“พระชายาตวนนี่เอง” ฮูหยินเซี่ยเอ่ยทักแต่ไม่ได้ทำความเคารพ นางกล่าวยิ้มๆ ขณะที่บุตรสาวของนางเซี่ยหมินหรูทำความเคารพ
กู้เจิงและคนอื่นๆ ย่อกายคารวะฮูหยินเซี่ย
นอกจากองค์หญิงสิบเอ็ดและกู้อิ๋งผู้เป็พระชายาของตวนอ๋องแล้ว ฮูหยินเซี่ยก็ไม่มีมองหน้าใครทั้งนั้น ทว่าเซี่ยิ่หรู กลับมองผ่านฟู่ผิงเซียงและหนิงซิ่วอิงมาหยุดอยู่ที่นาง
กู้เจิงทอดถอนใจ คนกลัวมีชื่อเสียงหมูกลัวอ้วน* นางเดาว่าที่คุณหนูเซี่ยแอบมองนาง น่าจะเป็เพราะว่าเคยได้ยินข่าวลือของนางมาบ้าง
(*หมายถึง คนเราเมื่อมีชื่อเสียงก็กลัวว่าจะก่อให้เกิดปัญหาความยุ่งยากมาสู่ตน เฉกเช่นเดียวกับหมูที่โตจนอ้วนแล้วก็จะถูกเอาไปฆ่า)
แขกขององค์รัชทายาทล้วนเป็เหล่าบุตรสาวบุตรชายของขุนนางทั้งหลาย ดังนั้นแขกในงานจึงมีแต่ผู้อ่อนเยาว์มากมาย
ฮูหยินเซี่ยที่เป็แขกมาในงาน ถือว่าแปลกประหลาดอย่างมาก เพราะนางได้เลยวัยสาวมาเนิ่นนานแล้ว แต่นางกลับได้รับความนิยมยิ่งกว่าองค์หญิงสิบเอ็ดเสียอีก นางถูกเหล่าสตรีชั้นสูงลากเข้าไปสนทนาด้วยไม่หยุด แต่คนที่สามารถพูดคุยกับฮูหยินเซี่ยได้นั้น ถ้าไม่ใช่ระดับกงเจวี๋ยก็ต้องเป็โหวเจวี๋ยเท่านั้น
“พี่ใหญ่ อย่าไปสนใจเลยเ้าค่ะ เราไปกันเถอะ” กู้เหยาจูงมือกู้เจิงเดินตามกู้อิ๋งไป “ไม่รู้ว่าฮูหยินเซี่ยผู้นั้นสูงส่งอะไรนักหนา เมื่อก่อนนางเองก็เป็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”
“ฮูหยินเซี่ยไม่ได้เกิดในตระกูลขุนนางหรอกหรือ?” กู้เจิงถามอย่างแปลกใจ
“เซี่ยกงจวี๋ยกับฮูหยินเซี่ยเป็คนธรรมดาทั่วไป ข้าเคยได้ยินท่านแม่เล่าให้ฟังว่า พวกเขาเป็เด็กกำพร้า คอยสนับสนุนซึ่งกันและกันมาจนถึงทุกวันนี้ เป็เื่ราวอันน่ายกย่องในเมืองต้าเยว่ของพวกเรา” กู้เหยาพลันลดเสียงลง “แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ข้าถึงไม่ชอบฮูหยินกงเจวี๋ยคนนี้เสียเลย”
“พวกเ้ากำลังคุยอะไรกัน?” กู้อิ๋งหันไปเห็นพี่ใหญ่กับน้องสี่กำลังคุยเอาหัวชนกัน หากเป็เมื่อก่อน เหตุการณ์แบบนี้กลับเป็เื่ที่ไม่มีทางเป็ไปได้เลย “รีบมาคารวะพี่สะใภ้รองกับพี่สะใภ้สี่เร็วเข้า”
ทั้งสองรีบทำความเคารพ พระชายารองนั้นกู้เจิงเคยพบในคืนที่กู้อิ๋งแต่งงานแล้ว ส่วนพระชายาสี่กู้เจิงเคยเห็นแค่เพียงด้านหลัง แต่ตอนนี้เมื่อได้มองตรงๆ กลับทำให้นางไม่อาจละสายตาได้ นางนั้นหน้าตาสะสวย แต่สิ่งที่ทำให้ไม่อาจละสายตาได้ก็เพราะว่าพระชายาสี่มีดวงตาเมล็ดซิ่งที่อ่อนโยนฉ่ำวาวดุจสายน้ำ แค่เหลือบมองเพียงแวบเดียวก็เหมือนถูกดึงดูดทำให้ไม่อาจละสายตาไปจากนางได้
หลังจากทำความเคารพเสร็จ กู้อิ๋งก็ไปคุยกับพวกนางแล้ว เดิมทีกู้เจิงคิดจะหาที่นั่งสักที่ แต่ไม่คิดว่ากู้เหยาจะเกาะติดกับนางไม่ยอมไปไหน “ตรงนั้นกำลังเล่นปาลูกดอกกันอยู่ เ้าไม่ไปหรือ?”
