียนส่งสายตาเย็นะเืไปให้เสิ่นเยว่ชวนรีบวิ่งจู๊ดหนีไปอย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นลู่เป๋าเหยียนคงได้บดขยี้เขาจนเป็ผุยผงแน่นอน
ขณะที่ลู่เป๋าเหยียนกำลังเดินไปยังที่จอดรถมือถือเขาก็ดังขึ้น ‘เจี่ยนอัน’ ชื่อนี้ขึ้นอยู่ที่หน้าจอ
“นายเลิกงานหรือยัง”ูเี่อันถาม
“อืม” ลู่เป๋าเหยียนตอบกลับไป“กำลังจะกลับบ้าน มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันอยู่ที่บ้านแม่นายจะมาหรือเปล่า” ูเี่อันถามเสียงสดใส “ฉันทำกับข้าวเอาไว้รอนายแล้วนะ”
ในฤดูร้อนที่่กลางวันมักจะยาวนานเป็พิเศษห้าโมงกว่าแล้วแสงแดดยังคงร้อนแรงแสบตา มันสาดส่องเข้ามาผ่านกระจกรถและสะท้อนรอยยิ้มกว้างหายากบนใบหน้าของลู่เป๋าเหยียนอย่างชัดเจน
เขาพาดมือลงบนพวงมาลัยส่วนอีกมือถือโทรศัพท์อย่างผ่อนคลาย
ไม่เคยนึกเลยว่าวันหนึ่งเขาจะได้รับโทรศัพท์แบบนี้ เสียงของูเี่อันที่เข้ามาตามสายเธอถามเขาว่าเลิกงานหรือยังเธอพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงว่าเธอเตรียมมื้อเย็นไว้ให้เขาแล้วและตอนนี้กำลังรอเขากลับไปหา
เื่เล็กน้อยเพียงแค่นี้แต่เพราะคนพูดเป็เธอ มันจึงดูเป็เื่สวยงามเหนือสิ่งอื่นใด
“แล้วฉันจะรีบไปน่าจะถึงในอีกสี่สิบนาที รอฉัน”
เขาวางสายและเหยียบคันเร่งเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Zijing Palace Garden ทันทีด้วยหัวใจที่อยากจะกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด
เขาไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วูเี่อันลังเลอยู่นานกว่าจะกดโทรศัพท์ไปหาเขาั้แ่เริ่มหาเบอร์เขา หัวใจเธอก็ตุ๊มๆ ต่อมๆ
เธอกลัวว่าลู่เป๋าเหยียนจะไม่รับสายเธอกลัวจะไปรบกวนเขาระหว่างประชุม เธอกลัวเขาจะเ็าใส่เธอ
แต่เมื่อลู่เป๋าเหยียนบอกให้เธอรอเขา
โลกทั้งใบก็ดูสดใสขึ้นเพียงเพราะคำพูดนี้
“ตอนแม่สาวๆเวลาโทรหาพ่อของเป๋าเหยียนก็เป็แบบนี้แหละ” ถังอวี้หลันเดินเข้ามาพลางพูดยิ้มๆ“เวลาจะกดเบอร์หรือคุยกับเขา แม่ตื่นเต้นจนหัวใจจะวาย พอหลังวางสายกลับรู้สึกหัวใจได้รับความหวานมากเกินไปจนแทบเป็ลม ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีคำพูดสวีทหวานอะไร”
ูเี่อันไม่นึกว่าถังอวี้หลันจะโผล่มาจากข้างหลังตอนนี้เธอจึงทำหน้าไม่ถูก
“แม่คะ คือหนู...”
