แน่นอนว่านี่เป็เพียงแค่การหาอาหารที่จำเป็สำหรับวันนี้ หลังจากนี้จะต้องคิดหาหนทางหาเงิน มิเช่นนั้นแม้แต่เงินจะซื้อเกลือถุงเล็กๆ ให้คนในครอบครัวก็คงจะไม่มีปัญญาจ่าย
เมื่อถึงตอนนี้ซูฉีเฉียวก็รู้สึกโกรธเคืองจางเฉาิเล็กน้อยที่ไม่รู้จักหาเงินเอาไว้สำหรับครอบครัวของตนเอง
เขาบอกว่าเขากลับมาจากทำงานนอกหมู่บ้าน แล้วเขามอบเงินทั้งหมดให้กับมารดาผู้เป็หญิงชราแปลกประหลาดคนนั้นได้อย่างไรกัน
โกรธก็ส่วนโกรธ แต่ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป
อาจเป็เพราะวันนี้นางโชคดีจริงๆ เมื่อเก็บซานจาเสร็จ นางก็มองเห็นรังนกที่มีไข่ โอ้ ์ นี่มันของดีนี่นา
แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่อย่างไรมันก็คือไข่ ไข่นกหนึ่งรังดูเหมือนว่าจะมีถึงแปดเก้าฟองเลยเชียว เย็นนี้จะทำน้ำแกงไข่ แล้วแบ่งเก็บเอาไว้ทำน้ำแกงให้เด็กน้อยทั้งสามกินอีก… เช่นนี้ก็สามารถนำมาทำอาหารที่มีโภชนาการได้
เย็นวันนั้นก่อนที่นางจะเดินกลับ ซูฉีเฉียวก็ได้ยกตะกร้าขึ้นมาเก็บของใส่ลงไปอีก ถึงแม้ว่าจะเหนื่อย แต่บนใบหน้านั้นก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความหวัง
ตัวนางที่เป็เช่นนี้ทำให้ริมฝีปากของจางเฉาิเผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน
เมื่อเห็นนางกลับมา เขาก็รีบเข้าไปรับตะกร้าเอาไว้ทันที พร้อมกับหยิบน้ำร้อนยกมาให้นาง “เหนื่อยหรือไม่ มา มาล้างหน้าล้างตาก่อน”
เขาบิดผ้าก่อนจะส่งมันใส่ในมือนาง จากนั้นเขาก็นำตะกร้าไปจัดแจงผักป่าอยู่ด้านข้าง บุตรสาวสองคนนั่งเล่นอยู่ในถังนวดข้าวอย่างมีความสุข บุตรสาวคนโตคอยดูน้องสาวทั้งสอง บางครั้งก็หันมามองซูฉีเฉียวก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมา
มารดาในตอนนี้ทำให้เด็กสาวรู้สึกชื่นชอบยิ่งนัก
เย็นวันนี้ครอบครัวของนางได้กินอาหารที่ไม่เลวเลยจริงๆ ในทางกลับกัน อาหารมื้อนี้ก็ถือเป็อาหารที่ซูฉีเฉียกินได้อย่างสบายใจมากที่สุดั้แ่ที่นางข้ามมิติมา
ในผัดหอยขมใส่พริกสีเขียวแดงหั่นเป็ท่อนๆ และใส่ต้นหอมป่ากับต้นกระเทียมลงไปด้วย
ถึงแม้จะเผ็ดแต่รสชาติก็ไม่เลวเลย
เพราะวิเคราะห์แล้วว่าจางเฉาิาเ็และไม่ควรกินอาหารที่เผ็ดจนเกินไป ในตอนที่เริ่มทำอาหารนางจึงตักพริกออกและทำให้รสชาติเผ็ดน้อยลง
ทำน้ำแกงไข่ด้วยไข่นกสองฟอง เห็ดหัวลิงเอาไว้ผัดกินพรุ่งนี้ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีเงิน แต่ซูฉีเฉียวก็ไม่อยากจะนำเห็ดหัวลิงที่มีอยู่น้อยนิดนี้ไปขาย เื่เงินนางทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่น
