หลินลั่วหรานคิดว่าแท่นพิธีนั่นจะเป็เหมือนกับประตูเคลื่อนย้ายท้ายที่สุดเมื่อมันเปิดออกมันก็ส่งเสียงดังสนั่นที่ไม่อาจบอกได้เลยว่ามันจะไม่ส่งพวกเขาไปยังสถานที่ลึกลับโดยตรงหรือไม่
แต่ในความเป็จริงนั้น มันก็ใกล้เคียงกับที่เธอเดาเอาไว้มาก มันเหมือนกับลิฟต์ที่กำลังลงตัวหนึ่ง!
กลุ่มคนหายลับลงไปจากผิวทะเลเมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็อยู่ใต้มหาสมุทรแล้ว
ลำแสงใสกันไม่ให้น้ำทะเลเข้ามา พวกเขาจมดิ่งลงด้วยความเร็วมาตรฐานลำแสงใสทำให้สามารถมองออกไปยังทะเลสีครามด้านนอกได้ ฝูงปลาว่ายผ่านไปมาอีกทั้งยังมีบางตัวที่ว่ายมาชน ก่อนจะถูกกันออกไป ความสวยงามเกินกว่าจะจินตนาการทำให้ผู้คนต่างก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“สวยมาก...” หลีซีเอ๋อร์พึมพำออกมา
ครั้งนี้ไม่มีใครว่าเธอว่าพูดมาก แต่ว่าผู้คนจะเป็อย่างไรอยู่ในตำแหน่งไหน ในใจของทุกคนต่างก็มีความชอบสิ่งสวยงามอยู่ลึกๆอีกทั้งทิวทัศน์ใต้ทะเลนั้น ไม่แปลกเลยที่จะเติมเต็มความพอใจให้กับทุกคนได้
แผ่นหยกและการควบคุมของกรอบลำแสง การเริ่มต้นของสถานที่ลึกลับนี้ มีกลิ่นอายของทางตะวันออกอยู่แต่สิ่งที่โรแมนติกอย่างเครื่องขึ้นลงในทะเลนี้ดูไม่เหมือนผลงานของนักปราชญ์ตะวันออกที่ดูจริงจังเคร่งขรึมหลินลั่วหรานมองไปยังเหล่านักปราชญ์จากทุกประเทศ เธอสงสัยอยู่นานนี่น่าจะเป็สถานที่ที่รวมพลังหลากหลายมากมายที่ถูกสร้างขึ้น...ที่เหวินกวนจิ่งพูดมาทั้งหมดว่าเป็สถานที่ลึกลับที่เกิดขึ้นมาเองนั้นความจริงแล้วอาจเป็ผลงานจากการร่วมมือของเหล่านักปราชญ์ที่มีพลังเหนือธรรมชาติหรือไม่ก็อาจจะถูกค้นพบภายหลัง แต่ในตอนนี้เมื่อเทียบกันแล้วก็ไม่ได้สำคัญอะไร
กรอบลำแสงลอยต่ำลงเรื่อยๆ เหล่าฝูงปลาสุขสันต์ที่เคยเห็นจากด้านนอก ค่อยๆเหลืออยู่แค่เหล่าปลาตัวใหญ่จนถึงตอนนี้แม้แต่ปลาใหญ่ก็ยังมีให้เห็นเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นหลินลั่วหรานไม่รู้ว่าเธอจมลงมาลึกเท่าไรแล้วแต่ดูจากร่องรอยการหายไปของเหล่าฝูงปลาแล้ว ก็สามารถจินตนาการได้ว่าหากกรอบลำแสงนี่หายไป แรงดันน้ำมหาศาลนี้ก็น่าจะสามารถทำให้ทุกคนในนี้กลายเป็เนื้อละเอียดได้ไม่ยากนักหรอกใช่ไหม?
ในระหว่างที่เธอกำลังมั่นใจว่าใต้ทะเลลึกขนาดนี้ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรใช้ชีวิตอยู่ได้ก็เห็นกลุ่มเงาดำที่พุ่งเข้ามาโจมตี ทุกคนต่างก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาสิ่งนั้นมีขนาดที่ใหญ่มากและมีความรวดเร็ว ยิ่งตัวลำแสงนั้นกำลังจมลึกลงไปก็ราวกับว่าเพียงแค่พริบตามันก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าของกรอบแสงแล้ว
กลุ่มแสงขนาดเท่าชามใบใหญ่ส่องแสงสะดุดตาภายใต้ทะเลลึกร่างกายของพวกมันใหญ่โตราวกับูเาลูกน้อยวิสัยทัศน์ของคนเราก็มักจะได้รับผลกระทบเมื่อยู่ใต้ทะเลลึกแบบนี้ เมื่อเงาดำนั้นเข้ามาใกล้ในระยะร้อยเมตรหลินลั่วหรานก็เพิ่งจะได้เห็นหน้าตาของมันชัดๆ ที่แท้มันก็คือเต่าทะเลตัวหนึ่งนั่นเอง!
