พลังแห่งอำนาจระดับนี้ แม้จะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะระดับสูงก็ทำไม่ได้
ผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่ทำได้เพียงเรียนรู้พลังแห่งอำนาจประเภทเดียวเท่านั้น ยิ่งไม่มีทางเรียนรู้พลังแห่งอำนาจสามประเภทเหมือนกับเย่เฟิงได้ อีกทั้งไม่ว่าระดับใดก็ล้วนอยู่ในระดับสูง
แม้่นี้เย่เฟิงเพิ่งจะเรียนรู้อำนาจไฟ แต่ก็บรรลุขั้นผันแปร่ปลายแล้ว ดูเหมือนว่าทั้งอาณาจักรจ้าวจะมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถบรรลุพลังแห่งอำนาจถึงระดับนี้ได้
ต่อให้เป็ทั้งแดนชิงอวิ๋นก็เป็เช่นนี้ การเรียนรู้พลังแห่งอำนาจกับการบำเพ็ญตบะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ผู้ฝึกยุทธ์บางคนมีความสามารถแค่ปานกลางก็จะไม่มีวันััได้ถึงขีดจำกัดของพลังแห่งอำนาจไปชั่วชีวิต
เย่เฟิงเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 แต่กลับมีพลังแห่งอำนาจบรรลุขั้นกายาถึงสองประเภท กระทั่งอำนาจหอกยังบรรลุขั้นกายา่ปลาย
พร์เช่นนี้ แม้จะเป็ทั้งจักรวรรดิจิ่วโยวก็มีไม่ถึงสองคน
“ผลึกเจตจำนงแรกเริ่มถูกข้าหลอมแล้ว ต่อไปสิ่งที่ข้าต้องทำคือเปิดร่างเจตจำนง”
ดวงตาของเย่เฟิงส่องประกายเฉียบคม หลังจากผ่านความทุกข์ทรมานมาสามวัน สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม
ในขณะที่เย่เฟิงกล่าวเช่นนั้น เขารู้สึกว่าพลังหยวนในกายกระสับกระส่ายราวกับเริ่มไม่เสถียรภาพ
“ใกล้จะทะลวงแล้วงั้นหรือ?”
เย่เฟิงเผยสีหน้าดีใจ ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของพลังเจตจำนงนั่น ทำให้ตบะของเย่เฟิงทะลุจุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 และในที่สุดก็ถึงจุดวิกฤติ เย่เฟิงจึงอาศัยโอกาสนี้รีบโคจรเก้าวัชรหุนหยวน พยายามทำให้ขั้นตอนทะลวงขั้นพลังสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
หนึ่งชั่วยามผ่านไป แสงส่องประกายระยิบระยับรอบตัวเย่เฟิง สายเืในกายถูกเปิดออกทั้งหมด จุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ขยายตัวขึ้นหนึ่งเท่า ร่างกายก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“สำเร็จแล้ว!”
เย่เฟิงผสานมือ ก่อนจะลืมตาขึ้นช้า ๆ พร้อมกับดวงตาเป็ประกายที่มีความลึกซึ้งและกว้างใหญ่ ราวกับผืนดาวอันไร้จุดสิ้นสุด
หลังจากที่เย่เฟิงผ่านความพยายามมาอย่างหนัก เขาอาศัยโอกาสครั้งนี้ จนในที่สุดตบะของตนก็ทะลวงขั้นยุทธ์แท้ที่ 2 ศักยภาพทุกด้านยังยกระดับทั้งหมดจนบรรลุถึงจุดสูงสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ไอ้หนู ตบะของเ้าทะลวงแล้ว ใช้โอกาสตอนที่สายเืยังเดือดพล่าน รีบเปิดร่างเจตจำนงซะ!” พลันเสียงของราชันมารชื่อเทียนดังก้องในหัว
“ได้!”
เย่เฟิงพยักหน้า ราชันมารชื่อเทียนมีประสบการณ์โชกโชน หากครั้งนี้ไม่มีความช่วยเหลือจากราชันมารชื่อเทียน อย่าว่าแต่ทะลวงขั้นพลังหรือพลังแห่งอำนาจ เกรงว่าร่างเย่เฟิงคงะเิตายไปนานแล้ว
เย่เฟิงไม่ได้ลุกขึ้น แต่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นหินเพื่อบำเพ็ญตบะต่อไป เย่เฟิงอาศัยความมหัศจรรย์ของเก้าวัชรหุนหยวนเริ่มระดมพลังเจตจำนงที่เพิ่งผสานกับร่างตนเมื่อครู่เพื่อสร้างวัฏจักรต้าโจวเทียน
แม้ผ่านการหลอมรวมผลึกเจตจำนงแรกเริ่มที่ทั้งอันตรายและทุกข์ทรมาน แต่หากพูดถึงระดับความยากเห็นได้ชัดว่าการเปิดร่างเจตจำนงต้องยากยิ่งกว่า
ทุกเวลาทุกนาทีล้วนปฏิบัติอย่างจริงจัง ห้ามพลาดแม้แต่นิดเดียว พลันในหัวมีพลังจิตที่แกร่งกล้าของราชันมารชื่อเทียนหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีพลังจิตนี้ เย่เฟิงมีความมั่นใจสูงมากที่จะเปิดร่างเจตจำนง
จากนั้นรอบกายของเย่เฟิงถูกปกคลุมด้วยแสงแห่งเจตจำนงที่เปี่ยมด้วยพลังไร้จุดสิ้นสุด ราวกับว่าเขาเป็เจตจำนงที่หลับใหลไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ แต่ในกายกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่ง
หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม ห้าชั่วยามผ่านไป...