เพราะไม่มีแป้งข้าวโพดแล้ว นางจึงได้เผามันเทศสองสามหัวเพื่อนำมากินร่วมกัน
เมื่อพูดถึงเื่นี้ การที่บนเขามีของดีๆ อย่างมันเทศ ถือเป็เื่ที่เกินความคาดหมายของซูฉีเฉียวเป็อย่างมาก
โชคดีที่เมื่อชาติก่อนนางเคยใช้ชีวิตอยู่ในชนบท ทำให้มีความสามารถในการแยกมันเทศได้ ในยุคปัจจุบันของพวกนี้ล้วนเป็ของดีทั้งนั้น
นึ่ง ผัด ต้ม ทำด้วยกรรมวิธีใดก็กินได้ทั้งนั้น
เมื่อเห็นจางเฉาิที่กินจนแทบสำลัก นางก็คีบมันใส่ปากและค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา
พูดถึงอาการาเ็ของจางเฉาิ หากได้รับการรักษาที่ดีคงไม่ทำให้อาการของเขาหายช้าเช่นนี้หรอก
ดังนั้นการที่เขาหายช้าเช่นนี้เป็เพราะโภชนาการและการรักษาทางการแพทย์ยังไม่ดีพอ
ตอนนี้นางตั้งใจที่จะดูแลคนในครอบครัวก่อนค่อยตั้งใจหาเงิน และทำให้ตนเองได้ใช้ชีวิตที่ดี
แต่อาจเป็เพราะคิดว่าตนเองกินมากจนเกินไป ทำให้จางเฉาิกินอาหารช้าลง
ซูฉีเฉียวกลับสงบนิ่งมาก นางได้นำของที่อยู่ในถ้วยของตนเองแบ่งให้กับเขา “ข้ากินเยอะขนาดนั้นไม่ไหวหรอก เ้ากินเยอะๆ เช่นนี้จะได้หายเร็วๆ”
“พอแล้ว ข้าอิ่มแล้ว” จางเฉาิจะส่งคืนกลับไป
ซูฉีเฉียวกลับไม่พอใจและจ้องมอง “เ้าคิดว่าแบบนี้ดีสำหรับเ้าจริงๆ หรือ เ้าควรจะรีบหาย พวกข้าสี่คนแม่ลูกจะได้มีที่พึ่งพิง รีบกินเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปขุดหาหน่อไม้ หาของป่าบนเขา หากหาช่องทางหาเงินได้ก็คงจะดี”
ในคืนนั้นซูฉีเฉียวไม่อยากกินเยอะจนเกินไปอยู่แล้ว ดังนั้นการที่นางแบ่งอาหารให้กับเขา ในสายตาของจางเฉาิคือความห่วงใยที่ภรรยาห่วงใยตน
เขายกถ้วยอาหารขึ้นมาด้วยความตื้นตันใจและดื่มน้ำแกงอีกครั้ง
น้ำแกงนี้รสชาติดีมากจริงๆ
ต้านิวที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้เห็นพ่อแม่ทำเช่นนั้น นางเรียนรู้และทำตามโดยนำหอยขมที่อยู่ในถ้วยของตนเองไปใส่ถ้วยของซูฉีเฉียว “ท่านแม่ กินเยอะๆ นะเ้าคะ ต้านิวอิ่มแล้วเ้าค่ะ” เมื่อเ้าตัวน้อยเอ่ยจบก็ตบท้องอันผอมแห้งของตนเองด้วยความตั้งใจ
ท่าทีรู้ความของนางทำให้ซูฉีเฉียวแทบหลั่งน้ำตา เป็เด็กดีจริงๆ เลย ใครกันที่ทอดทิ้งเด็กเช่นนี้ได้ลง
“เอาล่ะ ต้านิวกินเถิด ต้านิวกำลังโต ต้องกินเยอะๆ จึงจะช่วยเหลือแม่ดูแลน้องๆ ได้นะ เด็กดี”
ต้านิวมองหอยขมในถ้วยด้วยความลังเล หอยขมมันอร่อยจริงๆ แต่หากนางกินแล้วท่านแม่เล่า
ท่าทีที่เ้าตัวน้อยแสดงออกมาทำให้ซูฉีเฉียวดื่มน้ำแกงอีกหนึ่งถ้วย “ต้านิวกินเถิด แม่ไม่เป็ไร เ้าต้องกินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ โตแล้วจะได้ช่วยแม่ดูแลน้องสาวและน้องชายที่ยังไม่เกิดมาในอนาคตด้วย ดังนั้นต้านิวต้องกินเยอะๆ จะได้โตขึ้นมาอย่างแข็งแรง”
