น้ำเพชรเมื่อขับรถเข้าไปจอดที่โรงเก็บรถภายในบ้านของร่มฉัตรก็ยังไม่ยอมปลดล็อคประตูให้กับน้ำมนต์ หันกลับมาคุยกับน้ำมนต์อีกครั้งให้เข้าใจเพราะน้ำเพชรเองก็คาใจว่าเด็กสาวของหล่อนรู้อะไรมากเคยไหนถึงพูดเช่นนั้นออกไป
“น้ำมนต์ เรามาใช้เหตุผลคุยกันหน่อยนะ อย่าพึ่งใช้อารมณ์ บอกคุณเพชรได้มั้ยว่ารู้อะไรมากน้อยแค่ไหน”
น้ำมนต์มองสบตาคุณเพชรก็เห็นว่าน้ำเพชรจริงจังมาก และที่สำคัญตอนนี้หล่อนดูเหมือนร่มฉัตรที่มีความเป็ผู้ใหญ่น่าเคารพในตัวของหล่อน ทำให้น้ำมนต์เกรงใจไม่น้อยจึงพูดด้วยแบบสุภาพเพื่อตอบกลับแบบที่เด็กคนหนึ่งควรคุยกับผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า
“ค่ะ หนูจริงๆ ก็ไม่เคยทราบอะไรหรอก แต่เพราะอาการป่วยของคุณแม่ ทำให้หนูเริ่มสงสารมากขึ้นยังแต่เด็ก คุณแม่ไม่ยิ้มเลย อาจจะมีบ้างตอนอยู่กับแม่ฉัตรและแม่ฉัตรทำให้ยิ้มแต่มันก็น้อยเหลือเกิน”
“งั้นถ้าไม่เคยรู้ ทำไมหนูถึงพูดจากใส่คุณแม่แรงขนาดนั้นละคะน้ำมนต์ของคุณเพชร หนูก็ทราบว่าจิตใจของคุณแม่อ่อนไหวมากแค่ไหน ทุกวันนี้ก็มีแต่แม่ฉัตรที่ทำให้คุณแม่สู้กับอาการป่วยของตัวเองเพื่อทุกคนอยู่ ถ้าหนูสงสารคุณแม่จริงๆ ทำไมถึงกดดันท่าน”
“เพราะหนู้ามั่นใจอะไรบางอย่างที่หนูสงสัยมากตลอดั้แ่เริ่มโตขึ้น เรียนรู้มากขึ้นจากทั้งโรงเรียนและอินเทอร์เน็ต เพราะหนูอยากช่วยคุณแม่ให้หายป่วย เพราะคุณแม่จะได้กลับมายิ้มกับทุกคนได้อย่างมีความสุข เหมือนรูปภาพเก่าๆ ที่คุณยายเคยให้หนูดู คุณแม่มีรอยยิ้มที่สดใสและสวยมาก หนูเห็นแล้วยังชอบ อยากเห็นรอยยิ้มแบบนั้นที่ออกมาจากใจของคุณแม่ หนูถึงลองพูดออกไป แต่ตอนนี้หนูมั่นใจ”
“มั่นใจว่าอะไรคะ บอกคุณเพชรหน่อย ถ้าเข้าใจผิดคุณเพชรจะได้บอกว่าไม่จริง”
“แน่ใจหรือคะว่าจะพูดความจริงๆ ถ้าหนูบอก คุณเพชรสัญญามาก่อนว่าถ้าหนูพูดออกไปและมันคือความจริง คุณเพชรต้องไม่โกหกหนูอีกคน หนูโตแล้ว หนูเข้มแข็งมากพอที่จะไม่เสียใจกับเื่พวกนี้”
“สัญญาสิ คุณเพชรไม่เคยโกหกน้ำมนต์ของคุณเพชรสักคำ ั้แ่วันแรกที่เจอกัน จนถึงตอนนี้คุณเพชรก็ไม่เคยโกหก”
น้ำเพชรส่งตาหวานให้น้ำมนต์ ทำเอาน้ำมนต์อายไป แต่ก็พูดออกไปในสิ่งที่เธอคิดและคาใจมากตลอด
“หนูไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแม่ฉัตร มีแต่จริงใจที่เป็ลูกแท้ๆ ของแม่ฉัตร แม่แท้ๆ ของหนูคือคุณแม่แค่คนเดียว กับคนที่ทำร้ายคุณแม่จนป่วยและทำให้หนูมีชีวิตขึ้นมา เพราะแบบนั้น คุณแม่ถึงไม่กล้ามองหน้าหนู ลูกแท้ๆ ของคุณแม่ แต่ก็เป็ลูกของคนที่ทำร้ายคุณแม่จนตั้งท้องหนู”
