“โชคร้ายจริง!”
ถังเหล่ยที่ถือกริชสีเงินมององครักษ์รอบตัว เดิมทีเขาคิดจะจัดการทีละคน ใครจะไปรู้ว่าตัวเองจะโดนอีกฝ่ายจับตัวได้ จนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ชายชุดดำกับหลิวจินและจี้เหิงเทียนล้วนเป็ยอดฝีมือระดับผู้ทรงยุทธ์ทั้งสิ้น จี้เหิงเทียนเป็ผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สามแล้ว ที่เหลืออีกสองคนล้วนเป็ผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง
องครักษ์จวนเ้าเมืองมีนับร้อยคน คนที่อ่อนแอที่สุดก็เป็ถึงผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง
ถึงองครักษ์เหล่านี้ไม่ได้ทำให้เขากังวล แต่คิดจะจัดการผู้ทรงยุทธ์ทั้งสามคน ไม่ใช่เื่ง่ายขนาดนั้น
“เ้ายังไม่รีบแสดงตัวอีก ลอบเข้ามาที่จวนเ้าเมืองของข้า นี่คิดจะทำอะไรกันแน่!”
หลิวจินถือดาบโค้งในมือเล่มหนึ่ง และชี้ไปทางถังเหล่ย
จากที่เขาสังเกต ถังเหล่ยไม่มีทางหนีพ้นแน่ เมื่อครู่ที่ถังเหล่ยลงมือ จึงทำให้พวกเขาทราบแล้วว่าอีกฝ่ายเป็เพียงระดับผู้ชำนาญยุทธ์
ผู้ชำนาญยุทธ์ผู้หนึ่งถึงกับกล้าบุกจวนเ้าเมือง นี่ไม่เรียกว่ารนหาที่ตาย ก็ไม่รู้จะเรียกอะไรเเล้ว
แต่เป็เพราะเหตุนี้จึงทำให้เขาเกิดความสงสัย เด็กคนนี้จะเป็สายสืบจากหน่วยผู้คุมกฎหรือไม่?
เพราะข้อสงสัยกับความกังวลนี้ เขาถึงยังไม่ได้ลงมือ
ถังเหล่ยนิ่งเงียบไป เขากำลังหาโอกาสฝ่าวงล้อม เขามั่นใจว่าตัวเองสามารถสังหารคนหนึ่งในนั้นได้ แต่ถ้าคิดจะสังหารคนอื่นภายใต้การรุมล้อมขององครักษ์หลายร้อยคนนี้ด้วย นับว่าเป็เื่ที่ยากเกินไป
แต่หากวันนี้เขาสังหารทั้งสามคนไม่ได้ โอกาสหลังจากนี้คงยิ่งน้อยลง แล้วถ้าสถานะของถังเหล่ยจะถูกเปิดเผยอีกด้วย นี่คงไม่ใช่ผลดีกับแผนการหลบนี้เป็แน่
“ข้าว่าเขาก็คือสายสืบนั่นแหละ ไม่สู้จับเขาเอาไว้ก่อน แล้วค่อยสอบปากคำทีหลัง”
ด้านหลังจี้เหิงเทียนมีกระบี่เล่มหนึ่งลอยอยู่ มันเตรียมฟันไปทางถังเหล่ยได้ทุกเมื่อ
ไม่รอหลิวจินพูดต่อ ถังเหล่ยก็เคลื่อนไหวแล้ว ิญญายุทธ์สีทองในร่างถูกกระตุ้นถึงขีดสุด อัญมณีสองเม็ดบนกริชสีเงินพลันส่องประกาย
แทบจะในเสี้ยววิ เงาร่างของถังเหล่ยก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าของชายชุดดำ การโจมตีกะทันหันเช่นนี้ล้วนทำให้ทุกคนตกตะลึง และชายชุดดำทำได้เพียงเอากริชออกมาป้องกันด้านหน้า แม้แต่ิญญายุทธ์ของตัวเองก็ไม่ทันได้เรียกออกมา
กริชที่เต็มไปด้วยพิษร้ายของชายชุดดำป้องกันได้แค่เวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะไม่กี่วิต่อมากริชสีดำก็หักสะบั้น แสงสีเงินพาดผ่านลำคอของชายชุดดำ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง รอยเืที่คอขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ศีรษะพลันเอียงไปข้างหลัง เืสาดกระจาย การโจมตีครั้งนี้เกือบฟันศีรษะของชายชุดดำขาดแล้ว
“ฆ่ามันซะ!”