คำพูดของนางที่บอกว่าภายหลังจากนี้จะมีน้องชายอีกกลับทำให้จางเฉาิที่ได้ยินชะงักการกระทำของตนเองลง เขามองไปยังซูฉีเฉียว เม้มปากก่อนจะก้มหน้ากินอาหารด้วยความชื่นชอบ ราวกับว่าภรรยา…อยากจะอยู่ร่วมกันเขาต่อไปอย่างไรอย่างนั้น
คืนนั้นจางเฉาิโอบกอดบุตรทั้งสองคนเข้านอน ซูฉีเฉียวก็นอนกับต้านิว
ั้แ่วันแรกที่เดินทางมาถึงที่นี่ ทุกคนก็นอนด้วยกันเช่นนี้ ซูฉีเฉียวคิดไปคิดมาก็คำนึงได้ว่าตอนนี้ตนเองเป็เพียงเด็กสาวแรกรุ่น การแยกกันนอนกับจางเฉาิก็ถือว่าไม่ใช่เื่แปลกอะไร
ทว่าคืนนี้ผ่านไปจนดึกดื่นจางเฉาิถึงจะนอนหลับลง
เมื่อก่อนเขาผ่านแต่ละวันไปด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา พยายามทำแค่หน้าที่ที่ตนเองรับผิดชอบ
แต่ในตอนนี้ชีวิตของเขามีสิ่งที่ทำให้ตัวเขาไล่ตาม ทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป
มาถึงตอนนี้เขาก็รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง สิ่งนั้นคือความรู้สึกที่เขาอยากเลี้ยงดูครอบครัวนี้ ทำให้ครอบครัวนี้มีความเจริญรุ่งเรือง มีเสื้อผ้าดีๆ ให้ภรรยาและบุตรสาวได้สวมใส่ ทำให้นางรู้สึกว่าตัวเขาคือตัวเลือกที่ดี
แค่นึกถึงใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มของภรรยา จางเฉาิก็หัวเราะออกมาพร้อมรอยยิ้มอันโง่เขลา ภรรยาของเขาช่างงดงามมากจริงๆ
รุ่งเช้าวันต่อมา ซูฉีเฉียวขึ้นเขาแต่เช้าตรู่
ครอบครัวนี้จะมามัวพึ่งพาตาเฒ่าจางและนางจางตลอดก็คงไม่ได้ รวมไปถึงพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ พี่สองและพี่สามของจางเฉาิก็ยิ่งไม่ต้องไปคาดหวัง โชคดีที่่นี้เป็่ว่างจากการเพาะปลูก นางจางจึงไม่ได้มาคอยชี้นิ้วสั่งให้นางไปทำงาน
และเป็เพราะตัวนางที่มีชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก แม่สามีจึงไม่ได้เรียกนางไปทำอาหารให้ ทุกครั้งหากต้องทำงานก็จะคอยสั่งให้ลูกๆ ในบ้านของนางมาสั่งสอนซูฉีเฉียว เพียงแต่ว่าสิ่งที่น่าอึดอัดก็คือให้ซูฉีเฉียวทำแต่งานโดยไม่ให้กินข้าว
ครอบครัวที่ทำไร่ทำสวนกันั้แ่เช้า บางคนก็พากันตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อจูงวัวไปกินหญ้า บ้างก็ต้อนฝูงแกะขึ้นเขาไป
เมื่อมองฝูงแกะ ซูฉีเฉียวก็รู้สึกอิจฉายิ่ง หากนางมีสักตัวคนในครอบครัวจะได้ดื่มนม คงจะดียิ่งนัก
นางละทิ้งความคิดนั้นออกไปจากหัว ซูฉีเฉียวก็รีบมุ่งตรงไปยังจุดที่นางเจอพริกในวันนั้น
นางเก็บพริกที่เหลืออยู่อีกเล็กน้อยและไปตามหายังจุดอื่นๆ ต่อ