น้ำเพชรก็คิดเอาไว้แล้วว่าสักคนน้ำมนต์คงจะรู้ ว่าน้ำใสป่วยเป็อะไรถ้าตราบใดที่น้ำใสมองสบตาน้ำมนต์ไม่ได้ เพียงแค่ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ น้ำเพชรดึงน้ำมนต์เข้ามากอดปลอบใจพร้อมทั้งเอามือลูบหัวเธอเบาๆ เหมือนปลอบโยน
“แล้วเสียใจมั้ย ผิดหวังหรือเปล่า แล้วเกลียดคุณแม่มั้ย ที่เป็แบบนี้ สิ่งที่หนูคิดคุณเพชรจะไม่ปฏิเสธนะว่ามันไม่ใช่เื่จริงๆ เพราะทุกอย่างมันคือความจริง และน้ำมนต์ของคุณเพชรก็โตมากพอที่จะรับรู้และเข้าใจมันได้ น้ำมนต์ของคุณเพชรเก่งมากที่สุด”
น้ำมนต์กอดกลับน้ำเพชรเพราะรู้สึกอบอุ่นเป็ครั้งแรกที่น้ำเพชรกลับมากอดเธอแบบนี้ เหมือนเธอคุ้นเคยอ้อมกอดแบบนี้มากที่สุด อ้อมกอดที่เหมือนเธอทำหายไปนานและรอคอยมาแสนนานที่จะได้รับมันอีก ซึ่งตลอดมาน้ำมนต์คิดเองว่า อ้อมกอดแบบนี้มาจากน้ำใส โดยที่เธอลืมไปว่าคนที่กอดเธอมาั้แ่ขวบกว่าจนถึงห้าขวบคือน้ำเพชร ไม่ใช่ร่มฉัตรหรือน้ำใส
“ถึงหนูจะเข้มแข็ง หนูก็ยังอยากให้คุณแม่มองหน้าหนูบาง กอดหนูแบบที่คุณกอด หนูไม่เคยเกลียดคุณแม่ หนูรักคุณแม่ที่สุด แต่หนูเกลียดคนที่ทำร้ายคุณแม่จนเป็แบบนี้มากกว่า หัวใจของเขาต้องเลวร้ายมากๆ ถึงทำให้คุณแม่ฝังใจมากขนาดนี้ ถ้าเขามายืนต่อหน้าหนูและบอกว่าเขาคือพ่อ หนูก็จะไม่ยอมรับ และจะบอกว่า ชั่วชีวิตของหนูมีแต่คุณแม่ทั้งสอง หนูไม่มีเคยมีพ่อ และไม่้าจะมีพ่อ พ่อที่ทำลายชีวิตคุณแม่น้ำใสของหนู หนูไม่ขอมีดีกว่า”
“หนูไม่ยอมรับก็ไม่เป็ไร แต่ความจริงๆ คือความจริง ถ้าเจอกันและทราบว่าเขาคือพ่อ หนูก็ต้องเคารพเขาให้ฐานะของพ่อ เพราะถึงยังไงเขาก็คือพ่อที่ให้ชีวิตหนูขึ้นมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่เขาก็คือพ่อ คุณเพชรไม่อยากให้หนูเป็เด็กก้าวร้าวไม่เคารพผู้ใหญ่ น้ำมนต์ของคุณเพชรต้องสวยงามในทุกด้าน ไม่รัก ไม่ยอมรับ อันนั้นก็เป็สิทธิ์ของน้ำมนต์ แต่ต้องเคารพในฐานะพ่อ”
“พ่อที่ไม่เต็มใจให้หนูเกิดมา พ่อที่ข่มขืนแม่จนท้อง ท้องที่ไม่เคยสักครั้งที่จะแสดงความรับผิดชอบ หนูโตมาโดยมีเพียงคุณแม่ทั้งสอง ที่เป็ทั้งพ่อและแม่ให้กับหนู หนูไม่้าพ่อแบบนั้น หนูจะเคารพก็ได้ ไม่ก้าวร้าวก็ได้ แต่หนูก็จะไม่ช่วยเหลือหรือเลี้ยงดู ถึงเขาจะมากราบขอโทษคุณแม่ มันก็ชดเชยในสิ่งที่คุณแม่เสียไปไม่ได้ คุณแม่เสียตัวตนไป เสียอนาคตและรอยยิ้ม คุณแม่เสียมันไปหมด หนูยอมรับไม่ได้จริงๆ ถ้าเขาทำเพราะรัก และเลี้ยงดูเราสองแม่ลูก อันนั้นหนูยอมรับได้ แต่ไม่ใช่ทำให้ฝังใจแบบนี้”
