หลินต้าซานส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่จ้าวซื่อก็งัวเงียหนัก แม้นางจะได้ยินเสียงคนเรียกแต่ก็ไม่อยากลืมตามองนัก
แต่มันก็แปลกประหลาด ่ท้องสามเดือนแรกควรจะเป็อะไรที่ลำบากมาก แต่นางกลับไร้อาการ ทั้งยังหลับสบาย
ทุกวันนี้แค่การงัวเงียและการง่วงนอนก็ทำให้พวกบ้านใหญ่หวาดกลัวขึ้นมาได้แล้ว
หากจ้าวซื่อไม่ตื่น ความหวังของหลินต้าซานที่ว่าหลินฟู่อินวินิจฉัยผิดก็จะมีโอกาสเป็จริงได้มากขึ้น
ปู่หลินยิ่งแคลงใจ
“ท่านปู่ ดูสิ ท่านพ่อเรียกท่านแม่เสียงดังถึงเพียงนั้นแต่นางกลับไม่ยอมตื่น ฟู่อินน่าจะวินิจฉัยผิดแล้วมิใช่หรือ?”
ก็จริง ปกติแล้วหากมีคนมาส่งเสียงดังข้างหูขนาดนี้ ต่อให้ง่วงขนาดไหนก็ควรจะสะลึมสะลือขึ้นมาบ้าง
“ท่านปู่ รีบพาท่านแม่ข้าไปพบหมอหลี่เถอะ!” หลินต้าหลางกล่าวอีก
“แต่…” ปู่หลินจับกระเป๋าเงิน “ปีนี้เ้าต้องไปสอบ และเราก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น ทั้งเรายังไม่รู้อีกว่าจะต้องเสียค่ารักษาแม่เ้าเท่าไร”
ปู่หลินเคยคิดว่าพวกบัณฑิตไม่ควรต้องมากังวลเื่เงินทอง พวกเขาแค่เรียนหนังสือไปก็พอ เขาจึงไม่เคยบอกอะไรกับหลินต้าหลาง แต่เมื่อหลินต้าลางกลับมาอยู่บ้านแล้วเช่นนี้ เขาจึงต้องรู้
แต่หลินต้าหลางนั้นไม่พอใจนักเมื่อปู่หลินบอกเขาว่าไม่มีเงิน เงินทั้งบ้านต่างก็อยู่ในมือเขา แล้วมาบอกว่าไม่มีเงินเช่นนี้คืออะไร?
ปู่หลินกล่าวจบก็รู้สึกว่าคิดผิดที่กล่าวเช่นนั้นออกมา เพราะเขาได้เห็นสายตาอันมืดครึ้มของหลินต้าหลาง สายตาที่ทำให้เขารู้สึกหนาวสั่นขึ้นมา
เป็สายตาที่ไร้ความรู้สึก เด็กนี่ไม่ได้สนใจความเป็ความตายของคนในบ้านเลย!
ปู่หลินไม่ได้อยากมองเด็กที่ตัวเองเลี้ยงมาว่าน่ารังเกียจเท่าไรนัก จึงพยายามหลอกตัวเองว่าเ้าหนุ่มนี่แค่ยังอารมณ์เสียจากการที่ไม่สามารถไปเรียนในเมืองได้เท่านั้น…
สีหน้าของปู่หลินดีขึ้นเล็กน้อย
ปู่หลินปลงในใจ ก่อนจะมองหลินต้าซาน แล้วกล่าว “เข้าหมู่บ้านไปหาเกวียนเทียมวัวเสีย”
เกวียนเทียมวัวนั้นทั้งช้าและโคลงเคลง ตรงกับจุดประสงค์ของหลินต้าหลาง เขาจึงเสนอตัว “ท่านพ่ออยู่ดูท่านแม่ไปเถอะ ข้าจะไปหาเกวียนเทียมวัวเอง”
เมื่อเห็นเขากระตือรือร้นเช่นนี้ปู่หลินจึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยก็ยังมีความกตัญญูเหลืออยู่สินะ?
