“สวัสดีท่านจิ่ว ไม่ได้พบกันห้าปีพลังฝีมือของท่านพัฒนาขึ้นมาอีกขั้นแล้ว!” เย่รั่วสุ่ยยิ้มพร้อมกับประสานมือขึ้น จากนั้นเอียงหน้ามาพูดขึ้นต่อเย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่ “พวกเ้ายังไม่รีบทำการคำนับต่อท่านจิ่วอีก ท่านจิ่วเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับเทพที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาผู้หนึ่ง!”
“คำนับท่านจิ่ว!” เย่ชิงหานและเย่ชิงอวี่ได้สติกลับคืนมารีบโค้งตัวคำนับลงในทันที ภายในใจของเย่ชิงหานครุ่นคิดว่า จิ้งจอกเบื้องหน้านี้เป็เทพอสูรอีกตัวหนึ่งแล้ว เทพอสูรเมื่อเติบโตเต็มวัยจะสามารถพูดได้ ถ้าอย่างนั้นต่อไปเสี่ยวเฮยถ้าเข้าสู่่เติบโตเต็มวัยก็คงสามารถพูดได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องทำการส่งกระแสเสียงแล้ว
“คิกๆ ไม่ต้องมากพิธี เข้ามากันเถอะ” ท่านจิ่วพูดเสร็จก็บ่ายหน้าเดินเข้าไปข้างในทันที ภายในประตูเป็ระเบียงทางเดินที่กว้างใหญ่ที่ปูด้วยพรมสีแดง เบื้องหน้ามีทางแยกอยู่หลายทาง เดินมาสักพักท่านจิ่วจึงชี้นิ้วไปยังปากทางแยกแห่งหนึ่งด้านหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เย่รั่วสุ่ยเ้าพาสาวน้อยนางนี้ไปพักผ่อนรออยู่ที่ตำหนักด้านข้างที่เ้าเคยไปรอครั้งที่แล้ว ผลไม้วิเศษและอาหารเครื่องดื่มเลิศรสต่างๆ ภายในพวกเ้ากินได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ส่วนข้าจะพาเย่ชิงหานไปพบนายท่าน!”
“หืม? ท่านพี่!” เย่ชิงอวี่เมื่อได้ฟังรีบจับแขนเสื้อเย่ชิงหานขึ้นมาในทันที เรียกขึ้นเบาๆ ด้วยความเป็กังวล
“ชิงอวี่เป็เด็กดี พี่ไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว เ้าไปกันท่านปรมาจารย์บรรพบุรุษก่อนเถอะ!” เย่ชิงหานตบไปที่หลังมือของนางเบาๆ บอกให้นางไปกับเย่รั่วสุ่ยก่อน
“ไปเถอะนางหนู!” เย่รั่วสุ่ยรีบส่งสายตาบอกจากนั้นลากแขนเย่ชิงอวี่ที่ยังอาลัยอาวรณ์อยู่เดินตรงไปยังตำหนักด้านข้างทันที
“เหอะๆ เด็กหนุ่มผู้โชคดี ตามมาเถอะ!” ท่านจิ่วยิ้มขึ้นด้วยลักษณะสีหน้าราวกับมนุษย์ เป็รอยยิ้มสนิทสนมเป็กันเองที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าจิ้งจอกของนาง พูดจบก็เริ่มก้าวเดินออกไปอย่างอ่อนช้อยงดงามมุ่งหน้าไปยังปากทางเข้าอีกแห่งหนึ่ง เดินไปพลางพูดสั่งกำชับเย่ชิงหานไปพลาง “เย่ชิงหาน อีกสักพักเมื่อพบกับนายท่านไม่ต้องพูดอะไรมาก อย่ากวาดสายตามองมั่วซั่ว นายท่านถามสิ่งใดเ้าก็ตอบกลับไปตามความเป็จริงก็พอ นายท่านให้เ้าทำอะไรเ้าอย่าได้ขัดใจ หาไม่แล้วถ้าทำให้นายท่านมีโทสะขึ้นมาพวกเ้าทั้งสามคนอาจจะไม่ได้กลับไปอีกก็เป็ได้...”