ครั้งนี้โชคของนางก็ยังคงไม่เลว เมื่อมาถึงนางก็ได้พบกับเห็ดป่าที่เพิ่งผุดออกมาจากดินเป็พวง
สีอ่อนของเห็ดและกลิ่นหอมๆ นั้นล้วนแต่เป็ของดี ซึ่งเป็เห็ดที่นางเคยกินมาก่อนเมื่อชาติก่อน สิ่งเหล่านี้หากนำกลับบ้านไปกินที่บ้านหลายๆ วันเข้าจะต้องเป็อาหารทางโภชนาการที่ดีอย่างแน่นอน
แต่เื่ที่น่าเสียดายก็คือที่บ้านไม่มีไก่ มิเช่นนั้นหากนำไก่มาผัดกับเห็ดก็คงอร่อยน่าดู
เมื่อนึกถึงไก่ ซูฉีเฉียวก็คิดไปอีกว่าตัวนางไม่สามารถออกล่าสัตว์ได้ แต่นางก็สามารถทำกับดักง่ายๆ ได้นี่นา
เมื่อก่อนตอนนางอยู่ที่บ้านเกิด นางก็เคยเห็นคนในหมู่บ้านทำกับดัก เช่นนั้นนางก็ต้องทำได้สิ
จากนั้นนางจึงตัดสินใจกลับบ้านและทำกับดักออกมาสองสามอัน
่นี้เป็่เดือนสี่ของปี มีพืชผักสดใหม่บนูเา เก็บผักและผลไม้กลับมาบ้านสักหน่อยเพื่อให้ต้านิวและบุตรสาวอีกสองคนได้ลองชิม
เพียงแต่ว่าก่อนที่นางจะกลับบ้าน จางเฉาิไม่ได้ต้อนรับนางเหมือนที่เขาเคยทำ
เ้าตัวน้อยทั้งสองอยู่ในถังนวดข้าวด้วยสีหน้าตื่นใ ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เมื่อต้านิวมองเห็นนางกลับมาก็รีบวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของนางทั้งน้ำตา
ซูฉีเฉียวเห็นเช่นนั้นก็หายใจเข้าระงับความโกรธ แต่นางก็ไม่คาดคิดเลยว่านางจะได้เห็นต้านิวเดินกะเผลกๆ เข้ามา…สิ่งนั้นทำให้นางรีบวางตะกร้าลงและช้อนตัวอุ้มต้านิวขึ้นมา เมื่อมองดูก็เห็นรอยช้ำบนขาขาวของต้านิวที่ชัดเจนมาก!
“ท่านแม่… ไม่…ไม่เจ็บเ้าค่ะ” ต้านิวร้องสะอื้น ดวงตาที่เปียกชื้นนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่านางถูกเื่เลวทรามของผู้ใหญ่ทำให้ใอย่างแน่นอน
“ต้านิวเด็กดี บอกแม่สิว่าใครทำ” ซูฉีเฉียวฝืนความเ็ปและเอ่ยถามต้านิวดีๆ
“อึก…” อย่างไรนางก็เป็เด็ก เมื่อเอ่ยถาม ต้านิวเอ่ยเล่าไปพร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น
ต้านิวที่อายุสองขวบกว่าๆ นางยังไม่สามารถอธิบายเื่ราวต่างๆ ได้อย่างชัดเจน แต่เมื่อนำคำพูดมาปะติดปะต่อกัน ซูฉีเฉียวก็ได้ความว่าจางต้าและพี่สะใภ้มาหานางที่บ้านเพื่อจะให้นางไปทำงานหรืออาจจะไปทำอย่างอื่น
ทำให้พวกเขาได้เห็นไข่นกที่นางพบเจอมาเมื่อวานและเห็ดหัวลิงที่เก็บเอาไว้อีกหนึ่งดอก จางต้าและพี่สะใภ้ก็ด่าทอว่าซูฉีเฉียวไปแอบขโมยไข่นกมาจากต้นไม้ที่บ้านของพวกเขา ต้นไม้เติบโตอยู่ที่หน้าประตูบ้านซึ่งมันก็ต้องเป็ของนางจางทั้งหมด ไข่นี้ต้องคืนให้กับบ้านของนางจาง ส่วนเห็ดหัวลิงก็กล่าวหาว่านางขโมยไปจากบ้านของพวกเขา…
เมื่อเข้าใจแล้ว ซูฉีเฉียวก็โมโหอย่างยิ่ง