“พวกนางโง่เกินไป ข้าไม่อยากเล่นด้วย” กู้เหยาเบ้ปาก
กู้เจิง “...”
เห็นพี่ใหญ่ทำหน้าแปลกพิกล กู้เหยาก็หัวเราะคิกคัก “ข้ากลัวพลั้งปากพูดอะไรผิดไป เดี๋ยวท่านแม่จะลงโทษให้ข้าไปคุกเข่าในศาลบรรพชนอีกน่ะเ้าค่ะ”
“ครั้งก่อนเ้าโดนทำโทษไปคุกเข่าในศาลบรรพชนหรือ?” ครั้งก่อนกู้เหยาแค่ถูกขังอยู่ในห้องเพื่อให้พิจารณาตัวเอง ดูท่าครั้งนี้นายหญิงเว่ยซื่อจะโกรธจริงๆ
กู้เหยาพยักหน้าอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านแม่บอกว่าถ้าไม่เข้มงวด ข้าจะไม่รู้จักหลาบจำเ้าค่ะ”
“น้องสี่ ข้าไม่เคยเห็นเ้ามีสหายสนิทเลย” กู้เจิงถามขึ้น
กู้เหยาพยักหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยันว่า “ข้าไม่ชอบเล่นกับพวกนางเ้าค่ะ ต่อหน้าพวกนางก็ทำเป็ดีกับข้าก็จริง แต่พอข้าเล่าเื่ที่เก็บงำไว้ในใจ พวกนางก็เอาไปเล่าต่อกันอย่างสนุกปาก ต่อหน้าข้าพวกนางแสร้งทำเป็เป็ห่วงข้า แต่ลับหลังกลับเอาเื่ของข้าไปหัวเราะกันสนุกสนาน” กู้เหยามีท่าทีฉุนเฉียวเมื่อพูดถึง
กู้เจิงเห็นกู้เหยาบ่นอย่างเด็กเอาแต่ใจ ก็อดยิ้มขันไม่ได้
กู้เหยาเบ้ปาก ก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่กลัวว่าจะไม่มีสหายสนิทหรอกเ้าค่ะ เพราะถึงอย่างไร ข้าก็ยังมีพี่สาม” นางหยุดไปครู่หนึ่งและมองกู้เจิงพลางกล่าวว่า “และตอนนี้ก็ยังมีพี่ใหญ่อีกด้วย”
“ข้าหรือ?” กู้เจิงประหลาดใจ นางสนิทสนมกับกู้เหยาปานนี้ั้แ่เมื่อไรกัน?
“ท่านแม่บอกว่า ท่านจะไม่ทำร้ายพวกเรา เพราะพี่เขยใหญ่ยังต้องพึ่งพาพี่เขยสามในการเลื่อนยศตำแหน่งอยู่เ้าค่ะ”
กู้เจิง "..."