เมื่อเห็นศีรษะของชายชุดดำที่เหลือเพียงิัเล็กน้อยที่ยึดกับลำคอแกว่งไปมา หลิวจินก็รู้สึกใจหายวาบ เขารู้สึกก็ตัวสั่นไปทั้งร่าง แต่เมื่อได้สติกลับมาจากความใ เขาก็ะโออกมาด้วยความเดือดดาล องครักษ์จวนเ้าเมืองด้านข้างที่ถือหอกยาวพลันแทงไปทางถังเหล่ย
ถังเหล่ยจับศพของชายชุดดำเอาไว้ แล้วผลักออกไปทางองครักษ์ พวกเขาหลายคนถูกศพกระแทกจนล้มไปกับพื้น
กริชสีเงินกะพริบไหวในความมืดอย่างต่อเนื่อง เกราะขององครักษ์จวนเ้าเมืองถูกกริชฟันขาด ทุกการฟาดฟันราวเทพแห่งความตายพรากชีวิต
จี้เหิงเทียนรีบใช้กระบี่บินร่วมกับพลังของหลิวจินรั้งถังเหล่ยเอาไว้
แม้จี้เหิงเทียนจะเป็ผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สาม แต่พลังกายกลับมีแค่สามหมื่นห้าพันจินเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับถังเหล่ยอยู่มาก หลังจากจี้เหิงเทียนรับการโจมตีของถังเหล่ยหลายครั้ง แขนขวาของเขาก็าเ็ขึ้นมา เขารู้สึกใ ไยผู้ชำนาญยุทธ์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งถึงมีพลังมหาศาลเช่นนี้? เขาเริ่มถอยหลังกลับไป และไม่ได้ปะทะกับถังเหล่ยตรงๆ อีก เขาเพียงคอยฉวยโอกาสโจมตีอยู่ด้านข้างเรื่อยๆ
ถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้เปรียบด้านจำนวนคน พวกเขามีองครักษ์นับร้อยคน แค่ดึงถังเหล่ยเอาไว้ให้ได้ ก็สามารถดึงถังเหล่ยจนตายได้
เดิมทีถังเหล่ยยังคิดจะทำตามแผน ลองดูว่าจะสังหารจี้เหิงเทียนกับหลิวจินได้หรือไม่ แต่สองคนนี้เ้าเล่ห์มาก ภาพศิษย์ของเฮยฉานฉู่ตายยังคงติดตาพวกเขาอยู่ ถังเหล่ยจึงไม่มีโอกาสเข้าประชิดตัวเลย เพราะลองไปครั้งสองครั้งก็ล้วนเปล่าประโยชน์ เขาจึงเลิกคิดจะสังหารจี้เหิงเทียนกับหลิวจิน แล้วเริ่มวางแผนฝ่าวงล้อมหนีแทน
ไม่ฝ่าออกไปตอนนี้คงไม่ได้ เพราะยิ่งผ่านไปนาน องครักษ์ตระกูลจี้ที่ได้ยินข่าวจะยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้น ถึงเวลานั้นคงหนีไม่รอดแล้วจริงๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างของถังเหล่ย ถึงแม้จะหนาแน่นกว่าผู้ชำนาญยุทธ์ปกติทั่วไปมาก แต่ต่อให้มีพลังหนาแน่นแค่ไหนก็ยังเป็แค่ผู้ชำนาญยุทธ์ ยิ่งตอนถูกไล่ตามก็ใช้พลังไปไม่น้อย และการโจมตีที่สังหารชายชุดดำเมื่อครู่ก็ทำให้เขาเผาผลาญปราณแท้พลังยุทธ์ไปมาก
ถึงพลังของจี้เหิงเทียนกับหลิวจินสองคนไม่เท่าไร แต่พวกเขาก็เป็ถึงผู้ทรงยุทธ์ พวกเขาล้วนต้องใช้ปราณแท้พลังยุทธ์ป้องกันการโจมตีแน่
‘ต้องหนีแล้ว จะสู้แบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะไปดึงดูดความสนใจของคนอื่นเข้า!’
ถังเหล่ยเริ่มสังหารองครักษ์ไปสองคน ก่อนจะพุ่งไปทิศทางหนึ่งเพื่อเริ่มฝ่าวงล้อม
“อย่าปล่อยมันหนีไป ล้อมสังหารมันให้ได้!”
เมื่อเห็นถังเหล่ยคิดจะหนี หลิวจินก็ะโออกมาทันที ชายชุดดำถูกถังเหล่ยสังหารไปแล้ว พวกองครักษ์ก็ถูกสังหารไปมาก ถ้าปล่อยอีกฝ่ายหนีไปเช่นนี้ วันเวลาดีๆ ของเขากับจี้เหิงเทียนคงมาถึงจุดจบแน่
ไม่ว่าถังเหล่ยจะเป็สายสืบของหน่วยผู้คุมกฎของจักรวรรดิหรือไม่ เขาก็รู้เื่ของพวกเขาไปแล้ว ยิ่งถ้าเื่นี้เผยแพร่ออกไป หน่วยผู้คุมกฎของจักรวรรดิต้องไม่ปล่อยพวกเขาไปแน่
อีกด้านหนึ่ง จี้เหิงเทียนก็กำลังพยายามหยุดถังเหล่ยเอาไว้ มีคนไปรายงานองครักษ์ของตระกูลจี้แล้ว ขอเพียงองครักษ์ตระกูลจี้มาถึง ถังเหล่ยก็ไม่อาจหนีรอดไปได้
เพียงไม่นานตรงประตูเมืองเฮยเหยียนก็มีองครักษ์นับร้อยคนปรากฏตัวขึ้น องครักษ์เหล่านี้ล้วนถือดาบ สวมชุดสีดำเทาเหมือนกัน ตะเกียงที่ถือในมือมีเขียนคำว่า ‘จี้’ อยู่
“เตะรังผึ้งเข้าให้แล้ว!”