โดยที่ไม่ได้รู้ถึงความคิดอันชั่วร้ายของหลินต้าหลางเลย
หลินต้าหลางนั้นมิได้เพียงไปหาเกวียนเทียมวัวในหมู่บ้านเท่านั้น เมื่อเขาหาเกวียนเทียมวัวและให้มุ่งหน้าไปยังบ้านใหญ่หลินก่อนแล้ว เขาก็ไปบ้านของหลินฟู่อินต่อ
หลังจากที่หลินฟู่อินกลับถึงบ้าน ย่าหลี่ก็ทำข้าวต้มมาให้นางหนึ่งถ้วย แล้วนั่งดูนางกินไปด้วยกันกับแม่นมฉิน
หลินฟู่อินบอกเื่ที่จ้าวซื่อท้องให้ย่าหลี่และแม่นมฉินฟังระหว่างทาน สร้างความใให้ทั้งสอง
การตั้งท้องในวัยสามสิบแปดนั้นหาได้ยากในยุคปัจจุบัน ยิ่งในยุคโบราณแล้วยิ่งยากกว่า
แต่กับเหล่าท่านย่าใจกว้างคู่นี้ เมื่อใเสร็จพวกนางก็รู้สึกยินดีกับจ้าวซื่อขึ้นมาว่าเด็กคนนั้นคงมีชะตาต้องกันกับจ้าวซื่อจึงมาเกิดในท้องของนาง
หลินต้าหลางไม่เคาะประตู แต่ยืนจังก้าอยู่หน้าบ้านหลินฟู่อินพลางะโเรียกหานาง หลินฟู่อินที่ยังกินข้าวต้มในมือไม่ทันหมดถ้วยได้ยินเข้าจึงขมวดคิ้ว
“ไม่จบไม่สิ้นเสียทีเลยหรือ?” ย่าหลี่อารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อคิดว่าฟู่อินเพิ่งไปดูจ้าวซื่อมาเมื่อเช้า และยังถูกรบกวนแม้แต่เวลาอาหารอีก นางจึงยื่นมือออกไปจับไหล่หลินฟู่อินพลางกล่าวเบาๆ “เ้าทานต่อไป ข้าจะออกไปถามเองว่ามีธุระอันใด เท่านั้นก็น่าจะพอแล้วมิใช่หรือ”
ย่าหลี่กล่าวจบ หลินต้าหลางก็ะโขึ้นมา “ฟู่อิน แม่ข้าไม่ยอมตื่น เ้าต้องวินิจฉัยผิดแน่! ท่านปู่จึงบอกให้ข้าพาท่านแม่เข้าเมืองไปด้วยเกวียนเทียมวัว และเพราะเ้าเป็คนตรวจคนแรก ท่านปู่จึงบอกให้เ้าตามไปด้วย!”
ว่าอย่างไรนะ!
หลินฟู่อินวางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้นทันที
“หลินต้าหลางนี่เป็บัณฑิตแท้ๆ เหตุใดจึงเป็คนใจแคบและไร้สมองได้ถึงขนาดนี้กัน? ถึงกับมาะโว่าร้ายว่าฟู่อินไร้ความสามารถเช่นนี้!” ไม่เชื่อฝีมือของฟู่อินก็ไม่ได้ผิด เป็เช่นนั้นก็ไปหาหมอหลี่ในเมืองเอาก็ได้ แต่กลับมาะโเรียกให้ฟู่อินไปด้วยอย่างนั้นหรือ?
“ถ้าข้าไม่ไปก็คงมาใส่ความว่าข้าเป็พวกเนรคุณอีกหากป้าใหญ่เป็อะไรไประหว่างทาง ให้มันกลายเป็ความผิดของข้า!” หลินฟู่อินเองก็เดือดดาลขึ้นมา กล่าวอย่างเ็า “ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ”
หลินฟู่อินเข้าใจประสงค์ร้ายของหลินต้าหลางได้ทันที และไม่สนใจจะคิดต่ออีกว่ามันมีความคิดชั่วร้ายมากกว่านั้นอีกหรือไม่
ใช้คนได้ผิดงานจริงๆ
แต่มันเป็ความคิดของใครกันที่จะพาคนตั้งครรภ์เข้าเมืองด้วยเกวียนเทียมวัว?