“อ๊ะ มันพุ่งเข้ามาแล้ว!” หลีซีเอ๋อร์ใยกมือขึ้นปิดปากไม่กล้ามองอีกต่อไป
บรรดาคนที่อยู่ที่นี่แม้จะบอกว่าตัวเองต่างก็เป็คนมีทักษะกันทั้งสิ้นแต่ว่าก็เพิ่งเคยได้ยินเื่ของสถานที่ลึกลับนี้มาจากคนรุ่นก่อน ไม่เคยได้พบด้วยตัวเองเมื่อได้เห็นเต่าทะเลที่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สัตว์ทั่วไปพุ่งเข้ามาแบบนี้ต่างก็พากันปาดเหงื่อ หากว่ากรอบลำแสงพังลงพวกเขาต่างก็เป็คนที่เพิ่งจะได้เริ่มฝึกศาสตร์ เกรงว่าภายใต้แรงดันน้ำลึกแบบนี้เส้นทางที่จะมีชีวิตต่อไป อาจจะยังหาไม่พบ!
หลินลั่วหรานกำมือขวาแน่น ถ้าหากว่ากรอบลำแสงพังลงจริง ในวินาทีนั้นเธอก็คงจะได้แต่หลบเข้าไปในพื้นที่ลึกลับ ส่วนเหวินกวนจิ่งหรือทุกๆคน เธอเองก็ไม่มั่นใจในพื้นที่ลึกลับของเขานักเธอเคยทดลองนำเอาสิ่งมีชีวิตเข้าไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจจะเข้าไปได้ดังนั้นก็คงมีแต่ต้องกล่าวคำขอโทษแล้ว
ใน่ระยะเวลาที่ทุกคนกำลังใอยู่นั้น อยู่ๆเต่าทะเลั์ก็หยุดการกระทำลง ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่มากแต่การควบคุมกลับทำได้ดีมาก มันหยุดลงในบริเวณที่ห่างจากกรอบลำแสงราวๆ หนึ่งเมตร
ดวงตาขนาดใหญ่ของมันขยับเคลื่อนไหว ดูราวกับกำลังใช้ความคิด...เมื่อนึกไปถึงเหล่าปลาที่เมื่อพุ่งเข้ามาก็ถูกกันออกไปหรือว่าในกรอบลำแสงนี้ จะมีเพียงด้านในที่สามารถมองเห็นด้านนอกแต่หากมองจากมุมมองของเต่าทะเลแล้ว อาจจะไม่ได้มีความแตกต่างไปจากน้ำทะเลรอบๆเลยอย่างนั้นเหรอ?
สิ่งนี้มีขนาดร่างกายที่ใหญ่มาก ไม่รู้ว่ามีชีวิตมานานแค่ไหนแล้วดวงตาของมันเบิกกว้าง ในแววตาแฝงไปด้วยความว่องไวหลินลั่วหรานรู้สึกว่ามันมีความคิด มันคือสัตว์ประหลาดหรือ?
