หลังจากหลิงเฉินรอคอยมานานเกือบ 10 นาทีในที่สุดเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งเล็กน้อยก็ดังมาจากด้านนอกของห้องโถงหลิงเฉินหมุนตัวกลับมา และถอดหน้ากากบนใบหน้าออก ต่อหน้าเ้าเมืองนครัครามแน่นอนว่าเขาไม่อาจสวมหน้ากากได้อีกต่อไป
เ้าเมืองนครัครามดูมีอายุราวๆ 40 ปี เขาเป็ผู้ชายที่หล่อเหลาและท่าทางใจดีแต่ในความใจดีนั้น มีความรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างมากปะปนอยู่ ตาของเขาแหลมคมทว่าแววตานั้นกลับหม่นหมองเล็กน้อย ชัดเจนว่าเกิดขึ้นจากการทำงานมากเกินไปเดิมทีหลิงเฉินซึ่งรออยู่ที่นี่มานานถึง 10 นาที มีความไม่พออยู่เต็มอกและเตรียมที่จะแสดงกิริยาที่ไม่ดีกับเ้าเมืองผู้นี้แต่เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนล้าของเ้าเมือง...ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจวางท่าแต่อันที่จริงเป็เพราะเขายุ่งสุดๆ ความไม่พอใจของหลิงเฉินจึงหายไปในทันทีและลุกขึ้นมากล่าวทักทายเขา “สวัสดีท่านเ้าเมือง ผมชื่อหลิงเทียน”
เ้าเมืองนครัครามสำรวจเขาอย่างละเอียดและกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “สมกับเป็คนที่โดดเด่นออกมาจากมนุษย์โลกคนอื่นๆอีกหลายล้านคนอย่างแท้จริง ทั้งยังเป็คนแรกที่มาถึงที่นี่ได้เ้ามีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดาจริงๆ เพียงแค่ลักษณะท่าทางของเ้าใครก็สามารถบอกได้ว่า เ้าต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอย่างแน่นอน เฮ้อพอดีตอนนี้ข้ามีเื่สำคัญเื่หนึ่ง ข้าจึงมาไม่ได้ในทันที ข้าเสียใจจริงๆที่ทำให้เ้าต้องรอนาน เข้ามาสิ นั่งก่อน”
เมื่อเข้ามา เ้าเมืองผู้นี้ก็ชมเชยเขาก่อนเลย จากนั้นจึงขอโทษโดยไม่มีการวางท่าใดๆยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีท่าทางที่ไม่จริงใจหรือเสแสร้งแต่อย่างใดหลิงเฉินพลันเกิดความประทับใจที่ดียิ่งขึ้นกับเ้าเมืองผู้นี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงกลางสุดประจันหน้ากับเ้าเมืองผู้พิทักษ์หอิญญาวีรชนกล่าวไว้ว่า เ้าเมืองอาจมอบเื่ที่ยุ่งยากอย่างมากให้เขาทำจนสำเร็จมันจะเป็อะไรนะ? NPC ระดับสูงสุดของนครัครามเควสที่ได้รับมอบจากเ้าเมืองนครัคราม ไม่ต้องคิดก็รู้ว่ามันต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
สายตาของเ้าเมืองนครัครามจับจ้องไปที่เหรียญตรา ‘หลักฐานแห่งความกล้าหาญ’ ซึ่งติดอยู่บนหน้าอกของหลิงเฉินดวงตาของเขาพลันเป็ประกาย “สิ่งที่เ้ากำลังสวมใส่อยู่ตรงหน้าอกน่าจะเป็เหรียญตรา‘หลักฐานแห่งความกล้าหาญ’ สินะมีเพียงวีรบุรุษที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่สมควรจะสวมใส่เหรียญตรานี้มันไม่สามารถปลอมแปลงขึ้นมาได้ โอ้ใช่ เมื่อกี้นี้ข้าได้ยินข่าวลือว่าเ้าได้รับการสืบทอดพลังของหอิญญาวีรชนด้วย?”