ไม่กลัวแท้งเลยหรือ?
ถึงจ้าวซื่อจะสุขภาพแข็งแรง แต่การไปเจอการเดินทางบนพื้นที่ไม่เรียบเช่นนั้นย่อมไม่ใช่เื่ดี ทั้งยังมีหลุมมีบ่อตามถนนอีก ใช้เกวียนเทียมวัวไปแล้วมันจะทนได้ถึงแค่ไหนกัน!
หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งหลินฟู่อินจึงสงบใจลง แล้วคิดขึ้นมาได้ว่าในบ้านนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่น่าจะคิดเื่เช่นนี้ขึ้นมาได้
นางจึงเปิดประตูออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นจึงเอียงคอมองหลินต้าหลางผู้มีใบหน้าซีดเซียวในชุดคลุมสีฟ้าที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูบ้านนาง
หลินต้าหลางผู้นี้ดูหม่นหมอง ยิ่งมองเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่น่าใช่คนที่จะหาดีอะไรได้
ฮึ! หากอยากหลอกต้มฟู่อินผู้นี้ขนาดนั้น ก่อนอื่นก็รู้ตัวเองเสียก่อนเถอะว่ามีสมองพอจะทำได้หรือไม่!
“หากอยากเข้าเมืองก็เข้าไปเสียสิ มาโหวกเหวกหน้าบ้านข้าเช่นนี้ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าบัณฑิตอยู่อีกหรือ?” หลินฟู่อินถาม ก่อนผายมือไปทางบ้านหลิน “กลับไปบอกปู่เสีย หากเ้าไม่เชื่อในการวินิจฉัยของข้า ข้าก็ไม่สน แค่ทำเหมือนไม่เคยขอให้ข้าไปตรวจั้แ่แรกก็พอ และข้าก็ไม่ได้ว่างพอจะตามเ้าเข้าเมืองด้วย!”
การปฏิเสธอย่างชัดเจนทำให้หลินต้าหลางกล่าวไม่ออก
หลินต้าหลางที่ยืนอยูู่หน้าประตูมองหลินฟู่อินที่มีท่าทางมั่นใจด้วยความชิงชัง
นางเด็กนี่ได้ใจเกินไปแล้ว ทำกับเขาราวกับเป็คนไร้ค่าเช่นนี้!
แต่เมื่อคิดถึงท่าทีของหลินฟู่อินที่ไม่อยากเข้าเมืองแล้ว สายตาของเขาจึงทอประกายเ้าเล่ห์ขึ้น…
“จะไม่ไปจริงๆ หรือ?” หลินต้าหลางมองนางด้วยสายตาเ้าเล่ห์ “เช่นนั้นข้าจะกลับไปบอกปู่ หากแม่ของข้าเป็อะไรไประหว่างทาง ก็จะเป็เพราะหลานสาวของนางไม่ยอมดูแลนาง!”
ฮ่าฮ่า ยังขู่อยู่อีกหรือ?
หลินฟู่อินกำลังจะขัด แต่ย่าหลี่กลับลุกขึ้นเสียก่อน
นางมองหลินต้าหลางตรงๆ แล้วถาม “เ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าแม่เ้ากลัวการเดินทาง? แล้วเหตุใดเ้าถึงยังอยากเข้าเมืองอีก? รีบส่งคนไปเรียกหมอหลี่มาแทนสิ!”
คำพูดของย่าหลี่แทงใจหลินต้าหลางอย่างรุนแรงจนหน้าชา ก่อนจะพึมพำออกมา “พวกข้าแค่กลัวว่าหมอหลี่จะยุ่งจนมิอาจปลีกตัวมาได้”
หลินฟู่อินแค่นจมูก “แล้วหากเ้าไปถึงเมืองแล้วคนกลับแน่นจนเ้าต้องรออีกเล่า?”