เวลาผันผ่านไปทีละนิด ๆ แต่เย่เฟิงไม่มีวี่แววที่จะตื่นขึ้นมา ร่างเขาเสมือนรูปปั้นที่อยู่ในสภาวะลืมตน
ในเวลาเดียวกัน ณ หมู่บ้านหานเสวี่ยแห่งเมืองหลวงอาณาจักรจ้าว หญิงชราและชายชราชุดเงินนั่งแยกคนละตำแหน่ง ซึ่งมีคนผู้หนึ่งอยู่ตรงหน้าเข้ามารายงานว่า “รายงานท่านผู้าุโทั้งสอง ข้าสืบประวัติของผู้มีนามว่าเย่เฟิงมาได้แล้ว”
ดวงตาของหญิงชราและชายชราเผยประกายคมกริบ จากนั้นหญิงชรากล่าวว่า “ว่ามาสิ”
“คนผู้นี้เป็ศิษย์หัวกะทิของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวงอาณาจักรจ้าว มีสถานะสูงมากในสำนักยุทธ์ ในงานชุมนุมหวงปั่งเมื่อไม่นานมานี้ เขาฝ่าฟันอุปสรรคจนชิงที่หนึ่งของงานชุมนุมหวงปั่งมาครองได้ กระทั่งปฏิเสธคำเชิญของสำนักชิงอวิ๋น ทั้งยังเอาชนะศิษย์สายในคนหนึ่งของสำนักชิงอวิ๋น เป็บุคคลที่มีพร์อันดับต้น ๆ ของอาณาจักรจ้าว” คนผู้นั้นโค้งประสานมือก้มคำนับ ก่อนจะรายงานหญิงชราและชายชรา
“เป็เช่นนี้นี่เอง ไม่แปลกใจที่มู่หรงเฟิงจะตายในน้ำมือของเขา” ชายชราลูบเคราพลางหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวเสียงเย็นเช่นนั้น
“สำนักยุทธ์เทียนเสวียน ดูท่าพวกเราสองคนต้องไปเยี่ยมเยียนสักครั้งแล้ว” หญิงชราเผยสีหน้าเ็า ศิษย์ของนางถูกชาวอาณาจักรจ้าวสังหารเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรนางก็มิอาจกล้ำกลืนความโมโหนี้ลงไปได้
“ดี!”
ชายชราพยักหน้า จากนั้นทั้งสองคนออกจากหมู่บ้านหานเสวี่ย มุ่งหน้าสู่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนทันที
ขณะเดียวกันมีการเคลื่อนไหวที่หมู่บ้านหานเสวี่ย ด้านพันธมิตรเทียนเตาได้ทำการตรวจสอบและรับรู้ถึงตัวตนของเย่เฟิงแล้วเช่นกัน
พันธมิตรเทียนเตานั้นเป็หนึ่งในกองกำลังชั้นยอดของจักรวรรดิจิ่วโยว ซึ่งผู้ที่คุ้มกันจั่วเหลิ่งเทียนและเหยาซินเอ๋อร์มายังอาณาจักรจ้าว ก็คือผู้าุโขั้นยุทธ์เทวะ
ตอนที่ผู้าุโขั้นยุทธ์เทวะทราบข่าวว่าจั่วเหลิ่งเทียนถูกเย่เฟิงฆ่าตาย เขาก็ะเิโทสะและตัดสินใจจะแก้แค้นให้จั่วเหลิ่งเทียน
นอกจากพันธมิตรเทียนเตาแห่งหมู่บ้านหานเสวี่ยแล้ว สำนักเชียนสุ่ยก็ส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะไปยังสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเช่นกัน พวกเขา้าฆ่าเย่เฟิงเพื่อแก้แค้นให้กับศิษย์ในสำนัก รวมถึงแย่งชิงผลึกเจตจำนงแรกเริ่มที่อยู่ในมือของเย่เฟิง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะนั้นขึ้นชื่อเื่ความว่องไว ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งก้านธูป ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่คนก็มาถึงเหนือน่านฟ้าของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน พวกเขายังมีศิษย์ในสำนักติดตามมาหลายคน ในนั้นรวมทั้งเมิ่งยวี่ฉิงและเหยาซินเอ๋อร์
ร่างเมิ่งยวี่ฉิงนั้นถูกพลังที่ไร้ลักษณ์โอบล้อม อาภรณ์สีเขียวโบกสะบัดตามแรงลม ดวงตาคู่นั้นยังส่องประกายเฉียบคมขณะมองสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่อยู่เบื้องล่าง
“ในเมื่อเ้าไม่เมตตาข้า เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี!”