“ใช่แล้วครับ”หลิงเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา
เ้าเมืองนครัครามเปล่งเสียงอย่างตื่นเต้น “โดยเฉลี่ยแล้ว ทุกๆหนึ่งร้อยปีเท่านั้นที่จะมีคนผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติในการได้รับมรดกพลังของหอิญญาวีรชนปรากฏขึ้นบนทวีปหลงลืม!ด้วยพร์เช่นนี้ ข้าเชื่อว่า แม้เ้าจะเป็ผู้เล่น แต่ในอนาคตเ้าคงจะมีความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาบนทวีปหลงลืมแห่งนี้ โอ้ใช่เ้าได้สืบทอดพลังของใครล่ะ”
“พลังของเทพาครับ” หลิงเฉินตอบโดยพลัน
“...” เมื่อได้ยินคำตอบของหลิงเฉิน เ้าเมืองนครัครามงุนงงไปครู่หนึ่งอย่างเห็นได้ชัดเขาส่ายหัวที่อ่อนล้าและวิงเวียนเล็กน้อยเบาๆ พร้อมกับถามด้วยความไม่แน่ใจ “พูดอีกรอบสิ ข้าคิดว่าข้าได้ยินไม่ชัด...”
“พลังของเทพาครับ” หลิงเฉินตอบไปอีกครั้งเขารู้ว่าทำไมเ้าเมืองนครัครามถึงถามอีกครั้ง มันไม่ใช่ว่าเขาได้ยินไม่ชัดแต่เป็สัญชาตญาณของเขาที่คิดว่าคำตอบที่เขาได้ยินนั้นไม่ถูกต้องเพราะในความรู้สึกของคนเหล่านี้ การทดสอบของเทพานั้นไม่มีทางผ่านได้เลยซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสักคนที่จะผ่านการทดสอบของเทพาได้หลังจากหลิงเฉินตอบกลับไปอีกรอบ เขาก็ยืนขึ้น ในแสงสีเทาชั่วแวบนั้นเขาเรียกดาบของเทพาออกมา และแสดงมันต่อหน้าเ้าเมืองนครัคราม
ทันทีที่ดาบของเทพาปรากฏสู่สายตาของเ้าเมืองนครัครามดวงตาของเขาก็หดเกร็งอย่างรุนแรง หลังจากความเงียบงันชั่วอึดใจเขาก็ลุกขึ้นอย่างกระทันหัน ดวงตาที่สั่นไหวของเขาจับจ้องไปที่ดาบของเทพาอย่างไม่ไหวติงเสียงของเขาสั่นเทาด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย “ดาบ..ดาบของเทพา!!! เ้า...”
คนผู้นี้...หรือว่าเขาจะผ่านการทดสอบของเทพาได้จริงๆ?
นี่เป็ไปได้อย่างไร?การทดสอบที่แม้กระทั่งอัจฉริยะมากมายของทวีปหลงลืมไม่สามารถผ่านได้ผู้เล่นจากโลกอื่นที่มีระดับพลังต่ำสุดๆ จะผ่านมันได้อย่างไร!
อย่างไรก็ตามดาบของเทพาจะมอบให้กับคนที่ผ่านการทดสอบของเทพาเท่านั้น!
“เ้าผ่านการทดสอบของเทพา?” เ้าเมืองนครัครามะโด้วยความใเขารู้เมื่อครู่นี้เองว่า สิ่งที่เขาได้ยินก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะหูแว่วจากความเหนื่อยล้าในฐานะเ้านคร เขาได้พบเห็นสิ่งต่างๆ มานับไม่ถ้วนในชีวิตของเขา โดยปกติแล้วเขาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ที่รุนแรงแบบนี้ทว่าเื่การผ่านการทดสอบของเทพานั้นน่าตกตะลึงมากเกินไป เนื่องจากมันเป็สิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้บนทวีปหลงลืมในเวลา1,000 ปีนี้
“นี่เป็บันทึกที่ผู้พิทักษ์หอิญญาวีรชนให้ผมนำมามอบให้ท่าน” หลิงเฉินไม่ได้ตอบทันทีเขาส่งมอบบันทึกที่ผู้พิทักษ์หอิญญาวีรชนมอบให้เขาไปให้เ้าเมืองนครัคราม
เ้าเมืองนครัครามรับมันไป บันทึกนี้ถูกเขียนโดยผู้พิทักษ์หอิญญาวีรชนจริงๆและไม่มีข้อผิดพลาด เขาเปิดมันอย่างรวดเร็วและมองไปที่เนื้อหาส่วนบน...ใน่เวลาไม่นานสีหน้าของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยความตื่นใชั้นแล้วชั้นเล่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นในเวลาต่อมา แววตาของเขาที่มองมายังหลิงเฉินนั้นเหมือนกับการมองสัตว์ประหลาดที่มาจากอวกาศ
การได้รับการยอมรับจากพลังทั้งหมดในหอิญญาวีรชนพร้อมกัน...กระทั่งต่อสู้แย่งชิงกันเพื่อให้ได้ยึดครองจิตใจของเขา
เสาต้นกลางซึ่งแบกรับพลังของเทพาได้หายไปคนผู้นี้...เขาผ่านการทดสอบของเทพาจริงๆ!