แล้วก็โบกมือไล่หลินต้าหลางโดยไม่รอให้เขาอ้าปากพูด “กลับไปปรึกษากับท่านปู่เสีย ข้าเป็เพียงผู้เยาว์ ช่วยอะไรไม่ได้”
เมื่อเห็นว่าหลินฟู่อินไม่เอาด้วยหลินต้าหลางก็เริ่มเสียหลัก คิ้วขมวดแน่น แล้วแทบคำรามออกมา “ฟู่อิน นี่เ้าไม่สนใจแม่ข้าเลยใช่หรือไม่? นั่นคือป้าใหญ่ของเ้านะ! ไม่กลัวเป็ขี้ปากชาวบ้านหากแม่ข้าเป็อะไรไปหรือไง?”
น่าขันนัก หลินฟู่อินเป็เพียงหลานสาวของจ้าวซื่อ หลานสาวที่จ้าวซื่อพยายามฆ่าให้ตายในทุกโอกาสด้วย อยากไปหาหมอมันก็เป็เื่ดี แต่หากมีอะไรขึ้นมาแล้วจะกลายเป็ความผิดนางอย่างนั้นหรือ
สมองของหลินต้าหลางนี่มันฝ่อเพราะโดนประตูฟาดไปแล้วหรืออย่างไรกัน?
ยางอายน่ะรู้จักหรือไม่?
“หลินต้าหลาง นี่คือแม่ของเ้า หากไม่เชื่อคำข้า ก็ไปหาทางเอาเอง แล้วอย่ามาสร้างปัญหาให้บ้านข้าอีก รีบกลับไปได้แล้ว!”
“หลินฟู่อิน เ้ากล้าดีอย่างไร…” หลินต้าหลางโมโหจนถึงขีดสุด พยายามเข้าโจมตีหลินฟู่อิน แต่หลินฟูอินบิดร่างหลบก่อนยื่นขาออกมาขัดหลินต้าหลางจนล้มคว่ำ
“อั่ก” หลินต้าหลางล้มหน้าคว่ำลงพื้นราวกับสุนัขจมโคลนพร้อมส่งเสียงแปลกประหลาด จากนั้นเขาจึงพยายามคลานลุกขึ้นแล้วออกจากเขตบ้านของหลินฟู่อินไป
หลินฟู่อินเห็นเขายังกัดฟันได้อยู่ก็รู้ว่าไม่ได้มีแผลร้ายแรงอะไร นางจึงแค่นจมูกแล้วกล่าว “สมควรแล้ว”
หลังจากที่พูดกับย่าหลี่หลินฟู่อินก็ปิดประตูอย่างรุนแรง แล้วจูงนางเข้าบ้านไป
หลินต้าหลางจับจมูกที่เปื้อนฝุ่น ฟันที่หักส่งผลให้มีเืกบปาก สีหน้านั้นกรุ่นโกรธจนแทบสังหารคนได้
เขาขัดใจที่เขาไม่สามารถโต้เถียงอะไรหลินฟู่อินได้เลย พลางมองกลับไปยังประตูบ้านหลินฟู่อินที่ปิดลง
คนที่ผ่านไปมาเห็นเข้าก็อดถามไม่ได้ “ต้าหลาง แม่เ้าเป็อะไรไปหรือ? แล้วฟู่อินวินิจฉัยผิดอย่างไร เหตุใดเ้าถึงอยากเข้าเมืองขึ้นมากัน?”
สีหน้าของหลินต้าหลางเปลี่ยนไป เขาเช็ดเืในปาก แล้วกล่าวอย่างหมดความอดทน “ไสหัวไป ไสหัวไปให้หมด ไปจัดการเื่ของตัวเองเสีย อย่ามายุ่งเื่ของคนอื่น!”