“งั้นพร้อมมั้ยที่จะไปขอโทษคุณแม่ แต่ไม่ต้องพูดอะไรนะ ถึงหนูจะทราบความจริงแล้ว ก็ขอให้เก็บไว้ภายในใจ ทำตัวตามปกติที่สุด บอกแค่ว่าเสียใจที่พูดไม่ดีใส่ หรืออะไรก็ตามในสิ่งที่หนูอยากพูด แต่ห้ามพูดถึงอดีตหรืออะไรที่กระทบจิตใจของแม่อีก เข้าใจที่คุณเพชรพูดใช่มั้ยคะ ขอโทษทั้งสองคนเลยนะ ทั้งแม่ฉัตรและคุณแม่น้ำใส”
“ค่ะ ปล่อยได้แล้ว กอดนานไปแล้ว หนูเข้าใจแล้วค่ะคุณ”
น้ำเพชรปล่อย และปลดล็อคประตูให้พากันเดินเข้าบ้านไป พร้อมทั้งขึ้นไปหาทั้งสองคนภายในห้องซึ่งร่มฉัตรกำลังนั่งกอดน้ำใสเอาไว้อยู่บนที่นอนของพวกเธอ น้ำมนต์ก็เดินมานั่งลงด้านหลังของน้ำใส และกราบลงไปที่ไหล่ของน้ำใส
“มนต์มากราบขอโทษคุณแม่ ที่ทำตัวไม่น่ารัก พูดจาอะไรที่ไม่สมควรลงไป มนต์ขอโทษจริงๆ ค่ะ ที่หลังมนต์จะไม่พูดแบบนั้นอีก มนต์รักคุณแม่มากจริงๆ นะคะยกโทษให้มนต์จะได้มั้ย”
“แม่ไม่เคยโกรธลูกเลยน้ำมนต์ แม่รักหนูเสมอ รักสุดหัวใจของแม่ อย่าคิดมากไปเลยนะคะ ไปพักผ่อนเถอะ กลับมาเหนื่อยๆ แม่ง่วงมากแม่อยากนอน”
น้ำมนต์มองหน้าร่มฉัตร ร่มฉัตรพยักหน้าให้กับเธอ น้ำมนต์ก็เข้าใจในสภาพร่างกายของแม่ทั้งสองก็เข้าใจว่า น้ำใสเพลียมากแค่ไหนพวกท่านคง้าพักมากแล้วจริงๆ ด้วยอาการสั่นของน้ำใส หลังจากที่ร่มฉัตรร่วมเพศด้วยเสร็จ
“งั้นมนต์ขอตัวก่อนนะคะ มนต์รักคุณแม่ทั้งสองคนมากที่สุด”
น้ำมนต์เดินกลับออกไปพร้อมน้ำเพชร น้ำเพชรจึงขอตัวกลับให้เมื่อทุกอย่างก็ดูว่าจะปกติในแบบที่เคยผ่านมาตราบใดที่ร่มฉัตรยังอยู่ข้างๆ น้ำใส
“เจอกันพรุ่งนี้ที่ทำงาน ฉันจะรอนะน้ำมนต์”
น้ำเพชรกลับมาใช่คำว่า ฉัน อีกครั้ง ทำเอาน้ำมนต์งงไปว่า จะมาอารมณ์ไหนอีก เมื่อกี้ยังคุณเพชรทุกคำ และหนูเกือบทุกคน นี้กลับไปเป็คุณน้ำเพชรเ้านายจอมบงการเหมือนเดิมแล้ว
“ค่ะ ฉันรู้หน้าที่ของตัวเองดี ไม่สายแน่นอน”
“จะไม่ขอบคุณสักคำหรือไง ที่ฉันมาพาส่งถึงบ้าน”
“ไม่ได้ขอให้มาส่งสักหน่อย มาส่งเอง ทำไมต้องขอบคุณ ตอนแม่ฉัตรจะพากลับก็ไม่ยอมให้กลับ พอตอนนี้มาทวงหาคำขอบคุณ ก็ค่ะ ตามมารยาท ขอบคุณค่ะ”
“เธอนี้หนะน้ำมนต์ หัวรั้นจริงๆ ถึงจะไม่เต็มใจก็ยังดีที่พูดออกไป ก็ถือว่าไม่ได้สั่งสอนยากจนเกินไป พรุ่งนี้ฉันมีงานให้แก้ั้แ่เข้า รีบไปด้วย”
“ทราบแล้ว เผด็จการ” น้ำมนต์พูดจบก็เดินไป ไม่ลาน้ำเพชรสักคำ ทำเอาน้ำเพชรส่ายหัวอีกครั้ง