“แม่เข้าใจ”ถังอวี้หลันตบไหลู่เี่อันเบาๆ “ปกติคนทั่วไปมักคบกันก่อนแล้วค่อยแต่งงานแต่หนูกับเป๋าเหยียนดันกลับตาลปัตร แต่ก็ดูน่าสนุกดีไม่ใช่เหรอมีเื่อะไรน่าสนใจอย่าลืมมาเล่าให้แม่ฟังบ้างนะจ๊ะ”
ูเี่อันเริ่มหน้าแดง
“หนูไปยกกับข้าวก่อนนะคะ”
เมื่อลู่เป๋าเหยียนมาถึงูเี่อันยังคงหน้าแดงไม่หาย เขาจับมือูเี่อันพลางถาม
“เป็อะไรไปหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไร”ูเี่อันยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง “แค่รู้สึกร้อนนิดหน่อย”
่นี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นทุกวันแต่เธอยังคงสวมเสื้อไหมพรมสำหรับฤดูใบไม้ผลิ ลู่เป๋าเหยียนจึงไม่ติดใจอะไรและรับอาหารที่อยู่ในมือเธอ เพื่อช่วยเอาไปวางไว้ที่โต๊ะอาหาร
คนรับใช้ที่เห็นภาพนี้พูดเสียงเบากับถังอวี้หลันด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายกับคุณผู้หญิงดูรักกันดีนะคะดิฉันว่าอีกไม่นานคุณนายคงได้อุ้มหลานแล้วล่ะค่ะ”
“เื่หลานฉันไม่รีบหรอกข้าวใหม่ปลามันแบบนี้ ให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกันลำพังไปอีกสักสองปีกำลังดี อีกอย่างเจี่ยนอันเองก็ยังสาว”ถังอวี้หลันยิ้มกว้าง “ขอแค่พวกเขารักกันดีและอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขฉันก็พอใจแล้ว”
หลังกินข้าวเสร็จถังอวี้หลันได้ถามลู่เป๋าเหยียนว่าจะค้างที่นี่สักคืนหรือเปล่า
ูเี่อันนึกไปถึงประสบการณ์ค้างคืนในคราวที่แล้วเธอเคยให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า จะไม่ให้เกิดเื่แบบนั้นขึ้นอีกจึงพยายามส่งสายตาให้สัญญาณกับลู่เป๋าเหยียนอย่างเต็มที่พลางภาวนาในใจขอให้เขาช่วยปฏิเสธออกไป
“พอดีพรุ่งนี้ผมจะพาเจี่ยนอันไปที่ที่หนึ่งน่ะครับ”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ไว้คราวหน้านะครับแม่”
ถึงแม้ถังอวี้หลันจะผิดหวังอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่ตื๊อลูกชายต่อ
“ก็ได้จ้ะงั้นพวกลูกรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
หลังขึ้นรถูเี่อันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็ไร”ลู่เป๋าเหยียนตอบ “ถึงเธอจะยอมค้างคืน ฉันก็ปฏิเสธอยู่ดี”
ูเี่อันรู้สึกว่าคำพูดเขามีอะไรแปลกๆเมื่อลองคิดดูดีๆ หรือเขาจะหมายความว่า เขาไม่อยากอยู่กับเธอ?
เธอเบะปากเล็กน้อยแล้วเอียงหน้าหันออกไปมองนอกหน้าต่าง
“ไม่ต้องลำบากนายช่วยปฏิเสธหรอกฉันก็ไม่คิดจะค้างคืนอยู่แล้ว”
ลู่เป๋าเหยียนเริ่มรู้สึกว่าน้ำเสียงของคนข้างกายดูผิดปกติเมื่อหันไปมองจึงเห็นแก้มแดงๆของเธอ ดูท่าคงจะโกรธเข้าให้แล้ว
เมื่อเดาได้ว่าเธอกำลังโมโหเื่อะไรลู่เป๋าเหยียนก็นิ่งไป และถามขึ้น
“เจี่ยนอันเธอชอบทำอะไร”
ถ้าเป็ผู้หญิงทั่วไปหากผู้ชายที่ตนชอบถามคำถามนี้ ก็คงตอบไปว่า ชอบอ่านหนังสือไม่ก็ท่องเที่ยวอะไรทำนองนั้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
แต่ไม่ใช่สำหรับูเี่อัน
“กิน!”เธอตอบโดยไม่แคร์ว่าลู่เป๋าเหยียนจะรังเกียจหรือไม่ เพราะอย่างไรเขาก็รังเกียจเธออยู่แล้วนี่
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม“งั้นเธอลองนึกดู ถ้าฉันเอาอาหารที่เธอชอบกินที่สุดมาวางลงตรงหน้าแต่ห้ามไม่ให้เธอกิน เธอจะรู้สึกยังไง”
ใจร้ายทำแบบนั้นมันจงใจแกล้งกันชัดๆ ใครจะไปอดใจไหว!