เมื่อกล่าวจบเขาก็หันหลังกลับไป
ชายที่ถูกต่อว่านั้นอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติแล้วจึงบ่นออกมา “บัญฑิตบ้าอะไรกัน ฝีปากนี่ราวกับสุนัขข้างถนนเลยไม่ใช่หรือไง…”
ชาวบ้านแถวนั้นหัวเราะขึ้นมา แล้วจึงชี้ไปยังแผ่นหลังของหลินต้าหลาง “ไม่รู้หรือ นั่นลูกชายของจ้าวซื่อเชียวนะ? แล้วเ้ารู้จักฝีปากของจ้าวซื่อหรือไม่? นั่นละที่เขาเรียกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น!”
ชายที่ถูกต่อว่าเองก็หัวเราะขึ้นมา แล้วกล่าวต่อ “มันเรียน เรียน เรียนทั้งวันทั้งคืน แต่คนที่ความเป็อยู่ดีขึ้นเรื่อยๆ กลับเป็บ้านสาม มันคิดว่าพวกข้าตาบอดหรือไงกัน?”
“เอ้า แยกย้าย แยกย้าย”
แม้หลินต้าหลางจะเดินห่างออกไปแล้ว แต่เขาก็ยังได้ยินเสียงนินทาจากเื้ัอยู่ และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอับอายมากขึ้นไปอีก
เขาคิดจะใช้เื่การท้องครั้งนี้ไปกดดันหลินฟู่อินแต่ไม่สำเร็จ ทั้งยังกลายเป็ขี้ปากของพวกที่ไม่เคารพบัณฑิตเช่นเขาอีก
หากเข้าสอบผ่านเมื่อไร เขาจะกลับมาคิดบัญชีกับฟู่อินและพวกชั้นต่ำในหมู่บ้านนี้แน่!
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็เข้าเมืองไปตามที่วางแผนไว้กับปู่หลินและหลินต้าซาน
จ้าวซื่อนั้นไม่ยอมตื่นเลยแม้จะพบกับความสั่นะเืของเกวียนเทียมวัว ไม่ยอมตื่นแม้จะไปถึงโรงหมอของหมอหลี่แล้ว
โชคดีที่วันนี้หมอหลี่อยู่ที่โรงหมอ บ้านหลินนั่งรออยู่นานกว่าจะได้เข้าพบ
เมื่อหมอหลี่มองจ้าวซื่อที่นอนอยู่บนเตียงสีน้ำตาลแล้ว เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
นี่ป้าใหญ่ของหลินฟู่อินมิใช่หรือ?
เมื่อเห็นว่านางหายใจเป็ปกติ ใบหน้าแดง ดูเหมือนคนป่วยตรงไหนกัน?
พอเขาตั้งท่าจะไต่ถามอาการ เปลือกตาของจ้าวซื่อก็กระตุกเปิดขึ้น และเมื่อเห็นสถานที่ไม่คุ้นตา นางจึงลุกขึ้นทันที
เหล่าบุรุษของตระกูลหลินที่เป็คนพานางมาที่นี่พากันสะดุ้ง
“เกิดอะไรขึ้น เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน?” จ้าวซื่อวิตกทันทีที่ตื่นขึ้นมา แล้วจึงบิดี้เีโดยไม่สนสายตาชาวบ้าน “เหตุใดพวกเ้าถึงมาโรงหมอกัน มีพวกเ้าคนไหนป่วยหรือ?”
เมื่อเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของทั้งสาม จ้าวซื่อจึงหันไปมองปู่หลินก่อนจะถาม “ท่านพ่อ ท่านไม่สบายหรืออย่างไร?”
ปู่หลินเห็นท่าทีแข็งแรงของจ้าวซื่อแล้วก็เริ่มเชื่อผลวินิจฉัยของหลินฟู่อิน จนรู้สึกคิดผิดขึ้นมาที่ไปฟังคำพูดของหลินต้าหลาง…
แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว จะทำอะไรได้อีก?