ท่าทางตกตะลึงค้างอยู่บนใบหน้าของเ้าเมืองนครัครามเป็เวลานานสองนานก่อนที่จะค่อยๆ ถูกระงับไปโดยตัวเขาเอง เขาจัดท่าทางของเขาอย่างรวดเร็วสำรวจหลิงเฉินอย่างละเอียดอีกครั้งเป็เวลานาน ก่อนจะกล่าวด้วยความประหลาดใจ “นึกไม่ถึงว่าเ้าจะผ่านการทดสอบของเทพาและได้รับมรดกพลังของเทพา ข้าไม่ได้พูดเกินความจริงแต่อย่างใดแต่เ้าเป็บุคคลที่น่าประหลาดใจที่สุดซึ่งข้าเคยพบเห็น...ตลอดชั่วชีวิตของข้า”
“ท่านยกย่องเกินไปแล้ว” หลิงเฉินส่ายหัวพร้อมกับกล่าวการประเมินค่านี้ดูไม่มีเหตุผลไปนิดหน่อย
“ไม่เลย มันเป็เช่นนั้นจริงๆ หอิญญาวีรชนก่อตั้งมานานนับพันปีแต่ไม่เคยมีผู้ใดผ่านการทดสอบที่เทพาทิ้งเอาไว้ได้ตลอดระยะเวลา 1,000 ปีนี้ และเ้า เ้าทำมันได้แล้วหลังจากที่มาถึงยังโลกแห่งนี้ได้เพียงแค่ไม่กี่วันเองพร์และทักษะของเ้านั้นสูงจนแทบไม่น่าเชื่อ หากเื่ราวที่พลังของเทพาได้รับการสืบทอดแพร่ออกไปเ้าจะกลายเป็ที่รู้จักของทุกคนภายในระยะเวลาไม่นาน เ้าเพิ่งจะมาถึงทวีปหลงลืมเ้าต้องไม่รู้อย่างแน่นอนว่าการผ่านการทดสอบของเทพาในสายตาของพวกข้านั้นน่าประทับใจขนาดไหนแต่เดิมมันเป็การทดสอบที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าไม่สามารถผ่านได้”
“ลืมมันไปเถอะครับ ผมไม่้าให้คนจำนวนมากล่วงรู้” หลิงเฉินกล่าว
เ้าเมืองนครัครามผงกหัวของเขา และเริ่มแย้มยิ้ม “แข็งแกร่ง แต่ไม่อวดดี เยี่ยมยอด ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่ให้คนอื่นเผยแพร่เื่นี้ออกไป อย่างไรก็ดี ข้าคิดว่าข้าควรจะบอกเื่นี้กับจักรพรรดิของนครหลงลืมเขาจะต้องสนใจอย่างมากแน่ๆ แต่เ้าผ่อนคลายได้ เนื่องจากเ้าไม่เต็มใจเขาก็ย่อมจะไม่ประกาศเื่นี้ออกไปเช่นกัน การให้เขาทราบชื่อของเ้าก่อนนั้นจะเป็ประโยชน์กับเ้าอย่างมากสำหรับการตั้งหลักในนครหลงลืม”
หลิงเฉินผงกหัวและไม่คัดค้าน แต่ถามกลับในทันที “ท่านเ้าเมืองครับผมได้ยินว่าหมู่นี้ท่านประสบกับปัญหาที่ยากลำบากบางอย่าง? ผมไม่แน่ใจว่ามีอะไรที่ผมช่วยได้ไหม?”
เ้าเมืองนครัครามงงงวยไปชั่วขณะ แล้วจู่ๆหลิงเฉินก็ดูเหมือนจะมองเห็นแสงที่รวดเร็วแวบผ่านสายตาของเขาไป เ้าเมืองนครัครามผงกหัวของเขาอย่างช้าๆ“มีจริงๆ นั่นแหละ ยิ่งไปกว่านั้นเื่นี้ยังทำให้ข้านอนไม่หลับใน่นี้ด้วย เ้ายินดีที่จะฟังข้าอธิบายเื่นี้และช่วยเหลือข้าไหม?”