แม้แต่พวกแวมไพร์ยังปรากฏตัวออกมาแล้วจะมีสัตว์ประหลาดอะไรโผล่ออกมาอีกก็ไม่น่าจะแปลก เพียงแต่ ท่านพี่เต่า ทำไมถึงเอาแต่มองจ้องฉันแบบนั้นล่ะ? จิตใต้สำนึกของหลินลั่วหรานสั่งให้เธอเก็บมือขวาเข้ามาทันทีตัวของเธอนั้นเป็เพียงคนธรรมดา สิ่งเดียวที่ต่างไปจากคนอื่นก็มีเพียงไข่มุกลึกลับที่ใช้ชีวิตติดอยู่บนตัวของเธอขอเพียงแค่พี่เต่าั์ไม่ได้มาเพื่อสิ่งนี้ก็พอแล้ว
ความลังเลของเต่าทะเลั์ ทำให้กรอบลำแสงผ่านตัวมันไปและจมลึกลงไปมากขึ้น แต่เต่าั์กลับยังอยู่ที่เดิมไม่ไหวติงไม่ว่าจะเป็เพราะแรงดันใต้ทะเลทำให้มันไม่ตามหรืออะไรตอนนี้ก็ถือได้ว่าปลอดภัยขึ้นกว่าเดิมแล้ว
หลังจากใกันไป ทุกคนก็ไม่ได้ผ่อนคลายเท่าไรนักจึงทำให้จากที่ทุกคนกำลังมีความสุขอยู่นั้น ก็เปลี่ยนไปเป็ความระแวงแทนหลินลั่วหรานใกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก สายตาของเธอดีมากเธอเห็นได้ว่าในระหว่างที่เต่าทะเลั์และกรอบลำแสงผ่านกันไปนั้นในสายตานั้นส่งประกายความ “ไม่อยากจะปล่อยไป” และ “ความเสียดาย”อยู่ด้วย...เพียง่ระยะพริบตาเดียวนี้ก็สร้างปัญหาขึ้นในใจของหลินลั่วหรานอยู่นาน หลังจากนั้น เธอจะไม่ขอพูดถึงมันอีก
กรอบลำแสงยังคงจมลึกลงไป ใต้ทะเลนั้นมืดลงไปทุกทีไม่รู้ว่าลงมาลึกเท่าไรแล้ว ใต้ทะเลเต็มไปด้วยความมืดมิด ค่อยๆหลงเหลือเพียงแสงสลัวๆ จากตัวของกรอบลำแสงเท่านั้น
ในตอนนั้นเองที่กรอบลำแสงก็เหมือนกับว่าได้เดินทางมาถึงที่หมายแล้ว
แสงสว่างส่องประกายเข้ามาในดวงตา ทุกคนต่างพากันหลับตาลงหลบแสงจ้าเมื่อหลินลั่วหรานลืมตาขึ้นมาอีกครั้งสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายหน้าของเธอเป็อุโมงค์ทางยาวที่ถูกสร้างเอาไว้ใต้ทะเลไม่เหมือนกับ “เครื่องลำแสงขึ้นลง” อุโมงค์ที่มองไม่เห็นปลายทางด้านหน้านี้ใช้วัสดุที่ไม่รู้จักชื่อชนิดหนึ่งสร้างอุโมงค์ขนาดสองคนยืนขึ้นมาที่ใต้ท้องทะเลลึกกว่าหมื่นเมตรไม่เพียงแต่สามารถรับแรงดันใต้ทะเลลึกขนาดนี้ได้แต่ทั้งสองด้านของอุโมงค์ยังเต็มไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์!
สรุปง่ายๆ ก็คือ นี่เป็เส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้เส้นหนึ่ง!
ในกำแพงของอุโมงค์ฝังหินที่ส่องแสงออกมาเอาไว้หากไม่ใช่ว่าเพราะรูปร่างของมันออกจะผิดแปลกไปหน่อย หลินลั่วหรานคงจะคิดว่ามันคือไข่มุกประกายแสงในตำนานบอกเล่า
ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ดอกไม้ที่อยู่ข้างทางต่างก็กำลังเบ่งบานและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา...โอเค บางทีภายใต้ก้อนหินที่ใช้ปูเป็ทางของอุโมงค์อาจจะมีดินโคลนใต้ทะเลที่เต็มไปด้วยสารอาหารก็ได้ แล้วแสงล่ะ? หรือว่าพืชเหล่านี้จะสามารถสังเคราะห์อาหารโดยไม่ต้องใช้แสงได้?
เมื่อได้พบกับขั้นตอนของเหล่าผู้ฝึกศาสตร์ ยิ่งหลินลั่วหรานรู้อะไรมากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตัวเองนั้นจริงจังเกินไป และยังมีพลังจินตนาการไม่มากพอ!
แต่ว่าสไตล์แบบนี้ ดูสวยสดงดงามมาก หรือว่าคนออกแบบจะเป็ผู้หญิงกันนะ?
หัวหน้าของแต่ละประเทศ แน่นอนว่าจะต้องรู้เื่รายละเอียดมากกว่าคนอื่นๆเมื่อเห็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยดอกไม้แล้วก็ดีใจขึ้นในสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามขนาดนี้ต่างก็ไม่มีใครอยากจะเดินออกไปแต่กลับพาให้ผู้คนรีบเดินเข้าไปเสียอย่างนั้น
เหล่านักปราชญ์จีนเองก็เริ่มขยับเคลื่อนไหว เหวินกวนจิ่งไม่ได้รีบร้อนแต่กลับเชื่องช้าอยู่ด้านหลัง นักปราชญ์ชายที่หุนหันคนหนึ่งจึงพูดขึ้น “รุ่นพี่เหวิน เวลาที่สถานที่ลึกลับจะเปิดมีแค่เดือนเดียวเองนะพวกเราไม่รีบหน่อยเหรอ?”