ูเี่อันหันหน้ากลับมาถลึงตาใส่
“งั้นสู้นายอย่ายกมาเลยดีกว่า!”
“อืม” ลู่เป๋าเหยียนตอบ“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
เพราะฉะนั้นพวกเราควรนอนแยกห้องกันไม่งั้นจะเป็การใจร้ายกับเขามากเกินไป
ในเมื่อแตะไม่ได้ก็สู้อย่าเข้าใกล้เลยดีกว่า ทำได้แค่มอง แต่กินไม่ได้ คนปกติที่ไหนจะไปทนไหว
เขาหวังว่าูเี่อันจะเข้าใจ
“เพราะฉะนั้นนายหมายความว่า...” ูเี่อันมองลู่เป๋าเหยียนอย่างไม่แน่ใจ
“อีกหน่อยนายจะไม่ให้ฉันกินข้าวแล้วงั้นเหรอ?”
“...”
ดูท่าเขาคงคาดหวังมากเกินไปที่จะใหู้เี่อันเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขากำลังบอกใบ้
“ูเี่อัน”อีกนิดเขาจะกัดฟันพูดอยู่แล้ว “เธอนี่มันซื่อบื้อยิ่งกว่าที่ฉันคิดเสียอีก”
“มีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ”ูเี่อันมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง
“ทำไมต้องโจมตีระดับสติปัญญาฉันด้วย”
ลู่เป๋าเหยียนหัวเราะฮึเสียงเย็นออกมาหนึ่งที
เขาก็อยากให้เธอมีสติปัญญาพอที่เขาจะโจมตีได้เหมือนกัน
ไม่นานรถก็จอดลงหน้าประตูบ้านูเี่อันเปิดประตูรถและวิ่งขึ้นห้องของตนทันทีวันนี้เธอไม่อยากเจอหน้าลู่เป๋าเหยียนอีกแล้ว
ลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่ใส่ใจขณะที่เขากำลังจะเดินเข้าบ้าน อาเฉียนคนขับรถก็เดินเข้ามาหา
“คุณชายครับเมื่อ่เที่ยงที่คุณผู้หญิงออกไปทานข้าวเกิดเื่บางอย่างขึ้นผมคิดว่าควรจะแจ้งคุณชายไว้ก่อนครับ”
“เกิดเื่อะไรขึ้น”
“เจี๋ยงเสวี่ยลี่และซูหยวนหยวนอยู่ที่ร้านอาหารเดียวกันพอดีครับ”อาเฉียนรายงาน
“หลังจากที่คุณชายซูกลับออกไปพวกเธอจึงเดินเข้าไปหาคุณผู้หญิง และพูดอะไรบางอย่างที่ไม่น่าฟังครับ”
คิ้วของลู่เป๋าเหยียนขมวดยุ่งในทันที
“พวกเธอพูดอะไร”
อาเฉียนรายงานทุกอย่างที่ซูหยวนหยวนพูดให้กับลู่เป๋าเหยียนฟังโดยเฉพาะเื่ที่ซูหยวนหยวนเยาะเย้ยูเี่อันเื่แหวนแต่งงาน
เื่พวกนีู้เี่อันไม่ได้บอกกับลู่เป๋าเหยียน แถมดูท่าเธอคงไม่คิดจะบอกเขาอีกด้วย
เมื่อเดินผ่านห้องูเี่อันฝีเท้าของลู่เป๋าเหยียนก็หยุดลง เขายกมือเหมือนจะเคาะประตูห้องของเธอแต่เมื่อนึกไปถึงภาพของเธอที่กำลังโกรธตอนอยู่บนรถ เขาก็ยิ้มบางและลดมือลง
จนกว่าจะเช้าูเี่อันคงไม่คิดจะเจอหน้าเขาอีกแล้วแน่ๆเื่คำพูดของซูหยวนหยวนและเื่แหวนแต่งงาน เธอเองก็คงไม่คิดจะใส่ใจ
เพราะฉะนั้นช่างมันเถอะถึงอย่างไรเขาก็มีแผนการไว้อยู่แล้ว