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น กู้เจิงก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย แต่นึกไม่ออกว่าเคยเจอกันที่ไหน ดวงตาสดใส หน้าตางดงามดุจดอกท้อ ผุดผ่องดั่งดอกหลี่ สตรีนางนั้นจะว่างามก็งาม แต่ความงามนี้ไม่โดดเด่นในหมู่สตรีสูงศักดิ์ที่แต่งตัวสวยหรู แต่นางสะดุดตาเพียงเพราะบุคลิกที่โดดเด่น
“เป็นาง” กู้เจิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นั่นไม่ใช่หญิงสาวที่พาสาวใช้มาขอน้ำที่บ้านนางเมื่อวันนั้นหรอกหรือ? ทำไมนางถึงมาอยู่ในวังได้ การเข้าวังมาได้ต้องมีฐานะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน “น้องสี่ เ้ารู้หรือไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็ใคร? คนที่ใส่กระโปรงสีเขียวอ่อนน่ะ”
กู้เหยามองตามสายตาของพี่ใหญ่ไป “พี่ใหญ่หมายถึงหวังหว่านหรงหรือ? นางเป็หญิงสาวผู้มีพร์ที่มีชื่อเสียงในเมืองต้าเยว่ของเราเ้าค่ะ นางเป็บุตรสาวของใต้เท้าหวังรองเสนาบดีกรมการคลัง”
บุตรสาวของใต้เท้าหวังรองเสนาบดีกรมการคลังหรือ? หญิงสาวที่ตวนอ๋องหมายตาให้เป็ภรรยาของเสิ่นเยี่ยนน่ะหรือ? นางไม่คิดว่าเื่ที่เกิดขึ้นจะเป็ฝีมือของตวนอ๋อง
แต่สตรีนางนี้กลับกล้ามาขอน้ำดื่มถึงบ้านนาง บนโลกนี้มีเื่บังเอิญเช่นนี้ด้วยหรือ?
กู้เจิงมองไปยังบุตรสาวสกุลหวังอย่างขุ่นเคือง ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะอยากได้ชายที่แต่งงานแล้วเล่า?
จนกระทั่งมองไม่เห็นอีกฝ่ายแล้ว ทว่าอารมณ์คุกรุ่นยังคงเดือดพล่าน
ขณะนี้ กู้เหยาลากกู้เจิงวิ่งไปตามทาง กู้เจิงเองก็ไม่ได้มองทาง กระทั่งใต้ฝ่าเท้าสะดุดอะไรสักอย่างจนเสียหลัก นางยื่นมือไปคว้าจับอะไรบางอย่างโดยไม่รู้ตัว นางได้ยินเพียงเสียง ‘แควก’ ดังขึ้น
กู้เจิงหน้าซีดเผือดทันที ก่อนหน้านี้เสียงกระโปรงฉีกขาดของฟู่ผิงเซียงก็เป็เช่นนี้มิใช่หรือ นางเป็คุณหนูดวงซวยอีกแล้วหรือ? ไม่ใช่สิ ครั้งก่อนนางเป็ผู้เคราะห์ร้ายต่างหาก
กู้เจิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา นางเห็นชายชราหน้าตาซูบผอมท่าทางหยิ่งยโสอยู่ตรงหน้า ตอนที่เขาเห็นรูปโฉมของนางชัดเจน สีหน้าก็เปลี่ยนไป เขากล่าวด้วยเสียงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน“เป็เ้า”
กู้เจิงมองแขนเสื้อที่ถูกฉีกออก นางร้องโอดครวญในใจ ผ้าไหมอะไรกันช่างฉีกขาดง่ายขนาดนี้ แย่แน่ๆ
กู้เหยาเห็นแขกคนอื่นๆ ต่างหันมามองพวกนาง นางจึงรีบดึงกู้เจิงวิ่งตรงเข้าไปในช่องทางหินกรวดเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลัง
ทั้งสองหยุดลงเมื่อวิ่งหนีมาได้สักพัก ต่างมองหน้ากันพลางหอบหายใจ