ระเบียงทางเดินด้านซ้ายมีขั้นบันไดเชื่อมต่อเอาไว้ ขั้นบันไดยาวเป็อย่างมาก้าสุดมีประตูใหญ่สีแดงอยู่ ทุกขั้นล้วนปูด้วยพรมสีแดงที่สะอาดไม่มีแม้แต่ฝุ่นสักเล็กน้อย
เย่ชิงหานรีบเดินตามท่านจิ่วไปด้วยความเร็ว เมื่อได้ฟังสิ่งที่นางพูดสั่งกำชับเตือนออกมาภายในใจพลันเริ่มรู้สึกกังวลใจขึ้นมา
อีกสักพักก็จะพบกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปที่เป็ตำนานเล่าขานแล้ว แม้จะคาดเดาได้ว่าบุคคลผู้นี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับเสี่ยวเฮยเป็แน่ แต่ก่อนที่ทุกอย่างยังไม่กระจ่างชัดเจนออกมา ภายในใจของเขาก็ไม่ได้มีความมั่นใจสักเท่าไร เพราะถ้าหากท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่อยากฆ่าเขาละก็ บนทวีปนี้ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้ แม้แต่ลูซีก็ช่วยไม่ได้...
“ถึงแล้ว เ้าจำคำที่ข้าบอกไว้เมื่อสักครู่ให้ดี!” เดินอยู่ไม่นาน เย่ชิงหานติดตามท่านจิ่วมาจนถึงหน้าประตูสีแดงที่เปล่งประกายแสงออกมาเล็กน้อย จากนั้นท่านจิ่วหยุดฝีเท้าลงแล้วชี้ไปที่ประตูแสงบอกว่าให้เย่ชิงหานเข้าไปเอง
เอี๊ยด!
เย่ชิงหานพยักหน้าตอบรับ จากนั้นดันประตูเดินเข้าไปโดยไม่คิดอะไรมาก
เมื่อเข้ามาภายในประตูเขามองเห็นดาดฟ้ากลางแจ้งแห่งหนึ่ง สายตามองไปเห็นกระถางดอกไม้มากมายนับไม่ถ้วนจัดเรียงเป็รูปภาพต่างๆ ที่สวยงามอย่างเป็ระเบียบ ทางฝั่งด้านซ้ายของกระถางดอกไม้เ่าั้เป็สระน้ำขนาดใหญ่มีปลาสีสันสวยงามมากมายแหวกว่ายเล่นไปมา ทางฝั่งด้านขวาของกระถางดอกไม้เป็ซุ้มองุ่นขนาดใหญ่ที่มีพวงองุ่นสีสันสดใสสวยงามห้อยลงมาอยู่เต็มไปหมด
ด้านล่างซุ้มองุ่นมีโต๊ะรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่ทำขึ้นมาจากหินผลึก บนโต๊ะมีผลไม้ที่มีลักษณะเกือบจะโปร่งใสที่เย่ชิงหานไม่เคยเห็นวางอยู่หลายจาน ด้านข้างโต๊ะมีเก้าอี้โยกตัวหนึ่งที่ทำขึ้นมาจากเครือเถาวัลย์แก่ตัวหนึ่งตั้งอยู่ และบนเก้าอี้มีคนนั่งอยู่ เพียงแต่เย่ชิงหานมองเห็นได้แค่เพียงแผ่นหลังด้านข้าง คนผู้นี้อยู่ในชุดเสื้อคลุมสีแดงเพลิงมีเส้นผมสีดำมันขลับทั้งศีรษะและมีดวงตาที่เ็า
“หืม? มีหญิงสาวอยู่ด้วยคนหนึ่ง?” เย่ชิงหานรู้สึกอึดอัดเป็อย่างมากแหงนหน้ากวาดสายตามองไปโดยรอบทั้งสี่ทิศกลับไม่ได้พบเจอกับสิ่งใด ครั้นแล้วเขาจึงเดินออกไปอีกหลายก้าวจากนั้นประสานมือขึ้นแล้วเอ่ยถามออกไป “เย่ชิงหานคำนับแม่นาง ขอเรียนถามหน่อยว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ใด? ข้ามาขอเข้าพบตามคำสั่ง!”
หญิงสาวไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาในมือยังคงถือม้วนกระดาษสีเขียวมองดูอยู่อย่างเงียบๆ อยู่เช่นนั้น เย่ชิงหานไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกและไม่ได้กวาดสายตามองไปยังสิ่งใดอีก ทำเพียงยืนคอยอยู่กับที่นิ่งๆ ให้หญิงสาวตอบกลับมา
การยืนคอยในครั้งนี้ของเขายืนอยู่หนึ่งชั่วโมงกว่าๆ ราวกับว่าหญิงสาวไม่ได้รับรู้ว่ามีเย่ชิงหานอยู่ตรงนี้ด้วยฉันนั้น นางยังคงถือม้วนกระดาษสีเขียวในมือมองดูอยู่อย่างเพลิดเพลินเต็มที่ บนดาดฟ้าเงียบสงบจะมีก็แค่เพียงเสียงพลิกกระดาษของหญิงสาวที่ดังขึ้นมาเป็พักๆ เพียงเท่านั้น
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ เย่ชิงหานเริ่มที่จะอดทนรอต่อไปไม่ไหวเตรียมที่จะเอ่ยปากถามออกไปอีก ทันใดนั้นหญิงสาวพลันวางม้วนกระดาษในมือลงแล้วหันหน้ามองมาที่เย่ชิงหานด้วยสายตาเ็า
‘เป็สายตาน่ากลัวยิ่งนัก!’
เมื่อสายตาของเย่ชิงหานประสานกันกับหญิงสาว เขาพลันรู้สึกราวกับว่าได้มองเห็นแสงสว่างเจิดจ้ารุนแรงจนแทบจะทำให้ตาบอดสองสายส่องเข้ามา ภายในหัวเริ่มมึนงงขึ้นรีบดึงสายตากลับไม่กล้าที่จะมองอีกต่อไป จากนั้นรีบก้มหน้าลงรอหญิงสาวเอ่ยปากพูด
หญิงสาวยังคงไม่ได้เอ่ยปากพูดสิ่งใดออกมา ทำเพียงแค่ใช้สายตาที่เ็ามองดูเย่ชิงหานอยู่เช่นนั้น สายตาที่ราวกับคมมีดที่มองมายังเขาทำให้รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาทั่วทั้งร่าง อีกทั้งทำให้รู้สึกว่าภายใต้สายตาที่มองมาเขาถูกมองจนทะลุปรุโปร่งไม่สามารถที่จะปกปิดความลับใดๆ เอาไว้ได้เลยแม้แต่น้อย
ผ่านไปอีกสักพักในที่สุดเย่ชิงหานก็อดทนรอต่อไปไม่ไหว อีกทั้งถูกหญิงสาวนางหนึ่งจ้องมองดูอยู่เช่นนี้รู้สึกไม่เป็ธรรมชาติขึ้นมา ครั้นแล้วเขาจึงประสานมือเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “แม่นาง ขอถาม...ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่อยู่ที่ใด?”
ในที่สุดหญิงสาวก็เปิดปากพูดขึ้น น้ำเสียงเ็าเป็อย่างมากไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ “ข้านี่แหละคือท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ผู้!”
“อาาา!” เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟังที่แฝงไปด้วยกลิ่นไอของผู้ที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนานนี้อีกครั้ง เย่ชิงหานอึ้งไปในทันทีพูดขึ้นอย่างไม่อยากที่จะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น “ท่านก็คือท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เป็เทพ...”