เมิ่งยวี่ฉิงคิดในใจ นางนั้นให้ความเมตตาและรักษาสัจจะต่อเย่เฟิงจนถึงที่สุดแล้ว ทว่าเย่เฟิงกลับไม่แยแสนางมาโดยตลอด แม้กระทั่งเมิ่งยวี่ฉิงพบว่าตอนที่เย่เฟิงมองนาง ในดวงตาของเขายังแฝงด้วยความรังเกียจ
นางเมิ่งยวี่ฉิงเป็ถึงธิดาเทพแห่งหมู่บ้านหานเสวี่ยผู้ซึ่งงดงามและเก่งกาจ ชายหนุ่มในแดนหานเสวี่ยต่าง้าเข้าใกล้นาง เพื่อเอาชนะใจนาง แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเช่นนี้
แต่มีเพียงเย่เฟิงที่ไม่สนใจนางแม้แต่นิดเดียว นี่จึงเป็สาเหตุที่เมิ่งยวี่ฉิงเกลียดชังเย่เฟิง
การมาเยือนของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่ ทำให้แรงกดดันน่าสะพรึงกลัวประหนึ่งพายุลูกใหญ่ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
จากนั้นมันเข้าปกคลุมทั่วทั้งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนั่นเข้ากดทับร่างศิษย์ในสำนักยุทธ์จนต่างพากันหน้าขาวซีดราวกับกระดาษในทันที
“นั่นมัน...” ผู้คนจำนวนไม่น้อยหมอบคลานไปกับพื้น พร้อมแหงนหน้ามองเงาร่างดุจเทพเ้าที่อยู่เหนือท้องฟ้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“วูบ!”
นาทีต่อมา แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวนั่นกลายเป็พายุที่โหมกระหน่ำสำนักยุทธ์เทียนเสวียนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ศิษย์หลายคนถูกพัดไปกับกระแสลมจากพายุ จนต้องกระอักเื
ทั้งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต้องตกอยู่ในความโกลาหล ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะสำแดงอิทธิฤทธิ์ เพียงแค่ปลดปล่อยแรงกดดันก็ทำให้สำนักยุทธ์ตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายราวกับนรกบนแดนมนุษย์ก็ไม่ปาน พวกเขาไม่รู้ว่าหากผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้ลงมือจัดการอย่างจริงจังจะน่าหวาดกลัวเพียงใด?
“ยอดฝีมือจากฝ่ายใดกันที่มาเยือนสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ขออภัยที่ข้าออกมาต้อนรับช้า!”
ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีต่อมาเห็นเงาร่างหนึ่งทะยานร่างขึ้นฟ้าจากที่ไหนสักแห่งของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน พร้อมร่างเปล่งแสงสีทองอ่อน ๆ ก่อนจะเผชิญหน้ากับผู้าุโขั้นยุทธ์เทวะจากทั้งสี่กองกำลังใหญ่แห่งจักรวรรดิจิ่วโยวที่อยู่ไกลออกไป
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะทั้งสี่มาเยือนสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับอย่างเฒ่าจิงจึงจะมีคุณสมบัติเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
“เ้าคือผู้พิทักษ์ของสำนักยุทธ์นี้หรือ?” หญิงชราแห่งหมู่บ้านหานเสวี่ยกวาดตามองเฒ่าจิง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็าเช่นนั้น
พลังแห่งขั้นยุทธ์เทวะที่น่าสะพรึงกลัวพวยพุ่งออกจากร่างนาง ทำห้วงอากาศแข็งตัวราวกับว่าทุกสรรพสิ่งมิอาจเข้าใกล้ตัวนางได้
“ใช่แล้ว” เฒ่าจิงพยักหน้ามองไปยังผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสี่คนนั้นแล้วกล่าวต่อว่า “ขอบังอาจถามท่านทั้งสี่ มาเยือนสำนักยุทธ์ข้ากะทันหันเช่นนี้มีธุระอันใดหรือ?”
“ข้าขอถามเ้า เย่เฟิงคือศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนของเ้าใช่หรือไม่?”
หญิงชราจากหมู่บ้านหานเสวี่ยไม่สนใจคำถามของเฒ่าจิง ทว่ากลับเอ่ยถามเฒ่าจิงแทนด้วยท่าทีหยิ่งยโส
นางนั้นมองออกว่าเฒ่าจิงเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ มีขั้นพลังเท่านาง แต่นางคือผู้าุโหมู่บ้านหานเสวี่ยแห่งจักรวรรดิจิ่วโยว มีฐานะสูงส่ง เป็บุคคลที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะที่อยู่อาณาจักรจ้าวเช่นเฒ่าจิงมิอาจทัดเทียม
“ใช่ ใต้เท้ามีอะไรจะชี้แนะหรือ?”
เฒ่าจิงได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง รู้สึกไม่ชอบมาพากล
“คนผู้นี้ฆ่าศิษย์ของสี่สำนักใหญ่ข้าที่มิติก้นบึ้งทะเลสาบ โทษนี้มิอาจละเว้นได้ รีบส่งตัวเขามาซะ!” หญิงชรากล่าวเสียงเย็น
