เสี่ยวมู่อวี่เป็เด็กผู้ชาย แต่เป็องค์หญิงแห่งราชวงศ์เป่ยิ การผสมผสานความขัดแย้งนี้ได้ซ่อนเื่ราวไว้มากมาย
อวิ๋นอี้มองดูเขาที่น่าสงสาร ทนดุเขามิได้ ทำได้เพียงกล่อมเขาเสียงเบา
เด็กน้อยในอ้อมแขนสะอื้นอยู่นานก่อนจะค่อยๆ หยุดร้องไห้
แม้หรงซิวจะมีใบหน้าเ็า แต่จิตใจอบอุ่น เขายื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ถูกเวลา อวิ๋นอี้รับมาอย่างรวดเร็วแล้วเช็ดน้ำตาให้เ้าตัวเล็ก
ร้องเสียงดังมาเกือบครึ่งวัน เมื่อดึกลงเรื่อยๆ ทั้งสองถึงได้รู้สาเหตุของเื่นี้
พูดแล้ว เสี่ยวมู่อวี่ก็เป็เพียงเด็กที่น่าสงสารคนหนึ่ง
มารดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็สาวใช้ที่มิมีตัวตนในวัง เพราะว่ามีความสัมพันธ์กับองค์ฮ่องเต้เพียงคืนเดียว พลันโชคดีตั้งครรภ์ทารกน้อยคนหนึ่ง
ปกติแล้วในราชวงศ์ต่างๆ การตั้งครรภ์เด็กผู้ชายจะเป็เื่ราวที่น่ายินดีและสมควรป่าวประกาศ แต่ในราชวงศ์เป่ยิ กลับกลายเป็โศกนาฏกรรม
ทั้งหมดเป็เพราะคำสาปนั่น
ลูกขององค์ฮ่องเต้ทั้งแปดคนเป็พระโอรสทั้งสิ้น จริงๆ เขารู้สึกหมดหวังแล้ว และหลังจากที่รู้ว่ามารดาของเสี่ยวมู่อวี่ตั้งครรภ์ อารมณ์ของเขาก็แปรปรวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เขากลัวจะต่อยอดคำสาปนั่น เพราะแม้แต่บัลลังก์ของเขายังเกิดจากการเหยียบกองกระดูกพี่น้องนับไม่ถ้วนขึ้นมา
กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ทำให้เขาเ็าและเพิกเฉยต่อพระโอรสทุกองค์
นั่นอาจเป็เหตุผลว่าเหตุใดมารดาผู้ให้กำเนิดของเสี่ยวมู่อวี่ถึงมีความคิดที่กล้าหาญ
นางซื้อสตรีมีครรภ์หลายคนที่กำลังจะคลอดทุกคน ในตอนที่นางคลอดนั้น ก็เอาเด็กสลับกัน
เมื่อรู้ว่าทารกที่เกิดมาเป็เด็กผู้ชาย ก็รีบเอาทารกหญิงจากสตรีคนอื่นมา นำทารกหญิงไปให้ฮ่องเต้ดู ทำให้ฮ่องเต้จิตใจมั่นคงขึ้น จากนั้นรับก็ลูกชายกลับมาเลี้ยงดู
มันเป็การหลอกลวง ที่มิมีทางให้หวนกลับั้แ่แรก
เสี่ยวมู่อวี่ ถูกเลี้ยงมาแบบเด็กผู้หญิงถึงสี่ปี ตลอดเวลานั้นมิมีผู้ใดสงสัยเลย
เขาหน้าตาดีมาก ตาโต สะอาดสะอ้าน ตอนที่อวิ๋นอี้เห็นเขา หากมิใช่เพราะเขาสวมใส่เสื้อผ้าเด็กผู้ชาย นางก็คงจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็เด็กผู้หญิงเช่นกัน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่แม้แต่ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ผู้ปราดเปรื่อง จะยังไร้ความสงสัยใดๆ
เล่ามาถึงครึ่งทาง อวิ๋นอี้ยังคงสับสน นางไร้ความอดทนและอดมิได้ที่จะถาม “ภายหลังเล่า?”