ูเี่อันได้ยินเสียงฝีเท้าของลู่เป๋าเหยียนที่หยุดลงตรงหน้าประตูห้องของตนทว่าผ่านไปสักพักแล้วก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรขณะที่เธอกำลังสงสัยว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่าเสียงฝีเท้าของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง และเริ่มไกลออกไป
เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ
ูเี่อันหาคำตอบในข้อสงสัยของตนไม่ได้จึงลุกไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
หลังจากหลับไปหนึ่งตื่นเช้าวันใหม่ก็มาถึง เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อวานูเี่อันได้ลืมไปหมดแล้วเธอเดินลงจากห้องอย่างสดใส
ทว่ากลับไม่พบลู่เป๋าเหยียน
เขาเป็คนตื่นนอนตรงเวลาและไม่มีนิสัยนอนตื่นสายในวันหยุดแต่ไม่ว่าจะในห้องรับแขกหรือห้องอาหารเธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา
“คุณชายอยู่ที่ห้องฟิตเนสครับ”
จู่ๆ ลุงสวีก็โผล่เข้ามาจากข้างหลังูเี่อันเขาพูดพลางชี้นิ้ว
“ห้องฟิตเนสอยู่ทางนู้นครับ”
ูเี่อันเดินตามทางที่ลุงสวีบอกด้วยความอยากรู้อยากเห็นและได้พบกับโลกใหม่ที่ตัวเองไม่เคยเจอมาก่อน
ห้องฟิตเนสที่นี่ขนาดใหญ่กว่าห้องรับแขกของบ้านคนทั่วไปเสียอีกในห้องเพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายทุกชนิด ด้านหนึ่งของห้องเป็กระจกที่สามารถชมวิวของสวนดอกไม้และสามารถเปิดประตูจากอีกฝั่งเพื่อออกไปยังสระว่ายน้ำด้านนอกได้โดยตรงทั้งอุปกรณ์และการออกแบบของที่นี่เป็์ของคนชอบออกกำลังกายโดยแท้
ลู่เป๋าเหยียนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง
เธอเคยเจอเขาในชุดสูทและชุดลำลองแต่นี่เป็ครั้งแรกที่ได้เห็นเขาในชุดออกกำลังกาย
ชุดออกกำลังซึ่งไม่ได้มีดีไซน์อะไรพิเศษแต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของเขากลับดูน่ามองหยดเหงื่อที่ไหลลงมาตามแนวกล้ามเนื้อแข็งแรงของเขา ช่างเซ็กซี่เหลือเกิน
ูเี่อันลอบกลืนน้ำลายเบาๆ
ลู่เป๋าเหยียนสังเกตเห็นูเี่อันั้แ่เธอเดินเข้ามาจึงปิดเครื่องวิ่งและพูดว่า
“เจี่ยนอันช่วยหยิบผ้าขนหนูให้ฉันหน่อย”
ูเี่อันยังคงยืนนิ่งเหมือนไม่รับรู้อะไรลู่เป๋าเหยียนมองเธออย่างสงสัย
ตอนนั้นเองูเี่อันก็เริ่มได้สติ เธอหันไปมองผ้าขนหนูที่วางอยู่ใกล้ๆ มือเธอและหยิบมันส่งให้กับลู่เป๋าเหยียน
ลู่เป๋าเหยียนพูดพลางเช็ดเหงื่อ
“ฉันไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวพร้อมกัน”
จนเขาเดินออกจากห้องไปแล้วูเี่อันถึงส่งเสียงตอบรับออกไป เธอเห็นเงาของตัวเองในกระจกที่ใบหน้าเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย
นั่นก็เพราะ...ท่าทางตอนเขาเช็ดเหงื่อหล่อกระชากใจเธอชะมัดเลย...