หลิงเฉินผงกหัว...พูดเป็เล่นไปได้เหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพื่อรับภารกิจนี้ของเ้าเมือง แล้วเขาจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน
“ในความเป็จริงแต่เดิมข้าจะไม่มอบหมายเื่นี้ให้กับผู้เล่นอย่างพวกเ้าเพราะด้วยความแข็งแกร่งของผู้เล่นอย่างพวกเ้า มันไม่มีทางสำเร็จแน่นอน ทว่า…” เ้าเมืองัครามจ้องตรงไปที่หลิงเฉินแววตาของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น “เ้าเป็คนที่ผ่านการทดสอบของเทพาเ้าคืออัจฉริยะไร้เทียมทานที่ทวีปหลงลืมยังไม่เคยพบเจอในรอบ 1,000 ปี! การสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการผ่านการทดสอบของเทพาบางทีเ้าอาจจะช่วยข้าได้จริงๆ นอกจากนี้ เื่ที่ทำให้ข้าสบายใจที่สุดก็คือถึงแม้ผู้เล่นอย่างพวกเ้าเสียชีวิต พวกเ้าก็สามารถฟื้นคืนชีพได้ในทันทีอีกทั้งเลเวลของพวกเ้ายังลดลงแค่ 1 เลเวลเท่านั้นฉะนั้นข้าจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเ้าด้วยซ้ำ”
มุมปากของหลิงเฉินกระตุก... เขามี ‘ความริษยาของ์’ของเสินเยว่ หลังจากเขาตายเลเวลของเขาไม่ใช่เพียงแค่ลดลงหนึ่งเลเวลเท่านั้น แต่การตายครั้งหนึ่งนั้นเลเวลของเขาจะกลับไปเป็ศูนย์ในทันที! ทุกเื่ที่เขาตรากตรำลำบากจะเสียไปเปล่าๆสำหรับผู้เล่น ไม่มีการลงโทษอะไรที่โเี้ไปมากกว่านี้อีกแล้ว อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ขัดจังหวะ และฟังเ้าเมืองนครัครามพูดต่อไป
“เฮ้อ”เ้าเมืองนครัครามถอนหายใจออกมายาวๆจากนั้นเริ่มอธิบายต่อ “กล่าวถึงมัน เื่นี้ง่ายมากๆมันก็แค่การค้นหาไอเทม แต่มันก็ยากสุดๆ เช่นกัน เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ตอนที่ลูกชายคนเล็กสุดของข้าฝึกฝนอยู่ในป่าทมิฬเขาประสบกับการโจมตีของมอนสเตอร์ระดับลอร์ดที่ทรงพลังอย่าง ‘อสรพิษสลักบุปผาเนตรมรกต’ แม้เขาจะหนีมาได้พร้อมกับชีวิตของเขาทว่าเขาถูก ‘อสรพิษสลักบุปผาเนตรมรกต’ กัด โดย ‘อสรพิษสลักบุปผาเนตรมรกต’ นั้นมีอยู่น้อยมาก ตามที่รายงาน จำนวนของ ‘อสรพิษสลักบุปผาเนตรมรกต’ บนทวีปหลงลืมน่าจะมีไม่เกิน10 ตัว มันเป็อสรพิษประเภทมีพิษที่น่ากลัวสุดๆหากเ้าถูกมันกัดครั้งหนึ่ง เ้าจะต้องตายอย่างแน่นอนหากพิษไม่ได้รับการรักษาโดยทันเวลา และมีเพียงสิ่งเดียวที่สามารถรักษาพิษของ ‘อสรพิษสลักบุปผาเนตรมรกต’ ชื่อของมันถูกเรียกว่า‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’”
‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’หลิงเฉินจำชื่อนี้ได้
“‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’เป็สมุนไพรชนิดหนึ่งที่พิเศษมากทั้งยังเป็สมุนไพรที่มีชื่อเสียงเป็อย่างมากอีกด้วย มันสูงแค่สิบกว่าเิเทั้งต้นเป็สีดำสนิท และรูปร่างเหมือนกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้จำนวนของมันนั้นน้อยอย่างยิ่ง และอยู่ในสถานที่ที่มืดมิดตลอดปีเท่านั้นในปัจจุบันทั่วทั้งทวีปหลงลืม มีเพียงสถานที่เดียวที่รู้กันว่ามี ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’มันคือสถานที่ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของทวีปหลงลืมซึ่งเรียกกันว่า ‘สันเขาิญญาไร้เสียง’ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของนครัครามราว 200 ไมล์ นอกจากนี้มันยังเป็หนึ่งในพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์บนทวีปหลงลืมท้องฟ้าของสันเขาิญญาไร้เสียงมืดมิดตลอดทั้งปีนี่เป็สิ่งที่ทุกคนบนทวีปหลงลืมรู้กันดี แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไม บางคนบอกว่ากระดูกนับไม่ถ้วนถูกฝังอยู่ที่นั่น ดังนั้นจึงสร้างอันเดดจำนวนมหาศาลเพื่อขับไล่แสงสว่างที่นั่นบางคนก็บอกว่า มีอสูรปีศาจแห่งความมืดที่ทรงพลังซ่อนตัวอยู่ที่นั่นกลิ่นอายความมืดของมันปกคลุมทั่วท้องฟ้า แต่พวกเขาล้วนแต่คาดเดาไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปใกล้สถานที่แห่งนั้นเพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริงเพราะว่าคนที่เข้าไปยังสันเขาิญญาไร้เสียงไม่เคยมีใครที่กลับออกมาได้ทั้งที่ยังมีชีวิตไม่มีเลย!”