ได้ยินดังนั้น หลีซีเอ๋อร์ก็บ่นขึ้น “รุ่นพี่มีแผนอยู่แล้วน่ะรีบอะไรเล่า!”
เื่ระยะเวลาที่สถานที่ลึกลับจะเปิดนั้น ได้ถูกพูดขึ้นในการประชุมไปแล้วในสถานที่ลึกลับที่ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไรแล้วนั้น ทุกๆร้อยปีจะเปิดขึ้นหนึ่งครั้ง มีระยะเวลาหนึ่งเดือนหากผ่าน่เวลานี้ไปแล้วยังไม่กลับออกมาก็อาจจะได้พบกับความวุ่นวายของสัตว์ร้ายในนั้นด้วยศาสตร์ที่เหล่าผู้ฝึกระดับฝึกลมหายใจแล้ว หากยังอยู่ในนั้นก็ไม่เห็นแม้แต่ทางรอด...เื่ราวเหล่านี้คือสิ่งที่นักฝึกศาสตร์มือฉมังระดับฝึกลมหายใจที่ต้องจบชีวิตด้วยเหตุผลเหล่านี้ทิ้งไว้ให้ในสารหยก ดูมีส่วนที่น่าสงสัยอยู่มากเมื่อได้ยินแล้วหลินลั่วหรานก็ได้แต่แอบคิดในใจ แต่กลับไม่ได้แสดงอะไรออกมา
แต่เมื่อเห็นท่าทางการโต้เถียงที่ไร้เดียงสาราวกับดอกไม้ที่โตขึ้นมาในเรือนกระจกของหลีซีเอ๋อร์แล้วหลินลั่วหรานก็อดที่จะกังวลการดำเนินการในสถานที่ลึกลับในครั้งนี้ขึ้นมาไม่ได้ใครๆ ต่างก็พูดกันว่า อย่าได้กลัวศัตรูที่ดูเหมือนเสือแต่ให้กลัวสหายร่วมทีมที่ดูเหมือนหมู...กลุ่มคนแบบนี้นอกจากเหวินกวนจิ่งที่ดูมีประสบการณ์ในการต่อสู้มาไม่น้อยแล้วคนอื่นนั้นมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?
ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังคิดว่าควรจะพูดออกมาดีไหมหรือว่ารอให้เข้าไปแล้วค่อยแยกตัวออกมาคนเดียวดี เมื่อคนอื่นๆต่างพากันเดินไปจนเกือบหมดแล้ว เหวินกวนจิ่งก็เอาถุงที่ถักทอด้วยเส้นสีทองขนาดเท่าฝ่ามือออกมายื่นให้หลินลั่วหราน
มือใหม่หลินมองอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่าคืออะไรเหวินกวนจิ่งที่ปกติไม่ได้ยิ้มบ่อยนัก ตอนนี้กลับขยับใบหน้ายิ้มขึ้นมา
“สถานที่ลึกลับนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เมื่อเกิดอะไรขึ้นมา ก็อาจจะแยกกันออกไปได้ง่ายๆในถุงแห่งจักรวาลนี้ ไม่เพียงแค่มีอาหารมากพอสำหรับหนึ่งเดือนแต่ยังมีเครื่องห้อยหยกที่สามารถทำให้ทุกคนตอบสนองถึงกันได้อีกด้วย...”
ตอบสนองถึงกัน...นี่ไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สำคัญก็คือ สิ่งนี้เรียกว่าอะไรนะถุงจักรวาล?
มันคือ “ถุงเสบียง” ในตำนานหรือเปล่า?
แม้ว่าจะมีพื้นที่ลึกลับอยู่แล้วก็เถอะ แต่ของดีใครๆ ก็อยากมีไว้เยอะๆใช่ไหมล่ะ? หลินลั่วหรานกล่าวขอบคุณ ก่อนจะรับ“ถุงจักรวาล” มาจากมือของเหวินกวนจิ่ง เมื่อได้มาในมือแล้วก็อดที่จะเปิดมันออกดูไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้