ปู่หลินจึงเมินจ้าวซื่อแล้วกล่าวกับหมอหลี่ “ท่านหมอ สะใภ้ใหญ่ของข้าสลบไปเมื่อเช้า และไม่ยอมตื่นเลยจนมาถึงเมื่อครู่ คนในบ้านจึงเป็ห่วง ท่านช่วยตรวจอาการให้นางได้หรือไม่”
เมื่อได้ยินว่าคนไข้สลบไปแล้วเพิ่งฟื้นเมื่อครู่ สีหน้าของหมอหลี่จึงตึงเครียดขึ้นมา แล้วรีบจับชีพจรของจ้าวซื่อทันทีโดยไม่รีรอ
จ้าวซื่อเองก็ยื่นแขนให้ตรวจอย่างงุนงง หมอหลี่ตรวจแขนทั้งสองข้างสลับไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นจึงยิ้มแล้วลุกขึ้นแสดงความยินดี “คนไข้ไม่ได้ป่วยอะไร ท่านผู้เฒ่า สะใภ้ของท่านตั้งท้องได้สามเดือนแล้ว คนมีครรภ์ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อาการมึนงงเช่นนี้ถือเป็เื่ปกติ พวกท่านกลับไปแล้วดูแลนางให้ดีเถอะ”
ตามคาด…
ปู่หลินไม่ได้คิดอะไรมาก ส่วนหลินต้าซานหน้าเครียดไปแล้ว
ส่วนหลินต้าหลางก็รีบรุดเข้าไปถามหมอหลี่ทันที “ท่านหมอ เด็กในท้องของแม่ข้าเป็อย่างไรบ้าง?”
จ้าวซื่อที่ได้รับข่าวดีเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้ยินที่หลินต้าหลางถามหมอ นางก็ดีใจขึ้นมา
ลูกคนโตของนางเป็ห่วงเืเนื้อเชื้อไขในท้องนางเช่นนี้ ในอนาคตเขาต้องเป็ลูกที่ดีที่เปี่ยมไปด้วยความกตัญญูเป็แน่!
หมอหลี่เองก็เห็นว่าเขาป็นห่วงเด็กในท้องของผู้เป็มารดา จึงยิ้มออกมาพลางลูบเครา “ไม่ต้องกังวล ถึงผู้เป็แม่จะสูงวัยไปสักหน่อย แต่เด็กนั้นแข็งแรงยิ่ง!”
หลินต้าหลางได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกขัดใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังปั้นสีหน้ามีความสุขแล้วถามต่อ “ท่านหมอพอจะบอกได้หรือไม่ว่าเป็ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
คำถามของหลินต้าหลางดูประหลาดมากจนหมอหลี่เองก็รู้สึกแปลกๆ แต่เขาก็มิได้คิดอะไรมาก เพียงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ยังเร็วเกินกว่าที่ข้าจะพูดอะไรได้”
จากนั้นเขาจึงหันไปบอกหลินต้าซานพร้อมรอยยิ้ม “ท่านภรรยานับว่าโชคดีแม้จะมีอายุแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็หญิงหรือชายก็นับเป็เื่น่ายินดีทั้งนั้น อย่าได้คิดมาก”
หมอหลี่กล่าวเื่นี้ด้วยความอ่อนโยน และได้เห็นหลินต้าซานพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวอะไร
ปู่หลินมองหลินต้าหลางด้วยความรู้สึกซับซ้อน เขาไม่กังวลเื่หลินต้าซานนัก เพราะถึงเขาจะมีเด็กเพิ่มเอาตอนวัยเท่านี้ แต่นั่นก็ยังเป็เืเนื้อเชื้อไขของเขา ให้เวลาสักหน่อยก็คงไม่เป็ไร แต่หลินต้าหลางนี่สิที่เขาไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
แน่นอนว่าหลินต้าหลางนั้นมีความชิงชังอยู่เต็มอก ความชิงชังต่อหลินต้าซานและภรรยา
มีเพียงจ้าวซื่อเท่านั้นที่กล่าวขึ้นมาอย่างเริงร่า “โอ ข้าท้องอีกแล้ว ท่านหมอกล่าวได้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็ชายหรือหญิงก็เป็เื่น่ายินดีทั้งนั้น!” นางลูบท้อง กล่าวว่า “ข้าหิวแล้ว ไปซื้อซาลาเปาเนื้อมาให้ข้าสักสี่ลูกที แล้วบอกเ้าของร้านด้วยว่าขอน้ำมันเยอะๆ!”