สิ่งที่เย่ชิงหานอยากจะพูดก็คือ ไม่ใช่ว่าท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่เป็เทพอสูรหรอกรึ? แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านี้เป็มนุษย์ตัวเป็ๆ ทุกอย่าง เพียงแต่เขาเพิ่งพูดได้ยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องหยุดชะงักลงก่อนเพราะกลัวว่าจะทำให้หญิงสาวเสื้อคลุมแดงโกรธขึ้นมา
“เทพอสูรจะแปลงกลายเป็มนุษย์ไม่ได้เชียวรึ? โง่เขลา!” หญิงสาวหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันครั้งหนึ่งแล้วก็เงียบไป จากนั้นจ้องมองดูเย่ชิงหานต่ออีกสักพักถึงค่อยพูดขึ้นอีก
“เย่ชิงหาน เ้ารู้หรือไม่ว่าความจริงแล้ว...ข้าอยากสังหารเ้ามาก!”
หญิงสาวพูดออกมาง่ายๆ ประโยคเดียวกลับทำให้เย่ชิงหานรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกฉุดดึงลงไปยังโลกแห่งความตายแล้วฉันนั้น ทั่วทั้งร่างพลันเริ่มเย็นเฉียบขึ้นโดยทันที นางไม่ได้ปลดปล่อยพลังหรือกระทำสิ่งใดๆ ออกมาแต่แค่เพียงคำพูดประโยคเดียวกลับทำให้เืภายในกายของเย่ชิงหานเริ่มแข็งตัวขึ้นมา ในขณะเดียวกันปฏิกิริยาตอบสนองของิญญาก็เริ่มเชื่องช้าลง ร่างกายเหมือนถูกบังคับควบคุมเอาไว้ เริ่มรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอแห่งความตายที่พัดโชยเข้ามาหาอย่างรุนแรงมากขึ้นทุกที
ผ่านไปชั่วครู่กระแสพลังจากแหวนิญญาที่อยู่บนนิ้วมือซ้ายไหลเข้าไปภายในร่างทำให้เขาสามารถกลับมาควบคุมร่างกายของตนเองได้อีกครั้ง เย่ชิงหานลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นภายในหัวเกิดความคิดมากมายขึ้นแล้วจึงกัดฟันพูดออกไป “ท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่อยากจะสังหารข้า ข้าก็คงทำได้แค่นั่งรอความตายเพียงเท่านั้น!”
“ไม่ต้องทำมาเสแสร้ง หากจะเอาชีวิตเ้าข้าสามารถลงมือได้ทุกเวลา ต่อให้เ้าหลบเข้าไปอยู่ภายในหอเซียวเหยาข้าก็ยังเอาชีวิตของเ้าได้อยู่ดี!” คำพูดของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ทำให้เย่ชิงหานตกตะลึงพรึงเพริดขึ้นมาอีกครั้ง
แม้กระทั่งหอเซียวเหยานางก็ยังรู้? ดูท่าความสามารถของท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ไม่มีทางที่จะสามารถต่อต้านได้จริงๆ อย่างน้อยในตอนนี้ที่เย่ชิงหานไม่สามารถต่อต้านได้ ในเมื่อไม่สามารถต่อต้านได้ก็ไม่จำเป็ต้องกลัวอะไรอีกต่อไปแล้ว ครั้นแล้วเย่ชิงหานจึงแหงนหน้าขึ้นมองไปยังท่านซื่อผู้ยิ่งใหญ่แล้วเอ่ยถามออกไปอย่างไม่เกรงกลัว “แล้วเพราะเหตุใดท่านถึงอยากจะสังหารข้า?”
ท่านซื้อผู้ยิ่งใหญ่สะบัดชายแขนเสื้อขึ้นครั้งหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็เย็นเะเืขึ้นทั่วทั้งร่างแผ่พุ่งพลังดุดันแข็งแกร่งสายหนึ่งออกมาปกคลุมเย่ชิงหานเอาไว้โดยตรง น้ำเสียงที่พูดออกมาเ็ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน
“เพราะ...เ้าได้รับในสิ่งที่เ้าไม่สมควรจะได้รับไป!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้