หลิงเฉิน “...”
“‘สันเขาิญญาไร้เสียง’ ก็ได้ชื่อของมันจากเื่นี้เช่นกันเมื่อเ้าเข้าไปใกล้เ้าจะกลายเป็อันเดดซึ่งเป็หนึ่งในสิ่งลวงตาของความเงียบงันที่นั่น ในการค้นหา ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’สำหรับลูกชายข้าในสองสามวันนี้ข้าได้ส่งองครักษ์ฝีมือดีที่กล้าหาญออกไปแล้วรวมทั้งสิ้นสามระลอก ระหว่างทางพวกข้าคงการติดต่อสื่อสารกันโดยตลอด แต่เมื่อพวกเขาไปถึงสันเขาิญญาไร้เสียงการติดต่อสื่อสารจะถูกตัดขาดอย่างสมบูรณ์ และจะไม่มีคำพูดใดๆ จากพวกเขาพวกเขา...เห็นได้ชัดว่าตายทั้งหมดที่นั่น หลังจากสามระลอกข้าก็ไม่กล้าส่งคนไปตายที่นั่นอีก ทว่า ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’ และพิษของลูกชายคนเล็กสุดของข้านั้น เฮ้อ...”
“ท่าน้าให้ผมเดินทางไปที่สันเขาิญญาไร้เสียงและนำเอา‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’กลับมาหรือ?” หลิงเฉินเข้าใจว่าเควสที่เ้าเมืองนครัครามกำลังจะมอบให้เขานั้นคืออะไร
“ใช่แล้ว! ข้าเชื้อเชิญเ้า เ้าต้องช่วยข้าเวลานี้มีแค่คนแบบเ้าเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอและสามารถช่วยข้าได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะตายมากเกินไปตอนนี้พิษของลูกชายคนเล็กสุดของข้าถูกควบคุมไว้แล้ว แต่ถ้าหนึ่งเดือนผ่านไปและพวกเรายังคงไม่ได้ ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’ พิษของเขาก็จะกำเริบอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ได้โปรดเถอะเ้าต้องช่วยข้าด้วยการไปที่สันเขาิญญาไร้เสียงและได้ ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’ก่อนหนึ่งเดือนหากเ้าทำสำเร็จ ข้าจะตอบแทนเ้าอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน!” เ้าเมืองนครัครามพูดอย่างเคร่งเครียดและมีอารมณ์
“ดริ๊ง...คุณปลุกเควส ‘ตามหาหญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’ คำอธิบายเควส: เดินทางไปยัง ‘สันเขาิญญาไร้เสียง’ ได้รับ‘หญ้าเปลวเพลิงทมิฬ’และมอบมันให้กับเ้าเมืองนครัครามประเภทเควส: เควสเฉพาะ การจำกัดเวลาเควส: 1 เดือน รางวัลเควส: ไม่ทราบ โทษเควส:ชื่อเสียงลดลงเหลือ 0ความชื่นชอบของเ้าเมืองนครัครามต่อคุณจะลดลงอย่างมาก ั้แ่นั้นไปคุณจะไม่สามารถรับเควสใดๆ ในนครัครามได้ คุณจะยอมรับไหม?”
“ดริ๊ง...คำเตือน ความยากของเควสนี้สูงมากด้วยพลังของคุณในตอนนี้ มันไม่มีทางเป็ไปได้เลย หากคุณยอมรับมีความเป็ไปได้สูงมากที่จะเผชิญกับโทษล้มเหลวอันโเี้ โปรดพิจารณาให้รอบครอบ”
เมื่อประจันหน้ากับแววตาที่กระตือรือร้นของเ้าเมืองนครัครามและเสียงเตือนของระบบข้างๆ หูของเขา หลิงเฉินก็ตกสู่ความเงียบงัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้