//ฉันจะปราบพยศของเธอให้ได้น้ำมนต์ เธอจะต้องสมบูรณ์แบบเหมือนร่มฉัตร ถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของร่มฉัตร แต่เธอเหมือนร่มฉัตรมากกว่าที่ตัวเธอคิด//
ภายในห้องทำงาน น้ำเพชรเอาแฟ้มเอกสารมาวางไว้ให้น้ำมนต์อีกปึก พอน้ำมนต์เห็นก็มองไปที่แฟ้มไม่พูดอะไรสักคำ แต่คิดว่า
//ดองไว้ข้ามปีหรือไง ถึงได้มากขนาดนี้//
“แฟ้มที่แดง ขอด่วนที่สุดนะน้ำมนต์ ก่อนเที่ยงต้องได้ ตอนบ่ายเราต้องออกไปที่โรงงานกัน เธอรู้ใช่มั้ยว่าเราบริษัทของเราคือบริษัทเกี่ยวกันอะไร”
“รู้ ก่อนเที่ยงใช่มั้ย งั้นฉันจะรีบทำให้ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะทำงานต่อ”
“แล้วนี่ ฉันให้ กินซะจะได้บำรุงสายตา” น้ำเพชรว่าขวดเครื่องดื่มให้ เพื่อให้น้ำมนต์กิน
“ไม่เอา ไม่ชอบ กินมันเหม็น”
“กินเดี๋ยวนี้น้ำมนต์ กินต่อหน้าฉันเลย อย่าดื้อ หรืออยากให้ฉันป้อนก็ได้”
น้ำเพชรหมุนเก้าอี้ของน้ำมนต์กลับมาพร้อมทั้งเป็ขวดเครื่องดื่มใส่ปากของตัวเองและเคยคางบอกน้ำมนต์บีบเล็กน้อยให้เธออ้าปากออก ประจูบริมฝีปากของพวกเธอเข้าหากันอย่างเร็ว และบังคับให้เธอกลืนเครื่องดื่มที่น้ำเพชรพึ่งป้อนใส่ปากของเธอไป ทำเอาน้ำมนต์มองตาค้างถูกหล่อนบังคับกันแบบนี้รีบหยิบน้ำมากินอย่างเร็วเพื่อล้างคอ
“หนิ คุณ มันเหม็นมากเลยนะ”
“เหม็นแต่มีประโยชน์ ฉันจะให้เธอกินทุกวัน ต้องกินต่อหน้าฉัน แต่ถ้าเธอไม่ยอมกินเอง ก็คงรู้ใช้มั้ยว่าฉันจะทำให้เธอกลืนยังไงน้ำมนต์”
“คุณ หนิมั้ย เผด็จการที่สุด”
“รู้ก็ดีแล้ว ทำงานไป ก่อนเที่ยงนะอย่าลืม สรุปรายละเอียดด้วยทั้งสามแฟ้ม แยกมาแต่ละแฟ้ม ส่งมาให้ฉันดูก่อนสิบเอ็ดโมงครึ่ง พอเที่ยงเราจะออกไปที่โรงงานกันฉันจะสอนให้เธอดูหน้างานจริงๆ ของบริษัทในเครือของจริงใจ”
น้ำมนต์ที่กำลังโมโหจนหน้าแดงที่ถูกหล่อนสั่งงานจนไม่มีเวลาพัก แถมยังโดนบังคับให้กินของที่เธอไม่ชอบแล้วยังมาจูบเธอทางอ้อมอีก คนแบบหล่อนเป็คนยังไงกันแน่ น้ำมนต์ไม่เข้าใจเลย ที่แน่ๆ คือ บงการ เผด็จการ บ้าอำนาจ ที่สำคัญ ฉวยโอกาสตลอด นั้นคือความคิดของเธอ ทำให้น้ำมนต์ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าน้ำเพชรมากขึ้น แต่ก็ทำเป็ไม่สนใจ ในเมื่อต้องอยู่ฝึกงานอีกนาน ก็ได้แต่ทนและทำงานของตัวเองไป ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งของเก่าและของใหม่ มันจะสูงกว่าหน้าจอโน๊ตบุ๊คไปแล้วก็ตาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้