“ในที่สุดเ้าก็ฉลาดขึ้น” กู้เจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อครู่นางใจนไม่ทันสังเกต ตำแหน่งที่ชายคนนั้นยืนอยู่ไม่ได้เป็บริเวณที่เป็จุดสนใจมากนัก เมื่อพวกนางวิ่งหนีออกมา คงไม่มีใครเห็นมากเท่าไหร่
“ข้าฉลาดมาโดยตลอดต่างหากเล่า ว่าแต่พี่ใหญ่เถอะ เมื่อครู่ท่านหน้าซีดไปหมดแล้วเ้าค่ะ”
“งูกัดครั้งเดียว กลัวเชือกไปสิบปี* ” กู้เจิงตบหน้าอกเบาๆ “ยังดีที่ขาดแค่ตรงแขนเสื้อ”
(*หมายถึง การโดนอะไรสักอย่างทำให้าเ็ หลังจากนั้นก็รู้สึกเข็ดขยาดจนกลัวที่จะพบเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก)
“ผู้ชายคนนั้นไม่เป็อะไรหรอกเ้าค่ะ อย่างมากก็แค่ถูกคนหัวเราะเยาะ” กู้เหยาไม่สนใจ นางรู้ว่าพี่ใหญ่กำลังกลัวอะไรอยู่
กู้เจิงพยักหน้า ก็จริง
“แต่ผู้ชายคนนั้น เหมือนข้าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนใช่ไหมนะ?” กู้เหยาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่
“คนรู้จักหรือ?” ถ้าเป็คนรู้จัก ต่อไปหากเจอกันให้ท่านพ่อพาไปขอโทษก็คงไม่เป็ไร แต่ถ้าเป็คนแปลกหน้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
กู้เหยาส่ายหน้า “นึกไม่ออกเ้าค่ะ แต่ต้องเคยเจอกันมาก่อนแน่”
กู้เจิงจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย นางเห็นผมของกู้เหยาพันกันจนยุ่ง นางก็ช่วยจัดให้ด้วย “ไปกันเถอะ พวกเรากลับไปกัน น้องสามน่าจะตามหาพวกเราแล้ว”
กู้เหยาลูบผมที่พี่ใหญ่จัดให้ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเบิกบานใจ
ความมืดปกคลุมไปทั่วเส้นทาง ทั้งสองคนเดินเข้าไปในสวนที่จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำจากอีกทางหนึ่ง ภายในสวนสว่างไสวสวยงาม แขกคนอื่นๆ ต่างกำลังจับกลุ่มพูดคุยกัน
โต๊ะในงานเลี้ยงถูกจัดวางไว้เรียบร้อยแล้ว นางกำนัลเริ่มวางชามเหล้าลงบนโต๊ะ
กู้อิ๋งกำลังพานางกำนัลตามหาพวกนาง “พวกเ้าไปไหนมา? ข้าให้นางกำนัลตามหาพวกเ้าเสียตั้งหลายรอบ”
“ไปเดินดูรอบๆ มาน่ะ นี่จะเริ่มงานเลี้ยงแล้วหรือยัง?” กู้เจิงแทรกถามเื่อื่นขึ้น
“เปิดงานยังเร็วไป พระชายาขององค์รัชทายาทเสด็จมาแล้ว เมื่อครู่ทุกคนต่างมาเข้าพบ แต่พวกท่านไม่อยู่” แต่พระชายารัชทายาทต้องทักทายผู้คนจำนวนมาก คงไม่มีเวลามาสนใจสองคนนี้ กู้อิ๋งเห็นพี่ใหญ่มองหาคน จึงพูดขึ้นว่า “พี่เขยมาแล้ว ตอนนี้น่าจะอยู่ที่เรือนชั้นในกับท่านอ๋อง อีกเดี๋ยวก็คงออกมาเ้าค่ะ ที่นั่งของพวกท่านอยู่ตรงนั้น” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังโต๊ะตัวยาวข้างหน้า
เมื่อกู้เจิงแยกไปยังที่นั่งของตน กู้อิ๋งก็จิ้มหน้าผากน้องสาว “วันนี้แม่เฒ่าซุนไม่อยู่ ไม่มีใครคอยจับตามองเ้า เ้าจงทำตัวให้ดีๆ หน่อย”
“ข้าประพฤติตัวดีอยู่แล้ว” กู้เหยาบุ้ยปาก