เสี่ยวมู่อวี่มิมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเพศของเขา เขาถูกปฏิบัติเหมือนเด็กผู้หญิงั้แ่ยังเป็เด็ก แต่งตัวเหมือนเด็กผู้หญิง ในโลกของเขา เขาคิดว่าเด็กผู้หญิงควรจะเป็เช่นเขานั่นแหละ
มารดาสอนเขามาั้แ่เด็กว่าห้ามให้ผู้ใดแตะต้องร่างกายของเขา เขาเชื่อฟังมาตลอด
เพราะหากว่าไม่เชื่อฟังมารดาจะดุเขา ไม่ยอมให้ทานหรือนอน จนกว่าเขาจะจำ
เื่ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้น
มีวันหนึ่งที่เขาผล็อยหลับไป อากาศร้อนมากจนเขาถอดเสื้อชั้นในออกโดยมิได้ตั้งใจ คืนนั้นเขาหลับสบายมาก
เมื่อตื่นขึ้นในวันรุ่งขึ้น สาวใช้เป็ผู้พบเขา
เมื่อสาวใช้เห็นร่างของเขา นางก็กรีดร้องด้วยความใและวิ่งออกไป เสี่ยวมู่อวี่มิรู้ว่าเกิดกระไรขึ้น ผู้ใดจะรู้ว่ารุ่งเช้าที่ปกติสุขจะยั่วยวนมารดาที่มิได้เจอเขามาเป็เวลานานเข้า
มันเป็วันที่น่าสะพรึงกลัว ยังคงอยู่ในความทรงจำของเขาราวกับฝันร้าย
เมื่อมารดาเข้ามาท่าทีดุร้าย เขากลัวจนคอหด มิกล้าทำกระไร
เขากังวลว่าเขาจะทำให้นางไม่พอใจ จึงไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปข้างหน้า ทว่านางมิแม้แต่จะมองเขา นางนั่งอยู่บนเก้าอี้สูง และสั่งให้ทุกคนปิดประตูหน้าต่างทุกบาน
ในห้องที่อุดอู้ผสานกับเสียงร้องของสาวใช้
เป็สาวใช้คนที่เห็นร่างของเขาในตอนเช้า
มารดาของเขาสอนบทเรียนที่ยากจะลืมเลือนแก่เขาด้วยความโหดร้าย นองเื รุนแรงและการทรมาน
นางให้คนตัดลิ้นของสาวใช้และตัดนิ้วของนาง เพื่อที่นางจะได้ไม่สามารถบอกหรือเขียนความลับใดๆ เกี่ยวกับเขาได้เลย
ั้แ่นั้นมาเขาก็รู้เื่เพศของเขา
เขาเป็เด็กผู้ชายทว่าเขาต้องอยู่อย่างเด็กผู้หญิง
หลอกลวงตนเองเพียงเพื่อเอาชนะความรักของท่านพ่อ เพียงเพื่อช่วยให้ท่านแม่ได้มีตำแหน่งที่สุขสบายในวังหลัง
อายุน้อยๆ ทว่าต้องแบกรับภาระที่ไม่ควรจะต้องแบกรับ
เสี่ยวมู่อวี่ใช้ชีวิตอย่างเ็ป นับแต่นั้นมา เขาก็ฝันร้ายทุกคืน ฝันถึงสาวใช้ที่น่าสงสารคนนั้นและตื่นขึ้น
วันแล้ววันเล่า จนด้านชาไปเสียหมด
เขาไม่้าที่จะหลอกลวงอีกต่อไปแล้ว เขาอยากหลบหนีไป ตราบใดที่เขาได้รอดพ้นจากวัง เขาจะไม่ต้องแบกรับเื่มากมายเช่นนั้น ทั้งยังได้อยู่ห่างจากท่านแม่ที่โหดร้าย
โอกาสที่รอคอยมาถึงแล้ว ฮ่องเต้จะออกไปล่าสัตว์ เขาพลันอ้อนขอไปด้วย
เขาเป็องค์หญิงสุดที่รักของท่านพ่อ แน่นอนว่าจะไม่ขัดใจเขา
อาศัย่ที่ฝูงชนชุลมุน เขาออกจากพื้นที่ล่าสัตว์เงียบๆ เขามิรู้ว่าตนเองจะไปที่ใด รู้เพียงว่าเขา้าจากไปในที่ไกลๆ เขาเดินไปมิได้หยุด ไปไกลมาก หลบอยู่ในโพรงไม้บ้าง ในกอหญ้าบ้าง
และเื่หลังจากนั้น อวิ๋นอี้ก็รู้ทุกอย่างแล้ว
นางได้พบกับเสี่ยวมู่อวี่ที่หนีออกมา เด็กอายุน้อยๆ อย่างเขาโกหกนาง นางคิดมิถึงเกี่ยวกับเื่ที่เกิดกับเขา เหมือนกับที่นางคิดมิถึงเื่อุบายของเขา
จงใจปกปิดตัวตน ตั้งใจให้นางเดินทางมาที่เมืองหลวงของต้าอวี่ ห่างออกไปจากเมืองหลวงของราชวงศ์เป่ยิ
ผู้ใดจะรู้ว่าอวิ๋นอี้กลายเป็พระชายาเจ็ดที่ตกหน้าผาไป!
ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นคือ องค์ชายจากเป่ยิมาตามหาเขาจริงๆ ทั้งยังมาอาศัยอยู่ในจวนองค์ชายเจ็ดอย่างพอดิบพอดีด้วย
สิ่งใดที่ถูกกำหนดให้เผชิญ อย่างไรก็ต้องเผชิญอยู่ดี
หลังจากเล่าเื่ยาวเหยียดจบ น้ำตาเสี่ยวมู่อวี่แห้ง ลำคอแหบแห้งไปหมด เขามองมาที่นางด้วยดวงตาบวมแดง มุมปากของเขาเต็มไปด้วยความคับข้องใจ
“ไม่เอา!” เขาดึงชายเสื้ออวิ๋นอี้ “ท่านแม่ ไม่เอานะพ่ะย่ะค่ะ! อย่าส่งข้ากลับไปเลย!”
“ไปนอนก่อนเถิด” อวิ๋นอี้ตอบเขาในทันทีมิได้ อย่างไรเสียตัวตนของเขาคือองค์หญิงของประเทศอื่น เื่นี้มิใช่เื่เล็กๆ จะใช้อารมณ์ตัดสินใจมิได้
แม้ว่าเด็กน้อยจะมิรู้กระไร ทว่าอ่อนไหวมาก ดูเหมือนว่าเขาจะรู้กระไรบางอย่างจึงร้องเสียงดังและกอดคอนางแน่นเหมือนหมีป่า
“ท่านแม่! ไม่เอา! ไม่เอา!” เขาสั่นด้วยความตื่นตระหนก “ข้าไม่กลับไป! นางมิปล่อยข้าแน่! ข้ากลับไปมิได้!”
“รู้แล้ว รู้แล้ว” อวิ๋นอี้ทำได้เพียงกล่อมเขา “เราไปนอนก่อนดีหรือไม่? แม่จะพาเ้าไปนอน ตื่นแล้วค่อยคุยกันนะ”
เหมือนว่าเขาคงจะเหนื่อยกับการร้องไห้เอะอะโวยวายแล้ว เมื่ออุ้มเขากลับไปที่เตียง ไม่นานเสี่ยวมู่อวี่ก็ผล็อยหลับไปทั้งยังกรนด้วย
หรงซิวเอนตัวลงกับเตียง กอดอกมองนาง “ยังไม่ลุกอีก?จะให้ข้าอุ้มหรือ?”
อวิ๋นอี้มิทันจะได้เขม่นเขา เขาเคลื่อนไหวรวดเร็ว อุ้มเอวนางขึ้นมาเสียแล้ว
อวิ๋นอี้อดมิได้ที่จะพูดว่า “อยู่ต่อหน้าเด็กนะเพคะ จริงจังหน่อยได้หรือไม่?”
“ข้ายังจริงจังมิพอหรือ?” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย “ข้ายังมิได้จูบเ้าเสียหน่อย”
พูดกับเขาไม่ไหว เขามีเหตุผลของตนเองเสมอ
ทั้งสองคนออกจากเรือนของเสี่ยวมู่อวี่เบาๆ ระหว่างทางกลับ ทั้งคู่มีความคิดในใจ
เมื่อกลับถึงห้อง อวิ๋นอี้ไม่สามารถเก็บซ่อนคำพูดของนางได้ นางมองดูบุรุษหนุ่มถอดรองเท้าให้ ขยับขา เท้าของนางเกือบจะเตะโดนหน้าเขา
หรงซิวขมวดคิ้วและยกเท้าขึ้นนวดตามใจชอบ ทำให้นางจั๊กจี้จนดึงเท้ากลับ
“จะหนีทำไม?” เขาจับนางแน่น เลิกคิ้วมองนาง “เ้าคิดอย่างไรกับเื่เสี่ยวมู่อวี่?”
“ข้าไม่คิดว่าเขาจะโกหกนะ” อวิ๋นอี้พูด “ข้ามิอยากให้เขากลับไปอยู่แล้ว แต่ข้ารู้เื่ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ หากเราไม่ส่งเขากลับ แล้วถูกค้นพบเข้า มันจะแก้ตัวมิได้ พูดกระไรก็จะลำบากน่ะสิเพคะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้