“ลืมซาลาเปาเนื้อไปเสีย ซาลาเปาแป้งขาวยังไม่มีปัญญาจะซื้อกินเลย” เมื่อเห็นความไร้ยางอายที่เรียกร้องหาของกินต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ หลินต้าซานก็โมโหขึ้นมา
สตรีผู้นี้แก่ขนาดนี้แล้ว ทั้งยังท้องลูก แต่กลับไร้ยางอายยิ่งนักถึงมาเรียกร้องหาซาลาเปาเช่นนี้!
จ้าวซื่อเห็นหลินต้าซานโกรธแล้วจึงร้องไห้ออกมาทันที พลางชี้นิ้วต่อว่าเขา “ข้าแค่อยากกินซาลาเปา ข้าผิดมากหรือ? ข้าน่ะเกือบสี่สิบแล้วยังท้องให้เ้าเช่นนี้แท้ๆ จิตใจของเข้ามันทำด้วยอะไรกัน?”
หลินต้าซานเดือดดาลจนแทบอยากทุบตีนาง นางผู้หญิงคนนี้ปากพล่อยเกินไปแล้ว
ปู่หลินเห็นสามีภรรยาเฒ่าคู่นี้ทำท่าทีเช่นนี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ยังอยู่ในห้องตรวจของหมอหลี่ก็รู้สึกอับอายจนแทบอยากมุดดินหนี
“กลับบ้านกัน ไม่รู้สึกอายกันบ้างหรืออย่างไร?” ปู่หลินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเพื่อสยบคู่สามีภรรยาลง
แต่จ้าวซื่อที่ทำตัวเช่นนี้ตลอดกลับไม่รู้สึกอายแม้จะถูกดุ นางลูบท้องแล้วบ่น “ท่านพ่อ ข้าท้องหลานให้ตระกูลหลินของเราอยู่นะ ข้าน่ะทนหิวได้ แต่จะให้หลานท่านหิวไม่ได้!”
สะใภ้ที่กำลังตั้งท้องร้องขอซาลาเปา หากเขาไม่ซื้อให้นาง คงได้ตกเป็ขี้ปากชาวบ้านไปจนวันตายแน่!
สีหน้าของปู่หลินดุดันขึ้นเรื่อยๆ จนต้องยอมกล่าวกับหลินต้าหลาง “ไปซื้อซาลาเปาเนื้อให้แม่ของเ้ามาสี่ลูกเสีย”
หลินต้าหลางกล่าวด้วยสีหน้าว่างเปล่า “แต่ท่านปู่ ข้าไม่มีเงินติดตัว”
ปู่หลินรู้สึกหมดแรง แล้วจึงหยิบถุงเงินขึ้นมา หยิบเหรียญใหญ่ขึ้นมายื่นให้เขา “หากหิวก็ซื้อส่วนของเ้าเองด้วย”
ซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่ตกลูกละหนึ่งอีแปะ ลูกเล็กได้สองลูกต่อหนึ่งอีแปะ ปู่หลินยื่นให้เขาสามอีแปะ ใช้สองเพื่อซื้อลูกเล็กสี่ ที่เหลือเขาจะซื้อลูกใหญ่หนึ่งลูกหรือลูกเล็กสองลูกก็ได้
หลินต้าหลางแค่นจมูก ให้มาแค่นี้จะซื้อได้เท่าไรกันเชียว?
หลินต้าหลางเลิกคิ้วอย่างไม่พอใจ ตาแก่นี่ขี้เหนียวกับเขาขึ้นทุกวันแล้ว!
หากเขาสอบผ่านเมื่อไร จะเอาคืนอย่างสาสมแน่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้