ไม่เคยพบเคยเห็นจริงๆ จางต้าและภรรยาถือโอกาสตอนที่นางและจางเฉาิไม่อยู่เพื่อเข้ามาหาข้าวของในบ้านของนาง
เื่ของที่เอาไปน่ะไม่ต้องพูดถึงมันหรอก แต่พวกเขากล้ามาหยิกบุตรสาวของนางแบบนี้ได้อย่างไร
หากความอดทนที่อัดอั้นมายาวนานนั้นไม่สามารถสงบลงได้ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็จะต้องอดทน
ใบหน้าของซูฉีเฉียวเคร่งขรึม นางเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบมีดออกมาเล่มหนึ่งก่อนจะเดินออกมา
จางเฉาิที่ออกไปหาหอยขม ไม่ได้รับรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเขา ตัวเขาในตอนนั้นคิดเพียงแค่ว่าอยากจะเก็บหอยขมกลับไปเยอะๆ และเก็บผักป่ากลับไปเพื่อนำไปผัดให้คนในครอบครัวได้กินให้อิ่มหนำ
เขาเป็บุรุษ ต่อให้เจ็บขาก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆ รอให้ภรรยามาเลี้ยงดูได้
บุตรชายคนโตของตระกูลจางและสะใภ้มีชื่อเสียงเื่ปากคอเราะรายและชอบนินทาว่าร้าย แต่กล่าวอย่างไม่เกินจริงเลยว่า การที่ซูฉีเฉียวได้รับความอึดอัดและกดดัน ส่วนมากมักมาจากการกระทำของสะใภ้ใหญ่
ความทรงจำที่ไม่ชัดเจนนั้นดูเหมือนว่าเ้าของร่างเก่านี้จะได้รับรู้เื่อื้อฉาวของจางต้าและภรรยาของเขา และด้วยเหตุนั้นจึงทำให้จางต้าและภรรยามักจะคอยหาเื่และจับผิดซูฉีเฉียวอยู่ตลอด
วันนี้นางตั้งใจจะเดินทางไปยังบ้านของซูฉีเฉียวเพื่อสั่งให้ซูฉีเฉียวไปทำงานในวันรุ่งขึ้น แต่คาดไม่ถึงเลยว่านางจะได้พบเจอไข่นกและเห็ดหัวลิง เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าของพวกนี้ล้วนเป็ของดีทั้งนั้น
เพื่อที่จะยึดมาเป็ของตนเอง จางต้าและภรรยาจึงด่าทอและแย่งของเ่าั้ไปอย่างไม่ลังเล ต้านิวเห็นเช่นนั้นก็ไม่พอใจ เมื่อเห็นข้าวของในบ้านของตนเองถูกแย่งไปจึงทำให้นางรีบพุ่งเข้าไปกอดขาของป้าสะใภ้ใหญ่โดยไม่ลังเลเพื่อห้ามเอาไว้
จางต้าและภรรยาเป็คนอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่แล้ว เมื่อได้เห็นเด็กสาวตัวผอมบางแต่กลับมีดวงตาที่งดงาม ก็รู้สึกได้ว่านางดูดีกว่าเด็กสาวที่อยู่ในหนังสือภาพที่พวกเขาเคยเห็นเสียอีก
เพราะความโกรธทำให้นางลงน้ำหนักมือมากขึ้นและไม่ได้รู้สึกว่าตนเองกระทำความผิด
ตามความคิดของนางแล้ว มีใครในหมู่บ้านบ้างที่ไม่ตีลูกหลานของตนเอง
ยามนี้จางต้าและภรรยากำลังทำอาหารอยู่ที่บ้านของตนเอง ไก่ในบ้านของตนกำลังส่งเสียงร้อง แต่กลับได้ยินเสียงโครมครามดังตามมา
“ใคร ผู้ใดกัน…” จางต้าและภรรยาที่ถือตะหลิวเมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก็รีบวิ่งออกมาดู