ถังเหล่ยซัดองครักษ์จวนเ้าเมืองข้างกายสองคนกระเด็นออกไป ปราณแท้พลังยุทธ์ในร่างกำลังจะหมดลง
ถึงแม้ในแหวนมิติจะมียาอยู่ แต่ของพวกนั้นล้วนเป็สิ่งที่ถังเหล่ยเอาไว้รักษาชีวิต เอามาใช่ที่นี่นับว่าสิ้นเปลืองเกินไป
องครักษ์ร้อยคนของจวนเ้าเมืองกับองครักษ์ตระกูลจี้รวมตัวกัน และล้อมถังเหล่ยไว้ด้านในสามชั้นด้านนอกสามชั้น
“ต่อให้วันนี้เ้ามีปีกก็หนีไม่พ้น ยอมให้จับซะดีๆ!”
หลิวจินถ่มน้ำลายลงบนพื้น เพื่อแค่จับตัวถังเหล่ย จวนเ้าเมืองต้องเสียองครักษ์ไปยี่สิบกว่าคน
ถังเหล่ยถอนหายใจ ่นี้เขาอับโชคเหลือเกิน เื่มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจำต้องกินยาเข้าไปหนึ่งเม็ด ด้วยพลังของยานี้น่าจะฝ่าวงล้อมออกไปได้
ขณะที่ถังเหล่ยกำลังจะกินยาเข้าไป ทันใดนั้นก็มีเสียงทะลวงอากาศดังขึ้น คนทั้งกลุ่มไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น องครักษ์หลายสิบคนพลันตายภายใต้ลูกธนู
“มีคนซุ่มอยู่ด้วย รีบหนีเร็ว!”
หลิวจินแผดเสียงลั่น จากนั้นทุกคนล้วนไม่สนใจถังเหล่ย และเริ่มวิ่งไปทางเมืองเฮยเหยียนแทน
ในทันใดนั้นเองมีม้าตัวหนึ่งทะยานออกมาจากเงามืด หอกยาวหนึ่งร่ายรำบนหลังม้า แทงทะลุไหล่ซ้ายของหลิวจิน และปักอีกฝ่ายไว้ที่พื้น
“หน่วยผู้คุมกฎแห่งจักรวรรดิกำลังทำภารกิจ ทุกคนยอมจำนนซะ วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่าเป็ฏ!”
เสียงนั้นสะท้อนก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน เมื่อชื่อของหน่วยผู้คุมกฎของจักรวรรดิดังก้อง ขาสองข้างของทุกคนล้วนอ่อนยวบ และคุกเข่าลงกับพื้นทันใด แม้แต่ความคิดต่อต้านล้วนสลายหายไป
มีเพียงคนหนึ่งที่เป็ข้อยกเว้น นั่นก็คือจี้เหิงเทียน เมื่อเขาได้ยินชื่อของหน่วยผู้คุมกฎของจักรวรรดิ ก็เหมือนโดนเืไก่ฉีดเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น เขารีบใช้พลังิญญายุทธ์ในร่างเพื่อวิ่งหนีสุดชีวิต
คนบนหลังม้าหาได้ขยับไม่ และในความมืดรอบด้านก็ปรากฏเงาหลายสายล้อมจี้เหิงเทียนไว้ เขาที่ยังไปไม่ถึงประตู ก็ถูกจับไว้ แล้วลากมาทางนี้ทันที
“ช้าก่อน เ้าอย่าเพิ่งไป!”
ถังเหล่ยกำลังคิดจะจากไปเงียบๆ ใครจะรู้ว่าคนบนหลังม้าจะหันมาทางนี้ เขามองมาทางถังเหล่ยแล้วกล่าวขึ้น
“เปิดผ้าปิดหน้าออก!”
เมื่อพูดจบ รอบด้านของถังเหล่ยก็ปรากฏเงาคนเจ็ดแปดสายล้อมเขาเอาไว้
คนเหล่านี้ล้วนมีพลังระดับผู้ชำนาญยุทธ์ขั้นที่สิบ ถังเหล่ยเบะปาก คิดจะใช้กำลังฝ่าออกไป เกรงว่าสถานการณ์นี้คงเป็ไปไม่ได้แล้ว
หลังจากเปิดผ้าปิดหน้า คนบนหลังม้าก็หัวเราะออกมา
“เจอกันอีกแล้ว เ้าชื่ออะไรแล้วนะ...เซี่ยชิง? ชื่อนี่เรียกยากจริงๆ ไม่สู้เรียกเ้าว่าถังเหล่ยจะดีกว่าหรือ เ้าคิดว่าอย่างไร?”